Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
13 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
นิยายรัก ตอนที่ 6 รับนัด

COPY WRIGHT : สงวนลิขสิทธิ์ทั้ง ปกหนังสือ และ เนื้อหาค่ะ

ดวงใจเจ้าเวหา


ผู้เขียน :วรรณรวี

พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม ๒๕๕๗

copy.jpgสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ ๒๕๓๗

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารรูปเล่ม หรือเพื่อการใดๆเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ISBN : ๙๗๘ – ๖๑๖ – ๓๖๑ - ๙

ราคา ๒๕๐ บาท



***********************************************************

ตัวอย่างค่ะ

รับนัด

“อย่าทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมเหมือนเมื่อคืนอีกจีจี้ เราตกลงกันแล้ว ผมมีสิทธิ์จะคุยกับใครก็ได้”เสียงนุ่มสวนทางกับความหมายของชายหนุ่ม หลังจากทั้งคู่เสร็จภารกิจรักเร่าร้อนร่วมกันบนเตียงนอนภายในที่คอนโดฯหรูของเขา

“คุณชอบนังพังค์นั้นเหรอะคะปราบจีจี้ไม่เห็นว่ามันจะสวยน่าฟัดตรงไหน แห้งก็แห้ง หน้าตาก็ซีดอย่างกับผีดิบแถมดุอย่างกับร็อตไวเลอร์อีกอย่างใครๆ ก็รู้ว่าจีจี้ควงอยู่กับคุณ แล้วการที่คุณไปนั่งทำตาหวานใส่มันเมื่อคืนเพื่อนของจีจี้จะมองจีจี้ว่ายังไง คงจะคิดว่าจีจี้ไม่มีน้ำยา ปล่อยให้แฟนของตัวเองไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวอื่นคุณควรจะไว้หน้าจีจี้บ้างนะคะปราบ”คนที่เปลือยกายในท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเอ่ยอย่างมีอารมณ์ถึงแม้จะตกลงกับเขาว่าจะเป็นแค่เพียงคู่ควงกันโดยไม่มีพันธะหากสายตาที่เธอเห็นเขามองผู้หญิงคนนั้นทำเธอหึงจัด

“ผมก็แค่ชวนคุยอีกอย่างผู้หญิงคนนั้นเป็นนักข่าว ถ้าผมผูกมิตรกับเธอเอาไว้ เธอจะได้เขียนเชียร์ร้านผมบ้างอีกหน่อยถ้าผมลงเล่นการเมืองเหมือนคุณพ่อ ผมก็จะมีพันธมิตรเป็นสื่อเก่งๆคุณคงไม่เคยอ่านคอลัมน์ ‘ดัชนีใบไม้ร่วง’ คอลัมน์รายสัปดาห์ของเดอะสยามนิวส์สินะเป็นคอลัมน์ตีแผ่เรื่องสังคม วงการบันเทิง แล้วก็ยาเสพติดเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีที่เป็นประโยชน์ต่อตำรวจ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหามาแล้วหลายคดี”

คนที่กำลังอัดบุหรี่เข้าปอดหนักๆ ก่อนพ่นควันขาวๆออกมาเป็นวงๆ เอ่ย ดวงตาเฉียงอย่างคนจีนของเขาฉายแววเกรี้ยวกราดเพราะคดีใหญ่ที่ว่าคือการจับเฮโรอีนล็อตใหญ่ที่ดอนเมืองเมื่อสองเดือนก่อน และนั่นก็คือหนึ่งในเครือข่ายของเขา

“ร้านของคุณยังต้องโปรโมตอีกหรือคะปราบ ออกจะดังดูอย่างเมื่อคืนสิคะ ขนาดว่าคุณไม่ได้พีอาร์ว่าจะมีการฉลองครบรอบสามปีของร้านแขกก็เต็มร้าน ขนาดยัยพังค์หน้าซีดอย่างกะซอมบี้คนนั้นก็ยังมาเที่ยวคงหวังจะมากินฟรีดื่มฟรี หรืออีกทีก็คงหวังจะมาล่าผู้ชายกลับไปกินที่บ้านล่ะสิไม่ว่าหนอย...ร้ายนักนะ” หญิงสาวพ่นวาจาที่เธอคงจะไม่รู้ว่ามันทำให้คุณค่าความงดงามของเธอติดลบลงไปมาก

“จีจี้ พูดจาถึงคนอื่นให้มันสวยเหมือนหน้าตาของคุณหน่อยที่รักผมไม่ชอบผู้หญิงปากตลาด”

เสียงเข้มของคนที่ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนหนาพันกายความจริงแล้วเขาเบื่อหน่ายอุปนิสัยของดาราสาวผู้นี้หากใบหน้างดงามบวกกับรูปร่างอวบอิ่มอย่างสมบูรณ์แบบของเธอแล้วยังไม่รวมทีเด็ดบนเตียงนอนที่เธอปรนนิบัติเขาได้ถึงใจแล้วล่ะก็เขาคงจะส่งเธอต่อให้กับเพื่อนฝูงที่รอคอยของใช้แล้วจากเขาอย่างใจจดใจจ่อไปนานแล้ว

“แตะหล่อนไม่ได้ คุณคงสนใจหล่อนมากใช่ไหมคะปราบอีกหน่อยจีจี้คงหมดความหมายสำหรับคุณ” คนที่มองตามหลังร่างแกร่งของชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครือน้ำตาคลอถึงจะเป็นได้แค่คู่ควงที่ไม่ระบุสถานะกันอย่างชัดเจน แต่เธอไม่ปฏิเสธว่ารักเขา

