! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 มีนาคม 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 17 : ความตายที่สอง


ขอบคุณภาพปกนิยายจาก คุณรัชต์สารินท์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
 


            เวิ้งความมืดนั้นมีสีดำสนิท ทว่าระยิบระยับด้วยแสงแห่งดาวฤกษ์ดารดาษ  หญิงสาวผู้อยู่เปลี่ยวเหงาตามลำพัง เริ่มรู้สึกคุ้นชินเสียแล้วกับการลอยคว้างกลางเวหน  น่าแปลกดีที่ความรู้สึกอับจนปัญญาเริ่มสร่างซาไปจากห้วงแห่งความฝัน  ในสภาวะเช่นนี้  ธีราก็ถูกกำหนดให้เป็นผู้มองดูทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเหมือนเช่นเคย

            พอจิตสำนึกตระหนักรู้ถึงภาพของห้วงอวกาศ  ธีราก็หมุนมองหาดาวเคราะห์ซึ่งตนถือกำเนิดขึ้นมาบนนั้น  โลกเป็นสีน้ำเงินจริงอย่างภาพที่เคยเห็นผ่านตา  ทว่าสีน้ำเงินที่เห็นอยู่ในตอนนี้ สร้างความรู้สึกสุดแสนอัศจรรย์ให้ก่อเกิด  มันเป็นสีสันซึ่งผสมผสานรวมกัน ระหว่างความงามอันบริสุทธิ์ทางกายภาพ และเปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งชีวิต  พอได้สัมผัสสุนทรียภาพไปตามสิ่งที่มองเห็น  ทั่วทั้งร่างก็เกิดอาการขนลุกซู่ซ่า  แม้ร่างอันเล็กจ้อยของมนุษย์อยู่ห่างในระยะไกล หากกระแสคลื่นความอบอุ่นยังแผ่ขยายส่งมา  เมื่อพินิจมองไปจากตรงนี้  ไม่ว่าเป็นผู้ใดหรือสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม ย่อมพุ่งความปรารถนาไปยังดาวเคราะห์สีน้ำเงินตรงหน้า  เหมือนดังเช่นธีรา และเงาร่างมัวซัวอีกนับร้อยพันที่กำลังรายล้อมอยู่รอบกาย ในตอนนี้
 
            ทั้งที่ควรจะตกใจ  หญิงสาวกลับพบว่า ‘พวกเขา’ ช่างแลดูน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่า  แม้ไม่ใช่รูปลักษณ์ตามแบบอย่างของสิ่งมีชีวิตที่เคยพบเห็น  แต่ก็ไม่ควรเรียกอย่างดูหมิ่นดูแคลนว่า เป็นสัตว์ประหลาด  พวกเขาต่างมีรูปร่างอันอัศจรรย์พันลึก ผสมปนเปกันไปในจำนวนมากมาย  การมองเห็นไม่อาจจับความแน่ชัดให้กระจ่างแก่สายตาและความเข้าใจได้  อีกทั้งธีราเองก็พลันตระหนักรู้ขึ้นมาว่า ตัวเองไม่จำเป็นต้องจดจ่อกับเรื่องนั้น  เพราะความจริงแท้ที่สำคัญ นั่นคือ แม้เธอล่องลอยอยู่ท่ามกลางพวกเขา  แต่เธอมิได้เป็นหนึ่งในบรรดาพวกเขา

            รูปแบบแห่งชีวิตนับร้อยพันเหล่านี้ รวมตัวเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นรูปขบวน ไม่ได้ปรากฏยานบินอวกาศหรือพาหนะที่ใช้ในการเดินทางแต่อย่างใด  พวกเขาดูคล้ายฝูงแมงกะพรุนเรืองแสงท่ามกลางความมืดรายรอบ  เพียงชั่วพริบตา  ธีรามองเห็นแสงสีอันเรืองรองเป็นจุดน้อยใหญ่ กระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ  พวกเขากำลังเคลื่อนย้ายผ่านไป  ด้วยจำนวนที่มีอยู่มากมายและไม่อาจบอกแน่ชัดได้ถึงแหล่งที่มา  พวกเขาต่างพากันแหวกว่ายอวกาศ มุ่งหน้าเพื่อจะไปให้ถึงที่พักพิงแห่งใหม่ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางข้างหน้านี้

            ท่ามกลางการเคลื่อนไหว แสง สี เสียง และสัมผัสต่าง ๆ ซึ่งพัดผ่านตัวเธอไปราวกับคลื่นลม  ธีราสามารถรับรู้ได้ถึงกระแสความรู้สึกต่าง ๆ นานา  มีทั้งความเศร้าโศกเสียใจ ความยินดีปรีดา ความกลัว ความหวัง หรือแม้กระทั่งความเจ็บปวดที่พวกเขาได้นำติดตัวมาด้วย  ช่างน่าสลดใจที่เธอทำได้แค่เป็นผู้รับรู้ แต่ไม่อาจช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย  สิ่งซึ่งรออยู่เบื้องหน้าของรูปแบบชีวิตต่างดาวเหล่านี้ จึงมีเพียงโลกสีน้ำเงินใบสวยผู้เปรียบเป็นประดุจมารดา  แขนของนางเปิดอ้าออกกว้าง พร้อมต้อนรับทุกสรรพสิ่งที่แสวงหาหนทางเพื่อที่จะมีชีวิต  โลกจะเติมเต็มทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในนั้น
 
