VIII. Red Man Syndrome



เคาน์เตอร์ประจำการดูสะอาดสะอ้าน เรียบร้อย และสวยงามผิดหูผิดตา แม่บ้านประจำชั้นปัดกวาดเช็ดถูอย่างขมีขมันกว่าทุกวัน รสาเดินเข้าไปทักทายเพื่อนที่กำลังฮัมเพลงขณะยืนจัดดอกเยอบีร่าใส่แจกัน


“วันนี้อารมณ์ดีจังนะพลอย”
คนถูกทักหันหน้ามาอย่างมีจริต เจ้าหล่อนชายตาชมดชม้อยโปรยยิ้มหวาน

“เป็นไง สวยใช้ได้รึยัง”
“ถามถึงอะไร คนหรือดอกไม้”
รสาถามแกมหมั่นไส้

“แหม ... คนสิจ๊ะ ดอกไม้น่ะ แค่ของประดับฉากย่ะ”
คนพูดสะบัดเสียงในพยางค์สุดท้าย


“ป้าว่าดอกไม้น่ะสวย ส่วนคนน่าจะหลบไปยืนหลังฉากมากกว่า ขอป้าเก็บเศษใบไม้ไปทิ้งก่อนนะคุณพยาบาล เดี๋ยวนายผู้หญิงมาเห็นเข้าเค้าจะหาว่าป้าเก็บกวาดไม่เรียบร้อย”
แม่บ้านแทรกตัวเข้ามาขัดจังหวะ เพื่อนสาวร้องชิเบาๆ รสายิ้มขันก่อนปลีกตัวไปเก็บกระเป๋าใส่ล็อกเกอร์แล้วค่อยเดินมาเปิดสมุดส่งเวร


“คนเวรดึกเมื่อคืนไปไหนแล้วล่ะ ใช่ยัยจ๋าหรือเปล่า”
คนถามก้มหน้าอ่านรายงานประจำวัน ส่วนคนถูกถามคว้ากระจกใบเล็กขึ้นส่องพร้อมเติมลิปสติก

“อืม คงใช่มั้ง ตอนชั้นมาเห็นเดินเข้าเดินออกห้องริมหลายรอบ นี่เข้าไปรอบสุดท้ายยังไม่ออกมาเลย สงสัยดูเนิร์สเอด (Nurse Aid: ผู้ช่วยพยาบาล) เช็ดตัวคนไข้อยู่ล่ะมั้ง”
เพื่อนสาวตบแป้งแล้วเอียงหน้ามองกระจกซ้ายขวา จากนั้นหย่อนหลอดลิปสติกและตลับแป้งลงกระเป๋าก่อนโยนเข้าตู้


“เอาล่ะ อีก 5 นาที พร้อม ไปกันรึยังรสา”

“หือ ... จะไปไหน”
รสาตอบโดยไม่เงยหน้าจากรายงาน

“ไปรอรับท่านประธานคนใหม่ที่หน้าลิฟต์ไงจ๊ะ เมื่อกี้เลขาท่านโทรมาส่งสัญญาณว่าเดินวนอยู่ชั้นสามแล้วล่ะ”

“ว่าแล้วเชียว ทำไมสวยแต่เช้า กะจะรอต้อนรับท่านประธานคนใหม่นี่เอง”
“อ๊ะ แน่นอน เรื่องนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาดย่ะ ได้ข่าวว่าท่านน่ะ ยังหนุ่มยังแน่น แล้วก็ยังไม่มีแฟนด้วยนะเธอ อุ๊ยย นึกแล้วจั๊กกะจี้ สงสัยจะมาหาเอาแถวนี้แน่เลย”
“ไม่เอาน่า พลอยพนา ตื่นๆๆ”
รสาถือแฟ้มผู้ป่วยเดินไปตบบ่าเพื่อน กระซิบเบาๆ

“อายป้าเค้ามั่ง”
ป้าแม่บ้านไม่วายหูไว
“ไม่ต้องอายหรอกคุณ ป้าฟังจนชินแล้วล่ะ”
บ่นพลางหอบขยะจากถังมัดปากถุงแล้วโยนลงรถเข็น

“พวกหนูก็พูดกันเล่นๆนะป้า อย่าเอาไปฟ้องนายผู้หญิงล่ะ”
ป้าแม่บ้านหัวเราะหึๆในลำคอ รสาพลิกหน้าบันทึกของพยาบาลพลางเปิดทางให้เพื่อน

“ไปเถอะพลอย ชั้นอยู่เฝ้าเคาน์เตอร์ให้ เผื่อคนไข้เรียก”
“งั้นพอเสมียนเฝ้าเคาน์เตอร์กลับมา เธอก็ตามมาก็แล้วกันนะ”
“ฮื่อ...”