“ไม่เอาน่าจีจี้ อย่าหึงไม่เข้าเรื่องไปหน่อยเลยครับผมเพิ่งเจอกับนักข่าวคนนั้น ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยด้วยซ้ำผมก็แค่จะผูกมิตรเอาไว้ เผื่อในอนาคตผมอาจจะต้องใช้เธอ” คนที่เดินกลับมาพร้อมยาสีขาวเม็ดเล็กๆเอ่ยเอาใจก่อนนั่งลงบนเตียง

“ลองนี่หน่อยดีไหมครับรับรองว่ามันจะช่วยทำให้เราไปถึงสวรรค์ชั้นสูงสุดกันอีกหลายๆ รอบ แรงคุณตกนะครับที่รักแต่ผมยังต้องการคุณอีกผมชอบให้คุณใช้พลังทั้งหมดที่มีลงโทษที่ผมทำให้คุณน้อยใจ นะครับทูนหัว”

มัจจุราชหนุ่มรูปงามส่งยาให้กับคนที่ยื่นมือออกไปรับอย่างไม่อิดออดจิรพันธ์เคยลองเสพยาชนิดนี้มาแล้วสองสามครั้ง และมันทำให้เธอติดใจเพราะแม้ว่ายาจะมีขนาดเล็กมากหากมันก็ช่วยเพิ่มพละกำลังให้เธอในการร่วมรักกับเขาได้ทั้งวันทั้งคืนมาแล้วซึ่งเธอก็ลืมข่าวใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ว่ามีนางแบบสาวคนดังที่เคยเป็นอดีตคู่ควงของปรารภ เสียชีวิตเพราะเสพยาเกินขนาดมาแล้ว

เมื่อดาราสาวกินยาเม็ดนั้นเข้าไป เพียงไม่นานเธอก็มีอาการร้อนรุ่มภายในกายราวกับโดนสุมไฟและต้องการจะแปลงร่างเป็นจ๊อกกี้สาวมือบางลูบไล้ร่างแกร่งไปทั่วมัดกล้ามอย่างช้าๆ ก่อนจะกระชากผ้าขนหนูผืนหนาออกจากกายของเขาแล้วเหวี่ยงลงบนพื้นพรมหญิงสาวผลักมัจจุราชหนุ่มลงบนที่นอนนุ่ม ก่อนที่ร่างบางจะคลานขึ้นไปครอบครองกลางแก่นกายที่พร้อมแล้วของเขา

“ควบลงมาเลยที่รัก แรงขึ้นอีก ถี่อีก อีกเร็วอีก แรงอีก เร่งอีก โอ้วทูนหัว เร็วอีกๆ”

เสียงครางกระเส่าของมัจจุราชหนุ่มที่นอนบิดกายพร้อมใบหน้าเหยเกอยู่เบื้องล่างของคนที่กลายร่างเป็นจ๊อกกี้สาวล่าสวาทและควบม้าเร็วเขานอนควบคุมให้เธอลงทัณฑ์เขายาวนานหลายชั่วโมงก่อนที่ยาจะหมดฤทธิ์และสลบไปพร้อมกันทั้งคู่...

บรรยากาศภายในห้องประชุมใหญ่ของอาณาจักรฮอตอีเกิ้ลในสายวันนี้มีการประชุมผู้บริหารหัวข้อของการประชุมก็คือการแจ้งนโยบายและแนวทางทำตลาด

“ฮอตอีเกิ้ลจะเปิดศึกชิงแชมป์ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังโดยเราจะทุ่มงบหมื่นล้านทั่วโลกเพื่อซื้ออนาคตเราจะรุกสร้างอิมเมจเพื่อหวังขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่และเราจะแตกเซ็กซ์เม้นท์แบ่งแยกกลุ่มลูกค้าชายหญิงชัดเจนมากขึ้นโฆษณาตัวใหม่สองตัวของเราทั้ง 'ฮอตอีเกิ้ลรีบอร์น และ เฟรชชี่อีเกิ้ล'[1] ฟีดแบ็คดีมาก หลังจากโฆษณาสองตัวนี้ออกไป เราก็มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นจนตอนนี้กำลังการผลิตของเราเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าความต้องการของลูกค้าในอีกหลายๆประเทศ เพราะฉะนั้นนอกจากเราจะทุ่มงบเพื่อโฆษณาแล้ว ผมมองว่าเราควรจะขยายโรงงานเพื่อรองรับกำลังผลิตที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ด้วย”

เสียงทุ้มห้าวทรงพลังของพญาอินทรีหนุ่มเอ่ยกลางที่ประชุมและนี่คือการประชุมเรื่องงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากที่เขาเข้ามาแนะนำตัว

“ปีหน้าผมจะเข็นแคมเปญระดับโลก ‘ฮอตอีเกิ้ล เรซ ออฟแชมป์เปี้ยนส์’ เพื่อเอาใจหนุ่มสาวที่มีใจรักในมอเตอร์สปอร์ตโดยเราจะเชิญนักแข่งระดับโลกมาประชันความเร็วกันที่เมืองไทยผมคาดหวังกับแคมเปญนี้มาก เพราะถ้ามันสำเร็จ แรงงานคนไทยจะมีงานรองรับมากยิ่งขึ้น”

