ปฎิรูป-ถอยอย่างไรไม่ให้ล้ม*** WHITESPACE.CO.LTD

whitespace
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เมื่อไม่มีสิ่งใดจริง จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
.....อ่านเรื่องพุทธบารมี
.....ลีลาสมเด็จพุฒาจารย์โต
.....ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา-หลวงปู่มั่น

Google..
.....................พ่อของแผ่นดิน...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
20 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add whitespace's blog to your web]
Links
 

 
คมช.แปรพักตร์

หลังสมัครขึ้นเป็นนายกฯ และเริ่มปฏิบัติการณ์นอมีนีทักษิณ โดยเอาเสรีพิสุทธิ์ออกจากอตร. และปฏิบัติการโยกย้าย ตำรวจทหารร่วมรุ่นแม้วขึ้นมาแทนที่พวกเก่า คมช.ก็เริ่มแบ่งสาย เป็นคมช.พันธุ์แท้ กับคมช.แปรพักตร์


รายงานพิเศษ / พฤหัส อัสดง - จากมติชนสุดฯ


ร า ย ง า น พิ เ ศ ษ
พฤหัส อัสดง


ศึกชิงกองทัพ "หมัก-แม้ว-พันธมิตรฯ" รอวัน"อนุพงษ์"เลือกข้าง เปิดแผน"สายลับหญิง" เจาะ คมช.-สลาย ตท.6 หยุดปฏิวัติ

ด้วยเพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยเป็น "แนวร่วม" สำคัญ หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นผู้สร้างเงื่อนไข แบบรู้กันกับฝ่ายทหาร จนทำให้เกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยอ้างว่าม็อบจะปะทะกันนองเลือดมาแล้ว

จะเห็นได้จากคำพูดหนึ่งของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนหนึ่ง ที่ราวกับทวงบุญคุณในภายหลัง เมื่อเกิดความร้าวฉานกับคณะปฏิวัติว่า "ไม่มีเรา ก็ไม่มีเขา"

จึงทำให้การออกมาสู่ท้องถนนอีกครั้งของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีแกนนำหน้าเดิมๆ ซึ่งมาจับจองสะพานมัฆวานรังสรรค์ และถนนราชดำเนินนอก ครั้งนี้ ถูกมองตั้งแต่ต้นว่า ต้องการเรียกร้องให้ทหารก่อการปฏิวัติล้มรัฐบาลและล้างระบอบทักษิณอีกครั้ง หลังจากที่การปฏิวัติครั้งก่อนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในการสกัดกั้นระบอบทักษิณ

จึงไม่แปลกที่ระยะแรกของการชุมนุม จะมีเสียงเรียกร้องให้ทหารออกมาแก้ไขสถานการณ์วิกฤตทางการเมืองนี้ ซึ่งก็หมายถึง การปฏิวัติ นั่นเอง

ครั้งนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งความหวังไว้ที่กองทัพ อันเป็นเหตุผลหนึ่งที่เคลื่อนพลจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาปักหลักยังสะพานมัฆวานฯ และยึดหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ที่หวังให้เป็นฐานที่มั่นสุดท้าย ที่จะโอบปีกปกป้องม็อบ

แต่ในเมื่อทหารเองก็มีบทเรียนราคาแพงจากการปฏิวัติครั้งที่ผ่านมา และรู้ว่าประชาชนก็ไม่ยอมรับการปฏิวัติอีกแล้ว เพราะมันไม่อาจแก้ปัญหาใดๆ ได้

อีกทั้งในบรรดาผู้นำเหล่าทัพ ไม่ได้มีเอกภาพอีกแล้ว เพราะจะแบ่งเป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่เป็น "คมช.พันธุ์แท้" คือ ยังไม่เปลี่ยนจุดยืน ที่อยากจะแก้ตัว และต้องการล้มระบอบทักษิณ หากแต่ไม่มีอำนาจในกองทัพเบ็ดเสร็จ

กับ "คมช.แปรพักตร์" ที่หันกลับไปสมานฉันท์กับฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และญาติดีกับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม


ในจำนวนนี้ รวมถึง บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพราะมีรายงานการสานสัมพันธ์สมานฉันท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ก็เป็นเพื่อน ตท.10 กันแล้ว อันมีภาพการทรุดตัวลงกราบตักสวัสดี พ.ต.ท.ทักษิณ ที่งานศพมารดาที่วัดโสมนัสฯ ยืนยัน รวมถึงการร่วม "สร้าง" ประวัติศาสตร์ช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้มาพบสวัสดีและขอโทษ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในงานเดียวกัน เป็นตัวยืนยัน

ไม่นับรวมภาพแห่งความใกล้ชิดสนิทสนมแบบชั่วข้ามคืนของ พล.อ.อนุพงษ์กับนายสมัคร ที่เดินจับจูงมือกันตลอด หรือควงคู่กันไปเยือนต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 เดือนของนายกฯ สมัคร

จึงไม่แปลกที่ในระยะแรก ที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และเสียงจากเวทีพันธมิตรฯ ที่ก็ชุมนุมอยู่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ที่เรียกร้องและปลุกสำนึกทหาร "ออกมา ออกมา" โดยเฉพาะพุ่งไปที่ พล.อ.อนุพงษ์ นั้น จึงไม่มีผลใดๆ

ไม่ว่าชื่อของ พล.อ.อนุพงษ์ และ บิ๊กตู่ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะที่เคยรับราชการในกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ที่ล้วนถือว่าเป็น "ทหารเสือราชินี" หัวใจหลักของการปฏิวัติ จึงถูกเอ่ยอ้างและพาดพิงถึงเสมอๆ บนเวทีพันธมิตรฯ ที่พยายามปลุกเร้า "ทหารเสือของพระราชา และทหารเสือราชินี" ให้ออกมาอยู่เคียงข้างประชาชน หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังนิ่ง

แม้ว่าช่วงหนึ่ง พล.อ.อนุพงษ์จะเรียกเสียงชื่นชมจากเวทีพันธมิตรฯ ได้ เมื่อแนะนำ คัดค้านไม่ให้นายสมัครประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือการใช้กำลังตำรวจ แม้แต่ทหารในการสลายม็อบ จนทำให้พวกเขาคิดว่า พล.อ. อนุพงษ์อยู่ข้างประชาชน อีกทั้งได้ประกาศจุดยืนเป็นทหารของชาติและทหารของในหลวงมาตลอด

แต่เมื่อวิเคราะห์กันแล้วเห็นว่า เป็นเพราะ พล.อ.อนุพงษ์ห่วงนายสมัครว่าจะติดกับดัก หากใช้กำลังสลายม็อบ อาจจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก แล้วอาจส่งผลกระทบต่อเก้าอี้ ผบ.ทบ. ของตัวเอง ที่มีนายทหารจากหลายขั้วจ้องจะนั่งครองอยู่ อีกทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ไม่จำเป็นต้องเอาเก้าอี้ ผบ.ทบ. ที่มั่นคงมาเสี่ยงด้วย

ที่สำคัญ เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์แสดงท่าทีเมินเฉย ประหนึ่งลอยแพคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เชิญมาเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีทุจริตต่างๆ เมื่อส่งหนังสือไปแจ้งว่า คตส. จะถูกฟ้องร้องกลับ ทั้งการไม่ส่งทหารไปช่วยดูแลความปลอดภัย และให้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ภายใต้ข้ออ้างที่ว่า เกรง คตส. จะเสียความศักดิ์สิทธิ์

จนทำให้ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ต้องกดโทรศัพท์มือถือถึง พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อขอความชัดเจน แต่ก็ไม่ยอมรับสาย กลายเป็น missed call แถมไม่โทร.กลับ จนต้องให้ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ใช้เบอร์ของเธอเองกดหา พล.อ.อนุพงษ์จึงรับสาย แล้วโยนให้นายนามได้พูดคุย

ที่ทำให้นายนามเจ็บใจ ก็ตรงที่ ถูก พล.อ.อนุพงษ์ถามกลับว่า "จะให้ช่วยยังไง" เพราะเขาไม่มีอำนาจไปสั่งตำรวจหรือศาลได้ จนนายนามต้องแจงว่าไม่ได้ต้องการขอความช่วยเหลือ แต่แค่แจ้งให้ทราบตามมารยาทเท่านั้น

อันทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ถูกโหมกระหน่ำโจมตีบนเวทีพันธมิตรฯ อย่างต่อเนื่อง ที่ตามมาด้วยการเปลี่ยนยุทธวิธีของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หันมาประชดประชันด่าทอทหารแทน

ถึงขั้นที่นายสนธิ ที่สวมผ้าพันคอพระราชทานสีฟ้าและอ้างชื่อ ท่านผู้หญิงบุษบา น้องสาวของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้นำมาให้ ขึ้นเวที ต้องประกาศที่จะไม่พึ่งทหาร และเขาคือ "ทหารเสือพระราชา และทหารเสือราชินีตัวจริง"

พร้อมๆ กับแคมเปญประชดทหารด้วยการล้อสโลแกนที่ว่า "หลับเถิดทหารกล้า (เล่นกอล์ฟไปเถิดทหารกล้า) ชาวประชาจะคุ้มภัย" ที่สะท้อนว่า จะไม่ง้อทหาร และจะสู้ด้วยตัวเอง

แต่ทว่า กลยุทธ์ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ไม่อาจละทิ้งทหาร เพราะรู้ว่าคือปัจจัยสำคัญในแผนการสู้ชัยชนะของเขา


ในฐานะนายทหารรุ่นพี่ จปร.7 พล.ต.จำลองจึงออกแถลงการณ์ถึงนายทหาร จปร. ทุกรุ่น ให้สวมเครื่องแบบทหารออกมาร่วมชุมนุม และสนับสนุนการชุมนุม ซึ่งถือเป็นความพยายามในการดึงทหารมาเป็นพวก และส่งหนังสือถึง ผบ.เหล่าทัพเพื่อแจงอุดมการณ์

ที่สำคัญที่สุดคือ การเกทับนายสมัครที่เคยประกาศกลางที่ประชุม ครม. ว่า "ทหารอยู่ฝ่ายเรา" ด้วยการประกาศว่า "ทหารอยู่ฝ่ายเราต่างหาก"

"หัวหน้ารัฐบาลได้พูดให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีว่า ให้ใจเย็น หนักแน่นไว้เถิด เราสู้ได้แน่ เพราะว่าทหารอยู่ฝ่ายรัฐบาล แต่ความจริงทหารยืนอยู่ฝ่ายประชาชน ยืนมานานแล้วจนถึงวินาทีนี้ คนนี้ที่เป็นทหารแก่ไม่มีวันตาย อย่าไปบอกเลยว่าทหารอยู่ฝ่ายรัฐบาล ไม่มีใครเชื่อ เพราะทหารอยู่ฝ่ายเรา" พล.ต.จำลองกล่าว ท่ามกลางรายงานที่ว่า เขาได้รับสัญญาณที่ดีจากนายทหารเสือราชินีคนสำคัญบางคนแล้ว

อีกทั้งหากเจาะเบื้องหลังกลุ่มพันธมิตรฯ แล้ว ก็มีนายทหารจำนวนไม่น้อยที่ให้การสนับสนุนอยู่ ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ทั้งที่เปิดเผยและลับๆ ทั้งการปลุกกระแสทหารแก่ไม่มีวันตาย the old soldier never dies ที่มีเพื่อน จปร.7 นำทีม ทั้ง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รอง ผอ.รมน. และ เสธ.หมึก พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ และ พล.ต.มนูญกฤต รูปจร อดีตประธานสภา ที่มาเป็นที่ปรึกษาหรือฝ่าย เสธ. ให้ พล.ต.จำลอง ที่ก็ล้วนเคยก่อการปฏิวัติมาหลายครั้ง และมีบทบาทเบื้องหลังเหตุการณ์มือที่สาม ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535

รวมทั้งบรรดา "จอมพล" แห่งเตรียมทหาร 7 ทั้ง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตประธานคณะที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ที่มักควงแขน พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป เลขาฯ ส่วนตัว พล.อ.เปรม มาอยู่ร่วมชุมนุม แถมประกาศว่า "ให้อดทน ทหารอยู่ข้างเรา" หรือ "ใกล้เวลาเช็กบิลแล้ว"

