Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

หัวใจทศกัณฐ์ องค์ที่ ๑

ผมจะแก้ไข ใส่เชิงอรรถ และนำกลับมาลงอีกครั้ง เพื่อนๆสมาชิกช่วยติชมด้วยครับ




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2553
3 comments
Last Update : 30 เมษายน 2554 14:19:57 น.
Counter : 886 Pageviews.

 

องค์ที่ ๑ : ชาตะ
ปี พ.ศ. 2512
ยามสนธยาแห่งแดนบูรพาทิศนามว่า “ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ” ในดงป่าดิบชื้นของอำเภอลองถัน จังหวัดเบียนหวา ประเทศเวียดนาม ดวงตะวันบนปลายไม้สาดแสงสีแดงดั่งทับทิมฉาบทาไปทั่วท้องฟ้า ชีวิตในดงเถื่อนตื่นภัยเร้นกายอยู่ตามรังราวกับป่าร้าง มีเพียงเสียงนกตัวเล็กๆส่งสำเนียงอยู่ไกลริบริบบนปลายไม้ ท่วงทำนองที่เคยแว่วหวานเสนาะหูก็ฟังแปลกแปร่งผิดคีตไม่เหมือนเช่นที่เคย ไม่นานเสียงดนตรีแห่งพงไพรก็ค่อยๆจางลงๆ เกิดเป็นเวิ้งอากาศที่เงียบงันเช่นท้องทะเลก่อนเผชิญหน้ากับลมมรสุม อึดใจต่อมาสายฝนก็ตกกระหน่ำลงสู่พื้นดินราวกับวิมานฟ้ามีรูรั่วสร้างความชุ่มฉ่ำที่แฝงไว้ด้วยไอเย็นยะเยือกจนน่าพิศวง ทุกชีวิตในผืนป่าจึงเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากให้จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความมืดมัวของสายฝนที่น่าสะพรึงกลัว
กลุ่มเมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนตัวเข้าหาบริเวณค่ายทหารของประเทศสหรัฐอเมริกาช้าๆแต่ชาวค่ายยังคงไม่รู้สึกรู้สาถึงภัยพิบัติที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาจู่โจมพวกเขาเลยต่างประกอบกิจวัตรประจำวันกันตามปรกติ จนกระทั้งลมฝนฟัดอู้เข้ามาอย่างรวดเร็วเป็นระลอกแรกความโกลาหลอลหม่านจึงเกิดขึ้นทันทีราวกับการจลาจลของฝูงนกกระจิบที่แตกรัง เสียงที่นุ่มหวานของหญิงสาวคนหนึ่งดังแทรกเสียงจอกแจกจอแจมาจากทางหน้าเต้นพยาบาลกลางค่าย
“จอร์จค่ะ คุณช่วยไปเก็บผ้าที่ราวกับมะลิหน่อยสิ”
เจ้าของเสียงเดินออกมาบอกคนรักที่กำลังสาละวนอยู่กับเครื่องมือแพทย์ ชายหนุ่มหันกลับมามองใบหน้าของหญิงที่ตนรักด้วยดวงตาที่เปี่ยมสุขเขารู้ดีว่าตนไม่เคยละสายตาไปจากวงหน้ารูปไข่งามคมขำยามสนทนากับเธอได้เลย ดวงตากลมโตและหยาดเยิ้มสุกสว่างดุจอัญมณีสีนิลติดตรึงอยู่ในใจของเขาไม่เคยจืดจาง