! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2563
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
 
28 กุมภาพันธ์ 2563
 
All Blogs
 

ภาวะที่ 12 : วิปลาส


ขอบคุณภาพปกนิยาย จากคุณ ApitarN ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
 


            เวลาที่คนเรายกสองมือขึ้นมาปิดหู  มักเป็นเวลาที่เราไม่อยากจะได้ยินได้ฟังอะไร  ยิ่งทาบกดฝ่ามือให้แน่นเข้า  เสียงที่จะได้ยินก็มีเพียงความกดอากาศในช่องหู และการไหลเวียนของโลหิตบนฝ่ามือ ซึ่งมีชั้นหนังกำพร้ากางกั้นอยู่เท่านั้นเอง

            ..ธีราอยากทำแบบนั้น..  อยากยกมือขึ้นปิดสองหูให้แน่น แต่เธอไม่อาจทำได้  ด้วยกุญแจมือซึ่งพันธนาการข้อมือทั้งสองข้างเป็นอุปสรรคขัดขวาง ต่อความต้องการที่จะหนีให้พ้นไปจากภาพและเสียงอันอุจาดเบื้องหน้า
 

            เวลานี้ หญิงสาวถูกบังคับกักตัว ให้นั่งอยู่ข้างวงร่ำสุรา ของบรรดาสมุนตัวร้ายทั้งหลายของราชาวิปลาส  กลิ่นยาเสพติดชนิดเผาไหม้คละคลุ้งไปทั่ว สร้างอาการมึนเมาและคึกคะนองให้เกิดแก่พวกคนหยาบช้า  คำหยาบคายต่างๆ นานา และวาจาหยาบโลนที่พวกมันใช้คุยกันอย่างสนุกปากนั้น ไม่ได้ทำให้ธีรารู้สึกย่ำแย่เท่าเสียงซึ่งลอดผ่านบานผนังของห้องหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลจากตรงจุดที่เธอนั่งอยู่  เสียงดังกล่าวทำให้คนเคราะห์ร้ายต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนเหลือทน

            มีเสียงลั่นเอี้ยดอ้าดของเหล็กและไม้ ประสานไปกับเสียงร้องครวญคร่ำด้วยความเจ็บปวดปนสุขสม ของผู้หญิงคนหนึ่งดังลอดผ่านบานฝาผนัง  ประหนึ่งต้องการให้คนข้างนอกได้จินตนาการถึงความเป็นไปภายในห้องแห่งนั้น  ธีราไม่เห็นหรอกว่า เจ้าของเสียงปลุกเร้ากำหนัดฝูงหมาป่า ซึ่งเริ่มออกอาการหื่นกระหายนั้นเป็นใคร  แต่บุคคลซึ่งเธอเห็นชัดแก่สายตาว่า เข้าไปปลดปล่อยความต้องการทางเพศในห้องดังกล่าวคือ หัวหน้าคนร้ายที่จับตัวเธอมานั่นเอง

            ไม่ได้มีเพียงแต่พวกผู้ชายในที่มั่วสุมอันเสื่อมโทรมแห่งนี้  ห้องแถวสภาพเก่าทรุดโทรมสร้างแบบหยาบๆ แบ่งซอยย่อยเป็นห้องหับ จำนวนสิบกว่าห้องมีวัยรุ่นพักอาศัยอยู่เต็มไปหมด  พวกผู้หญิงที่แต่งตัวไม่มิดชิดหลายคนผลุบโผล่อยู่แถวหน้าประตูห้องของตน  พลางจับจ้องมองดูธีรา ด้วยสายตาราวกับเห็นเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งซึ่งถูกล่ามเอาไว้  เชลยสาวผู้โชคร้ายไม่อาจทราบได้ว่า สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ ณ ที่ใด  หรือสามารถผ่านเข้าออกได้ด้วยเส้นทางไหน  เนื่องจากฤทธิ์ยาสลบแบบฉีดที่ส่งผลให้ธีรามาฟื้นตื่นอีกที ก็ตอนที่ถูกพาตัวมาถึงห้องแถวแห่งนี้แล้ว

 
            ความทรงจำสุดท้ายก่อนหน้า  เป็นตอนที่รถตู้ของพวกคนร้ายจอดติดสัญญาณไฟแดง ใกล้ป้อมตำรวจ  ธีราพยายามดิ้นรนอาละวาด เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างสุดฤทธิ์  ส่งผลให้สิงโตต้องรีบล็อกตัวเหยื่อพร้อมกับใช้มืออุดปาก  จากนั้น ธีราก็ถูกฉีดยาสลบเข้าที่แขน  เธอพยายามฝืนความง่วงงุนซึ่งบุกจู่โจมขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั้นแต่ไม่สำเร็จ  สติสัมปชัญญะดับวูบลงโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ต่อจากนั้น ราชาวิปลาสจัดท่าทางให้ตัวเธอดูเหมือนคนนั่งหลับ เพื่อตบตาตำรวจซึ่งเผอิญมองสอดส่องเข้ามาในรถอย่างนึกสงสัย  แถมยังปลดกุญแจมือออกซ่อนไว้ใต้เบาะอีกด้วย

            เมื่อธีราคืนสติขึ้นมา  ห่วงโลหะก็ถูกนำกลับมาสวมใส่เพื่อพันธนาการไว้ตามเดิม  แถมเพิ่มมาด้วยโซ่เหล็กล่ามคล้องไว้ตรงข้อเท้าของเธออีกต่างหาก  ความเย็นเยียบจากสัมผัสเนื้อเหล็กนั้นสะท้านเข้าไปถึงข้างใน  หญิงสาวพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น  อย่างน้อย ธีราก็นึกขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ได้ดลบันดาล ให้ตนต้องกลายเป็นเหยื่อราคะของคนโฉดในห้องนั้น 

            เพียงคนเดียวที่ตนนึกถึงในช่วงเวลาคับขัน  ธีรานึกภาวนาในใจ  อยากให้พิจิกปรากฏกายขึ้น และช่วยตนให้พ้นไปจากคนเหล่านี้เหลือเกิน

            ขอให้เขารู้เรื่องนี้ และรีบมาช่วยโดยไวด้วยเถอะ  มาให้ทัน.. ก่อนเรื่องร้ายแรงกว่านี้จะบังเกิดขึ้น
 

            “โอ้ ฟื้นแล้วนี่ ไวดีแท้  ทำหน้าแบบนั้น แสดงว่า หิวน้ำล่ะสิ”