“งบหมื่นล้านถือว่ามหาศาลมากนะครับ งบจำนวนนี้คงจะไม่กระทบกับเงินโบนัสที่เราจะต้องจ่ายพนักงานของเราใช่ไหมผมมองว่าถ้าเราให้ความสำคัญกับการโฆษณาและขยายโรงงานผลิต แล้วรับพนักงานใหม่มาเพิ่มพนักงานเก่าๆที่ทุ่มเททั้งแรงกายและใจเพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัทของเราจะน้อยใจเอาได้นะครับ”เสียงทุ้มต่ำของผู้จัดการฝ่ายผลิตเอ่ยถามคนที่เขาไม่เชื่อในฝีมือการบริหารมากนัก

“คุณประจักษ์อย่าได้กังวลครับ งบจำนวนนี้จะไม่กระทบกับเงินโบนัสของพนักงานอย่างแน่นอนผมฝากให้คุณประจักษ์ทำความเข้าใจกับพนักงานของเราทุกคนด้วยว่านอกจากเราจะจ่ายโบนัสตามผลประกอบการในแต่ละปีแล้ว เราจะดูแลเรื่องสวัสดิการและความเท่าเทียมของพนักงานทุกคนเราจะประเมินผลงานตามความสามารถของแต่ละคนและอย่างยุติธรรมที่สุด จะไม่มีสงครามพรรคพวกและคลื่นใต้น้ำจนสร้างความไม่สบายใจให้แก่พนักงานส่วนใหญ่ของเรา”

คนในชุดสูทสุดหรูซึ่งนั่งเอนๆอยู่ในตำแหน่งประธานเน้นคำว่า ‘สงครามพรรคพวกและคลื่นใต้น้ำ’ ช้าๆ ดวงตาคมของเขาจ้องคู่สนทนาไม่วางตา

“โดยปกติเราก็ปฏิบัติกับพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมอยู่แล้วนะครับผมไม่เห็นความจำเป็นว่าเราจะต้องแจ้งหรือทำความเข้าใจกับพนักงานอีก ผมดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น”

คนที่ดูเหมือนว่าเข้าอกเข้าใจพนักงานเป็นอย่างดีเอ่ยปฏิเสธงานที่เขาได้รับมอบหมายกลายๆ

“ปัญหาที่คุณว่าก็ไม่มีเกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอนเราคำนึงถึงความเท่าเทียมของพนักงานอยู่แล้ว ทุกคนมีความสุขดี แต่ผมเกรงว่าถ้าพวกเขารู้ว่าเราให้งบกับสิ่งอื่นๆจำนวนมหาศาลขนาดนั้นก็เท่ากับว่าบริษัทของเรามีผลประกอบการที่ดีมากในขณะที่พวกเขาซึ่งเป็นผู้ใช้แรงงานได้เงินโบนัสเพียงไม่กี่เท่าของเงินเดือนและยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม” คนที่เคยอยู่เบื้องหลังการปลุกปั่นให้เหตุผล

“ถึงคุณจะไม่เต็มใจกับภารกิจนี้นักแต่ผมเชื่อว่าคุณจะทำมันได้ดี ผมขอฝากด้วยนะครับ” พญาอินทรีหนุ่มย้ำคำสั่งเพียงสั้นๆดวงตาคมของเขาฉายแววจริงจัง

“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วผมต้องเต็มใจอย่างแน่นอนครับ แล้วผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน”คนที่มีชนักติดหลังหลบสายตาก่อนรับคำสั่ง หากในใจของเขากรุ่นรู้ดีว่าคนที่อายุน้อยกว่าเขามากคงจะได้กลิ่นบางอย่าง

“ขอบคุณมากครับ” ซีอีโอหนุ่มเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะข้ามไปอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน

“ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าผมได้เชิญคุณวีรปัจน์ กลับเข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาในส่วนของการผลิตผมอ่านประวัติการทำงานของเขา เป็นคนเก่ง ซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ผมคิดว่าน่าเสียดายมากถ้าเราจะต้องสูญเสียบุคลากรดีๆ ให้กับบริษัทคู่แข่ง เขาจะกลับมาเริ่มงานกับเราเดือนหน้าผมหวังว่าคุณวีรปัจน์จะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านเป็นอย่างดี”

“คุณวีรปัจน์ลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่เขาบริหารงานผิดพลาดจนทำให้บริษัทของเราได้รับความเสียหาย”คนที่เพิ่งจะหลบสายตาเงยหน้าขึ้น พลางเอ่ยเสียงเข้มเมื่อได้ยินชื่อของคนที่เขาเคยกำจัดให้พ้นทาง

“ความเสียหายที่เคยเกิดขึ้นมีหลายปัจจัยหนึ่งในนั้นก็คือคลื่นใต้น้ำที่มันดูเหมือนจะนิ่งสงบแต่รุนแรงมากคุณก็รู้ดีนะครับคุณประจักษ์ ถึงเราจะบริหารงานดีแค่ไหน แต่ถ้าคนทำงานไม่พร้อมจะให้ความร่วมมือทุกอย่างก็จบค่าปรับหลายสิบล้านที่เราต้องจ่ายเพราะส่งสินค้าล่าช้า จะไม่เกิดขึ้นถ้าทุกคนทำงานเต็มที่ไม่กั๊กกำลังคนเอาไว้ นี่คือผลเสียต่อส่วนรวมที่เกิดจากคนใจแคบเพียงไม่กี่คน”