หรือแม้แต่ บิ๊กแป๊ะ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษา บก.สส. ที่มาร่วมชุมนุมอยู่หลังเวทีด้วย แถมยังมี บิ๊กเปย พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกลาโหม ซึ่งเป็นอดีต ผช.เลขาธิการ คมช. ที่ใกล้จะเกษียณกันแล้ว แอบช่วยทั้งให้กำลังใจ ให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธีอยู่เงียบๆ

จนทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ อ้างว่า ฝ่ายรัฐบาลส่งรถโมบาย เพื่อดักฟังสัญญาณโทรศัพท์ มาจอดไว้โดยรอบบริเวณการชุมนุม เพื่อตรวจสอบเครือข่ายที่สนับสนุน โดยเฉพะดูว่า มีการติดต่อกับทหารคนใดบ้าง จนทำให้บิ๊กทหารต้องระวังตัวแล้วใช้วิธีส่งทหารลูกน้องนำข้อความมาแจ้งแทน

โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ที่ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่า เขาอยู่ฝ่ายไหน ที่ถูกดักฟังจนเจ้าตัวต้องเปลี่ยนระบบโทรศัพท์ และใช้หลายเบอร์ ด้วยเพราะฝ่ายรัฐบาลได้ข้อมูลการพบปะเจรจาและการคุยโทรศัพท์ของ พล.อ.อนุพงษ์ และคนใกล้ชิดกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างมีเยื่อใย จนทำให้รัฐบาลไขว้เขว ไม่มั่นใจในตัว ผบ.ทบ. คนนี้

ไม่แค่นั้น ด้วยฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณและนายสมัครรู้ดีว่า ยังมีอดีตบิ๊ก คมช. ซึ่งก็ล้วนยังเป็น ผบ.เหล่าทัพอยู่ หนุนหลังกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหวังแก้ตัวแก้มือจากความล้มเหลวครั้งก่อน จึงทำให้เตรียมทหาร 6 รุ่นของ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. รวมทั้ง บิ๊กตุ่น พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกลาโหม บิ๊กต๋อย พล.อ.อ.ชลิต พุกพาสุข ผบ.ทอ. และ บิ๊กอุ๊ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ตกเป็นเป้า ในการสลายความเป็นหนึ่ง ความเป็นเอกภาพ

โดยใช้ "สายลับหญิง" เจาะเข้ามาอยู่ในรุ่นนี้ แล้วเปิดตัวในงานเลี้ยงรุ่น ตท.6 ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ร้านอาหารย่านสามเสน ที่สร้างความฮือฮาและเม้าธ์แตก เมื่อ บิ๊กกี่ พล.อ.นพดล อินทปัญญา พา เจ๊หน่อย นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคพลังประชาชน และผู้ทรงพลังและใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ กลายเป็นแขกเซอร์ไพรส์ จนทำให้ พล.อ.สนธิยกเลิกมาร่วมงาน

แต่ไม่ใช่เรื่องเกินคาดนัก เพราะ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. และประธาน ตท.6 ตลอดกาลนั้น สนิทสนมกับนางสุดารัตน์มานาน ซึ่งเธอเคยมีส่วนช่วยให้ พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แทน บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องเด้งไปเป็น ผบ.สส. เลยทีเดียว

ปฏิบัติการของนางสุดารัตน์ครั้งนี้ ยิ่งตอกย้ำรอยร้าวของ พล.อ.สนธิ กับ พล.อ.ประวิตร ให้ยิ่งลึก และรวมถึงเพื่อน ตท.6 อีกหลายคน ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะหากยิ่ง ตท.6 แนบแน่น ก็ย่อมน่าหวาดหวั่น

การมาสัมผัสคบหาบิ๊กทหารใน ตท.6 ทำให้นางสุดารัตน์เข้าใจทหารมากขึ้น และรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จนมีส่วนให้ ส.ส. ในสังกัด ถอนชื่อจากการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลดอุณหภูมิร้อนมาแล้ว ที่สำคัญ ทำให้นางสุดารัตน์รู้ลึกถึงเครือข่ายของทหาร ทั้ง พล.อ.ประวิตร กลุ่มทุน จนถึง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.ท.ประยุทธ์ ขุมพลังปฏิวัติ และพยายามจะเจาะเข้ามา