            เสียงบั่นทอนจิตใจดังกล่าวหยุดลง  สักพักหนึ่ง ร่างกำยำล่ำสันซึ่งฉาบด้วยเหงื่อแตกพราวก็ก้าวออกมาจากห้องนั้น  สภาพผมเผ้าฟูฟ่องยุ่งเหยิงฟ้องถึงกิจกาม ที่เพิ่งสำเร็จเสร็จสมลงได้เป็นอย่างดี  ราชาวิปลาสคลุมตัวด้วยผืนผ้าโสร่งสีทึม ปิดตั้งแต่ช่วงเอวลงมาถึงกลางปลีน่อง  เผยมัดกล้ามบึกบึนตามท่อนแขนและหน้าท้องแน่นแข็งเป็นลอนลูก ตามแบบฉบับของคนผู้ซึ่งผ่านการฝึกฝนร่างกาย มาอย่างหนักหน่วงเท่านั้นจะพึงมี

            ธีราไม่ได้รู้สึกชื่นชม  กลับรู้สึกขยะแขยงเป็นกำลัง  สิงโตทรุดนั่งลงตรงหน้า พร้อมกับวางแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองเข้มมีพรายฟอง  พยักเพยิดเป็นเชิงชวนให้ยกดื่ม  หากแต่เธอทำนิ่งเฉยเสีย

            “ทำไมล่ะ นี่ก็น้ำเหมือนกัน จะกินเอง หรือถูกจับกรอกดีล่ะ”

            หญิงสาวยังคงไม่ขยับ ทั้งไม่ปริปาก  สายตากำลังแสดงอาการต่อต้านอยู่อย่างเต็มที่

            “จะหาอะไรให้กินก่อนก็แล้วกัน  เพราะเดี๋ยวเราจะกลับบ้านกันแล้ว”

            สิงโตแสยะยิ้ม  เอื้อมมือมาตรงหน้าหมายจะลูบศีรษะ หากอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบอย่างรังเกียจ  ลูกกุญแจสองดอกซึ่งคล้องอยู่กับสายสร้อย พลิกไหวอยู่เหนือรอยสักรูปกากบาท ดังต้องการเย้ยหยันคนโชคร้ายที่ไม่อาจเอาตัวรอด  ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้  แต่ธีราก็ยังสู้อุตส่าห์มีเรื่องให้ต้องสงสัยระคนแปลกใจ  เพราะถ้าหากสถานที่มั่วสุมลับแห่งนี้ไม่ใช่.. แล้วจะยังมีที่ไหนอีก ที่อีกฝ่ายเรียกว่าเป็น ‘บ้าน’ ของมัน

            ข้าวราดผัดกะเพราจานหนึ่งถูกนำมาวางไว้ให้ตรงหน้า  แม้ตกอยู่ในอันตรายและไม่มีกะจิตกะใจอยากที่จะกิน  แต่ในเมื่อท้องร้องฟ้องต่ออาการหิว  เธอจึงจำเป็นต้องลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเลือกไม่ได้  เพราะไม่แน่ใจอีกด้วยว่า ต่อไปจากนี้ จะมีอาหารตกถึงท้องอีกทีเมื่อไหร่

            “เวลากินล่ะว่าง่าย  ยังงี้ ถึงค่อยน่าเอ็นดูหน่อย”  

            ราชาวิปลาสถือเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งมารยาทโดยแท้  เพราะมันนั่งจับจ้องมองดูเชลยตักอาหารตั้งแต่คำแรกจนหมดคำสุดท้าย  ที่ผ่านมา เหยื่อส่วนใหญ่จะไม่มีจิตใจกลืนอะไรลงคอ  ยกเว้นก็แต่พวกที่มีทีเซลล์ในตัวที่ไม่ปฏิเสธอาหาร

            ธีราเคี้ยวข้าวแข็งฝืนกลืนผ่านลงคอ  อีกไม่นานอาหารก็จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย  ชั่วแวบหนึ่งนั้น  เธออดนึงถึงภาพสัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก ในวงจรห่วงโซ่อาหารไม่ได้  มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ ตรงที่มนุษย์จะแปลงรูปและปรุงรสเนื้อสัตว์ให้โอชาก่อนบริโภค  ผิดกับสัตว์ทั่วไปที่เพียงแค่อ้าปากและเขมือบลงท้อง ก็เป็นอันจบสิ้นกระบวนการกิน

            สัตว์กินเนื้อต่างต้องการสิ่งที่เหมือนกัน  นั่นคือ เลือดและเนื้อที่จะทำให้ท้องอิ่ม และสารอาหารที่ช่วยพยุงชีวิตให้อยู่รอดต่อไป..
 

            “เรามาเล่นเกมกัน  ใช้โทรศัพท์นี่  โทรกลับไปบอกทางบ้านสิ ว่าเธอสบายดี ไม่ต้องตามหา บอกว่าไปไหนก็ได้ ที่มันฟังดูน่าเชื่อถือสักพัก  อีกสองสามวันก็กลับอะไรประมาณนี้  ทำสิ”

            ราชาวิปลาสวางโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งไว้ตรงหน้าธีรา  ก่อนเอ่ยวาจาเรียบนิ่ม บอกกล่าวให้เธอทำสิ่งที่สร้างความกังขาเป็นอันมาก

            “ทำไม!  แกกลัวที่บ้านฉันจะแจ้งความ ให้ตำรวจมาตามจับพวกแกด้วยรึไง”  

            ธีราพูดด้วยถ้อยคำประชดประชัน  และนั่นเป็นเหตุทำให้อีกฝ่ายชะโงกหน้าเข้ามาใกล้

            “เธอเอ๋ย  คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น  แต่ที่ให้โทรนี่ เพราะคิดว่า เธอก็คงคิดถึงคนที่บ้าน และคนที่บ้านเองก็คงเป็นห่วง  เพราะหวังดีหรอกนะ แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่บ้าง นั่นคือ ทั้งเธอและคนที่บ้านต่างก็ต้องรักษาความปลอดภัยให้แก่กัน  เออ.. ว่าแต่เธอชื่ออะไรวะ  ยังไม่รู้เลย”

            “อย่ายุ่งกับครอบครัวของฉัน!”
            “ได้ยินไหม  ฉันถามว่า ชื่ออะไร”
            “ธีรา!”