            ในขณะที่พวกเขาต่างพากันเดินทางไปยังโลกของธีรา  หญิงสาวกลับปรารถนาจะไปยังแหล่งที่มา หรือต้นตอของปริศนาทั้งหมดนี้มากกว่า  ความเข้าใจของหญิงสาวในตอนนี้ เหมือนการรับชมตอนจบของภาพยนตร์ โดยมิได้เริ่มดูมาตั้งแต่ตอนต้น  ดังนั้น ความเป็นมาและสิ่งที่ควรต้องรู้ จึงกลายเป็นสิ่งที่ยังไม่อาจเข้าถึง  เนื่องจากยังไม่เห็นเหตุการณ์อื่นใด มาช่วยลำดับความเข้าใจให้ไขกระจ่าง
 
            ในห้วงแห่งความฝันนี้  ธีรารู้ดีว่า ยามเมื่อเธอตื่นขึ้น  ความทรงจำถึงสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จะถูกปิดกั้น จนตัวเองไม่สามารถจดจำสิ่งใดได้แม้สักเศษเสี้ยว  แต่ถึงอย่างไร ความเป็นจริงในโลกตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นนั้น  มันย่อมโหดร้ายกว่าความฝันเป็นร้อยเท่าพันทวีอยู่แล้ว

            เป็นครั้งแรกที่ธีรายังไม่อยากตื่นจากฝัน  เธอรู้สึกราวกับนี่เป็นครั้งแรกของความฝันประหลาด ที่เริ่มมีเป้าหมายหรือจุดประสงค์ให้ต้องค้นหาที่มา  หญิงสาวรู้สึกถึงการกระเพื่อมของน้ำหรือของเหลวในร่างกาย  เรือนร่างอันเปลือยเปล่าที่เคยเป็นตัวตนของเธอ บัดนี้ กำลังแปรเปลี่ยนสภาพ  กระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว  รูปลักษณ์ที่เคยเป็น ‘ธีรา’ กำลังหลอมละลาย  คล้ายดั่งร่างกายมนุษย์กำลังเลือนรางจางหาย  ความรู้สึกนึกคิดในขณะนั้น กำลังบีบบังคับให้ธีราจำต้องยอมรับว่า ตนกำลังจะกลายไปเป็น ‘อย่างอื่น’ ที่มิใช่รูปแบบชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์’ อีกต่อไป
 
            -- ยังไม่ใช่ตอนนี้ ! --
 
            ภาวะซึ่งกำลังดำเนินอยู่คงเสร็จสิ้นกระบวนการไปแล้ว  หากมิใช่เป็นด้วยเสียงนี้  เสียงของใครอีกคนที่อยู่ภายในหัวของเธอ  เสียงร้องห้ามดังกล่าวดังแผ่วเบาออกมาจากภายใน  ทว่าก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วสรรพางค์  หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นเขย่าร่างอย่างรุนแรงหนักหน่วง ก่อนถูกจับเหวี่ยงไปทางหนึ่งด้วยความเร็วมหาศาล ถึงขั้นที่ทำให้มองเห็นเป็นแต่เส้นขีดในสายตา
 
        “อ๊าาาาาาาาา !”
 
            ธีรากรีดร้องออกมา ในฉับพลันที่ทุกอย่างกลับกลายเป็นสีขาว ราวกับมีแสงสว่างอันเจิดจ้า สาดส่องมาที่ตัวเองอย่างเต็มที่

 
          “อาาาา..”
 
            ร่างอ่อนเปลี้ยสะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมปลดปล่อยเสียงครางออกมาเบาๆ  การเคลื่อนไหวดังกล่าวของร่างบนเตียงส่งผลต่อบุคคลหนึ่ง ผู้ซึ่งกำลังนั่งสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น

            มานพมองเห็นแล้วว่า ผู้หญิงตรงหน้าพยายามลืมตา แต่ดูเหมือนทำได้อย่างยากลำบาก  ริมฝีปากแห้งผากนั้นสั่นระริกดั่งหิวกระหาย  สภาพของคนอ่อนแอตรงหน้า พลันทำให้ความมืดดำในใจของเขาเกิดพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่

            เมื่อจิตใจผิดปกติ  ความนึกคิดก็พลอยบิดเบี้ยวไปด้วย  นานเท่าไหร่แล้วที่ตนเฝ้าริษยาบุคคลในอุดมคติของคนอื่น  นี่นะหรือ..ราชินีทีเซลล์  บุคคลที่ใครต่อใครต่างพากันรุมเร้าเฝ้าชิงตัวกันให้วุ่นวาย  ผู้หญิงธรรมดาที่อาจจะตายลงตรงนี้ ด้วยน้ำมือของเขาก็เป็นได้  ผู้หญิงคนนี้น่ะหรือ..