“อะไรทำให้คุณมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกบริษัทของเราถึงจะมั่นคงและยิ่งใหญ่มากที่สุดในแทบภูมิภาคนี้ แต่ถ้าเราต้องสูญเสียรายได้ไปกับเรื่องที่ไม่ควรเสียยักษ์ใหญ่ๆ ก็ล้มมานักต่อนักแล้วนะครับ”

“ขอบคุณมากครับที่คุณตระหนักเรื่องนี้เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่และป้องกันให้รอบด้านเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาในอนาคตหรือถ้ามันถึงวาระที่เราจำเป็นจะต้องถ่ายเลือดบางทีเราก็อาจจะต้องทำอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้”

เสียงทุ้มห้าวของคนที่นั่งหัวโต๊ะส่งผลให้ในที่ประชุมเงียบกริบเพราะคำว่า ‘ถ่ายเลือด’ของเขาก็คือการปลดหรือลดอำนาจของคนที่ทำผลงานผิดพลาด

“เอาล่ะครับทุกท่านเรื่องที่ผมจะแจ้งมีเพียงเท่านี้อ่อ...คุณสาวิตรีครับ ถ้าคุณได้ข้อมูลเรื่องที่ดินเปล่าแถวชานเมืองหรือจังหวัดใกล้ๆที่เหมาะสำหรับสร้างโรงงานโดยไม่รบกวนชุมชนและสภาพแวดล้อมก็ให้เจ้าของที่ดินหรือนายหน้าติดต่อหาผมโดยตรงได้เลยนะครับหรือถ้ามีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ไหนต้องการจะขาย ก็ให้เขาเสนอมา”ชายหนุ่มสั่งงานเลขาสาวก่อนจะปิดการประชุม

“ค่ะท่าน” สาวิตรีรับคำสั่งอย่างสุภาพ

พญาอินทรีหนุ่มลุกออกไปจากห้องประชุมเป็นคนแรกพร้อมกับน้องสาวของเขาวันนี้โสภิตนภาเข้าร่วมประชุมด้วยกันอีกครั้ง หากเธอไม่มีความเห็นใดๆ นอกจากคอยส่งยิ้มหวานสนับสนุนพี่ชายเพราะเธอได้รับมอบหมายจากเขาเป็นการส่วนตัวให้ทำหน้าที่เป็นแม่งานในการเชื้อเชิญนักแข่งดังจากทั่วโลกมาร่วมประชันความเร็วในปีหน้า

โดยหลังจากนั้นผู้จัดการฝ่ายต่างๆพร้อมเลขาส่วนตัวก็ทยอยกันเดินออกไป หากคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยอารมณ์ที่ยากเกินจะบรรยายก็คือคนที่เคยพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามแล้วนี่อะไรคนที่เขาคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะมานั่งในตำแหน่งประธานก็อัญเชิญเสี้ยนหนามของเขากลับเข้ามาทิ่มแทงใจโดยเผด็จการและไม่ตามระบบแต่ช่างเถอะ ในเมื่อเขาเคยกำจัดมันได้สำเร็จ จะยากอะไรที่เขาจะถอนรากถอนโคนเสี้ยนหนามทั้งเรื่องหัวใจและเรื่องงานเป็นครั้งที่สองคราวนี้เขาจะทำให้มันไม่มีโอกาสกลับมาได้อีกต่อไป...

บรรยากาศภายในห้องทำงานสีครีมโอ่โถงมีภาพเขียนสีน้ำมันรูปพญาอินทรีประดับอยู่บนฝาผนังส่งผลให้เจ้าของห้องดูมีพลังและอำนาจที่น่าเกรงขามหากเสียงเพลงบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีอย่างเอเชียที่ขับกล่อมเบาๆทำให้ซีอีโอหนุ่มใหญ่ผ่อนคลายและทำงานเพลิดเพลินมาหลายชั่วโมงแล้ว

ข้อมือแกร่งของคนที่นั่งดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันยกขึ้นมาดูเวลาและเขาก็เผยรอยยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่ามันเป็นเวลาหนึ่งทุ่ม ราวกับสิ้นสุดการรอคอยหนุ่มใหญ่กดโทรศัพท์หาใครบางคน

“ว่าไงกฤช เบบี๋ของฉันออกมาจากออฟฟิศของเขาหรือยัง”เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามบอดี้การ์ดหนุ่ม

“ยังครับท่าน คุณจอมขวัญเพิ่งกลับเข้ามาตอนสี่โมงเย็นแต่ผมสอบถามกับรปภ.แล้วทราบว่าโดยปกติเธอมักจะออกจากออฟฟิศตอนสามสี่ทุ่มเสมอครับ”บอดี้การ์ดหนุ่มรายงานเจ้านาย ซึ่งความจริงเขาคิดว่ารปภ.ควรจะรอบคอบในการให้ข้อมูลกับคนแปลกหน้า

“ขยันจังเบบี๋...” พญาอินทรีหนุ่มเอ่ยเบาๆก่อนออกคำสั่งเสียงเข้ม

“นายรออยู่ก่อน ฉันจะไปที่นั่นในครึ่งชั่วโมง”

ไม่รอให้คนปลายสายรับคำสั่งพญาอินทรีหนุ่มกดวางสายแล้วปิดคอมพิวเตอร์ทันที ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน มือแกร่งเอื้อมไปหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้ตรงพนักเก้าอี้แล้วเดินออกไปโดยเร็ว...