            “เอาล่ะ ธีรา มาว่าเรื่องเกมกันต่อ  กติกาง่ายๆ คือ เธอจะพูดยังไงก็ได้กับที่บ้าน  โดยไม่ทำให้พวกเขารู้เรื่องนี้หรือออกตามหา  ถ้าเรื่องถึงตำรวจปุ๊บ ฉันจะถือว่า เกมจบลงทันที  และมันจะจบแบบไม่ค่อยดีซะด้วยสิ”

            “แกจะทำอะไร”

            “ไม่ทำอะไรมากหรอก  แค่ฆ่าคนในครอบครัวเธอทั้งหมด  ฆ่าให้เกลี้ยง  แล้วก่อนที่จะลงมือ ฉันจะบอกพวกเขาด้วยว่า สาเหตุที่พวกเขาต้องตายก็เพราะเธอเล่นแพ้  เท่ากับเธอฆ่าคนทั้งบ้าน เพื่อเอาตัวรอดคนเดียว”

            ริมฝีปากสั่นระริก  หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก  รู้สึกกลัวและตื่นตระหนกตกใจ ต่อความคิดอำมหิตของอีกฝ่าย ที่ยกขึ้นมาข่มขู่กันซึ่งหน้า  ไม่มีเวลาให้ตัดสินใจนาน  สิงโตหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อเร่งเวลาบีบบังคับอีกฝ่ายให้จนแต้มเร็วขึ้น

            “หรือจะให้ฉันโทรก็ได้  จะได้โทรไปบอกให้เตรียมตัวกันไว้ ว่าฉันจะไปหา ซักวันสองวันนี้แหละ”
            “ฉันจะโทรเอง”

            ท้ายสุดแล้ว  ความปลอดภัยของเหล่าบุคคลอันเป็นที่รัก ย่อมมาก่อนเป็นสำคัญ  หญิงสาวไม่รู้ว่า ตัวเองสามารถควบคุมเสียงไม่ให้สั่นได้มากน้อยแค่ไหน ตอนที่จำใจโกหกแม่  มีเพื่อนหญิงอยู่ไม่กี่ชื่อที่สามารถแอบอ้างว่าไปนอนค้างด้วยได้  มารดาของเธอทำเหมือนต้องการจะซักถามมากกว่านั้น  หากแต่ธีราชิงวางสาย  ความห่วงใยท่วมท้นอยู่ในอก  เธอรู้สึกรักแม่ขึ้นมาอย่างจับใจ แตกต่างไปจากวันทุกวันที่ผ่านมา

            “สั่งลาเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปกันได้”
            “ไปไหน”
            “กลับบ้านไง  บ้านที่มีเธอกับฉัน อยู่กันเพียงแค่สองคน”  

            นัยน์ตาคุกคามแปรเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอย  คนตรงหน้าพูดพร่ำ ราวกับมีอาการละเมอเพ้อพกขึ้นมากลางคัน  ธีรากระเถิบตัวถอยหนีเท่าที่โซ่คล้องขาจะเอื้ออำนวย  สัญญาณซึ่งชี้บ่งถึงอาการไร้สติ หลุดจากการควบคุมตัวเองได้ในทุกเมื่อนั้น เริ่มปรากฎให้เห็นถี่กระชั้นขึ้นทุกที

            “มีคนสั่งแกมาให้จับตัวฉันไม่ใช่หรือ  แกจะเอาฉันไปส่งให้ใคร  บอกมาสิ!”  

            ธีราถามไปตามข้อมูลที่ได้รับฟังมา  แต่เพราะพิจิกเล่าไม่หมด  อย่างน้อยราชาแมงป่องก็ปิดบังชื่อผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสองคน  นั่นคือ  คิงจา-ราชันย์พิฆาต กับ วสันต์-ราชาน้ำแข็ง  เนื่องจากไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกชิงชังตนไปมากกว่าที่กำลังเป็นอยู่

            ..พิจิกทำไป โดยขาดการไตร่ตรอง ไม่ทันคิดด้วยเลยว่า คนที่ต้องรับรู้ความจริงภายหลังนั้น จะเจ็บปวดมากสักแค่ไหน..

            ท่ามกลางภาวะไม่ปกติของราชาวิปลาส  ธีราถือโอกาสนี้สืบค้นเรื่องราวกับชายวิกลจริต เผื่อความจริงจะหลุดออกจากปากของอีกฝ่าย

            “มัน.. เก่งเกินไป  อา.. แพ้มัน”  

            มีเสียงถอนลมหายใจดังเฮือก  แล้วสิงโตก็กลับมามีแววตาเป็นปกติดังเดิม  เหมือนสติหลุดลอยหายไปเพียงแค่ชั่ววูบหนึ่ง  

            “เตรียมตัวย้ายที่กันได้แล้ว”
            “แกจะเอาฉันไปส่งให้ใคร”  

            ธีราถามย้ำซ้ำอีกครั้ง  แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นอาการเมินเฉย  ราชาวิปลาสเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วลุกหนีไปทางหนึ่ง  ทำราวกับไม่ได้ยินคำถามสำคัญจากลูกไก่ในกำมือ

 
            น้ำหนักของโลหะซึ่งพันธนาการทั้งมือและเท้าราวกับเพิ่มมากขึ้น  ทั้งบนบ่ายังมีภาระแบกรับชะตากรรมเป็นตายของคนในครอบครัวพาดวางไว้เสียอีก  แม้ยังมีลมหายใจผ่านเข้าออกทรวง  หากธีราก็รู้สึกว่า มันช่างแผ่วเบาจนแทบนิ่งสนิท  อาการแข็งขืนต่อต้านจำต้องถูกถอดเก็บเอาไว้เพื่อรอเวลา  เมื่อลูกน้องของสิงโตมาไขโซ่ล่ามเท้าออก  ธีราจึงยอมเดินตามไปขึ้นรถตู้คันเดิมแต่โดยดี  ..นับจากนี้ หากจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก  สิ่งที่ตัวเธอพอจะทำได้ นั่นก็คือ เตรียมตัวรับมันเอาไว้ให้ได้เพียงเท่านั้น.. 

            -- คิดแค่เพียง..ต้องมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้  แม้ต้องเจ็บ หรือทรมานสักแค่ไหน เธอก็ต้องอดทน --

            ท้องฟ้าเบื้องบนสว่างเจิดจ้า  อิสรภาพใต้ปีกปักษามิอาจเจือจานลงมา เมื่อหญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองดู

            ..ประตูรถตู้เปิดและกระแทกปิดลงอีกครั้ง..
 