            วูบหนึ่ง  หนุ่มหน้าสวยรู้สึกเป็นสุข กับความคิดต้องการพร่าผลาญทำลาย  เพียงแค่เหยียดมือออกไป แล้วออกแรงบีบเค้นตรงคอไม่เท่าไหร่  ผู้หญิงตรงหน้าก็จะถูกทำให้หายไปจากโลกอันโหดร้ายใบนี้

            หน้าอกอันเต่งตึง ทั้งให้สัมผัสอ่อนนุ่มนั้นช่างน่าริษยา  มานพใช้ปลายนิ้วโลมไล้รุกรานอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ  ปล่อยใจไปกับความรู้สึกถวิลหาอันน่ารังเกียจของตน
 
          -- เธอก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น  เธอมีในสิ่งที่เขาอยากจะมี  เธอเป็นในสิ่งที่เขาไม่อาจจะเป็น  ซ้ำร้ายยังมีเชื้อร้ายที่ผู้ชายหลายคนยอมต่อสู้ เพื่อแย่งชิงกันเสียอีก --
 
            ผู้หญิงคนนี้ถูกนำตัวมาที่นี่ เมื่อวานนี้  แม้อยู่ในสภาพสลบไสลไร้สติสัมปชัญญะ  แต่ร่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงนี้ก็ยังมีอิทธิพล ดึงดูดเอาความสลักสำคัญทั้งมวลไปจนหมดสิ้น  เอาไปหมดแม้กระทั่งความสนใจของคุณเก่งกาจชายที่ตนรัก  จนสายตาและความสนใจในเวลานี้ ไม่มีเหลือมาถึงตน

            ราชินีทีเซลล์ผู้เป็นที่รุมหมายปอง ถูกโอบอุ้มมาในวงแขนของนายพิทักษ์  สภาพในตอนนั้นดูไม่ต่างอะไรกับคนจรจัดน่าเวทนา  ร่างอ่อนแอสกปรกเคลือบมาด้วยกลิ่นสาบ และคราบเลือดแห้งกรังชวนสะอิดสะเอียน  ผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรได้รับการปฏิบัติใด ๆ  แต่ทำไมกัน..ที่มานพมองเห็นความพึงใจฉายออกมา จากดวงตาของลูกชายนักการเมืองใหญ่  คนที่ปกติแล้วชอบดูหมิ่นเหยียดหยามคนอื่นอย่างนายพิทักษ์ กลับไม่แสดงอาการรังเกียจให้เห็นเลยแม้แต่น้อย  เรื่องนี้ทำให้มานพรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก

            ไม่นานหลังจากถูกชำระร่างให้สะอาดตา  จากสภาพคนอนาถาก็กลับกลายมาเป็นดั่งเจ้าหญิงนิทรา  นอนหลับใหลอยู่ท่ามกลางวงล้อมบรรดาผู้ประสงค์ร้าย  ราชินีทีเซลล์ยังคงไม่ได้สติ  ห้วงนิทราของเธอเป็นทั้งปัญหาและปริศนา  ทุกคนต่างอับจนปัญญาที่จะปลุกให้ธีราฟื้นตื่น  เก่งกาจจึงได้แต่บอกทุกคนให้รอ..

            ..รอจนกว่าร่างนี้จะตื่นขึ้นมา  เพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่โหดร้าย อย่างเช่น ความตาย

            มานพมองดูร่างที่กำลังขยับเคลื่อนไหว ด้วยแววตาที่แสดงอาการครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง
 

            แสงสว่างสีนวลชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย  ทั้งอุณหภูมิของอากาศที่เย็นสบาย ก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นสุข  หลังพยายามอยู่นานหลายนาที  ธีราก็สามารถลืมตาขึ้นได้เป็นผลสำเร็จ  สมองเริ่มทำงานส่งสัญญาณให้ร่างกายขยับเคลื่อนไหว  เครื่องนอนหนานุ่มที่รองรับร่าง อีกทั้งห้องหับที่ตบแต่งอย่างหรูหราแปลกตา ทำให้หญิงสาวพานคิดไปว่า ตนเองกำลังอยู่ในความฝัน  เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น  เธอควรจะอยู่ที่โรงงานร้าง ซึ่งเป็นที่พำนักอาศัยของราชาวิปลาสมากกว่า

            ..ใช่แล้ว..  นี่น่าจะยังเป็นความฝัน  เพราะตรงหน้ามีสตรีหน้าหวาน รูปร่างบอบบางนางหนึ่งปรากฏกายขึ้น  ผู้หญิงคนดังกล่าวชะโงกหน้าเข้ามาใกล้  แสดงสีหน้าเครียดขึ้งบึงตึงในแบบที่ธีราไม่อาจเข้าใจ  ก่อนที่นิ้วเรียวทว่าเย็นเฉียบ ยื่นมาจับหมับตรงเข้าที่ลำคอของเธอ  สัมผัสดังกล่าวทำให้ธีรารู้สึกแปลกใจ มากกว่าจะตกใจอย่างที่ควรจะเป็น 

            อีกฝ่ายเพิ่มน้ำหนักมือ หมายบีบเค้นให้รับความทรมาน  แต่ธีรากลับเลือกหลับตาลงอย่างอ่อนล้า  ไม่แสดงอาการขัดขืน ทำราวกับว่า ตนเองนั้นรอคอยเหตุการณ์นี้ มาเนิ่นนานแล้ว

