ปฎิรูป-ถอยอย่างไรไม่ให้ล้ม*** WHITESPACE.CO.LTD

whitespace
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เมื่อไม่มีสิ่งใดจริง จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
.....อ่านเรื่องพุทธบารมี
.....ลีลาสมเด็จพุฒาจารย์โต
.....ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา-หลวงปู่มั่น

Google..
.....................พ่อของแผ่นดิน...
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add whitespace's blog to your web]
Links
 

 

โพธิสัตต์จรรยาวตาร รจนาโดยท่าน ศานติเทวะ


พระมัญชุศรี พระโพธิสัตต์ผู้นำทางของท่านศานติเทวะ



. . . คั ด ล อ ก โพธิสัตต์จรรยาวตารของท่านศานติเทวะ ออกมาเล็กน้อย เอามาให้อ่านกันค่ะ ใครอ่านแล้วน้ำตาไหลพรากๆ แสดงว่ามีเชื้อของโพธิสัตต์อยู่ในจิต แต่อ่านแล้วงง อันนี้ถือว่าธรรมดานะคะ เพราะจิตโพธิสัตต์นั้นยากเกินปุถุชนจะล่วงรู้ แต่ก็พอรู้ได้บ้างค่ะ


วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง พ ร ะ โ พ ธิ สั ต ต์ (โพธิสัตต์จรรยาวตาร)
รจนาโดย ท่านศานติเทวะ พระอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนาลันทา คริสต์ศตวรรษที่ 8
ฉบับแปลโดย โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ จากฉบับภาษาอังกฤษของ เวสนาและอลัน วอลเลซ
อวกาศสีขาว - ผู้คัดลอกเพื่อเผยแพร่ทางเน็ต

คั ด ม า ใ น บ ท ที่ แ ป ด .. ฌ า น บ าร มี
ข้อ ที่ 10 - 40

10. เขาเป็นเพื่อนในเวลาหนึ่ง และอีกเวลาหนึ่งเขาก็เป็นศัตรู ในโอกาสที่จะน่าพึงพอใจ เขากลับโกรธเกรี้ยว ปุถุชนนั้นยากที่จะทำให้พอใจได้

11. เมื่อปุถุชนได้รับคำแนะนำ ก็เกิดเป็นความโกรธ พวกเขาเดินหนีจากคำแนะนำดีๆ ถ้าไม่มีใครฟังพวกเขา ก็จะโกรธและเดินทางลงไปยังอบายภูมิ

12. ปุถุชนรู้สึกอิจฉาคนที่เหนือกว่าตน รู้สึกแข่งขันกับคนที่เท่าๆกัน รู้สึกดูหมิ่นดูแคลนคนที่ด้อยกว่าตน รู้สึกหยิ่งทะนงเมื่อได้รับคำสรรเสริญ และโกรธเมื่อถูกติเตียน เมื่อใดเล่าที่จะมีประโยชน์จากคนโง่

13. ระหว่างคนโง่คนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง บางสิ่งบางอย่างที่ปราศจากคุณธรรมต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เช่นการเยินยอตัวตนของตนเอง การนินทาว่าร้ายผู้อื่น การพูดคุยเกี่ยวกับความเพลิดเพลินต่างๆของสังสารวัฏ

14. ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราไปสังสรรค์เสวนากับอีกคนหนึ่ง ก็จะพบความขัดแย้ง ข้าฯจะดำรงชีวิตอย่างมีความสุขเพียงผู้เดียว ด้วยจิตอันปราศจากเครื่องเศร้าหมอง

15. เราควรหลีกหนีไกลจากคนโง่ เราควรทำให้คนที่เราพบปะ พอใจด้วยสิ่งอันน่าเพลิดเพลินต่างๆ ทั้งนี้มิใช่มาจากความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ชิด แต่มาจากบุคคลที่มีจิตใจดี และไม่มีความรักและความชัง

16. ข้าฯรับเองเฉพาะประโยชน์ของพระธรรม เช่นเดียวกับผึ้งที่ดูดเอาน้ำหวานจากดอกไม้ ข้าฯจะอยู่ในทุกๆที่ โดยไม่มีใครรู้จัก ราวกับข้าฯมิเคยดำรงอยู่มาก่อน

17. คนที่คิดว่าฯ ”ข้าฯร่ำรวยและมีเกียรติยศ มีคนจำนวนมากชื่นชอบข้าฯ” คนผู้นี้กำลังอยู่ท่ามกลางความกลัวความตาย ที่กำลังจะมาถึง