 
 
+++++++++++++++++++++++++
 


 
            ยามโพล้เพล้ช่วงเย็นย่ำ บรรยากาศขมุกขมัวชวนหดหู่ซึมเซา  ทั้งยังมีสายฝนตกโปรยปราย นำพาความชื้นแฉะมาสู่บรรดาผู้อาศัยในเขตเมืองศิวิไลซ์  บางคนจึงเงยหน้าขึ้นแช่งด่าท้องฟ้า ตามประสามนุษย์ขี้หงุดหงิด ผู้เห็นแก่ความสุขสบายส่วนตัว

            “ตกลงมาหาอะไรวะ  เปียกหมด”

 
            แรงไฟในร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กระจายแสงสว่างไสว  ช่วงเวลาฝนตกหาลูกค้าเข้าร้านนับได้พอประปราย  อาศัยคนที่เข้ามาหลบฝนซื้อของจุกจิกเล็กน้อยฆ่าเวลา  รวมถึงชายผู้มีลักษณะโดดเด่นสะดุดสายตาสองคน ผู้ซึ่งอาศัยสถานที่ดังกล่าว เป็นที่นัดพบพูดคุยธุระอันเร่งร้อนระหว่างกัน

            “_เรียกฉันออกมา ก็ไม่น่าให้ต้องเป็นฝ่ายมารอเสียอีกนะ_”

            ด้านหน้าชั้นวางซึ่งจัดเป็นมุมจำหน่ายหนังสือและนิตยสาร  ร่างสูงโปร่งในชุดสูทเนื้อดีสีดำเอ่ยปาก โดยไม่หันไปมองผู้ซึ่งก้าวเข้ามาประชิดใกล้ด้านข้างของตน  ดวงตาภายใต้เลนส์บางเฉียบไร้กรอบ ยังคงไล่สายตาไปเรื่อยกับตัวอักษรบนหนังสือที่เปิดค้างเอาไว้ในมือ

            บนศีรษะของอีกคนหนึ่งผู้สัญจรเข้ามา  มีหยาดน้ำเกาะพราวตามไรผมสีเทาเข้ม  ทุกอย่างซึ่งเป็นองค์ประกอบของราชาแมงป่องยังคงเหมือนเดิมทุกประการ  ขาดหายไปก็แต่อาการร่าเริง ขี้เล่น พูดจาชวนหัวเหมือนเคย  สีหน้าในยามนี้ของพิจิกแลดูเคร่งขรึม  แต่ถึงกระนั้นก็ยังกลบความร้อนใจซึ่งแสดงออกทางแววตาได้ไม่มิด

            “วสันต์  นายรู้ที่อยู่ของไอ้สิงโตใช่ไหม”
            “_พอจะรู้อยู่บ้าง  คิดจะตามไปช่วยใช่ไหม_”

            พิจิกผงกศีรษะรับแทนคำตอบ  วสันต์เก็บหนังสือลงชั้นตามเดิม  ก่อนหมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้าอีกฝ่าย  หัวคิ้วเหนือดวงตาอันเย็นชาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

            “_ถ้าปะทะกับมัน ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับคิงจาด้วยนะ  คิดดีแล้วหรือ_”
            “คิดจนไม่รู้จะคิดยังไงแล้ว  อย่างดีก็แค่ตาย  แต่ฉันจะไม่ยอมเสียผู้หญิงของฉัน ให้ใครเด็ดขาด”
            “_นายรักผู้หญิงคนนั้นหรือ_”

            คำถามธรรมดาหากทะลุทะลวงไปถึงใจ  ทุกประโยคของวสันต์ไม่เคยเสียเปล่า เพราะสิ่งที่ตอบกลับมาย่อมเป็นข้อมูลซึ่ง ‘นำไปใช้ได้’ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ

             พิจิกใช้อาการปิดปากเงียบแทนคำตอบ  การไม่ยอมยืนยันย่อมมีแง่ง่ามของความไม่แน่นอนแทงรากอยู่  จนถึงวินาทีนี้  เขายังถามตัวเองอยู่เลยว่า มันเป็นความรัก หรือ เป็นเพียงความลุ่มหลงที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น

            ..ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า  ผู้รังแต่จะคอยขัดแย้งกับเขาอยู่ตลอดเวลา  ธีรา พินิจใจ..

           
            “ฉันต้องการที่อยู่ของมัน  จะแลกกับอะไร นายก็ว่ามาเลย”
            “_ยังนึกไม่ออกว่า มีอะไรที่ฉันต้องการจากนาย  แต่เอาเป็นว่า ฉันจะช่วยก่อนก็แล้วกัน_”
            “ขอบใจนายมาก  ฉันรับรองว่า จะไม่ให้นายต้องเดือดร้อนแน่”
            “_ดี  ถ้าอย่างนั้น ขอเวลาหนึ่งวัน เพราะต้องสืบค้นให้แน่ชัดก่อนว่า ข้อมูลถูกต้องไหม_”
            “อ้าว! เฮ้ย  ตกลงว่า นายรู้หรือไม่รู้กันแน่”  

            คนอ่อนวัยกว่า ชักสีหน้าผิดหวังแกมหงุดหงิด  ผมสีเทาปอยหนึ่งตกลงมาพาดเกะกะใบหน้า  หากเป็นในยามปกติ  พิจิกคงปัดมันไปข้างๆ หรือไม่ก็เหน็บหูไว้ ด้วยความรำคาญใจแล้ว

            ..หากแต่วันนี้ เขาไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งนั้น  ในหัวมุ่งคิดแต่เรื่องช่วยเหลือคนสำคัญ แต่เพียงอย่างเดียว..

            มุมปากของราชาน้ำแข็งเหยียดขึ้นเล็กน้อย  คล้ายกำลังแสดงความสมเพชเวทนา

            “_แค่วันเดียว คนของนายคงยังไม่เป็นอะไรหรอกน่า  ไอ้สิงโตมันคงไม่กล้าขัดคำสั่งของคิงจาหรอก  แค่พอจะรู้ที่อยู่  ไม่ได้หมายความว่า มันชัดเจนเสียเมื่อไหร่  ถ้านายใจร้อนมากขนาดนี้ นายก็หาทางจัดการเอาเองเถอะ_”

            “ขอโทษ  ฉันแค่อยากรีบให้เร็วที่สุด  สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี”
            “_ไม่ยักกะรู้ว่า  คนอย่างนายเชื่อเรื่องพวกนี้  ดูเป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ_”
            “นายพูดอะไร  พวกเรายังเป็นคนกันอยู่ ไม่ใช่รึไง”  

            นับเป็นครั้งแรกที่ประโยคฟังดูคล้ายตัดพ้อ หลุดรอดผ่านริมฝีปากคนอย่างพิจิก  วสันต์ยืนยืดตัวขึ้นเต็มความสูง อกผายไหล่ผึ่ง จ้องมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง เสมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจ

            เสียงออดตรงประตูดังแทรกบรรยากาศขึ้นมา ท่ามกลางความเงียบที่พลันเกิดขึ้นชั่วขณะ ระหว่างบุคคลทั้งสอง

            “_ฉันรับปากแล้ว ไม่ผิดคำพูดหรอก_”  

            บุรุษผู้เยือกเย็นเป็นฝ่ายขยับเคลื่อนไหวก่อน  วสันต์คว้าเอาหมากฝรั่งกระปุกหนึ่งขึ้นถือไว้ในมือ  ก่อนเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อชำระเงินค่าสินค้ากับพนักงาน

