วันที่ 3 เที่ยว Bern, Spiez และ Interlaken
อย่างที่เล่าไปตั้งแต่ตอนที่แล้วว่า เมื่อวานเรามาถึงเมือง Bern ตอนเย็นพอสมควร ก็เลยไม่ค่อยได้รูปสวยๆ มากนัก เช้าวันนี้หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดไว้ให้ ซึ่งก็มีทั้ง ขนมปัง แฮม แยมผลไม้ ชีสแบบต่างๆ รวมทั้ง นม กาแฟ และเครื่องดื่มน้ำผลไม้ไว้บริการ พวกเราก็รีบออกจากที่พัก เพื่อเดินเที่ยวและเก็บภาพสวยๆ ของเมือง Bern กันต่อแล้วค่อยไปเมืองอื่นๆ ต่อ

@^ ^@ _______________________________ @^ ^@


หลังจากที่ออกจากที่พัก เราก็ขับรถเข้ามาที่ใจกลางเมือง Bern เพื่อที่จะเดินเที่ยวกันต่อ โดยเราได้จอดรถไว้ที่หน้าโบสถ์สำคัญประจำเมือง ซึ่งมีชื่อว่า Berner Münster นอกจากโบสถ์นี้จะเป็นโบสถ์ประจำเมืองแล้ว ยังเป็นโบสถ์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ด้วย โบสถ์มีลักษณะเป็นศิลปะแบบโกธิคยุคกลาง ได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 1983 จริงๆ แล้วถ้าใครมีเวลามากพอ ก็สามารถเดินขึ้นบันได 100 ขั้นที่อยู่ในโบสถ์ เพื่อชมทัศนียภาพของเมือง Bern ได้ แต่เนื่องจาก พวกเราไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ก็เลยได้แต่ถ่ายรูป แล้วก็เดินในสวน ที่อยู่ด้านหลังโบสถ์ แค่นี้ก็สวยพอแล้ว โชคดีของเราจริงๆ ที่วันนี้ฟ้าเริ่มเปิด แล้วก็มีแดดค่อนข้างแรง เลยทำให้ถ่ายรูปออกมา แล้วเห็นเป็นสีฟ้า ตัดกับสีขาวเทาๆ ของโบสถ์สวยมากเลยทีเดียว ก็เลยเก็บภาพสวยๆ บางรูปมาฝากจ้าแต่เนื่องจากหอคอยของโบสถ์นี้มีความสูงถึง 100 เมตร กล้องกระจอกๆ อย่างกล้องของฉันจึงไม่สามารถถ่ายภาพเต็มๆ ของโบสถ์ได้หมด ก็เลยมีให้ดูตามบุญตามกรรมอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ







ลักษณะภูมิประเทศของเมือง Bern นั้น เป็นเมืองที่มีแม่น้ำ Aare โอบล้อมทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านเหนือ ใต้ และตะวันตก ส่วนทางด้านตะวันออกนั้นได้มีการสร้างกำแพงเมืองปิดเอาไว้ จากโบสถ์พวกเราก็เดินข้ามสะพานซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของเมือง Bern เพื่อข้ามแม่น้ำ Aare โดยมีจุดหมายปลายทางคือบ่อหมี (Bärengraben) ระยะทางที่เดินกันนั้น ไม่ไกลอย่างที่พวกเราคิดเอาไว้ เพียงแค่ 10 นาทีจากโบสถ์ก็ถึงบ่อหมีแล้วล่ะ ตอนไปถึงบ่อหมี ยังเช้ามาก ประมาณเกือบ 9 โมง เหมือนกับว่าหมียังไม่ตื่น ซักพักพอเก้าโมงก็มีเสียงระฆังจากโบสถ์ พอหมีได้ยินเสียงระฆังปุ๊บก็เดินออกมาโชว์ตัวทันที ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีคนเปิดกรงให้มันออกมาหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ก็มีหมีเดินออกมาให้ทั้งพวกเรา และเด็กๆ ที่มายืนรอได้ดูกัน ที่ฉันเห็นนั้นมีทั้งหมด 3 ตัว แต่ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย อันนี้มีรูปหมีให้ดูด้วย