รสาพยักหน้ารับคำ ไม่สนใจว่าคู่สนทนากล่าวคำใดต่อและเดินจากไปทางไหน สายตายังจับจ้องอยู่ในหน้าบันทึกการฉีดยาผู้ป่วยห้องริมสุดที่พยาบาลเวรดึกบันทึกไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ลายมือหวัดแกมบรรจงแต่ปลายเส้นลากเบาอย่างขาดความมั่นใจ อะไรบางอย่างบนชาร์ตเตะตาให้รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

Vancomycin 1 gm IV drip in 20 min…

พยาบาลสาวเคาะนิ้วกับแป้นชาร์ตเบาๆ อย่างกังขาขณะที่ยังหา ‘อะไรบางอย่าง’ ที่ว่า ยังไม่พบ


“ขอพยาบาลที่ห้อง 506 ด่วนค่ะ”


เสียงเรียกผ่านอินเตอร์คอมดังขัดจังหวะ รสาปัดความคิดออกจากภวังค์ รวบชาร์ตเก็บก่อนลุกไปดูห้องผู้ป่วย เหลือบตาดูมุมล่างของชาร์ต

...‘B506’…

แฟ้มที่เธอสะดุดตาคือแฟ้มของผู้ป่วยห้องมุมที่เรียกหาพยาบาลผ่านอินเตอร์คอมอยู่หยกๆ


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


“ถัดจากชั้นสองที่มีหอผู้ป่วยหญิงรวมอยู่ทางปีกซ้าย ชายรวมอยู่ทางปีกขวา ส่วนชั้นสามที่เรายืนอยู่ตอนนี้เป็นหอผู้ป่วยวิกฤต และปีกตรงข้ามเป็นห้องผ่าตัดค่ะท่าน ชั้นสองที่เราผ่านมา หอผู้ป่วยหญิงกับชายจะถูกตัดขาดออกจากกันเพื่อแยกประเภทของผู้ป่วยไม่ให้ชายหญิงปะปนกัน แต่สองปีกของชั้นสามมีทางเชื่อมต่อกันเพื่อที่จะสามารถขนย้ายผู้ป่วยระหว่างห้องผ่าตัดกับห้องไอซียูได้สะดวกค่ะ ระหว่างกลางของทั้งสองปีกเรามีห้องโถงสำหรับรองรับญาติหรือแขกที่มารอการผ่าตัดด้วยนะคะ”


พนักงานต้อนรับอธิบายเป็นนกแก้วนกขุนทอง ขณะที่ท่านประธานมองปราดอย่างไม่สนใจฟังรายละเอียดนัก ในหัวจับเอาโครงสร้างและทางเชื่อมที่เห็นจริงลงไปบรรจุในพิมพ์เขียวที่เปิดดูก่อนเดินสำรวจ เมื่อก้าวเข้าห้องโถง ก็พบพยาบาลสวมเสื้อกาวน์ยาวสีเขียวมายืนรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว


“คุณแพรวาเป็นหัวหน้าแผนกห้องผ่าตัด และคุณดารารัตน์เป็นหัวหน้าแผนกไอซียูค่ะ”
“สวัสดีครับ”

วินทร์ พลวานิช รีบยกมือไหว้ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายรับไหว้จากพยาบาลหญิงสูงวัยทั้งสองคน ชายหนุ่มยิ้มแล้วค้อมศีรษะให้ทีมงานคนอื่นๆอีกครั้ง ก่อนขยับเน็คไทบริเวณลำคอด้วยความอึดอัด หันหน้าไปมองทางไหนก็มีแต่คนพนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม บ้างอายุมากกว่าเขาเกือบรอบก็ยังพินอบพิเทาเรียก ‘ท่านครับ/ท่านคะ’ อยู่ไม่ขาดปาก


“ร้อนเหรอตาวินทร์”

ผู้เป็นมารดาที่เดินตามกันหันมามองแล้วถามด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มส่ายหน้า แต่ชั่วอึดใจเดียว เลขาคนสวยก็ถือแก้วน้ำดื่มมายื่นให้

“น้ำเย็นค่ะท่าน”

ชายหนุ่มออกอาการสำลักทั้งที่ยังไม่ได้จิบน้ำ หันกลับไปถามมารดา

“นี่มันโรงพยาบาลหรือโรงแรมกันแน่ฮะคุณแม่”