            “ไปแล้วเหรอ”  
            พิจิกร้องถามตามหลัง  แต่ไม่คิดที่จะติดตามอีกฝ่ายไป

            “_งานเริ่มแล้วนี่_”  
            คนเย็นชาตอบกลับห้วนสั้น  รับเงินทอนจากพนักงาน ก่อนเดินออกนอกร้าน หายลับไปกับฝูงชน ทั้งที่สายฝนยังคงพร่างพรมอยู่ด้านนอกไม่ขาดสาย

            พิจิกผู้ถูกทิ้งให้ยืนเคว้งอยู่เพียงลำพัง แก้กลุ้มด้วยเบียร์กระป๋อง  ทอดสายตาเหม่อลอยไปกับยวดยานและผู้คนที่ยังสัญจรกันขวักไขว่  น้ำหนักในใจระหว่างเรื่อง ‘ช่วย’ กับ ‘ฆ่า’ ตีเกลียวขึ้นมาพร้อมกัน

          -- เขาทำแน่  เขาฆ่าไอ้สิงโตแน่  ถ้าหากมันทำเรื่องเลวร้ายกับผู้หญิงของเขา --
 

            ในขณะที่วสันต์ผู้ผละจากมา  กำลังแสดงสีหน้าคล้ายดูแคลนปัญหาซึ่งตนรับฝากมา  ไม่มีแวววิตกกังวลปรากฏให้เห็น  ในเมื่อตนได้คิดอ่านเตรียมการ สำหรับเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว

          -- เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ ..เรื่องนี้ --
 
             

 
++++++++++++++++++++++++++++

 
 
 
            สถานที่แห่งนั้นช่างสุดแสนพิลึกและพิกล  โครงสร้างโดยรวมทั่วไปดูคล้ายกับเป็นโรงงานร้าง  เศษอิฐหินปูนทรายของซากวัสดุก่อสร้าง ซึ่งถูกทุบทำลายกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ  แทรกแซมด้วยสีเขียวของต้นไม้ซึ่งขึ้นรกเรื้อจนครึ้มไปทั่ว  ทำให้สถานที่แห่งนี้แผ่รัศมีความวังเวง จนไม่อาจคิดได้ว่าสามารถเป็นที่พำนักอาศัยของใครได้ทั้งนั้น

            ทว่าสถานที่แห่งนี้เอง ที่เป็นที่พำนักอาศัยของราชาวิปลาส หรือเรียกได้ว่าเป็น ‘ถ้ำสิงโต’

 
            ไร้ประตูทางเข้าออก  กำแพงปูนสูงร่วมสามเมตรล้อมรอบทุกด้าน ปิดกั้นสายตาคนรู้เห็น  เสมือนดินแดนภายในถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง  พวกลูกน้องของราชาวิปลาสมาส่งคนทั้งสองตรงด้านนอกกำแพง แล้วจึงพากันกลับ  หลังจากนั้น ร่างของธีราก็ถูกอุ้มพาดบ่า  ราชาวิปลาสออกแรงกระโจนไต่กำแพงสูงพรวดเดียว ก็สามารถข้ามเข้ามาสู่อาณาเขตด้านใน  สัมผัสแรกที่ปะทะผิวกายคืออากาศเย็นชื้น แฝงเร้นด้วยกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าแทรกซ้อนอยู่ในอณูอากาศ

            อาณาจักรซึ่งมีเจ้าป่าเพียงตัวเดียวอาศัยอยู่นั้น ช่างกว้างใหญ่ไพศาล  และต้องเป็นคนจิตวิปลาสเท่านั้นด้วย ที่กล้าใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ลึกลับน่าขนลุกแบบนี้

            รองเท้าส้นเตี้ยพื้นบางของธีรา ไม่ถนัดแก่การเหยียบย่างลงบนกองเศษอิฐหิน  ไหนจะซากเหล็กเส้นสนิมจับเขรอะซึ่งพร้อมจะทำอันตรายได้ทุกเมื่อ หากพลาดพลั้งล้มลงจนโดนทิ่มแทง  หญิงสาวอาจทรงตัวได้ดีกว่านี้ ถ้าหากไม่มีกุญแจมือสวมอยู่ตรงข้อมือทั้งสองข้าง  ชายเจ้าของสถานที่เดินดุ่มนำหน้า โดยไม่เอ่ยอันใดกับเชลยผู้ถูกจับตัวมาแม้แต่คำเดียว

            บรรยากาศรายรอบทั้งเย็น และเต็มไปด้วยสีเขียวสะพรั่งราวกับกำลังเดินอยู่ในป่า  ตรงไหนที่มีดิน พรรณไม้ก็พากันงอกขึ้นมาปิดคลุมความว่างเปล่า  เบื้องหน้าอีกไม่ไกล ปรากฏตัวอาคารกว้างใหญ่ตั้งทะมึนอยู่ให้ได้เห็น  ธีรากลืนน้ำลาย  รู้สึกครั่นคร้ามประหนึ่งกำลังล่วงล้ำเข้าไป ในที่ที่มีภูตผีสิงสู่

            บานประตูเหล็กส่งเสียงเอี้ยดอ้าดบาดหู  ตอนที่ถูกผลักให้เลื่อนไปตามราง  หญิงสาวอุปาทานคล้ายได้ยินเสียงร้องครวญคราง ของบางสิ่งบางอย่างดังแทรกมาด้วย  ราชาวิปลาสเอี้ยวคอ หันใบหน้าซึ่งกำลังทำสีหน้าเลื่อนลอยไร้เสถียรมาทางธีรา  ชี้นิ้วไปยังด้านหน้าสู่ความมืดสลัวภายใน ประหนึ่งคล้ายยมทูตชี้ทางไปสู่ขุมนรก

            ลำคอแห้งผาก  ขาทั้งสองข้างสั่นระริกทุกย่างก้าว  ธีรารู้สึกราวกับกำลังพยายามฉุดลากตัวเอง ให้เดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างเชื่องช้า ผ่านประตูเหล็กกล้าซึ่งเต็มไปด้วยสนิมจับเขรอะตามกาลเวลา  กลิ่นอับชื้นภายในอาคารรกร้างโชยเข้าปะทะจมูก กระตุ้นความหวาดผวาให้สติกระเจิดกระเจิง
 
            “วิเศษใช่ไหม  เราจะอยู่กันที่นี่  ไม่มีใครมาวุ่นวาย”  
 