เบนซ์สปอร์ตสีบรอนซ์คันหรูขับมาเทียบจอดหน้าตึกเดอะสยามนิวส์ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนสุขุมวิททันเวลารถยนต์คันนี้ถูกนำมาแทนคันเดิมเพื่อความคล่องตัวและเหมาะกับสภาพการจราจรหนาแน่นของเมืองหลวงโดยคนที่เพิ่งมาถึงกดโทรศัพท์แจ้งให้คนที่เฝ้าคอยดูแลและติดตามหญิงสาวจบภารกิจของเขาในวันนี้

“ให้ผมขับตามไปดูแลความปลอดภัยให้ท่านนะครับ”

“คงไม่มีใครส่องสไนเปอร์ฉันหรอกน่า ยังไม่เคยสร้างศัตรูสักทีอีกอย่าง ฉันจะจีบสาว ขอเวลาส่วนตัว”

“แต่ว่า...ท่านครับ เราวางใจใครไม่ได้”

“กลับไปพักเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้น่าไอ้หนู”

“ครับท่าน...”

บอดี้การ์ดหนุ่มจำใจรับคำสั่งการที่เขาเติบโตมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ก็เพราะการอุปการะเลี้ยงดูเสมอเหมือนลูกหลานของตระกูล‘พินิจพงษ์’ เขาจึงอุทิศชีวิตเพื่อดูแลเจ้านาย ตระหนักดีว่าในโลกของผู้ทรงอิทธิพลแม้จะเป็นทางด้านการค้าหรือการทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายก็ย่อมมีศัตรูในที่มืด และเขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด

คนออกคำสั่งผ่านโทรศัพท์เดินเข้าไปในตึกร่างสูงใหญ่ตรงเข้าไปถามพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งนั่งอยู่หน้าลิฟต์และทำหน้าที่แทนประชาสัมพันธ์ พญาอินทรีหนุ่มแจ้งชื่อบุคคลที่เขาต้องการพบหากต้องผิดหวังเพราะกฎระเบียบของสำนักพิมพ์ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปนอกเวลาทำการ หรือถ้าในเวลาปกติก็จะต้องแลกบัตรประชาชนตามระเบียบปฏิบัติ

“ให้ผมโทรขึ้นไปแจ้งคุณจอมขวัญดีไหมครับว่ามีคนมารอพบ”เสียงเหน่อของ รปภ. วัยกลางคนเอ่ยถามอย่างสุภาพ

“ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ”หนุ่มใหญ่ตอบพลางยกข้อมือแกร่งขึ้นมาดูเวลา “ขอผมนั่งรอตรงนั้นก็แล้วกันไม่ผิดระเบียบใช่ไหม”เขาพยักพเยิดหน้าไปยังส่วนที่ใช้รับรองแขกซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า

“ได้ครับ อีกไม่ถึงสองชั่วโมงคุณจอมก็จะลงมาแล้วเธอมักจะกลับเวลานี้เสมอ” รปภ. วัยกลางคนแจ้ง เขานึกชื่นชมคนตรงหน้าเพราะด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของหนุ่มใหญ่ฉายชัดถึงรัศมีแห่งอำนาจหากสิ่งที่เขาได้รับคือคำพูดที่สุภาพและยอมรับกฎระเบียบโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

พญาอินทรีหนุ่มเดินไปนั่งรอที่โซฟาหนังสีครีมมือแกร่งเอื้อมไปหยิบนิตยสารบันเทิงเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลาคิ้วเข้มทั้งสองข้างของเขาบรรจบกันทันใดเมื่อค่อยๆเปิดไปทีละหน้าแล้วปรากฏภาพของนางแบบสาวที่เพิ่งจะเสียชีวิตเพราะเสพยาเกินขนาดไปไม่นานภายในเล่มรวบรวมผลงานการถ่ายแฟชั่นของ เมลิซ่า โมนิค ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการตอนอายุสิบสี่ปีเธอสดใส สวยสมวัย และมีเสน่ห์บนเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบของแบรนด์ดังแม้กระทั่งตอนเฉิดฉายอยู่บนแคทวอล์คร่วมกับนางแบบคนอื่นๆซึ่งมันแตกต่างจากสภาพที่เขาเห็นในคืนนั้นรูปร่างที่เคยสมส่วนสวยงามอย่างนางแบบก็ซูบผอมกว่าปกติ ผิวพรรณที่ควรจะสดใสสมวัยก็ซีดเซียวและถ้าหากว่าเขาเจอเธอก่อนหน้านั้น เธอคงจะไม่ถูกพบร่างไร้วิญญาณในห้องพักของตัวเอง

หากก่อนที่นิตยสารบันเทิงจะดึงหนุ่มใหญ่ลึกลงไปในเนื้อหาเสียงห้าวของผู้มาใหม่ก็ส่งผลให้เขาวางมันลงข้างตัว

“ชอบอ่านข่าวบันเทิง จะได้เลือกสาวสวยเอาไปเก็บไว้ในคอลเล็คชั่นหรือพี่”นักข่าวสาวเอ่ยพลางจ้องหน้าคนที่ส่งยิ้มหวาน“ถ้าฉันเดาว่าตัวเองได้รับเกียรติมากที่มีซีอีโอหนุ่มคนดังมานั่งรอคงจะไม่เป็นการหลงตัวเองเท่าไหร่หรอกมั้ง”