            -- เพราะไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่  ฝ่ายที่จะต้องตาย จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่เธอ --
 
            สุดท้าย มือคู่นั้นกลับผ่อนแรงลง  ดังทำไปเพียงประสงค์แค่หยอกล้อ

            “ไม่กลัวตายเหรอ”  

            เสียงทุ้มแบบบุรุษที่เปล่งออกมา ทำให้ธีราลืมตาขึ้น  เพื่อมองเห็นความจริงซึ่งบิดเบี้ยวไป  บุคคลตรงหน้าไม่ได้เป็นผู้หญิง เหมือนอย่างที่เธอเข้าใจในทีแรก

            “ตายน่ะหรือ  อือ  เคยตายมาแล้วล่ะ”  

            สองสายตาต่างมองสบประสาน  ธีราผู้เคยมีประสบการณ์ก้าวผ่านห้วงมรณะ เผยอริมฝีปากยิ้มน้อย ๆ ดุจต้องการท้าทาย  นัยน์ตาสีดำสนิทดึงดูดให้อีกฝ่ายมองลึกเข้าไป  ราวกับบรรจุไว้ด้วยความมืดมิดที่จะทำให้บุคคลผู้ซึ่งมองดู สามารถว่ายวนจนสาบสูญได้ไม่ยาก

            มานพคลายสองมือออก  ปลดปล่อยลำคอของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ  บุรุษผู้มีสภาพก้ำกึ่งทางเพศปรับเปลี่ยนท่าที ลองหยั่งเชิงทำดี ด้วยการรินน้ำจากเหยือกใส่แก้ว แล้วยื่นส่งมาให้คนแปลกหน้า  น้ำเย็นในแก้วบางใสกระตุ้นความกระหาย ให้หญิงสาวรับมาดื่มรวดพรวดเดียวจนหมดแก้ว  เมื่อมานพเติมน้ำให้  ธีราก็ดื่มอีก  การเคลื่อนไหวอันเงียบงันนั้นดำเนินไป กระทั่งน้ำในเหยือกอันตรธานหาย  หลงเหลือไว้เพียงบรรยากาศพิลึกพิลั่นระหว่างคนทั้งคู่
 
            “อะ อะไรกันนี่ !?”

            ภาพเงาที่สะท้อนในกระจก ทำเอาธีราต้องตื่นตกใจ  ชุดคลุมบางเบาซึ่งห่อหุ้มร่างกายในตอนนี้ ยังสร้างความแปลกใจได้ไม่เท่ากับทรงผม  เธอมองดูระดับความสั้นยาวของเส้นผมที่เว้าแหว่งไม่เท่ากัน  ดั่งมีใครมากลั่นแกล้งตัดผมเพื่อทำให้เธอได้อับอาย

            เจ้าของทรงผมเซอะเซิงน่าขบขัน หมุนมองหันหาบุคคลที่อยู่ด้วยภายในรัศมี  บุรุษผู้แลละม้ายอิสตรีเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจในกิริยาอาการดังกล่าว

            “ผมของฉัน  ทำไมเป็นแบบนี้”
            “เราไม่ได้ทำอะไรกับหัวคุณ นอกจากช่วยล้าง ให้มันหายโสโครกเท่านั้น”

            ธีรากำลังจะอ้าปากถามต่อ  ทว่าพลันตระหนักรู้ขึ้นมาได้  อาจเป็นทีเซลล์ในร่างที่ทำแบบนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง  หลังเพิ่งผ่านการเรียกใช้ความสามารถพิเศษที่เพิ่งผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ

            ม่านผืนใหญ่ถูกชายร่างเล็กรูดเปิดออก ให้แสงสว่างยามบ่ายสาดส่องเข้ามา  น่าแปลกที่ธีรารู้สึกเหมือนแสงเจิดจ้าเหล่านั้น  กำลังทำให้ตนรู้สึกอ่อนล้าลงอย่างน่าประหลาด

            “ตัวสกปรก เหม็นมาก จนอดคิดไม่ได้ว่า อาศัยอยู่ในกองขยะแถวไหน  มันผิดไปจากที่ผมเคยจินตนาการเอาไว้ว่า ราชินีทีเซลล์ควรจะมีรูปลักษณ์ หรือลักษณะที่ดีกว่านี้  เอาล่ะ ช่วยบอกมาหน่อยได้ไหม คนอย่างคุณทำอะไรได้บ้าง นอกเหนือจากแค่มีทีเซลล์อยู่กับตัวน่ะ”

            มานพกลับมานั่งที่เดิม บนเก้าอี้ตัวที่อยู่ไม่ห่างออกไปจากเตียงไม่เท่าไหร่  คนตรงหน้าเริ่มต้นถามซักไซ้  โดยไม่ทันสังเกตเห็นอาการผิดปกติ ที่เกิดขึ้นทีละน้อยของธีรา

            “คนอย่างฉัน  ทำไมหรือ”