“โรงพยาบาลจ้ะ โรงพยาบาลชั้นนำตามมาตรฐานวิชาชีพ บวกการบริการระดับโรงแรมห้าดาวสำหรับแขกวีไอพี ดื่มน้ำซะก่อนสิ หนูแป้งเขาได้ยินแกบ่นว่าร้อนเลยไปหาน้ำเย็นมาให้”

เลขาสาวเอามือประสานกันที่ระดับเอว เมื่อวินทร์หันไปสบตา เธอยิ้มหวานและค้อมศีรษะให้

“ใช้ได้ไหม คนนี้แม่ฝึกเองกับมือนะ”
วินทร์พยักหน้า ยิ้มให้สองสาวต่างวัยอย่างเสียไม่ได้ กระดกแก้วน้ำดื่มรวดเดียวหมด


“ไปต่อเลยก็แล้วกันครับ”
“ได้ค่ะท่าน”


ประชาสัมพันธ์สาวคนเดิมผายมือและบรรยายรูปลักษณ์ของอาคารสถานที่ต่อพร้อมเชื้อเชิญผู้บริหารให้ขึ้นลิฟต์ไปยังหอผู้ป่วยพิเศษที่อยู่บนชั้นถัดไป


สัญญาณหน้าลิฟต์ดังกริ๊ง ประธานบริษัทคนใหม่ก้าวเท้าออกมาจากประตูลิฟต์ เป็นจังหวะเดียวกับพยาบาลสาวก้าวเข้าห้องผู้ป่วยแล้วปิดประตู



`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


ทันทีที่ปิดประตูห้องผู้ป่วย อนัลยานีก็โผล่หน้ามาด้วยท่าพิสดาร คือลอยตัวออกมาจากห้องน้ำแล้วแลบลิ้นปลิ้นตา

“แบร่!”


“เด็กบ้า ไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ”

รสาเผลอร้องอุทานเบาๆ โชคดีที่ทุกคนในห้องไปรวมตัวกันที่ข้างเตียงผู้ป่วยด้านในจึงไม่ได้ยินเนื้อความ เพียงหันมามองผู้เข้ามาใหม่ เมื่อเห็นเป็นพยาบาล ญาติก็ถอยเปิดทางบริเวณข้างเตียงผู้ป่วย รสาจึงเห็นเพื่อนร่วมวิชาชีพอีกคนหนึ่งยืนอยู่ที่หัวเตียงด้านใน


“ยัยจ๋า...”

เจ้าตัวเดินอ้อมปลายเตียงมาหาหญิงสาวโดยมองไม่เห็นอนัลยานี เธอจึงเดินทะลุร่างโปร่งแสงนั้นเข้ามาใกล้ พร้อมกระซิบเบาๆ


“พี่สา จ๋าเป็นคนเรียกผ่านอินเตอร์คอมเองแหล่ะค่ะ อยากให้พี่สามาช่วยดูคนไข้ก่อน เดี๋ยวจ๋าจะไปโทรตามหมออีกที”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๋า คนไข้เป็นอะไร”

“เมื่อกี้จ๋าฉีดแวนโค่เข้าไป ไม่รู้ว่าคนไข้แพ้ยาหรือเปล่า ฉีดไปสักพักคนไข้บ่นคันตามตัว แล้วตอนนี้เนื้อตัวก็เห่อแดงไปหมดเลย นี่ญาติคนไข้เริ่มโวยวายแล้ว บอกว่านอนมาตั้งหลายวัน ไม่หายสักที พอหมอเปลี่ยนยาใหม่ ทำไมวันนี้มีอาการแปลกๆ”

“ใช่ คนไข้เตียงนี้นอนมาสี่วันแล้ว เมื่อกี้พี่เพิ่งเปิดดูชาร์ต”
“ฝากด้วยนะพี่สา จ๋าไปตามหมอก่อน”

พยาบาลจ๋าหันไปไหว้ลาญาติผู้ป่วย ทิ้งรสายืนเก้ๆ กังๆ ญาติผู้ป่วยริมเตียงเริ่มลุกลี้ลุกลน


“คุณพยาบาล หลานชายอิฉันจะเป็นอะไรมั้ยคะ”
สำเนียงของผู้พูดดูเป็นห่วงเป็นใยอาการของผู้ป่วย รสาเองก็อยากอธิบายและปลอบใจให้ทุกคนหายกังวลแต่ก็จนปัญญา


“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกพี่สา ยิ้มให้ญาติคนไข้ แล้วบอกเขานอนรออีกซัก 30 นาทีก็หาย”

“เอ๋ ...”