            คำพูดชวนพรั่นพรึงหลุดออกจากปากบุคคล ผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในอาการเพ้อ  สถานที่แห่งนี้คงมีอิทธิพลสามารถส่งผลครอบงำ ทำให้ชายคนหนึ่งกลายเป็นคนวิปลาสเต็มขั้นได้

            หลังคาของตัวอาคารใหญ่อยู่สูงเหนือศีรษะราวห้าหกเมตร  ปรากฎโครงรางเหล็กที่เชื่อมเป็นคานสำหรับรองรับน้ำหนักของฐานชั้นสอง ซึ่งบัดนี้ได้พังทลายลงมา อยู่ในสภาพเต็มไปด้วยหยากไย่ระโยงระยางเต็มไปหมด  กอปรไปด้วยแถวหลอดไฟนีออนเสื่อมสภาพมิอาจใช้การได้  พื้นที่ด้านล่างโอ่โถงกว้างขวางสมกับเป็นอาคารโรงงานเก่า  ตรงมุมที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้า มีส่วนซึ่งกั้นทำเป็นห้องเหมือนเคยเป็นส่วนสำนักงาน  มีพวกโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงชั้นวางของประกอบจากเหล็กถูกทิ้งเอาไว้มากมาย  บนชั้นสองมองเห็นห้องหับบางส่วน ซึ่งคงสภาพดีอยู่เยื้องสูงขึ้นไป  หากแต่ธีรามองไม่เห็นบันได หรือหนทางที่จะขึ้นไปสู่ห้องหับด้านบนนั้นได้เลย

           
            “ที่นี่ เธอจะทำอะไร ไปตรงไหนก็ได้ ยกเว้นแค่สองที่ คือ ห้องที่มีประตูสีขาวตรงนั้น” 
 
            เจ้าของสถานที่พำนักอันแสนพิสดาร ชี้นิ้วไปยังบริเวณที่ตนกล่าวถึง  ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังและข้าวของทิ้งรกเกลื่อนกลาดชั้นล่าง  ธีรามองตามมือนั้นไป จึงได้เห็นห้องหนึ่งซึ่งมีประตูทาสีขาวจัด มีไม้กางเขนสีแดงติดเป็นสัญลักษณ์อยู่บนประตูอันหนึ่ง

            “แล้วนั่นห้องอะไร”   เธอเอ่ยถาม ด้วยสงสัยในคำบอกห้ามดังกล่าว

            “ห้องที่ใครกล้าสอดรู้สอดเห็นเข้าไป แล้วจะต้องตายยังไงล่ะ”  

            สิงโตไม่เฉลย  กลับยิ่งสำทับให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นหนักขึ้นไปอีก  ธีราเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดึงดันต่อต้าน  การที่ได้ยินอีกฝ่ายบอกกล่าวเช่นนี้  นั่นแสดงว่าต้องมีความลับ หรืออะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ภายในห้องดังกล่าวเป็นแน่

            “ส่วนอีกที่อยู่ชั้นบน  เธอใช้ห้องสารภาพบาปได้  แต่ห้องติดกันนั้นอย่าเข้าไปเด็ดขาด  ขอเตือนไว้ล่วงหน้า  ถ้าเข้าไปล่ะก็ตายแน่  จำเอาไว้ให้ดี”

            “ห้องสารภาพบาปเหรอ”  

            สถานที่ที่ถูกเรียกขานสร้างความงวยงงสงสัยให้เกิดแก่ธีรา  พอกันกับทางขึ้นชั้นสองซึ่งมองหาอย่างไรก็ไม่เห็นมี

            สิงโตหัวเราะขำ เมื่อจับสีหน้าเลิ่กลั่กของคนตรงหน้าได้  บุรุษวิปลาสพลันก้าวเข้ามาประชิดใกล้  สองมือหนาใหญ่จับสองแขนของธีราขึ้นมา ทำท่าเหมือนต้องการให้โอบคล้องรอบคอของตัวเอง  ราชาวิปลาสย่อเข่า ออกแรงดีดตัวเพียงนิดเดียวก็สามารถกระโดดลอยตัวขึ้น พร้อมคว้าจับคานเหล็กที่อยู่สูงเหนือหัวร่วมกว่าสามเมตรได้  ด้วยอารามตกใจ ธีราจึงกอดรัดร่างของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น  สองร่างห้อยต่องแต่งแกว่งไกวอยู่กลางอากาศ  หญิงสาวหวีดร้องออกมาด้วยความหวาดเสียว ด้วยกลัวต่ออันตรายหากต้องพลัดตกลงไป

            “กอดไว้แน่นๆ ถ้าไม่อยากหล่นลงไป”  

            ผู้เป็นหลักเกาะส่งเสียงกระซิบกระซาบข้างหู  ด้วยกำลังแขนอันทรงพลังเกินธรรมดา สิงโตจึงสามารถสาวมือไต่ไปตามคานเหล็ก พร้อมกับบรรทุกน้ำหนักถ่วงคอพาติดไปด้วย  กระทั่งไปถึงแผ่นพื้นชั้นสองให้ขึ้นเหยียบยืนได้  ร่างแข็งแกร่งจึงกลั้นลมหายใจ ออกแรงดึงตัวทะลึ่งพรวดขึ้นทีเดียว จนขึ้นสู่บริเวณชั้นสองได้ในที่สุด

            สิงโตหอบหายใจเล็กน้อย เหงื่อแตกพราวกับกิจกรรมออกแรง ที่ค่อนข้างทุลักทุเลอยู่ไม่เบา  ขณะที่ธีราผู้ถูกบังคับจับโหนมาด้วย นั่งแปะกับพื้นคล้ายมีอาการเข่าอ่อน  กระนั้น เธอก็ยังกวาดสายตามองสำรวจชั้นบนอย่างตื่นเต้น

            “ห้องนี้ คือ ห้องสารภาพบาป”  

            สิงโตเดินไปตรงหน้าห้องหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่คนทั้งสองปีนขึ้นมา  ห้องดังกล่าวถูกทาสีแดงบนบานประตูให้เห็นโดดเด่นชัดเจน  ห่างออกไปอีกด้านปรากฏประตูสีเทาบานหนึ่ง สำหรับเปิดเข้าไปยังอีกห้อง  

            “..แต่ห้องนั้น  อย่าเข้าไป”

            คำว่า ‘อย่า’ มีน้ำหนักเบากว่า ‘ห้าม’ ทว่าก่อให้เกิดความใคร่อยากรู้ในระดับเท่าเทียมกัน  และนั่นหมายความว่า ตอนนี้ เท่ากับมีสองห้องลึกลับให้ลองอาจหาญพิสูจน์  ในความนึกคิดของธีรา

            “แล้วห้องนั้น มันเป็นห้องอะไรล่ะ”  

            หญิงสาวร้องถาม  แต่อีกฝ่ายไม่ใส่ใจที่จะตอบอีกเช่นเคย  สิงโตเปิดประตูสีแดงเข้าไปภายในห้องโดยไม่รอ  ทำเอาธีราต้องรีบลุกติดตามเข้าไป เพื่อพบเจอสิ่งซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้บังเกิด

 
            “อะไรเนี่ย!”