            อาการผิดปกติทางกายเริ่มต้นวาดลวดลายออกมาอย่างช้า ๆ  ธีรารู้สึกปวดมึนในศีรษะ เธอยกสองแขนโอบกอดตัวเอง  เริ่มโยกตัวไปมาอย่างเผลอไผล  รู้สึกร้อนสลับหนาว ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนกำลังมีอาการไข้

            “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น  แล้วที่นี่ คือที่ไหนกัน  คุณเป็นคนพาฉันออกมาจากที่นั่นเหรอ”
            “เปล่า  พรรคพวกของผมเป็นคนไปเอาตัวคุณมา  อย่าโกหกผมเลยดีกว่า  ผมรู้หรอกว่า ความสามารถของคุณน่ะ คือ รักษาพวกที่เป็นแบบเดียวกันได้”

            ประโยคไล่ต้อนดังกล่าว ทำให้ธีราไพล่นึกไปถึงบุคคลสุดท้ายที่ตนได้ลงมือช่วยเหลือ

            “เสือ.. เสือล่ะ เขาอยู่ที่นี่ด้วยไหม  เขาเป็นยังไงบ้าง”

            เหมือนคำถามโง่ ๆ เพิ่งหลุดออกจากปากไป  เพราะธีราเห็นคิ้วเรียวบางนั้นเลิกขึ้นอย่างกังขาอีกครั้ง  ชายหน้าหวานตวัดสายตามองจิกมา แสดงกิริยาอาการราวกับสวมไว้ด้วยจริตแห่งเพศหญิง

            “นี่พูดถึงใครกัน  ผมไม่รู้ด้วยหรอกนะ  ถ้าจะถามก็เก็บไว้ถามนายพิทักษ์โน่น”
            “ใคร.. นายพิทักษ์น่ะ  ฉันไม่รู้จัก”

            เสียงของธีราเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ  ตัวเริ่มสั่น พิษไข้กำลังลามเลียกัดกินสติสัมปชัญญะ ให้ลดน้อยถอยลงทุกที  ในขณะที่ความหิวโหยอย่างร้ายกาจ เริ่มจู่โจมขึ้นมาในช่องท้อง

            “คุณไม่รู้เลยหรือไง ว่าใครเป็นคนเอาตัวคุณมาไว้ที่นี่  ถ้างั้นก็คงไม่รู้ด้วยสินะ ว่ามาที่นี่แล้ว จะต้องเจอกับอะไรน่ะ”  

            แม้อีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงคุกคามดังต้องการขู่ให้กลัว  ทว่าประโยคบอกเล่าเหล่านั้น ไม่ได้เข้าสู่โสตหรือการรับรู้ของธีราเลยแม้แต่น้อย  ท่ามกลางสติที่ทำท่าจวนเจียนจะมืดดับไปอีกหน  หญิงสาวตัดสินใจเลือกที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตนมองเห็นทางออก  ประตูห้องอยู่ห่างไปไม่ไกล  ถ้าเพียงแต่เธอจะสามารถไปถึงตรงนั้น  บางที อาจหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้  จากนั้น เธอก็จะกลับบ้าน

            เงียบสนิท..  ในเวลาคับขันเช่นนี้ กลับไม่มีเสียงจากภายในคอยชี้นำ เหมือนอย่างที่ผ่านมา
 

            ธีราตัดสินใจในฉับพลัน  รับรู้กำลังตนว่าไม่อาจหยัดยืนไหวได้ด้วยแรงขา  หญิงสาวจึงไถลตัวให้ร่วงหล่นลงจากเตียงสูง แล้วรีบคลานปราดไปยังประตูห้องบานใหญ่  เรี่ยวแรงที่เคยมีถดถอยลงดั่งถูกทำให้หายไปจากร่าง  ไม่เพียงแต่ลุกขึ้นยืนไม่ได้  แม้แต่ดวงตาก็ยังเลือนรางพร่ามัว  เริ่มมองเห็นอะไรผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง

            “หยุดนะ ! คิดจะทำอะไร !”

            เสียงของมานพตะโกนไล่หลัง ทั้งตกใจและกราดเกรี้ยวในขณะเดียวกัน

            อีกเพียงแค่นิดเดียว ก่อนที่นิ้วมือจะเอื้อมออกไปแตะถึง  บานประตูพลันเปิดออกเองอย่างช้า ๆ    มานพผู้ซึ่งไล่ตามติดมาทัน กระโจนขึ้นคร่อมตัวธีราเอาไว้ในทันใด  หนุ่มหน้าหวานขยุ้มดึงผมอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง ก่อนกระชากดึงขึ้นจนหน้าหงาย  ความเจ็บปวดเรียกน้ำตาออกมาทันใด  มือของธีราซึ่งยื่นออกไปเบื้องหน้า ไขว่คว้าโดนปลายรองเท้าของใครบางคน ที่กำลังก้าวพ้นประตูห้องเข้ามาพอดี
 
            “เฮ้ย ! อะไรวะ  มึงทำอะไรเขา”
 