ขนตาที่งอนช้อนขึ้นกระพริบยิบๆราวกับเรียวนิ้วของนางรำกวักไกวไปมา จมูกโด่งเป็นสันไม่ใหญ่ไม่เล็กและเข้ากันได้ดีกับริมฝีปากบางๆซึ่งแย้มยิ้มให้โลกอยู่เสมอ เรือนผมดำเป็นเงาถูกรวบเป็นมวยเห็นรำไรอยู่ภายใต้หมวกพยาบาลสีขาว ในความคิดของเขาเธอจึงโดดเด่นเป็นดั่งนางอัปสรแปลงที่ลงมาเที่ยวเล่นอยู่ในโลกมนุษย์นี้ก็ไม่ปาน ชายหนุ่มสลัดหน้าไล่อาการพร่ำเพ้อให้ออกไปจากห้วงแห่งความคิดคำนึง เขาส่งยิ้มหวานสุดใจกลับไปและตอบคำด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ที่รักคุณกลับเข้าไปดูคนเจ็บเถอะ เดี่ยวผมไปเก็บให้เอง”
ชายหนุ่มรีบกอบเอาเครื่องมือแพทย์หายเข้าไปข้างในเต้นพยาบาลไม่นานก็ผลุนผลันวิ่งผ่านเธอไปอย่างรีบเร่ง ขณะที่ชายหนุ่มสาวเท้าก้าวไปบนทางด่านผ่านพุ่มไม้สองข้างทางที่ขึ้นอยู่ระเกะระกะ ความคิดวาบหนึ่งหวนกลับไปนึกถึงวันแรกที่เขาเข้ามาช่วยงานแฟนสาวเมื่อห้าเดือนก่อนขึ้นมา เขาจำพวกมันได้ดีพุ่มไม้พวกนี้ยังโตไม่ถึงเอวของเขาเลยด้วยซ้ำแต่ในเวลานี้พวกมันสูงจวนเจียนจะถึงแผ่นอกกำยำของเขาอยู่รอมร่อ สายฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนักจนเขาจำต้องยกมือขึ้นมาป้องเหนือดวงตาและออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังลานดินท้ายค่ายทหาร สภาพของราวตากผ้าที่ถูกพายุฝนพัดเข้าใส่ล้มระเนระนาด เขารีบกุลีกุจอเก็บผ้าที่ตกเปื้อนดินจนทำให้จอร์จไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปรกติที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังพุ่มไม้รอบๆตัว
“เปรี้ยง!”
เสียงระเบิดจากปากกระบอกปืนดังขึ้นทันทีที่เขาหันหลังให้กับแนวพุ่มไม้พวกนั้น ร่างของเขาสะดุ้งและล้มคว่ำหน้าลงบนพื้นทันทีเมื่อสิ้นเสียงกัมปนาทของมัน ความรู้สึกเจ็บแปลบที่อกซ้ายเป็นสัมผัสแรกสุดในเสี้ยววินาทีก่อนที่สติของชายหนุ่มเริ่มจะเลือนราง ประสาทสัมผัสทั่วร่างเป็นดั่งเรือลำน้อยที่ถูกลมมรสุมพลิกให้ล่มกลางทะเลลึกมันจมดิ่งลงสู่ห้วงมหาสมุทรสีนิลอันกว้างใหญ่ช้าๆ ช้าๆ เสียงฝีเท้าที่ย่ำโคลนผ่านร่างและเสียงปืนที่ก้องกังวานคำรามราวกับสัตว์นรกกระหายเลือดแว่วมาจากทั่วทุกสารทิศ เสียงต่างๆเหล่านั้นเป็นโสตสัมผัสสุดท้ายที่เขาได้รับรู้ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบลงไปจนเงียบงัน.



ณ.วันเวลาปัจจุบัน
เดือนกรกฎาคมแม้จะอย่างเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็ตามอุณหภูมิก็ไม่ได้แตกต่างไปจากฤดูร้อนเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะร้อนและร้อนจนแสบผิวแล้วไอน้ำในอากาศยังเพิ่มความอบอ้าวให้อีกด้วย ทางที่จะช่วยทุเลาความร้อนลงไปได้นั้นจึงต้องอาศัยการหลบไอแดดในอาคารที่มีเครื่องปรับอากาศอย่างสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือโรงพยาบาลเอกชน “โรงพยาบาลจัสมินเมโมเรียล” เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดของกรุงเทพมหานครฯเป็นหนึ่งในเครือข่ายของโรงพยาบาล ”จัสมินเมโทรโพลิส”ซึ่งมีต้นสังกัดอยู่ที่กรุงวอชิงตันดี.ซี.ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายในแผนกอายุรกรรมชั้น9 พยาบาลสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ประจำแผนก “มะลิวัลย์ พันปทีป” แม้หน้าที่การงานมั่นคงให้ความสุขสบายทางกายบางครั้งมันก็ไม่สามารถลบล้างความทุกข์ใจออกไปได้ ความกังวลใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาบานเล็กๆเบื้องหน้าของเธอ หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำเป็นมันเงายาวจรดเอวกำลังพยายามสลัดความกังวลใจออกไปจากวงหน้าอย่างสุดความสามารถ เธอตั้งใจจัดแต่งทรงผมให้เข้ารูปก่อนที่จะสวมหมวกพยาบาล
“มะลิจ๊ะเสร็จแล้วมาช่วยเราหน่อยนะ พี่ตุ๊กทำมวยผมไม่เห็นสวยเหมือนเธอเลย”
เสียงเง้างอนของเพื่อนพยาบาลช่วยดึงเธอกลับมาจากห้วงแห่งความคิดคำนึง หญิงสาวพยายามเก็บซ่อนสีหน้าที่หม่นหมองไว้ภายใต้รอยยิ้มก่อนที่จะตอบคำกลับไปด้วนน้ำเสียงนุ่มหวาน
“จ้า...คนสวย”
“ยัยก้อย ผมเธอหยิกหย่อยอย่างกับฝอยขัดหม้อใครจะไปทำทรงสวยๆให้ได้ล่ะคะ...”
พยาบาลสาวใหญ่เน้นเสียงแหลมประชดประชัน ปล่อยมือจากเรือนผมฟูฟ่องของรุ่นน้องและลุกออกมาจากทางด้านหลังของเจ้าหล่อน เธอเดินสวนกับมะลิออกไปยืนเท้าสะเอวตีสีหน้าง้ำอยู่ที่โต๊ะกั้นอาณาเขตริมหน้าต่างกระจก
“มะลิ...” พยาบาลตุ้ยนุ้ยลังเลใจอยู่เสี้ยววินาทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “พรุ่งนี้เธอมีนัดตรวจร่างกายกับ ดร.ทอมสันหรือจ๊ะ”
“ใช่จ๊ะ...นัดตรวจธรรมดาเหมือนทุกทีนั่นแหล่ะ”
ความกังวลที่ก่อตัวมาตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืนหวนกลับมาบนใบหน้าของมะลิอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ แม้ว่าเธอจะเก็บงำมันไว้ได้ในพริบตาแต่ก็นานพอที่จะทำให้ก้อยสังเกตเห็นจากกระจกเงาในมือ
“มะลิเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่ฝันร้ายถึงคุณลุงทอมสันนิดหน่อยเอง”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่นั้น พยาบาลตุ๊กเดินไปหยิบนาฬิกาตั้งโต๊ะขึ้นมาดูเวลาก่อนหันกลับไปหยิบรีโมตคอนโทรขึ้นมาเปิดเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ที่ติดตั้งอยู่บนเพดานห้อง ภาพสีขาวดำของเทปบันทึกภาพสงครามในอดีตปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเสียงปืนกลที่ดังถี่ระรัว บทบรรยายของสารคดีที่ฉายอยู่ในโทรทัศน์ดังจนคนเปิดทีวีต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นอุดหูพร้อมกับปรับระดับเสียงให้เบาลงไปด้วยในเวลาเดียวกันถึงกระนั้นบทบรรยายทิ้งท้ายก็ยังคงดังจนจับใจความได้ชัด