“ใช่ครับ พี่มารอจอม เลิกดึกจัง จอมเหนื่อยไหม” ชายหนุ่มไม่นำพาคำพูดค่อนขอดของหญิงสาวร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเขามาใกล้ “หิวไหมครับ เราไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันส่วนมอเตอร์ไซค์ของจอมจอดไว้ที่นี่ พรุ่งนี้เช้าพี่มาส่ง”ชายหนุ่มก้มลงมาเอ่ยชวนเสียงนุ่ม

“หิว...แต่ไม่ชอบกินข้าวนอกบ้าน เปลืองตังค์”หญิงสาวตอบก่อนเงียบไป “คุณอย่าบอกนะว่ามานั่งรอเพื่อจะชวนฉันไปกินข้าว”

“ครับ…พี่มารอรับจอมไปทานข้าว เราไปโรงแรมใกล้ๆ แถวคอนโดฯ ก็ได้มีร้านอาหารจีน”

“อือ...รวยมาก จะกินทีก็ต้องกินในโรงแรม”เสียงห้าวยังคงประชดประชัน เธอไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนั้นความจริงแล้วเธอน่าจะปลื้มเสียด้วยซ้ำที่มีหนุ่มใหญ่ใจป้ำมายื่นข้อเสนอเลี้ยงมื้อค่ำสุดหรู

“ถ้างั้นพี่ให้จอมเลือกอยากทานที่ไหนพี่ตามใจจอม” พญาอินทรีหนุ่มไม่ละความพยายามคืนนี้เขาไม่พร้อมรับคำปฏิเสธจากเธอ

หญิงสาวไม่ตอบหากใช้ความคิด เพียงครู่เธอก็เอ่ยเมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของเขา

“หยุดพูดเสียงหวานๆ แบบนั้นกับฉันได้ปะ เคยมีใครบอกพี่หรือยังว่ามันเลี่ยนคนฟังขนลุกหมดแล้ว” เสียงห้าวเอ่ยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกเธอเองไม่กล้ายอมรับว่าสายตาน้ำเสียงและกลิ่นกายใหม่ของเขาส่งผลบางอย่างต่อความรู้สึกของเธอเช่นกัน

“ไม่เคยมีใครบอกสักที เพราะพี่ไม่เคยพูดกับใครแบบนี้มาก่อนนอกจากกับจอม”หนุ่มใหญ่ไม่นำพากับคำพูดห้ามปรามของคนที่ไม่รู้ว่าเวลานี้แก้มขาวซึ่งปราศจากเครื่องสำอางของตัวเองระบายเต็มไปด้วยสีชมพูระเรื่อ จนเขาต้องหักห้ามใจอย่างมากที่จะไม่ก้มลงไปประทับริมฝีปากแล้วค่อยๆละเลียดราวกับชิมผลเชอร์รี่สุกปลั่งที่แสนหวานเสียเดี๋ยวนี้

“ไปก็ได้ แต่จะขับมอเตอร์ไซค์ไปเองพี่ก็ขับตามมาแล้วกัน”

หญิงสาวยอมรับคำชวนเพียงครึ่งเดียวจนชายหนุ่มเผยรอยยิ้มหวานกว่าเก่า หากเขาก็ไม่ได้เอ่ยคำใด

“จะไปได้หรือยัง ถ้าไม่ไปก็ยืนยิ้มหวานอยู่นี่ก็แล้วกัน"จอมขวัญเอ็ดไปหนึ่งยกก่อนเอ่ยถาม " อ่อ...แล้วพี่กินอาหารริมทางได้หรือเปล่าถ้ากินไม่ได้ก็แยกกันตรงนี้”

“ได้ครับ พี่กินง่ายอยู่ง่าย กินง่ายจนจอมแทบจะไม่เชื่อเชียวล่ะ”

พญาอินทรีหนุ่มตอบไม่ทันจบประโยคดีนักข่าวสาวก็เดินนำไปยังมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเธอทิ้งให้เขามองตามแผนหลังที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วราวกับจังหวะดนตรี ใบหน้าคมเข้มของเขาเผยรอยยิ้มบางๆ

จอมขวัญสตาร์ตเครื่องรอศีรษะในหมวกกันน็อคสีดำสนิทหันไปเหลือบมองเบนซ์สปอร์ตคันหรูของชายหนุ่มหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาพร้อมแล้วเท้าเล็กในรองเท้าหนังคู่เดิมก็เหยียบเกียร์มือบางบิดคันเร่งก่อนทะยานมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกไปด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจว่าเขาจะตามทันหรือไม่

ไม่กี่นาทีทั้งคู่ก็มาจอดที่หน้าร้านข้าวต้มโต้รุ่งริมทางซึ่งตั้งอยู่ในซอยเดียวกันกับคอนโดฯ ของพวกเขา หญิงสาวจอดมอเตอร์ไซค์แล้วล็อกกุญแจเอาไว้ก่อนเดินไปหาที่นั่งเวลานี้มีลูกค้าในร้านไม่มากนัก เพียงครู่เดียวชายหนุ่มซึ่งรูดเนคไทสีน้ำเงินเข้มออกเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนเสื้อขึ้นมาครึ่งแขน แล้วปลดกระดุมจากคอเสื้อลงมาสองเม็ดเผยให้เห็นไรขนบางๆ กับกางเกงสแล็คสีดำแบบเดิม เขาเดินไปยังโต๊ะเล็กๆที่จอมขวัญนั่งรออยู่พร้อมกับเมนูเก่าๆ ในมือของเธอ