            เก่งกาจเป็นคนแรกที่นำหน้าทุกคนเข้ามา  ทว่าพิทักษ์ที่ตามมาข้างหลังส่งเสียงตะคอกลั่น รีบก้าวเข้ามาผลักร่างของมานพ ที่กำลังนั่งทับร่างของหญิงสาวให้พ้นไปทางหนึ่ง  ธีราผู้ซึ่งได้รับอิสรภาพชั่วคราวจึงสั่นงันงก อยู่ในอ้อมแขนของคนแปลกหน้า ผู้ซึ่งก้าวเข้ามาและปกป้องตน

            “ก็มันจะหนี”  

            มานพยันตัวลุกขึ้น ก่อนแย้งออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ  ความรู้สึกเกลียดชังพลุ่งพล่านจนฉายชัดออกมาทางดวงตา  เก่งกาจเห็นดังนั้น จึงต้องเข้ามายืนคั่นกลางระหว่างชายสองคนผู้ไม่ลงรอยกัน

            “เอาเถอะ ถือว่า มานพทำถูกแล้ว  ฟื้นแล้วนี่  เอาตัวไปห้องสีขาวเลย”

            ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มบัญชาสั่งการ  โดยมีปฏิกิริยาที่แสดงความไม่เห็นชอบด้วย แตกออกมาจากบุคคลสองคนในที่แห่งนั้น

            “ไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือครับ  เธอเพิ่งจะฟื้น  ดูเหมือนไม่ค่อยจะไหวด้วย”

            เวหนเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดเกรงใจ  ถ้าจะช่วยยื้อเวลา ไม่ให้พาผู้หญิงคนนี้ไปสู่ห้องประหารเร็วขึ้น  เขาก็คงพูดช่วยได้เพียงเท่านี้

            ในขณะเสี่ยร่างอ้วนขาวหรือกบินทร์บูรณ์ ชะโงกหน้ามองดูอยู่ห่าง ๆ สูดจมูกฟุดฟิด เหมือนได้กลิ่นหอมแปลกประหลาดฟุ้งกำจายอยู่ภายในห้องนั้น

            “ไม่ตายหรอก  อย่าคิดสิว่า ผู้หญิงที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ เป็นคนธรรมดา  อย่าทำให้เวลาต้องเสียเปล่าไปมากกว่านี้  เอาตัวไป”

            เก่งกาจบงการน้ำเสียงราบเรียบ  แสดงออกถึงเจตนาอันมืดดำอำมหิตอย่างชัดแจ้ง  มุ่งหวังตั้งใจเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์แต่เพียงอย่างเดียว  โดยมีสายตาของมานพหนุ่มคู่ขา มองตามอย่างชื่นชมและหลงใหล

            “โก้  นายเป็นอะไรไป”   เก่งกาจส่งเสียงถาม เมื่อเห็นพิทักษ์ยังคงนั่งนิ่ง โดยประคองร่างของผู้หญิงนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น

            “อย่าเพิ่งได้ไหม ดูท่าเธอไม่ไหวจริง ๆ ตัวร้อนเป็นไฟเลย”

            คำบอกกล่าวของพิทักษ์เป็นความจริง  ธีราที่ตอนนี้ สติไม่คงอยู่กับตัวแล้ว เริ่มส่งเสียงครางฮือ  สองมือยึดร่างของพิทักษ์ไว้แน่น เหมือนไขว่คว้าหาที่พึ่ง  สมองเบลอด้วยพิษไข้จนเห็นภาพหลอน มองเห็นคนแปลกหน้าเป็นธนสรณ์พี่ชายของตน
 
          -- พี่สรณ์.. พี่มาช่วยฉันเหรอ  พี่พาฉันกลับบ้านด้วยนะ  ฉันทรมานมากเลย -- 
 
            ความร้อนภายในแผดเผาจนทำให้ทุรนทุราย  ใบหน้าและเนื้อตัวของหญิงสาวแดงซ่านด้วยพิษไข้  ร่างกายไม่อาจควบคุมกระบวนการบางอย่างที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาติ  ซึ่งทำให้อากาศภายในห้องนั้นถูกแทรกซึมไปด้วยกลิ่นหอมประหลาด ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าพิศวง

            ยกเว้นก็เพียงแต่  เก่งกาจ กับ มานพ  เพียงสองคนที่ไม่สามารถสัมผัสถึงความผิดปรกติดังกล่าว

            “มีใครได้กลิ่นหอม ๆ อะไรไหม  หรือว่าจมูกผมได้กลิ่นอยู่คนเดียว”  

            กบินทร์บูรณ์สูดกลิ่นอายแปลกปลอมเข้าเต็มปอด  อานุภาพสร้างแรงชักจูงและกระตุ้นความต้องการของฟีโรโมนปริมาณมหาศาล ซึ่งร่างของราชินีทีเซลล์ปลดปล่อยออกมานั้น มีผลต่อผู้ติดเชื้อทีเซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยสัมผัสโดยตรงมาก่อนหน้า อย่างพิทักษ์และเวหน สองคนที่เป็นผู้พาตัวธีรามาจากถ้ำสิงโต

            กลิ่นหอมอันแสนยวนเย้า  กลิ่นที่สามารถเจาะตรงไปถึงแก่นกลางภายใน  ปลุกกำหนัด กระตุ้นให้ก่อเกิดความรู้สึกต้องการที่เป็นมากกว่าความต้องการเสพสมทางกาย  ทว่าพรึงเพริดไปไกลถึงจินตนาการเร้นลับที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์

            “แค่เอาตัวไปทดสอบดู  ถ้ามีทีเซลล์จริงๆ ยังไงก็คงไม่ตายหรอก  เราไม่มีเวลาให้ยืดออกไปอีกแล้วนะ  ไอ้วสันต์มันเห็นนายแล้ว  ไม่แน่..พรุ่งนี้ มันอาจจะสืบรู้ได้เลยล่ะว่า พวกเรามีใครบ้างและอยู่กันที่ไหน  แล้วทีนี้ ลองคิดภาพตามสิว่า ใครจะเป็นคนบุกมา..”