"...เราปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าปีสุดท้ายของมหาสงครามเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่2 สายตาของประชาคมโลกได้ประจักษ์ถึงโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่นักประวัติศาสตร์เริ่มมีการจดบันทึก สงครามได้จำหลักภาพความตายไว้ในจิตวิญญาณของมวลมนุษย์ก่อนที่จะดับไฟกองเก่าลงพร้อมกับผลักใสไล่ส่งให้ทุกคนเข้าสู่กองฟืนแห่งไฟสงครามในรูปลักษณ์ใหม่ไปพร้อมกัน สงครามเย็นระหว่างสองขั้วความคิดให้กำเนิดสมรภูมิปลีกย่อยอย่างต่อเนื่องไม่รู้จักจบสิ้น พวกชนชั้นนำผู้ใคร่ในอำนาจต่างมีตัวตายตัวแทนหมุนเวียนเปลี่ยนหน้ากันราวกับพวกเขามีชีวิตที่เป็นอมตะไม่ต่างอะไรกับพญายักษ์กระหายเลือดและบัดนี้พวกเขาได้อำพรางตนเองไว้ภายใต้โฉมหน้าของปุถุชนคนธรรมดาอย่างแนบเนียนทั้งๆที่มือของพวกเขากำศาสตราวุธเดินเคียงข้างผู้บริสุทธิ์ไปทุกหนทุกแห่ง แท้ที่จริงสิ่งที่พวกเขาต้องการหาใช่สันติภาพดังเช่นคำที่กล่าวอ้างแต่กลับกันพวกเขากำลังรอคอยเวลาที่จะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเชื้อปะทุที่จุดไว้ในหัวใจของมวลมนุษย์ชาติอีกครั้งต่างหาก... หรือว่ามนุษย์ที่ถูกจุดเชื้อไฟพยาบาทไว้ในจิตวิญญาณจะหมดหนทางเยียวยาแล้วจริงหรือ... มีใครบ้างที่สามารถชี้ทางดับไฟกองนั้นให้กับพวกเราได้..."
ทันทีที่โทรทัศน์ถูกเปลี่ยนช่องก็ปรากฏภาพการรายงานข่าวด่วนขึ้นมาดึงดูดความสนใจของพวกเธอทั้งสามคนไปจนหมดสิ้น เสียงนักข่าวที่รายงานความคืบหน้าจากสถานที่เกิดอุบัติเหตุชวนให้ตื่นเต้น บทบรรยายค่อยๆเปลี่ยนสีหน้าของพวกเธอจากสีขาวอมชมพูระเรื่อให้กลายเป็นซีดขาวราวกับกระดาษปอนด์อย่างรวดเร็ว
“เจ้าหน้าที่กู้ภัยยามฝั่งยังไม่สามารถเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยได้เลยค่ะเพราะขณะนี้กระแสลมมรสุมที่พัดเข้าหาตัวหาดนั้นแรงมาก …”
ภาพผู้สืบข่าวสาวในจอมอนิเตอร์อยู่ในชุดกันฝนสีส้มแสบตากำลังยืนรายงานสถานการณ์สดจากสถานที่เกิดเหตุริมชายฝั่ง ถึงแม้ว่าสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจะบดบังทัศนียภาพโดยรอบไปจนหมดแต่เงาร่างที่ปรากฏอยู่หลังม่านฝนก็เพียงพอที่จะมองออกว่ามันเป็นส่วนหางของเครื่องบินพาณิชย์ลำใหญ่ยักษ์ที่โผล่พ้นระนาบของท้องทะเลขึ้นมาและบนปลายหางเสือของมันมีรูปตราสัญลักษณ์ชนิดหนึ่งปรากฏอยู่ด้วย รูปทรงรางๆของมันก็เพียงพอที่จะบอกให้พวกเธอแน่ใจได้แล้วว่ามันเป็นตราสัญลักษณ์เดียวกันกับรูปดอกมะลิสีขาวบนอกเสื้อข้างซ้ายของพวกเธออย่างไม่ต้องสงสัย.