“นั่งสิคุณ เก้าอี้พลาสติกเก่าๆ แข็งๆ นั่งได้หรือเปล่า”หญิงสาวเงยหน้ามองร่างสูงก่อนก้มลงอ่านเมนูอาหารด้วยท่าทางสนอกสนใจ

“สบายมากครับ ที่นี่อะไรอร่อย”คนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามเอ่ยถาม

“สั่งเลย อร่อยทุกอย่างเฮียโก้ทำอาหารอร่อยที่สุดในย่านนี้แล้ว ร้านประจำของฉันเอง”

หญิงสาวตอบโดยไม่มองหน้าเขาเพราะสายตาของเธอมัวแต่อ่านเมนูซึ่งเฮียโก้ พ่อครัวเอกเจ้าของร้านมักจะเสริมเมนูทดลองใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้ชิมเสมอ

“ถ้างั้น...จอมสั่งเลยครับ พี่กินได้หมด”ชายหนุ่มเอ่ยขณะมองหญิงสาวที่กำลังมีความสุขกับการอ่านเมนูอาหารด้วยท่าทางที่สุดแสนจะธรรมชาติ

“เอางั้นเหรอคุณ ฉันสั่งอะไรมาคุณกินได้แน่นะ กินรสจัดได้หรือเปล่าเกิดคุณท้องเสียเพราะอาหารเป็นพิษขึ้นมา ฉันไม่มีปัญญารับผิดชอบหรอกไม่ค่อยมีตังค์ หรูๆ อย่างคุณคงไม่ยอมนอนโรงพยาบาลรัฐหรอกฉันรู้…”

ไม่ทันที่หญิงสาวจะจบประโยคดีเสียงหัวเราะของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ระเบิดดังขึ้นเขาประทับใจในความตรงไปตรงมาของเธอ ถึงแม้น้ำเสียงจะห้วนและห้าวหากมันก็ไม่ได้ก้าวร้าวเสียจนเขารับไม่ได้

“เพื่อนของพี่เคยพูดว่าพี่คงจะมีกระเพาะชนิดเดียวกับสุนัขเพราะกินอะไรเข้าไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เมื่อหลายปีก่อนพี่กลับมาเมืองไทยไปกินอาหารในภัตตาคารหรู ทุกคนที่ไปด้วยท้องเสียกันหมดเพราะอาหารเป็นพิษส่วนพี่ก็รอด” ชายหนุ่มเล่าถึงความหลังที่ยาวนานมากอย่างอารมณ์ดี

“ถ้างั้นก็ดีเลย จะสั่งล่ะนะอ่อ...แล้วจะกินข้าวต้มหรือข้าวสวย”

“เอาข้าวสวยก็แล้วกันครับ”

เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็พยักหน้าก่อนลุกเดินไปสั่งอาหารแล้วกลับมานั่งรอไม่นานอาหารสี่ห้าอย่างก็มาเสิร์ฟ ซึ่งแต่ละอย่างก็หน้าตาน่ารับประทานหากเน้นไปทางเมนูที่รสจัด เมนูจานแรกที่เธอมักจะสั่งเสมอก็คือปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลารับประทานคู่กับน้ำจิ้มอาหารทะเลรสแซ่บสูตรเด็ดของเฮียโก้ จานที่สองก็คือกบทอดกระเทียมพริกไทยจานโปรดส่วนอีกสามอย่างคือต้มยำทะเลน้ำข้นสีสันจัดจ้าน รวมทั้งพล่ากุ้งที่ขนาดของกุ้งตัวโตไม่แพ้ในภัตตาคารหรูและจานสุดท้ายก็คือยำกุนเชียงหน้าตาดีหากอุดมไปด้วยพริกสดเพราะเป็นรสชาติที่เธอชอบ

ทั้งคู่รับประทานอาหารทันทีเมื่อทุกเมนูมาเสิร์ฟจนครบโดยหญิงสาวสั่งไข่เจียวปูเพิ่มเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคนตรงหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อหากตัวเขาก็ไม่ได้บ่นอะไรพร้อมกันนั้นเธอก็สั่งข้าวต้มให้ตัวเองเพิ่มหนึ่งถ้วยพร้อมกับข้าวสวยของเขา และสั่งซ้ำหลายครั้งจนถ้วยใบเล็กๆซ้อนกันเป็นแถวสูง

จนกระทั่งเมื่ออาหารบนโต๊ะเกลี้ยงทุกจาน หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าแล้วเอ่ยถาม

“อิ่มไหมล่ะคุณ เบิ้ลได้นะ รอได้แต่ฉันอิ่มแล้วล่ะ”

“เบิ้ลไม่ไหวแล้วครับ อร่อยมากๆสมกับที่จอมการันตีไว้เลย วันหลังเรามากันอีกนะ” เขาตอบขณะซับเหงื่อบนหน้าผาก