เมื่อดูหมีเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินเส้นทางเดิม ย้อนกลับมาในตัวเมืองกันต่อ บรรยากาศภายในตัวเมือง Bern ในวันอาทิตย์อย่างนี้ นอกจากเสียงระฆังที่ดังกังวานโสตประสาทหูแล้ว ก็ไม่มีเสียงจ้อกแจ้กใดๆ อีกเลย ร้านรวงสองข้างทางก็ปิดสนิท เงียบสงัด น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่มีโอกาสช้อปปิ้ง แต่ก็อย่างว่า ถ้าร้านรวงเปิดล่ะก็ พวกเราก็คงหลงแสงเสียง ข้าวของนานาชนิด โดยไม่ได้เที่ยวที่อื่นเป็นแน่แท้



จากสะพานข้ามแม่น้ำสู่ตัวเมือง สิ่งที่ตั้งเด่นก่อนที่จะเข้าสู่ถนนช้อปปิ้งก็คือ หอนาฬิกาขนาด... อืม ก็ไม่ใหญ่มากนัก หอนาฬิกานี้มีชื่อเรียกว่า Zeitglockenturm สร้างขึ้นเพื่อเป็นประตูเมืองทางด้านตะวันตกเมื่อปี ค.ศ. 1191-1256 ต่อมาในปี 1530 ก็มีการติดตั้งระบบนาฬิกาดาราศาสตร์เพิ่มเข้าไป







ร้านค้าในตัวเมือง Bern เป็นตึกแบบเก่าๆ แต่ก็ดูสะอาดมากๆ เลยล่ะ เป็นร้านค้าที่มีหลังคาคลุมเป็นแนวยาวติดต่อกันยาวที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป



เราอยู่เมือง Bern จนกระทั่งเกือบๆ 11 โมงนั่นแหละ เราจึงออกเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ริมฝั่งทะเลสาบ Thun แต่ก่อนที่เราจะออกเดินทาง พี่ห่งก็เสนอไอเดียว่า เราควรที่จะหาจุดชมวิวซักที่ เพื่อที่จะชมทัศนียภาพของเมืองนี้อีกครั้งก่อนที่จะต้องอำลาจากกันไป หลังจากที่เราดูในแผนที่แล้ว เราก็เลยขับรถย้อนไปข้ามสะพานเดิมที่เราใช้เป็นเส้นทางไปบ่อหมีอีกครั้ง แล้วก็ขับขึ้นเนินเขาเล็กๆ ซึ่งก็เป็นทางที่จะไปเมือง Thun นั่นแหละ หลังจากที่ฉันและพี่ณีเล็งหาวิวสวยๆ แล้ว พี่ห่งก็ขับรถเข้าเทียบริมขอบทางเพื่อลงไปถ่ายรูปกัน ฉันก็เลยมีรูปสวยๆ มาทิ้งท้ายเมือง Bern อีก 2 รูปเนี่ยแหละ




@^ ^@ _______________________________ @^ ^@


เมื่อถึงช่วงที่เวลาที่พระอาทิตย์เกือบจะอยู่ในแนวเดียวกับศีรษะ อากาศก็ร้อน แดดก็ร้อน พวกเราก็หลบเข้ารถ เพื่อที่จะเดินทางไปยังเมือง Thun ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทะเลสาบ Thuner See จากเมือง Bern เราก็ขับรถขึ้น Autobahn สาย 6 เพื่อเดินทางไปเมือง Thun จริงๆ แล้ว ถ้าเราขับรถบนถนนสายเล็กๆ ที่ขนานกัน เราอาจจะได้เส้นทางที่งดงามกว่า แต่ฉันคิดว่า ก็คงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่หรอกมั้ง (เพราะว่าในหนังสือไม่ได้แนะนำเส้นทางนี้เอาไว้) ประกอบกันที่ว่าอยากจะใช้ตั๋ว Jahresvignette ให้คุ้ม และไม่อยากเสียเวลา ก็เลยตัดสินใจขึ้น Autobahn เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเมือง Thun ว่ากันตามความเป็นจริงก็คือ เมือง Thun ไม่ได้สวยอย่างที่ฉัน หรือว่าหลายๆ คนคิดเอาไว้ เมืองนี้เป็นเพียงที่ลงเรือเพื่อล่องทะเลสาบ Thuner See เท่านั้นเอง ดังนั้นฉันจึงเห็นนักท่องเที่ยวมากมายที่ท่าเรือของเมืองนี้ เพื่อที่จะรอต่อเรือล่องทะเลสาบ แต่สำหรับพวกเรา ก็คงต้องใช้เหตุผลเดิมนั่นแหละ คือ เราไม่มีเวลาสำหรับนั่งเรื่อ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ การขับรถออกจากเมือง Thun เลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ โดยแวะเดินเที่ยว ชื่มชม ดื่มด่ำกับบรรยากาศของภูเขาและทะเสลาบบ้างในบางครั้ง โดยเมืองที่เราแวะเดินเล่นนั้น คือ เมือง Spiez ซึ่งในความคิดเห็นของฉันนั้น ฉันว่าแค่นี้ก็พอเพียงแล้วล่ะ สำหรับทริป 7 วัน 3 ประเทศอย่างนี้ เอารูปมาให้ดูกันเลยดีกว่า อิๆๆ ... คือว่า...ไม่รู้จะบรรยายอะไรดีอ้ะ :-((