ย้อนเวลาไปก่อนหน้านี้หลายชั่วโมงริมถนนเพชรเกษมสายหาดใหญ่ – ปัตตานี ณ อ่าวสะกอมของจังหวัดสงขลา เสียงจ้อกแจ้กจอแจของพ่อค้าแม่ค้าดังแว่วมาจากตลาดนัดริมฟุตบาท ชาวเลพื้นถิ่นละแวกนี้ผันตัวเองมาประกอบอาชีพขายอาหารทะเลสดกันเป็นอาชีพเสริมมีทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา และปลาหมึกสดเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวแวะเข้ามาจับจ่ายซื้อหาของฝากกลับบ้านกันจนคึกคัก ธุรกิจริมทางจึงช่วยแปรสภาพบริเวณนี้ให้กลายเป็นจุดพักรถแห่งใหม่ของคนเดินทางไปด้วยโดยปริยาย
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเดินต้วมเตี้ยมออกมาจากแผงขายปลาหมึก ผ้าแพรคลุมหัวสีแดงสดตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้ายามบ่ายที่ส่องแสงเจิดจ้า เธอเดินลัดเลาะไปตามแนวของต้นสนที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมถนนและเลี้ยวไปหาท้องทะเลเบื้องหน้าช้าๆ หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมองหานกตัวเล็กๆที่ส่งเสียงอยู่บนยอดไม้ถึงจะไม่เห็นตัวแต่เธอก็รู้ว่ามีนกเขาคู่หนึ่งกำลังส่งเสียงแข่งกับเสียงคลื่นที่กำลังซัดเข้าหาฝั่ง เมื่อหนูน้อยละสายตาจากการมองหาพวกมันและเดินทะลุไปจนถึงหาดทรายที่ทอดตัวยาวอย่างไม่มีอาณาเขตสิ้นสุด เธอจึงได้เห็นผืนทรายสีเหลืองนวลตาถูกแต่งแต้มด้วยเปลือกหอยที่สะท้อนแสงระยิบระยับจากดวงอาทิตย์ แม่หนูน้อยใบหน้ายิ้มละไมออกวิ่งอย่างเริงร่าไล่จับพยับแดดที่เต้นระริกอยู่ใต้เงาไม้อย่างสนุกสนานเหมือนกับต้องการจะเก็บงำมันไว้ในกำมือตามประสาเด็กที่ไร้เดียงสา ไม่นานเธอก็เปลี่ยนใจหยุดวิ่งและก้มๆเงยๆเก็บบางอย่างจากพื้นทรายขึ้นมาใส่กระเป๋าเสื้อแทน แม้บรรยากาศโดยรอบจะงดงามราวสรวงสวรรค์แต่ก็ปราศจากนักท่องเที่ยวดำผุดดำว่ายอยู่ในท้องทะเลสีฟ้าเลยแม้แต่คนเดียว หนูน้อยเองก็ไม่ย่างกรายเข้าไปเล่นใกล้ๆแนวคลื่นเช่นกันเพราะเธอจำได้ดีว่าแม่ของเธอเคยเตือนเอาไว้แล้วถึงพื้นทะเลในแถบนี้ มันอันตรายและเว้าลึกเป็นแอ่งเหมือนก้นกระทะจนไม่สามารถลงไปเล่นน้ำได้ แต่ก็ไม่วายที่จะมีคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ลงไปให้มันกลืนกินชีวิตอยู่เรื่อยๆ
หนูน้อยเพลิดเพลินกับของเล่นที่ธรรมชาติมอบให้จวบจนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำรังสีเจิดจ้าค่อยๆกลายเป็นสีส้มของยามสนธยาฉาบทาทั่วผืนฟ้าเหนือท้องทะเลให้หม่นมัว ส่งสัญญาณว่ารัตติกาลกำลังใกล้เข้ามาครอบครองพื้นที่ในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พลันกลุ่มเมฆสีดำทะมึนผืนใหญ่จากเส้นตัดขอบฟ้าก็ถูกพัดเข้าหาฝั่งด้วยกระแสลมมรสุมอย่างรวดเร็ว ลมทะเลพัดเอาฝุ่นทรายฟุ้งขึ้นสู่เวิ้งอากาศจนแม่หนูน้อยตกใจเผลอเงยหน้าขึ้นแหงนมอง เธอจึงได้เห็นกลุ่มเมฆสีนิลเคลื่อนที่เข้ามากลืนกินทุกสรรพสิ่งรอบๆตัวให้จมหายไปในความมืดมนอนธการรวดเร็วราวกับม่านที่ถูกชักลอกออกมาเปลี่ยนฉากการแสดง