18. ที่ใดก็ตาม ที่จิตอันถูกครอบงำด้วยความเพลิดเพลิน พบกับความยินดี ณ ที่นั้น ความทุกข์อันมากเป็นพันๆเท่า จะเกิดขึ้นและจะตกมาสู่ผู้นั้น

19. ดังนั้น ผู้ฉลาดจึงไม่ปรารถนาความเพลิดเพลินเหล่านั้น ความกลัวเกิดขึ้นจากตัณหา แต่ก็จะผ่านไปเอง ขอให้เราสร้างความเข้มแข็ง และมองสิ่งเหล่านี้ ด้วยจิตอันเป็นอุเบกขาไม่ยินดียินร้าย

20. คนหลายคนกลายเป็นคนรวย และอีกหลายคนมีชื่อเสียง แต่ไม่มีใครเลยที่รู้ว่า ได้ไปที่ไหนมากับทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของเขา ..(อาจหมายถึงผลที่จะได้รับจากการกระทำเพื่อทรัพย์สินและชื่อเสียงนั้น ถ้าได้มาโดยไม่สุจริตก็คือได้ไปสร้างภพภูมิที่เลวเอาไว้ - ผู้คัดลอก)

21. หากคนอื่นดูแคลนข้าฯ ทำไมข้าจึงฯปิติเมื่อได้รับคำชื่นชม? หากคนอื่นชื่นชมข้าฯ เหตุใดข้าจึงเศร้าโศกเมื่อได้รับคำติเตียน?

22. หากสัตว์โลกที่มีพื้นเพต่างๆกัน ไม่พอใจแม้กระทั่งพระชินเจ้าเอง แล้วพวกเขาจะพอใจกับคนด้อยปัญญาอย่างข้าฯได้อย่างไร ดังนั้นการใส่ใจกับโลก จะมีจุดหมายอะไรกัน?

23. พวกเขาดูแคลนคนที่ไม่มีโภคทรัพย์ และเหยียดหยามผู้ที่มีโภคทรัพย์ คนเหล่านี้ ผู้ซึ่งธรรมชาติของเขามีแต่ความทุกข์ จะนำความสุขมาให้ได้อย่างไร?

24. พระตถาคตเจ้าทั้งหลายตรัสว่า คนโง่ไม่ใช่เพื่อนของใครเลย เพราะว่าความนิยมชมชอบของคนโง่นั้น ไม่เคยเกิดขึ้นโดยปราศจากการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ..(ข้อนี้ใช้กับพวกชื่นชอบทักษิณได้นะเนี่ย – ผู้คัดลอกเองฮ่ะ)

25. ความรักที่มาจากความเห็นแก่ตน เป็นความรักเพื่อประโยชน์ของตนเอง เช่นเดียวกับความคับแค้นใจที่สูญเสียสิ่งของ มีที่มาจากการสูญเสียความเพลิดเพลินยินดีในของนั้นๆ

26. ต้นไม้นั้นไม่ทำร้ายใคร และก็ไม่รู้สึกยินดีในการทำความเพียร เมื่อใดหนอที่ข้าฯจะดำรงอยู่ท่ามกลางผู้ที่ทำให้เกิดปิติยินดีเมื่อได้อยู่ด้วย ..(ผู้คัดลอกเดาว่า อยู่ท่ามกลางเหล่าโพธิสัตต์ด้วยกันอีกครั้ง พระโพธิสัตต์ทำความเพียรในโพธิญาณด้วยความไม่ติดยึดในความยินดี-ท้อแท้-หรือเหน็ดเหนื่อย คือมีสติเท่าทัน)

27. หลังจากที่ได้อยู่ในวัดร้าง ใต้โคนไม้ หรือในถ้ำ เมื่อใดที่ข้าฯจะย่างเดินออกไป ไม่มีห่วงและไม่เหลียวกลับมามอง

28. เมื่อใดหนอที่ข้าฯจะอยู่ในถิ่นที่ไม่มีเจ้าของอันกว้างใหญ่ ท่องไปตามที่ใจปรารถนา และปราศจากบ้านเรือนที่อาศัย

29. เมื่อใดหนอที่ข้าฯจะอยู่อย่างไม่ต้องกลัว ไม่ต้องปกป้องร่างกาย มีเพียงบาตรดิน เป็นสมบัติชิ้นเดียวกับจีวรที่ไม่มีค่าแม้แต่กับโจร

30. เมื่อใดหนอที่ข้าฯจะไปยังป่าช้า และเปรียบร่างของข้าฯนี้ อันมีความเปื่อยไปเป็นธรรมดากับศพอื่นๆ?