ทั้งที่ยังงุนงงสงสัย รสาก็หันไปยิ้มให้กับคนไข้ตามคำบอก


“บอกเขาว่า รออีก 30 นาทีนะคะ”
อนัลยานีกระซิบ
“ช่วยรอสัก 30 นาทีนะคะ”
รสาว่าตาม
“อาการนี้จะหายเองภายใน 30 นาที ถ้าเกิน 30 นาทีแล้วคนไข้ไม่หาย มาเอาเรื่องกับดิฉันได้เลย”
อนัลยานีบอกช้าๆ รสาก็พูดตาม จบประโยคแล้วตกใจ


“จริงเหรอคุณ ก็ได้ งั้นผมจะรอดู”

ญาติฝ่ายชายตอบด้วยเสียงคุกคาม รสาเหงื่อตก ได้แต่พยักหน้า โบราณว่าอย่าคบเด็กสร้างบ้าน แต่นี่เธอกำลังคบวิญญาณเด็กรักษาผู้ป่วย ออกปากไปแล้วก็จำเป็นต้องนั่งอยู่กับผู้ป่วยและญาติโดยปราศจากเงาของแพทย์

“หมอไม่มาหรอกพี่สา รู้สึกว่าจะปิดมือถือด้วยซ้ำ ปกติเขาเข้าโรงพยาบาลตอนสายๆนี่นา”


อนัลยานีทำนายทายทัก รอสักครู่ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเข้ามา พยาบาลจ๋าโผล่หน้าเข้ามา กวักมือเรียกให้รสาไปคุยริมประตู

“หมอปิดมือถือค่ะพี่สา”

เป็นอย่างที่อนัลยานีบอกไม่มีผิด


“จะให้จ๋าตามหมอคนอื่นมั้ยคะ เวรตรวจการณ์ก็เพิ่งลงเวรไป จ๋ากลัวโดนดุจังเลยพี่สา ไม่รู้ว่าจ๋าทำอะไรผิด”

“ไม่เป็นไร พี่บอกให้ญาติกับคนไข้รอแล้วล่ะ จ๋าเลิกเวรแล้วนี่ กลับบ้านเถอะ”

“แต่...”

“ไม่ต้องมีแต่ อยู่เวรมาทั้งวันทั้งคืน กลับไปพักเถอะ พี่รับมือเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่สา”
พยาบาลรุ่นน้องยกมือไหว้

“อ้อ ช่วยตามเภสัชมาประเมินแพ้ยาให้พี่ด้วยนะ พี่จะอยู่กับคนไข้นี่แหละ เขาจะได้แน่ใจว่าเราไม่หนีไปไหน”

“ค่ะพี่สา”
“เดี๋ยวนะจ๋า”
“คะ?”

“แฟกซ์ออเดอร์แพทย์ไปให้เภสัชดูก่อนขึ้นมาด้วยนะ พี่ว่าออเดอร์มันมีอะไรแปลกๆ แต่พี่นึกไม่ออก”

“ได้ค่ะ”


พยาบาลจ๋าพยักหน้ารับคำแล้วปิดประตูเดินจากไป รสากลับมายืนข้างเตียงผู้ป่วย ท่าทีสงบนิ่งของหญิงสาว ทำให้ผู้ป่วยและบรรดาญาติเกิดความไว้วางใจและเย็นใจได้อย่างน่าประหลาด ทั้งที่เมื่อครู่ ผู้ป่วย ญาติ และพยาบาล ต่างร้อนใจกับอาการที่เกิดแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย รสาช่วยญาติพลิกตัวผู้ป่วยเพื่อหารอยผื่นแดงรอบตัว ฝ่ายพี่ชายยังออกปากเองว่า


“เหมือนผื่นจะค่อยๆลดลงเลยแฮะ”

ราว 15 นาทีให้หลังจึงได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง รสาเดินไปเปิดประตูให้ ก็ถูกพบกับเภสัชกรอาวุโสที่เธอเคยพบปะร่วมงานบ้างตามโอกาส หญิงสูงวัยกว่าทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเภสัชกรผู้ป่วยใน รสายกมือไหว้และเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปประเมินอาการแพ้ยาด้านใน แต่สตรีสูงวัยส่ายหน้า กระซิบกระซาบ


“พี่ดูออเดอร์แล้วล่ะ ไม่ใช่แพ้ยาหรอก”

รสาขมวดคิ้ว ยืนสนทนากับเภสัชกรอยู่หน้าห้อง ไม่สนใจว่ามีคณะบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งเดินสำรวจอาคารอยู่ไม่ไกล ผิดกับสายตาของชายหนุ่มที่บังเอิญเหลือบมาเห็นพยาบาลสาว 2 คนหน้าห้อง 506


หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวที่เขาสะดุดตาตั้งแต่แรกพบ...