“เปรี้ยง!...ๆ...ๆ...”
หนูน้อยผุดลุกขึ้นยืนตัวสั่นสะท้านตกใจเสียงกัมปนาทของอัสนีบาตรที่ดังสนั่นหวั่นไหวจนทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้ตัวเลยว่าแม่มาถึงตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอถูกอุ้มขึ้นมากอดไว้แนบอกก็พอดีกับที่ฝนตกกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าจงใจแกล้ง พายุฝนขับไล่สองแม่ลูกให้วิ่งกลับไปหาเพิงพักริมถนนอย่างไม่คิดชีวิต
แต่แล้วจังหวะที่หนูน้อยซบหน้านิ่งอยู่บนไหล่ของแม่ สายตาของเธอจับจ้องไปยังท้องทะเลโดยไม่ได้ตั้งใจจึงได้เห็นสิ่งผิดปรกติบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น เธอตะโกนโหวกเหวกขึ้นมาด้วยความตื่นตะลึงชี้ให้แม่ของเธอหันกลับไปดูสิ่งมหัศจรรย์ในท้องน้ำไกลสุดสายตา ณ จุดตัดระหว่างผิวน้ำทะเลกับขอบฟ้าปรากฏเงาร่างของนกยักษ์ตัวหนึ่งกำลังแหวกม่านเมฆสีน้ำหมึกปักหัวตกลงมาสู่ท้องน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับเบื้องล่างในวินาทีนั้น แสงไฟจุดเล็กๆเป็นแถบยาวข้างลำตัวสว่างจนสังเกตได้ชัดแม้ว่าทั้งคู่จะยืนอยู่บนฝั่ง
“ตูม !! ๆๆๆ...”
เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวและต่อเนื่องกลบเสียงฟ้าร้องฟ้าฝ่าไปจนหมดสิ้น ท้องทะเลที่เคยมืดด้วยเงาฝนก็โชนแสงแรงกล้าจากกองเพลิงซึ่งลุกไหม้อยู่บนร่างของนกเหล็กจนสว่างโชติช่วงในชั่วพริบตา เปลวอัคคีสีแดงที่อาบไปทั่วร่างตัดกับสีดำของท้องฟ้ารอบๆบริเวณอย่างเด่นชัด ภาพและเสียงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเรียกผู้คนให้วิ่งกรูกันออกไปยืนดูที่ริมทะเลอย่างเนืองแน่น เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆดังระงม
ชาวบ้านบางพวกก็ปรารถนาจะนำเรือ “กอแระ”ฝ่าสายฝนออกไปช่วยคน บางคนก็โทรศัพท์แจ้งตำรวจดูวุ่นวาย แต่ชาวเลที่นำเรือหาปลาออกจากฝั่งจำต้องหันหัวเรือกลับทุกลำเพราะสู้แรงแห่งพระเพลิงที่กำลังโหมกระพือดังกองไฟมหึมานั้นไม่ไหว พวกเขาจึงทำได้แค่เพียงนิ่งดูสถานการณ์อยู่อย่างจนใจ
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนเปลวเพลิงที่ลามเลียอยู่รอบๆตัวเครื่องบินเริ่มอ่อนกำลังลง...
เสียงห้ามล้อของรถหลายสิบคันดึงดูดสายตาของไทยมุงให้หันกลับไปที่ริมถนนราวกับนัดกันไว้ พวกเขาเห็นรถพยาบาล รถเก๋งและรถอีกหลายคันทยอยกันเข้ามาจอดเทียบต่อกันเสียจนยาวเหยียด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยยามฝั่งมาถึงพร้องกับรถกระบะคันสุดท้ายที่จอดอยู่ไม่ห่างจากชายหาดมากนัก เมื่อพวกเขาเตรียมเครื่องมือเสร็จก็ช่วยกันแบกมันวิ่งฝ่าสายฝนลงไปที่ริมทะเลทันที พิธีกรของสถานีโทรทัศน์ประจำท้องถิ่นเตรียมตัวรายงานสถานการณ์อยู่บนถนนโดยไม่ได้ตามลงไปด้วย การมาถึงของพวกเธอช่วยตรึงความสนใจของเหล่าไทยมุงให้กลับขึ้นมาออกันอยู่ที่ถนนอีกครั้ง “สวัสดีค่ะ ดิฉันกำลังรายงานสดจากหาดสะกอม จ.