            ภายหลังบานประตูสีแดงช่างน่าพิศวง  มันคือห้องที่เต็มไปด้วยไม้กางเขนนับร้อยพัน ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ทำจากวัสดุนานาชนิด ประดับประดาไปทั่วทั้งฝาผนัง มีแม้กระทั่งบนเพดาน  วัตถุเหล่านั้นวางสุมกองรวมกันอยู่อย่างแน่นขนัด กลืนกินพื้นที่เกือบทั้งหมด จนแทบไม่มีที่ทางให้เดินเหินได้สะดวก  มองดูคล้ายขุมสมบัติที่เจ้าของเพียรสะสมไว้เป็นเวลานาน  กว่าจะมีจำนวนมากมายมหาศาลเยี่ยงนี้

            ร่างใหญ่ล่ำสันคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้า รูปสลักไม้กางเขนขนาดใหญ่ที่สุดภายในห้องนั้น  ราชาวิปลาสหลับตาลงด้วยใบหน้าเครียดเคร่ง ในแบบที่ธีราไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้เห็น  ทั้งไม่คิดว่าตนจะสามารถเข้าใจในตัวอีกฝ่าย  แต่ถึงกระนั้น เธอก็กล้าเอ่ยปากถามออกไป

            “แกนับถือศาสนาคริสต์เหรอ”
            “เปล่า”   

            เจ้าของสมญาราชาวิปลาสตอบแบบไม่ลืมตา  หากน้ำเสียงฟังดูค่อนข้างพึงพอใจที่ถูกถามอยู่บ้าง

            “ถ้าไม่ใช่  แล้วสะสมไม้กางเขนทำไม”
            “เพราะเชื่อว่า มีพระเจ้า  เขาบอกว่า พระเจ้าอยู่ในไม้กางเขน  ถ้าสารภาพบาปกับไม้กางเขน พระเจ้าก็จะอภัยบาปให้  เพราะเชื่อแบบนั้น”

            คนโฉดผู้ถือมั่นในความเชื่อของตน กล่าวตอบอย่างฉาดฉาน  หากความคิดของผู้รับฟังนั้นกลับรู้สึกขัดแย้งอย่างหนัก  ด้วยเหตุนี้ ธีราจึงแย้งออกมา โดยไม่ทันได้ไต่ตรองให้ดีเลยว่า ตัวเองอาจมีสิทธิ์ชะตาขาดได้ทันที

            “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร  ถ้าหากทำบาปแล้วก็มาสารภาพ  พอสบายใจแล้วก็กลับไปทำใหม่  นี่มันเหมือนหลอกตัวเองให้สบายใจต่างหากล่ะ  ถ้าพระเจ้าท่านมีจริง  ท่านก็คงไม่อภัยให้กับมนุษย์ที่ทำผิดซ้ำซาก ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้หรอก  เพราะคนที่สำนึกได้ ย่อมไม่ทำผิดอีก”

            ร่างตรงหน้าสั่นเทิ้ม  อาจเป็นด้วยลุแก่โทสะ หรือไม่ก็ตกใจในข้อโต้แย้งดังกล่าว  เพราะราชาวิปลาสหันหลังให้  ดังนั้น ธีราจึงไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่กำลังบิดเบี้ยว ประหนึ่งได้รับความเจ็บปวดทรมานอยู่อย่างสุดแสน  นิ้วมือทั้งห้ากางออก  สิงโตแขนเหยียดออกไปทางด้านหลัง เป็นทำนองปรามมิให้อีกฝ่ายพูดเอ่ยอะไรออกมาอีก
 
          --  นี่หากเป็นข้างนอก หรือที่อื่นใดที่ไม่ใช่ที่นี่  มันคนใดที่กล้าพูดแบบนี้ จะต้องตายสถานเดียว! --
           

            “ข้าแต่พระเจ้า  ข้ากลับมาบ้านแล้ว  ข้ามีเรื่องจะสารภาพกับพระองค์  วันนี้ ข้าออกไปและทำบาปมากมาย  ข้าทำร้ายคนให้บาดเจ็บสาหัสหลายคน  ด้วยความใคร่ ข้าล่วงประเวณีกับหญิงอื่น  ข้าสั่งบริวารให้ขโมยและปล้นคนอื่น  และพรากหญิงนี้ มาอยู่ด้วยกันที่นี่กับข้า  ขอพระเจ้าทรงอภัยให้ข้าด้วยเถิด..”
 
            ธีรายืนอยู่ข้างหลัง ได้รับฟังคำพร่ำภาวนา ซึ่งเปิดเผยการกระทำอันชั่วร้ายต่างๆ นานาของผู้ชายตรงหน้าจนหมดสิ้น  สำนึกของการไตร่ตรองถึงเรื่องความยุติธรรมบอกกับเธอว่า เรื่องน่ากลัวไม่ได้อยู่ตรงความเลวร้ายต่างๆ ที่ผู้ชายคนนี้ได้กระทำ  หากแต่อยู่ตรงพฤติกรรมซ้ำซาก กล่าวคือ จิตใต้สำนึกจะหลอกลวงให้ตัวเองรู้สึกผิดเพียงชั่วครู่  หลังจากนั้น เจ้าตัวก็จะย้อนกลับไปทำความผิดเดิมๆ ที่ทำให้ตนเกิดความไม่สบายใจซ้ำแล้วซ้ำอีก  เป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไปไม่รู้จบ..