            “..คิงจา..”

            เจค รพล นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งแห่งวงการบันเทิง ผู้ซึ่งยืนรั้งท้ายสุดติดกับประตูถึงกับลืมตัว ครางออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงความหวาดหวั่น  คำพูดของเก่งกาจมีผลต่อบรรยากาศซึ่งพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด

            “ใช่ !  ดังนั้น กลัวผู้หญิงคนนี้จะตาย หรือ เราจะตายเอง  เลือกมา !”

            ประโยคให้ลงมติความเห็น ได้ถูกใส่ค่าความขู่เข็ญลงร่วมด้วย จนแทบเป็นหนทางบังคับ  แม้จะมีสายตาวอนขอความเห็นใจจากพิทักษ์และเวหน  แต่คนอย่างเก่งกาจจะไม่มีวันโอนอ่อนผ่อนตามให้  ถึงแม้เขาจะถือกำเนิดมาบนรากฐานอันสูงส่ง  แต่สิ่งที่ทำให้เก่งกาจมีวันนี้ได้ นั่นคือ การตัดสินใจที่เด็ดขาดปราศจากการลังเล

            ชายผู้นี้เรียนรู้ตั้งแต่วัยเยาว์  สิ่งใดที่กระทำแล้วอาจก่อให้เกิดความพลาดผิดขึ้นมาได้  ต้องรีบชิงกำจัดสิ่งนั้นให้พ้นไปโดยเร็วที่สุด  คุณปู่ทวดผู้ร้ายกาจของเขาเพียรพร่ำปลูกฝังความคิดเช่นนี้ใส่หัวลูกหลานทุกคนมา นับตั้งแต่เก่งกาจเริ่มเติบโตอยู่ในวัยที่จดจำความได้

            เหมือนดังเช่น ผู้หญิงอ่อนแอปวกเปียกตรงหน้า  แม้จะนำพาความหวังมา  แต่อีกนัยหนึ่งก็เรียกได้ว่า เป็นสื่อชักนำยมทูตให้เดินทางมาเยือนเร็วขึ้น

            เก่งกาจรู้ศักยภาพของคู่อาฆาตตัวฉกาจของตนดี  วสันต์ไม่มีวันยอมพลาดโอกาสที่จะได้ฉีกกระชากเขา ให้หายไปจากสารบบของโลกเป็นแน่
 

            ไม่กี่นาทีต่อมา  คนทั้งหมดก็เริ่มเคลื่อนย้าย  ธีราผู้กำลังละเมอเพ้อพกด้วยพิษไข้  ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอยู่ในวงแขนของคนแปลกหน้า  เวลานี้ หญิงสาวตกอยู่ในภาวะเคลิ้มฝัน  ภาพหลอนต่างๆ เกิดจากสมองส่วนสั่งการทำงานผิดปกติไป  ร่างกายเข้าสู่สภาพย่ำแย่ถึงขีดสุด ร่วมไปกับความหิวโหยอันแสนร้ายกาจ  ธีราไม่อาจหลุดพ้นจากห้วงกึ่งนิทรา  ทั้งไม่อาจป้องกันตัวเองจากคมเข็มมัจจุราช ที่กำลังจะทิ่มแทงลงมาในไม่ช้า ..อีกด้วย

            ห้องสีขาวสว่างจัดจ้า อบอวลด้วยกลิ่นคาวและความตาย  เก่งกาจยื่นเข็มฉีดยาที่ยังไม่ผ่านการใช้ แจกจ่ายให้ราชาแต่ละคนรับเอาไปคนละอัน  โดยส่งให้รพลเป็นคนเริ่มต้นก่อนสำหรับในเวลานี้  ดาราหนุ่มหน้าหล่อทำสีหน้าเหยเกเหมือนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง  แล้วจึงปักปลายเข็มนั้นลงบนท่อนแขนของตน ก่อนดึงปลายลูกสูบขึ้น เพื่อสูบเอาโลหิตจำนวนหนึ่งขึ้นมากักเก็บไว้  ก่อนส่งกระบอกฉีดยาที่แปดเปื้อนแล้วนั้น คืนกลับให้แก่เก่งกาจด้วยมืออันค่อนข้างสั่น