สงขลา จุดที่เครื่องบินพาณิชย์ส่วนบุคคลลำนี้ตกอยู่นอกชายฝั่งทะเลไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรค่ะ...”
พิธีกรสาวอยู่ในชุดกันฝนสีส้มแสบตายืนโอนเอนไปมากลางกระแสลมที่พัดเข้าหาฝั่ง
“เจ้าหน้าที่กู้ภัยยามฝั่งยังไม่สามารถเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยได้เลยค่ะเพราะขณะนี้กระแสลมมรสุมที่พัดเข้าหาตัวหาดนั้นแรงมาก …”
ภาพพิธีกรสาวรายงานสถานการณ์ซ้อนอยู่ข้างหน้าซากของเครื่องบินที่มองเห็นเป็นฉากหลังไกลออกไป ช่างภาพแช่ภาพไว้ที่เธออีกอึดใจหนึ่งจวบจนสิ้นสุดการรายงานสถานการณ์สดออกอากาศ เมื่อทำการตัดสัญญาณภาพที่ถ่อยทอดออกเขาจึงเบนความสนใจไปที่เรือยางของยามฝั่งอย่างรู้งานบัดนี้เรือลำนั้นได้แล่นห่างออกไปจนเห็นเป็นลำเล็กๆ
พลัน! เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เรืองยางหยุดอยู่ห่างจากตัวเครื่องไม่เกิน10เมตร เจ้าหน้าที่หลายคนทิ้งตัวลงไปในท้องน้ำติดๆกันราวกับพบอะไรบางอย่างอารามดีใจของชั่งภาพเพราะคิดว่าตนอาจจะได้ภาพเด็ดไปให้ต้นสังกัดจึงซูมขยายภาพเรือยางเสียจนใหญ่เต็มตา เขาเห็นภาพเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ในทะเลคนหนึ่งกำลังใช้ปลายเชือกผูกเข้ากับวัตถุทรงประหลาดที่ลอยอยู่เหนือน้ำและส่งปลายอีกด้านให้กับเพื่อนเพื่อมัดมันติดไว้กับเรือยางของพวกตน หลังจากที่พวกเขากลับขึ้นเรือเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงบ่ายหัวนำเรือยางกลับเข้าหาฝั่งพร้อมกับลากเอาเจ้าสิ่งนั้นกลับเข้ามาด้วย
จังหวะนั้นสายฝนเริ่มซาเม็ดลงมากแล้วเป็นผลให้สายตาของทุกคู่บนชายหาดสามารถมองเห็นเจ้าวัตถุประหลาดได้อย่างถนัดชัดเจนมันดูเหมือนหลอดไฟนีออนพร้อมถาดรองขนาดใหญ่วางหงายขึ้นจนเห็นหลอดแก้วผ่าซีกที่คว่ำอยู่ทางด้านบน ตรงกึ่งกลางของมันกำลังเรืองแสงสีฟ้านวลๆและมีของเหลวคล้ายน้ำสีใสๆไหลซึมออกมาจากรอยปรินั้นด้วยตลอดเวลา สารละลายนั่นมองเห็นได้ชัดว่ามันจวนเจียนจะหมดอยู่รอมร่อ
ทันทีที่เรือยางลากวัตถุประหลาดมาถึงชายหาดเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหมดก็กระโจนลงจากเรือไปช่วยกันดึงเชือกฉุดเอาเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมาเกยอยู่บนฝั่งอย่างทุลักทุเล
“เพล้ง!”
เสียงของแข็งกระแทกกับหลอดแก้วกระจกดังมาตามสายลม ตากล้องและพิธีกรสาวกุรีกุจอวิ่งตามเปลพยาบาลดิ่งลงไปหาเจ้าหน้าที่ยามฝั่งทันทีแต่ก็ยังเร็วไม่เท่าชาวบ้านที่ออกันเข้าไปมุงดูอยู่ก่อนแล้ว
“ขอทางด้วยครับๆ”