อันนี้เป็นเส้นทางจาก Bern ไป Thun จ้า



ถ่ายจากริมถนนไปยังเมือง Thun





2 รูปด้านบนนี้ เป็นเส้นทางระหว่างเมือง Thun ไป Spiez


ในที่สุดก็มาถึง Spiez ซะที เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ตรงกลางระหว่างเมือง Thun และเมือง Interlaken เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองตากอากาศเลยทีเดียว ยิ่งหน้าร้อน และวันที่อากาศดีอย่างนี้ ก็มีคนเอาเรือใบ (รึเปล่าหว่า... ไม่แน่ใจ) ออกไปแล่นกันในทะเลสาบ บรรยากาศร้านอาหารก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่อื้มมมม...หืม พวกเราว่าจะทำเดิ้นซะหน่อย แต่พอไปดูราคาแล้ว ขอเดินเล่นอย่างเดียว แล้วกลับรถไปกินน๋มปังที่ตุนมาจาก Aachen ดีกว่าแฮะ








@^ ^@ _______________________________ @^ ^@


ก็อย่างที่เล่านั่นแหละ เดินเล่นซักพักก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พวกเราก็งัดเอาเสบียงที่ตุนไว้มารับประทานกันในรถ ก่อนที่เคลื่อนขบวนสู่เมือง Interlaken

เมือง Interlaken เป็นเมืองที่เป็นจุดเชื่อมต่อของ 2 ทำเลสาบ คือ ทะเลสาบ Thun และทะเลสาบ Brienz จากเมืองนี้จะมีถนนตัดเข้าสู่ Grindelwald ทางที่จะนำไปสู่ยอดเขา Jungfrau แต่ว่าจาก Grindelwald จะต้องนั่งรถกระเช้าขึ้นไป ซึ่งราคาค่อนข้างสูงพอสมควร ทัวร์คนจนอย่างเราก็ได้แค่นั่งมองวิวยอดเขาจากเมือง Interlaken และขับรถต่อไปแค่ Grindelwald



เมือง Thun , Spiez และ Interlaken เป็นเมืองที่อยู่ในเขต Berner Oberland ของสวิส ซึ่งในเขตนี้จะมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปที่ชื่อว่ายอดเขา Jungfrau ทีความสูง 4158 เมตร ในบริเวณเทือกเขาเดียวกันก็ยังมียอดที่สูงๆ อีก 2 ยอดเขา คือ ยอดเขา Mönch (4099 เมตร) และยอดเขา Eiger (3970 เมตร)






2 รูปนี้เป็นรูปถ่ายของยอดเขา Jungfrau จากเมือง Interlaken


ภาพต่อๆ ไป เป็นบริเวณ Grindelwald ซึ่งเอาไว้ตอนที่จะขึ้นไป Grindelwald และภาพของธรรมชาติ 2 ข้างทางระหว่างที่กำลังเดินทางออกจากสวิสไปทะเลสาบโคโม่ (Como) ในอิตาลี











หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการเที่ยวมาทั้งวัน ตอนนี้พวกเราก็มาถึงทำเลสาบโคโม่แล้วล่ะ ระหว่างที่จะเข้าเขตประเทศอิตาลี พวกเราก็ต้องเจอกับตำรวจอิตาลี 2-3 คน พวกเค้าขอดูพาสปอร์ตของเรา จริงๆ แล้วก็แทบจะไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าตอนแรกตำรวจพวกนี้ทำท่าเหมือนกับว่าจะไม่ต้องการดูพาสปอร์ตของเรา เค้าไม่มีท่าทีว่าจะสนใจอะไรพวกเราเลย จนกระทั่งพี่ห่งขับรถเกือบจะเลยพวกเค้าไปแล้ว พวกเค้ากลับหันมาเรียกเราซะงั้นอ้ะ แล้วบอกว่าทีหลังต้องจอดเช็กพาสปอร์ตก่อนนะ แล้วค่อยเข้าไปได้ แหม... ฉันก็เถียงในใจว่า ตูจะไปรู้ได้ไงฟะ เห็นไม่สนใจอะไรเลย ยืนคุยกันเองเฉยๆ แล้วอยู่มาว่าเราอีกแหน่ะ แต่ช่างหัวมันเถอะ แค่อยากจะบอกว่าฉันมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับที่อิตาลีอ้ะ ครั้งก่อนที่ไปโรม ก็เห็นคนโดนล้วงกระเป๋า ฉันว่าประเทศอิตาลีนี่ไม่น่าอยู่เอาซะเลย ยิ่งมากเจอการขับรถของคนอิตาลีในวันนี้อีก ซิ่งกันซะจริงๆ ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหนกัน บีบแตรแม่....งมันอยู่นั่นแหละ พอดีกว่า ตอนนี้ก็กำลังโทรเพื่อที่จะสอบถามทางเข้าที่พัก เจ้าของบ้านก็บอกทางมาอย่างดี ไม่มีหลง เพียงแต่ขับรถเลยไป 2 ซอย เลยต้องย้อนกลับไปใหม่

บ้านที่พวกเราไปพักนั้น เป็นลักษณะที่เรียกว่า Bed and Breakfast ที่เจ้าของบ้านแบ่งห้องบางห้องให้เช่า เราได้ห้องแบบสามเตียง และมีห้องน้ำแยกต่างหาก เสียดายที่ฉันไม่ได้เอารูปที่พักมากฝาก แต่โดยรวมแล้วก็น่าอยู่ สมราคา 60 ยูโร สำหรับ 3 คน เจ้าของบ้านพักคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก พูดคุยสนุกสนาน แถมยังแนะนำร้านอาหารเย็น (ที่ไม่ค่อยอร่อย) ให้เราอีก 1 ร้าน แต่ก็อย่างว่าแหละ กว่าเราจะไปถึงก็เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว มีร้านให้เรากินก็ดีถมไป...........วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ขอไปพักผ่อนเอาแรงไว้เที่ยววันต่อไปดีกว่า good night ja~~




...Click here to continue reading...






Create Date : 16 สิงหาคม 2548
Last Update : 9 กรกฎาคม 2551 19:50:25 น.
Counter : 4058 Pageviews.

4 comments
  
รูปสวย อ่านเรื่องแล้วเพลินมากค่ะ
แล้วจะแวะมาอีกนะ
โดย: HappyHippo วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:2:00:44 น.
  
ไปอิตาลี ไม่ปิชซ่า ก็สปาเก็ตตี้แหละจ้า เปอร์เซ็นต์ความผิดหวังจะน้อยหน่อย อิอิ
โดย: แหม่มกะปิสวิส (แตนต่อย ) วันที่: 9 มิถุนายน 2549 เวลา:21:46:59 น.
  
Jungfrau ไม่ใช่ยอดเขาท่ี่สูงสุดในยุโรปนะคะ
ที่ถูกคือยอดมองบลังก์ อยู่ในฝรั่งเศสค่ะ
โดย: อร IP: 27.130.202.180 วันที่: 1 พฤษภาคม 2555 เวลา:0:06:34 น.
  
ขอบคุณค่ะ คงเบลอเล็กน้อย เลยทำให้ข้อมูลผิดพลาด
โดย: Yai Kaew วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:23:16:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Yai Kaew
Location :
Nordrhein-Westfalen  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



New Comments
สิงหาคม 2548

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
  •  Bloggang.com