            ..กระทั่ง กลายเป็นคนไม่รู้จักสำนึกผิดอย่างแท้จริง หรือไม่ก็กลายเป็นคนชั่วร้ายโดยสมบูรณ์แบบไป ในที่สุด

 
            ราชาวิปลาสอาจได้ใช้เวลาสารภาพบาปนานกว่านี้  ถ้าหากไม่มีเสียงร้องคร่ำครวญของตัวอะไรสักอย่างที่อยู่ในห้องข้างกันนั้น แผดเสียงร้องลอดผ่านผนังเข้ามารบกวนภวังค์เสียก่อน  เสียงนั้นแหบพร่าและโหยหวนชวนน่าขนลุก  ชนิดที่ทำให้ธีราเผลอขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย ด้วยอารามเผลอไผลลืมตัว

            “นั่น! เสียงอะไรน่ะ!”
            “ไม่มีอะไร  เสียงเสือน่ะ  ฉันเลี้ยงเสือไว้ตัวหนึ่ง  เลี้ยงไว้ห้องข้างๆ นี่แหละ”  
            “ไม่ใช่เสือ  นั่นเสียงคน  แกจับใครมาขังไว้ที่นี่ ด้วยงั้นเหรอ”   แม้จะกลัว  แต่หญิงสาวก็ยังมีแก่ใจเถียงไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ยิน
            “ปัดโธ่.. ก็บอกว่า เสือ  ถ้าไม่เชื่อก็ลองเข้าไปดูเอาเองสิ  เข้าไปเป็นอาหารให้มันได้กินอิ่มสักมื้อก็ดีเหมือนกัน”  

            เจ้าบ้านพูดท้าทาย ในขณะที่ความกลัวของธีราพุ่งขึ้นสูงสุด  ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะสงบปากคำ หลีกเลี่ยงการสร้างความขุ่นเคืองให้แก่อีกฝ่าย  ด้วยกลัวตัวเองจะถูกจับโยนเข้าไปในห้องที่มีต้นกำเนิดเสียงสั่นประสาทรอรับอยู่

            ถัดจากเสียงร้อง ตามมาด้วยเสียงวัตถุคล้ายโลหะหนัก ฟาดสะบัดกระทบกระแทกพื้น  เสียงดังตึงตังโครมครามอยู่ไม่นาน ก็เงียบสงบลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ธีรามองหน้าสิงโตดังต้องการคำอธิบาย  หากฝ่ายนั้นกลับผุดลุกขึ้น แล้วเบียดตัวแทรกกลับออกไปนอกห้อง  เล่นเอาเธอขยับตามแทบไม่ทัน

            ราชาวิปลาสกระโดดลงสู่พื้นชั้นล่างต่อหน้าต่อตา  ธีราจึงเกิดอาการหวาดผวาที่ถูกทิ้งไว้ข้างบนนี้คนเดียว  มองลงไปด้านล่าง เห็นอีกฝ่ายกระดิกนิ้วเรียกให้ตามลงไป  แต่เธอจะกล้าโดดจากความสูงขนาดนี้ได้อย่างไรกันเล่า!

            “โดดลงมาน่า  ฉันจะรับให้  หรือจะอยู่เป็นเพื่อนเสือข้างบน ก็ตามใจนะ”
            “มันสูง..”
            “ไม่ตายหรอกน่า มีทีเซลล์ไม่ใช่เรอะ เร็วเข้า ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

            ธีรามองหน้าคนข้างล่าง ทำสีหน้าขอความเห็นใจ  ในเมื่อขาขึ้นมา อีกฝ่ายสามารถหอบหิ้วพามาได้  ขากลับก็ไม่น่ากลั่นแกล้งกันเช่นนี้  พลันเสียงชวนขนลุกซึ่งเงียบหายไปก็กลับดังขึ้นมาใหม่  และนั่นกลายเป็นแรงผลักดันให้หญิงสาวตัดสินใจเลือกกระโดดลงไปทันที

            “ก็แค่นี้”  

            สิงโตปล่อยร่างในวงแขน ให้ลงทรุดนั่งแปะกับพื้นแบบสิ้นท่า  ธีราเกิดอาการใจดิ่งหายวูบวาบเพียงไม่กี่วินาที หากแต่มีผลตกค้างอยู่ตามกล้ามเนื้อ  คนกลัวความสูงรู้สึกใจสั่นหวิวไหว นั่งตาลอย ขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้นหยัดยืน

 
            เวลานั้น  แสงตะวันใกล้จะสิ้นสุดลับหาย  ความมืดโรยตัวสลัวหนักขึ้นทุกที  แมลงกลางคืนเริ่มกรีดเสียงร่ำระงมไปทั่ว คล้ายต้อนรับการมาเยือนของรัตติกาลในที่ร้าง  บรรยากาศชวนหดหู่รอบด้านเป็นอะไรที่ธีราไม่เคยประสบ  ครั้นแล้ว น้ำตาเจ้ากรรมก็พาลจะไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อหวนคิดถึง ‘บ้าน’

            คนร่างใหญ่กว่าเข้ามากระชากดึงแขนให้ลุกขึ้น  ธีราจึงกลายสภาพเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่งซึ่งถูกลากไปมาตามแต่ใจของอีกฝ่าย  ข้อมือเริ่มระบมจากการเสียดสีของกุญแจมือที่คล้องรัดแน่นเข้าทุกที

            “ไปไหนอีกล่ะ” 

            เมื่อความกลัวในตัวบุคคลตรงหน้าเริ่มลดลง  ความกล้าต่อปากต่อคำก็เริ่มมีมากขึ้น

            “อาบน้ำ กินข้าว แล้วนอน”
            “อะไรนะ”
            “อาบน้ำ กินข้าว แล้วนอน”  

            อีกฝ่ายยังคงทวนประโยคเดิมซ้ำๆ คล้ายดั่งมีอาการเสียสติไปชั่วขณะ  สิงโตเดินลากตัวธีราพาออกไปยังประตูหลังของตัวอาคาร  พื้นที่ด้านหลังเป็นลานเทปูนโล่งกว้าง มีถังน้ำมันขนาดใหญ่รองน้ำจนเต็มหลายใบตั้งวางอยู่หลายถัง  ห่างออกไปไม่ไกล ธีรามองเห็นห้องน้ำที่ผนังถูกทุบทิ้งทำลายประมาณห้าหกห้อง  ใกล้ถังน้ำมันมีก๊อกน้ำ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดหรือซักล้าง วางเรียงรายระเกะระกะอยู่ด้วยแถวนั้น
           

            สิงโตไม่พูดพล่ามทำเพลง  จ้วงขันลงไปในถังน้ำ ตักขึ้นมาสาดใส่อีกคนอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว  ธีราได้แต่ยกมือขึ้นปิดป้องใบหน้าและดวงตา กระทั่งเปียกโชกไปหมดทั้งตัว  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอหลังจากนั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายกว่า  เมื่อราชาวิปลาสตรงเข้าฉีกกระชากเสื้อผ้าของผู้ตกเป็นเชลย อย่างไม่ปรานีปราศรัย

            ธีราพยายามดิ้นรน  ป้องปัดขัดขืนสุดแรงเกิด เท่าที่แรงกำลังของตนจะสามารถทำได้  แต่ก็ต้องพ่ายให้แก่คนประสงค์ร้ายในท้ายที่สุด

            ..เสียงหวีดร้องด้วยความคับแค้นใจ ดังลั่นอาคารร้างแห่งนั้น..
 
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++


 




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2563
0 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2563 12:02:50 น.
Counter : 576 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.