31. เนื่องด้วยร่างนี้ก็จะเน่าเสีย จนแม้หมาในก็ไม่ยอมมาใกล้ๆ เนื่องมาจากส่งกลิ่นเหม็นมาก

32. ถ้าชิ้นส่วนกระดูกอันมากับร่างนี้ แยกออกเป็นส่วนๆ แล้วชิ้นส่วนกระดูกของคนอื่นที่เราผูกพันรักใคร่เล่า จะเป็นฉันใด?

33. คนผู้หนึ่งเกิดมาคนเดียว แล้วตายไปคนเดียว ไม่มีใครเลยที่จะมามีความทุกข์อันเดียวกับเราได้ คนที่รักเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์อะไร นอกจากเป็นอุปสรรคเปล่าๆ?

34. เช่นเดียวกับผู้ออกเดินทางซึ่งจะต้องหาที่พัก ผู้ที่ออกเดินทางไปในสังสารวัฏ ก็ต้องหาที่พักในการเกิดใหม่

35. ตราบที่เราถูกแบกไปด้วยคนสี่คน และมีคนมาร้องไห้ เราควรจะออกไปอยู่ป่า ..(ตราบใดที่ยังไม่พ้นการเกิดแก่เจ็บตาย ผู้ตกอยู่ในสังสารควรหาทางหลุดพ้นจากความทุกข์อันไม่จบสิ้นนี้ – ผู้คัดลอก)

36. ปลอดจากความผูกพันกับคนอื่นๆ ปราศจากความขัดแย้ง เราอยู่กับความสันโดษ เราได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว และก็ไม่เสียใจเมื่อกำลังจะตาย ..(เส้นทางของโพธิสัตต์นั้นเป็นไปเพื่อหาทางดับทุกข์และช่วยเหลือสรรพสัตว์ แต่ไม่ใช่มัวเพลิดเพลินอยู่กับการพัวพันในกิเลสกับเหล่าสรรพสัตว์ – ผู้คัดลอก)

37. ไม่มีใครก่อทุกข์ให้เรา มาคอยติดตามเรา มาร่ำไห้กับเรา ไม่มีใครที่มาคอยรบกวนเราจากการรำลึกถึงพระพุทธเจ้ากับอย่างอื่นๆ

38. ดังนั้น ข้าฯจะปลูกฝังความสันโดษ ซึ่งเป็นที่น่ารื่นรมย์ยินดี ปราศจากความยากลำบาก ให้ผลอันดี และกำจัดเสียซึ่งสิ่งรบกวนทั้งมวล

39. ปลอดจากความห่วงกังวลอื่นใด มีจิตที่มุ่งมั่นอยู่กับสิ่งเดียว ข้าฯจะมุ่งมั่นฝึกสมาธิกำราบจิต ..(ในเส้นทางทั้งของพระโพธิสัตต์และพระอรหันต์นั้น ต้องมีความเพียร สันโดษ และเอาชนะกิเลสให้จงได้ – ผู้คัดลอก)

40. เนื่องด้วยตัณหา นำพามาซึ่งความทุกข์ยากทั้งหลายในโลกนี้และโลกหน้า ด้วยเป็นข่ายรัดรึง เป็นคุก เป็นการโบยตี และเป็นการตัดอวัยวะเป็นส่วนๆทั้งในโลกนี้ ในนรกภูมิ และเช่นเดียวกันอีกในโลกหน้า




...
ป.ล. - นั่งพิมพ์มาให้อ่านเพื่อประคองใจตัวเองให้สงบลงตอนขณะพิมพ์ เพราะเอาคอมพ์ไปซ่อมแล้ว มาถึงบ้านก็เชื่อมเน็ตไม่ได้อีก ไม่เคยเลยที่จะซ่อมทีเดียวผ่าน ต้องหิ้วเคสไปๆ มาๆ หลายครั้ง จิตนี้ก็พลอยสะเทือนไปมากเอาการ เคสมันอันไม่เล็กนี่นา หนักก็หนัก จิตนี่ ต้องประคองไม่ให้สะเทือนตลอด เพราะความโกรธนี่ หากเกิดขึ้น จะมีอำนาจทำลายล้างทุกอย่าง ไม่ควรปล่อยให้เกิด หรือควบคุมไม่อยู่ มันอันตราย..
กำลังเขียนเรื่องหนทางพระโพธิสัตต์ เดี๋ยวมาแปะค่ะ




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2550
0 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2550 22:31:50 น.
Counter : 826 Pageviews.

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.