บุรุษพยาบาลสองคนช่วยกันหามเปลสนามแหวกไทยมุงเข้าไปหาเจ้าหน้าที่อย่างยากลำบากโดยที่มีนางพยาบาลประจำรถตามติดเข้าไปด้วย เมื่อเจ้าหล่อนเห็นเจ้าหน้าที่ช่วยกันอุ้มร่างของคนออกมาจากหลอดแก้ว เธอจึงรีบสั่งให้วางเขาลงบนเปลสนามและตรงเข้าไปตรวจวัดชีพจรทันทีด้วยความชำนิชำนาน ณ เวลานั้นเหมือนทุกคนที่ร่วมอยู่ในวินาทีชีวิตลืมการหายใจของตนไปชั่วเสี่ยววินาทีสายตาทุกคู่จ้องประสานความสนใจไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนเปลือยกายอยู่เป็นตาเดียวและความเงียบก็เกิดขึ้นจนกระทั้งนางพยาบาลเอ๋ยคำ
“ชีพจรเขายังเต้นอยู่ค่ะแต่มันอ่อนมากแล้วเราต้องรีบส่งตัวเขาไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน”
พยาบาลสาวหันไปแจ้งเจ้าหน้าที่พร้อมกับส่งสัญญาณให้เพื่อนนำร่างของชายหนุ่มกลับไปขึ้นรถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันเปิดทางให้เปลสนามนำร่างของเขาตรงไปยังท้ายรถพยาบาลด้วยอีกแรงอย่างเร่งด่วน ไทยมุงที่เงียบเสียงไปเมื่อครู่เริ่มเปิดฉากสนทนากันเซ็งแซ่อีกครั้ง
“ ว้าย! ตาเถรชีเปลือย”
เสียงอุทานของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากลุ่มคนที่ออกันอยู่ริมทางขึ้นหาด เสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นตลอดสองข้างทางที่เปลสนามเคลื่อนที่ผ่าน
“มะพี่เขาเป็นอะไรหรือคะ”
หนูน้อยผ้าคลุมหัวสีแดงชี้นิ้วไปยังบาดแผลจางๆที่ขีดขวางเป็นเส้นตรงตามแนวนอนบนหน้าอกข้างขวาใต้ราวนมของชายหนุ่ม แม่ของเธอส่ายหน้าขณะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลรีบนำร่างของเขาขึ้นสู่ท้ายของรถตู้ เมื่อประตูด้านข้างถูกปิดลงหนูน้อยจึงสังเกตเห็นบางอย่างจึงพูดกับแม่ว่า
“มะมีรูปดอกไม้เหมือนที่นั้นเลย”
หนูน้อยชี้ไปที่รูปดอกไม้ขนาดใหญ่ด้านข้างตัวรถพยาบาลแล้วชี้กลับไปที่หางเสือของเครื่องบินซึ่งจมอยู่ในท้องทะเล แม่ของเธอมองตามมือของลูกน้อยจึงได้เห็นรูปดอกมะลิสีขาวสะอาดบานเต็มตาติดอยู่เช่นเดียวกัน
เสียงไซเรนที่ดังจนแสบแก้วหูช่วยเรียกไทยมุงที่ออกันอยู่รอบๆเจ้าเครื่องประหลาดให้หันกลับมาสนใจ รถพยาบาลทะยานออกไปจากตำแหน่งที่มันเคยจอดอยู่และตรงดิ่งกลับไปยังต้นสังกัดราวกับลูกกระสุนปืนที่ถูกลั่นออกมาจากลำกล้องโดยไม่มีวันหวนคืนอีกต่อไป

 

โดย: วาโย (wayoodeb ) 15 ธันวาคม 2553 15:02:49 น.  

 

ลงชื่ออ่านจ้า

 

โดย: bank IP: 49.228.7.202 30 กรกฎาคม 2554 23:09:40 น.  

 

เพื่อนฉันเก่งจริงๆ

 

โดย: ขวัญ IP: 180.183.169.219 2 สิงหาคม 2554 12:16:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wayoodeb
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




 
      
Friends' blogs
[Add wayoodeb's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.