วินทร์ยิ้มพรายอย่างไม่มีใครสังเกตเห็น ชายหนุ่มละความสนใจจากพยาบาลสาวฝั่งตรงข้ามแล้วหันไปทำทีพยักหน้ากับผู้นำทาง พยายามปิดประเด็นการสนทนากับผู้บริหารที่ร่วมทางให้รวบรัด ก่อนขอตัวกลับห้องทำงานเนื่องจากยังมีภารกิจอื่นต้องสะสาง ทุกคนจึงค่อยหลีกทางให้อย่างนบนอบ



`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*



พยาบาลสาวปิดประตูและหันกลับไปยังเตียงของผู้ป่วย นึกทบทวนเนื้อความที่ได้รับการสื่อสารจากเภสัชกรเมื่อครู่

“รู้จัก 'เร้ดแมน ซินโดรม' ไหม”

หญิงสูงวัยตั้งคำถาม รสาพยักหน้า แต่ก็ตอบอย่างไม่มั่นใจนัก

“พวกกลุ่มอาการเหมือนคนเมาเหล้า หน้าแดง คอแดง ร้อนวูบวาบ หายใจลำบาก อะไรทำนองนั้นหรือเปล่าคะ”

“คนไข้มีอาการอย่างที่เราว่ามาหรือเปล่าล่ะ”
“ใกล้เคียงค่ะพี่ แต่เขาไม่ได้เมาเหล้ามานี่คะ ...หรือว่า...”

“เกิดจากยาไงล่ะ ออเดอร์หมอสั่งแวนโค่มัยซิน 1 กรัมเข้าหลอดเลือดดำ ก็น่าจะทวนออเดอร์สักหน่อย ว่าต้องให้ที่อัตราเร็วเท่าไหร่ ถ้าพี่เดาไม่ผิดคงใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงแน่ๆ”

“ค่ะ ยัยจ๋าให้ไป 20 นาที”


“นั่นแหละ ธรรมดาอาการข้างเคียงของแวนโค่ก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าให้ในอัตราเร็วที่เร็วเกินไป ก็จะเกิดอาการอย่างที่เห็นนี่แหละ แต่อย่าทำเป็นตื่นตกใจกันไป อาการพวกนี้หายเองภายใน 10-60 นาทีทุกราย ถ้าไปทำตื่นเต้นหรือบอกให้คนไข้รู้ว่าคนของตัวให้ยาในอัตราเร็วที่ผิดจะพลอยเดือดร้อนกันหมด”


พยาบาลสาวฟังคำแล้วพยักหน้า
“เข้าใจแล้วค่ะพี่”


โล่งอกที่ทำตามที่อนัลยานีบอก รสาไหว้ขอบคุณเภสัชกรรุ่นพี่แล้วกลับเข้าห้องผู้ป่วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสรุปได้ว่า อาการของผู้ป่วยเกิดจากคุณลักษณะของยาที่จำเพาะเจาะจงว่าต้องหยดเข้าเส้นเลือดดำของผู้ป่วยช้าๆ ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที หากน้อยกว่านั้น จะทำให้เกิดอาการข้างเคียงคือ Red man syndrome แต่จากบันทึกทางการพยาบาลที่พยาบาลรุ่นน้องบันทึกเอาไว้ แพทย์สั่งเพียงให้หยดเข้าหลอดเลือดดำโดยไม่ระบุอัตราเร็ว การหยดยาเข้าเส้นเลือดจึงเป็นไปตามระยะเวลาที่พยาบาลแต่ละคนถนัด การที่พยาบาลรุ่นน้องมาใหม่ อยู่เวรกลางคืนและต้องการหยดยาผู้ป่วยให้จบในเวร จึงกำหนดความเร็วเอาเองเป็น 20 นาที และเป็นผลให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงดังกล่าว


แพทย์ไม่ผิด เพราะได้สั่งการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว…

เภสัชกรไม่ผิด เพราะได้จ่ายตัวยาถูกต้องแล้ว...