ไม่แค่นั้น การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นี้ไม่อาจมองข้าม เพราะล้วนมีนายทหารหัวกะทิ ที่จบจากโรงเรียนเดียวกัน ใช้ตำราเล่มเดียวกัน ในการมาต่อสู้กันเอง เพราะฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีเพื่อน ตท.10 สนับสนุนช่วยเหลืออยู่ จนอาจกลายเป็นศึกสายเลือด จปร. และ ตท. อีกครั้ง

แต่ตราบใดที่ พล.อ.อนุพงษ์ยังไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนด้วยการกระทำในการเลือกข้าง สถานการณ์ก็จะยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด

จึงไม่แปลกที่มีกลุ่มพันธมิตรฯ จะใช้ไม้ตาย ในการอ้างจดหมายจากทหารรุ่นพี่ ที่ชื่อ "พี่กร" ส่งผ่านถึง พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อให้ไตร่ตรองอีกครั้ง ในการผละออกจากนายสมัครและรัฐบาล เพราะทุกคนพร้อมและรอแค่ พล.อ.อนุพงษ์คนเดียวเท่านั้น

รวมถึงความพยายามของบิ๊กทหารสายพันธมิตรฯ ที่พยายามเกลี้ยกล่อมและต่อสายถึง พล.อ.อนุพงษ์ แต่น่าแปลกตรงที่ว่า คำตอบที่หลายคนได้จากปาก พล.อ.อนุพงษ์ อย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คือ

"ไม่ต้องห่วง ผมอยู่ข้างประชาชนอยู่แล้ว" และ "ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายรัฐบาล แต่ก็ต้องทำตามหน้าที่เท่านั้น"


ด้วยเวลานี้ พล.อ.อนุพงษ์มีเหตุผลของการอดทนรอ เพราะต้องการอาศัยอำนาจนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายสมัคร ในการปกป้องคุ้มครองกองทัพ ในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายทหารครั้งใหญ่ เดือนสิงหาคม-กันยายน ให้พ้นจากเงื้อมมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกที่จะยุยงให้ยึดอำนาจกองทัพในจังหวะนี้ เพราะมีการเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพทั้งหมด ทั้ง ปลัดกลาโหม ผบ.สส. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ที่เกษียณราชการ เพื่อคุมกำเนิดการปฏิวัติ โดยเฉพาะเก้าอี้ ผบ.ทบ. ของ พล.อ.อนุพงษ์ เองที่แม้ยังไม่เกษียณ แต่ก็ไม่มั่นคงนัก จึงต้อง ลับ ลวง พราง ไว้ก่อน

รวมถึงแผนการสกัดกั้น ตท.12 ของ พล.ท.ประยุทธ์ ให้พ้นการคุมกำลัง และโดยเฉพาะการเขี่ย พล.ท.ประยุทธ์ พ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ไม่ให้ขึ้นเป็นห้าเสือ ทบ. เพื่อเข้าไลน์เป็น ผบ.ทบ. ด้วยการเตะไปอยู่ บก.สส. อีกด้วย

ขณะที่ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คิดเช่นกันว่า หากลืมความแค้น แล้วดึง พล.อ.อนุพงษ์เป็นพวกแค่คนเดียว ด้วยการไม่แตะต้อง ยอมให้เป็น ผบ.ทบ. ต่อไป ก็จะไม่ทำให้การเมืองร้อน และไม่กระตุ้นการปฏิวัติ เพราะรู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ ก็ไม่อยากเสี่ยงเช่นกัน

แต่ทว่า เหล่าทัพอื่น โดยเฉพาะศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. นั้นร้อนและรุนแรงมาก จนฝ่ายทหารที่หนุนหลังกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่นั้น ไม่อาจที่จะเสี่ยงรอให้รัฐบาลนี้อยู่ถึงการจัดโผโยกย้ายทหารครั้งนี้ได้เช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไม่อยากให้สงครามครั้งสุดท้ายนี้ยืดเยื้อจนเกินไป

จุดจบที่ไม่อาจคาดเดา ระหว่าง พฤษภาทมิฬ 2 หรือ ปฏิวัติรอบ 2 หรือ เลวร้ายกว่านั้น จึงกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะใจ...





Create Date : 20 มิถุนายน 2551
Last Update : 20 มิถุนายน 2551 11:03:53 น. 0 comments
Counter : 561 Pageviews.
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.