“ฉันคงไม่ว่างมานั่งกินข้าวกับคุณบ่อยๆ หรอกบอกไว้ก่อนวันนี้ที่ยอมมาด้วยก็เพราะหิว แล้วก็ขี้เกียจหาเหตุผลปฏิเสธเห็นคุณอุตส่าห์ไปนั่งรอ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอเก้อมันเสียมารยาท” หญิงสาวตอบตามความจริง“วันหลังห้ามคุณมานั่งรอแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ เราไม่ได้เป็นอะไรกันขี้เกียจตอบคำถามคนในตึก หรือถ้าคุณจะมาก็ให้โทรมาก่อน ฉันไม่ได้อยู่ออฟฟิศทั้งวันหรอกคุณมารอเก้อฉันจะบาปเอาเปล่าๆ ไม่อยากสร้างภาระให้ใคร”

หญิงสาวเอ่ยโดยไม่ทันคิดว่านี่จะเป็นการเปิดทางให้เขา

“ถ้างั้นพี่ขอเบอร์โทรศัพท์ของจอมก็แล้วกันนะครับต่อไปพี่จะโทรหาจอมก่อน จอมจะได้ไม่ลำบากใจ”

คนที่เอ่ยขอเบอร์หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมยื่นมือออกไปขอโทรศัพท์ของเธอแล้วยิ้มหวานเมื่อเธอล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังหยิบมันออกมาส่งให้เขาแต่โดยดีที่ง่ายดายเช่นนั้นก็เพราะเธอคือนักข่าว และถือคติว่าการได้แลกเบอร์โทรศัพท์กับคนที่อาจจะเป็นแหล่งข่าวชั้นดีนับว่าเป็นโอกาสและข้อได้เปรียบของเธอต่อคู่แข่งเสมอในการสืบหาข่าวโดยที่เธอไม่รู้ว่าคนที่รับมันไปจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์และชื่อของเขาในโทรศัพท์ของเธอว่า“ดาร์ลิ้ง” และชื่อของเธอในโทรศัพท์ของเขาว่า “เบบี๋”ก่อนจะส่งคืนพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“กลับเหอะคุณจะห้าทุ่มแล้ว พรุ่งนี้ฉันมีงานเช้า”หญิงสาวเอ่ยชวนหลังจากรับโทรศัพท์คืน แล้วหันไปยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟมาเช็คบิล

“500 บาทครับ”เด็กเสิร์ฟเดินมาบอกพร้อมยื่นถาดซึ่งมีกระดาษเล็กๆ ส่งให้ชายหนุ่ม

“คนละ 250 บาท” หญิงสาวหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าจำนวนพอดีวางลงในถาด

“มื้อนี้พี่ขอเป็นเจ้ามือก็แล้วกันครับ ฉลองที่เราได้กินข้าวด้วยกันเป็นมื้อแรก”พญาอินทรีหนุ่มปฏิเสธกลายๆ มือแกร่งล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยบาทวางลงในถาดพร้อมกับส่งเงินจำนวนครึ่งหนึ่งคืนให้หญิงสาว

“ไม่เอา แชร์กันดีแล้วไม่อยากเป็นบุญคุณ ถ้าไม่รับก็จะไม่มีคราวหน้าอีกแล้ว”

หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบมือบางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วจ้องตาเขาราวกับตั้งคำถามว่า 'จะเอาหรือไม่เอา'แล้วยักไหล่เมื่อชายหนุ่มรวบเงินของเธอใส่กระเป๋าก่อนวางธนบัตรใบละห้าร้อยบาทลงในถาดแล้วแถมด้วยธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทอีกหนึ่งใบ

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมายังพาหนะคู่ใจของตัวเองจอมขวัญสวมหมวกกันน็อกก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วขับนำออกไปโดยไม่รอในขณะที่พญาอินทรีหนุ่มเร่งความเร็วตามหลังเธอประชิด ไม่นานนักทั้งคู่ก็เลี้ยวรถเข้าไปในคอนโดฯหรู โดยที่หญิงสาวขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดยังชั้นจี แล้วเดินมายังลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นสิบหกเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มขับขึ้นไปจอดที่ชั้นของเขาก่อนจะเดินลงลิฟต์มายังชั้นสิบหกและยืนมองภาพไกลๆรอจนกระทั่งแน่ใจว่าหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องพักของเธอเรียบร้อยแล้วโดยไม่ทำสิ่งของบางอย่างตกเอาไว้หน้าห้องจนเป็นเหตุให้เขาเข้าห้องของเธอได้อย่างในคืนนั้น

พญาอินทรีหนุ่มเดินไปสำรวจหน้าห้องของหญิงสาวอีกครั้งดวงตาคมมองประตูบานหนาชั่วครู่อย่างหักห้ามใจก่อนจะเดินกลับไปยังชั้นยี่สิบของตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ...



[1] ฮอตอีเกิ้ล และ เฟรชชี่อีเกิ้ล เป็นโฆษณาที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของพี่โป๊ะและน้องมัท ติดตามเรื่องราวได้จากเรื่องดวงใจมัท


*******************************************************

มีวางจำหน่ายแล้วในรูปแบบ E-BOOK ค่ะ ตามลิ้งก์ค่ะ


//www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=9773


ส่วนรูปเล่มใครสนใจแจ้งเข้ามาได้ทีที่: wikky7ster@gmail.com ค่ะ

หรือแฟนเพจ 





Create Date : 13 ธันวาคม 2557
Last Update : 13 ธันวาคม 2557 12:11:26 น. 0 comments
Counter : 778 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wikky_78
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wikky_78's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.