เหลือแต่พยาบาลที่ต้องรับผิดชอบ...


ว่าแต่อย่างไรล่ะ ? รสาครุ่นคิด


“ยิ้มไว้ค่ะ พี่สา ยิ้มไว้”


หากมีใครสักคนมองเห็นเหมือนที่เธอเห็น อนัลยานียังคงยืนอยู่เคียงข้างโดยไม่ห่างไปไหน รสาฝืนยิ้มยากเย็น แข็งใจเดินกลับเข้าไปในห้อง ญาติผู้ป่วยกำลังกวักมือเรียก ด้วยใบหน้าประหลาดใจของบรรดาญาติ รสาไม่สามารถตอบตัวเองได้แน่ชัดว่าจะเกิดเรื่องดีหรือร้ายตามมา


“ผื่นหายไปแล้วล่ะ คุณพยาบาล”

ญาติผู้พี่ของผู้ป่วยพึมพำเบาๆ จริงดังคำที่อนัลยานีบอก ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที หากเธอรีบร้อนแก้ไขเหตุการณ์เร็วกว่านี้ เหตุการณ์อาจไม่คลี่คลายดังที่ปรากฏ

“เห็นมั้ยล่ะตาต้น เชื่อคุณพยาบาลเขาแหละดีแล้ว ขืนแกร้อนรน หมอเค้าจับฉีดยาอย่างอื่นอีก แล้วเมื่อไหร่น้องแกจะหาย ฮึ”

ผู้สูงอายุกล่าวตำหนิหลานชายพอเป็นพิธีแล้วหันมายิ้มให้กับรสา


“ขอบใจคุณพยาบาลมากเลยนะคะที่มาคอยดูแล ครอบครัวฉันก็ฝากผีฝากไข้กับโรงพยาบาลนี้มาตลอด ฉันเชื่อมือหมอกับพยาบาลที่นี่เต็มที่เลยล่ะ”

“ตกลงมันเกิดจากอะไร แล้วฉีดยารอบต่อไป มันจะเป็นอย่างนี้อีกมั้ยคุณพยาบาล”
ญาติผู้พี่ยังไม่สนิทใจนัก

“เรื่องนี้เดี๋ยวคุณหมอจะมาดูอาการและช่วยอธิบายให้...”
รสาตอบตามรูปแบบการเจรจา ผ่อนหนักให้เป็นเบา รอให้สถานการณ์ดีขึ้นค่อยให้แพทย์ซึ่งผู้ป่วยและญาติมีความเกรงใจมากกว่าเป็นผู้ให้ข้อมูล
“แต่ขอให้ไว้ใจเถอะนะคะ ทีมของเราจะพยายามดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุดค่ะ”


รสาค้อมศีรษะให้กับบรรดาญาติ ชายผู้ช่างสงสัยขยับปากจะถามอีก หญิงสูงวัยก็จับแขนหยิกและปัดไม้ปัดมือให้พากันหลีกทางให้พยาบาลสาวเข้าไปวัดไข้ จับชีพจร และบันทึกผลการรักษาพยาบาลผู้ป่วยในแฟ้มประวัติ อนัลยานีจับจ้องหญิงสาวไม่วางตา พยาบาลสาวที่กำลังดูแลผู้ป่วยอยู่ในเวลานี้ มีคุณสมบัติที่ทำให้คนรอบข้างอุ่นใจได้อย่างน่าประหลาด เพียงเธอยิ้ม ก็เหมือนฝนพรำลงบนผืนดินที่ร้อนระอุ เพียงเธอตัดบท เรื่องก็จบลงในเวลาอันสั้น


เหตุการณ์ดำเนินไปในทางที่ดี อนัลยานีวนเวียนและเฝ้าสังเกตหญิงสาวอยู่จนใกล้ค่ำ...




Create Date : 20 กรกฎาคม 2554
Last Update : 27 กันยายน 2554 8:50:09 น. 3 comments
Counter : 1072 Pageviews.

 
ขอบคุณจ้า..สนุกมาก


โดย: boodoox วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:08:43 น.  

 
โห เก่งจัง...


โดย: หมูทอง IP: 125.27.234.132 วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:6:26:04 น.  

 
เนื้อหาน่าสนใจ น่าอ่านมากๆ สนุก และมีสาระ ชอบมากๆค่ะhttps://www.bloggang.com/emo/emo3.gif


โดย: kookkik IP: 172.10.25.13, 110.164.190.13 วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:20:07:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.