            การทดลองในแต่ละครั้ง  พวกเขาจะผลัดกันสุ่มใช้เลือดของแต่ละคน นำมาฉีดใส่ให้กับร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย  บางครั้ง เมื่อดูเหมือนผู้หญิงบางคนจะสามารถทานทนรับไหว  พวกเขาก็จะเพิ่มเติมหยาดหยดโลหิตที่เจือปนทีเซลล์เข้าไปใหม่  จนกระทั่ง ร่างทดลองไม่อาจรองรับได้ จนนำไปสู่ความตายอันสุดแสนทรมานที่มีสภาพน่าสยดสยอง ในท้ายที่สุด

            ในครั้งนี้ เมื่อตัวทดสอบมีความพิเศษ แตกต่างจากคนอื่นที่ผ่านมา  เก่งกาจจึงกำหนดให้ผสมทีเซลล์จากเลือดของทุกคน รวมเข้าไว้ด้วยกันในทีเดียว  ด้วยเหตุนี้ ในกระบอกฉีดยาอันที่หก ซึ่งมีเลือดสีแดงเข้มกักไว้จนเกือบเต็มนั้น จึงบรรจุไว้ด้วยทีเซลล์ถึงห้าเหล่า ที่ไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ในครั้งนี้ได้

            แทนที่จะเป็นคนลงมือเองเหมือนเช่นเคย  ผู้นำซึ่งมีหัวใจอำมหิตกลับหยิบยื่นสื่อนำความตายใส่ให้ในมือของพิทักษ์  มานพมองดูภาพดังกล่าวด้วยนัยน์ตาวาววามสะใจ  เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะทำให้บุคคลผู้ที่เขาเกลียดชังถูกทำให้มองดูน่าสมเพชได้  มานพเองก็ยินดีที่จะทำทุกอย่างให้มันเกิดขึ้นเช่นกัน

            ปลายเข็มอันแหลมคมจดจ่ออยู่เหนือชั้นหนังกำพร้า  เหนือร่างของธีราที่ถูกนำมาวางให้นอนหงาย แผ่ไปบนพื้นห้องสีขาว  เม็ดเหงื่อผุดพรายอาบไล้ลงมาใต้คาง แสดงออกถึงภาวะเครียดจัดของพิทักษ์  ทั้งที่ก่อนหน้านี้  เขาเคยทำหน้าที่เป็นทูตมรณะให้แก่เหยื่อทดลองมาโดยตลอด  มากเท่าไหร่แล้วกับคนบริสุทธิ์ที่ต้องมาตายด้วยน้ำมือของตน

            แต่หนนี้  พิทักษ์เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย  ผู้หญิงที่ตนสู้อุตส่าห์ไปชิงเอาตัวพามาที่นี่  ย่อมต้องเป็นผลของความสำเร็จมาแล้วอย่างแน่นอน  ทว่ากลิ่นอายของความตายที่ครอบงำห้องสีขาวนี้มีมากจนเกินไป  และตอนนี้ มันกำลังย้อนกลับมาหลอกหลอน ให้ตนต้องประหวั่นกลัว
 

            “แทงเข็ม แล้วฉีดเลือดเข้าไป ทำเหมือนทุกครั้งที่นายเคยทำ  ลืมแล้วหรือไง นายเองไม่ใช่หรือ ที่เป็นคนคอยบอกให้พวกเราอย่าได้มีความสงสาร !”

            เก่งกาจร้องสำทับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แสดงแววตาอำมหิตอย่างไม่ปิดบัง

            พิทักษ์อัดอั้นในหัวอก  เขาจำได้ไม่เคยลืมหรอก  ทุกทีที่ตัวเองจะยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ข้างนอกหน้าต่างกระจกบานนั้น  และคอยพูดปลุกปลอบเร้าขวัญกำลังใจ ของบรรดาผองเพื่อนผู้ร่วมก่ออาชญากรรม ด้วยถ้อยคำเยาะหยันไร้ปรานีต่าง ๆ นานา

            หากแต่ครั้งนี้  ความรู้สึกมันแตกต่างออกไป  ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังสร้างความรู้สึกหวาดวิตกและไม่ปลอดภัย  น่าแปลกตรงที่พิทักษ์กลับสัมผัสได้ว่า เงาของมัจจุราชไม่ได้ยืนอยู่ข้างตนเหมือนเช่นเคย

 
            เมื่อเข็มฉีดยาทำหน้าที่ของมัน ค่อยชำแรกแทรกผ่านผิวกาย  สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องด้วยความกระหายหิวต่อปฏิกิริยาตอบสนอง  เลือดผสมเหล่านั้นถูกฉีดเข้าสู่ร่างของธีราจนหมดสิ้น  เรือนร่างของสตรีที่ปลาสสิ้นพละกำลัง พลันขยับตัวประหนึ่งกำลังทรมาน  หญิงสาวถูกจู่โจมทั้งจากพิษร้ายภายใน และจากสิ่งแปลกปลอมจำนวนมหาศาลซึ่งแพร่กระจายเข้าไปในร่างของตน

            ธีรา พินิจใจ เริ่มมีอาการทุรนทุราย ดิ้นไปมา จนกระทั่งใบหน้าและลำตัวฟุบคว่ำไปกับพื้น  สิ่งที่ไหลเข้าสู่ในปอดไม่ใช่ลมหายใจอีกต่อไป  แต่เหมือนกับกำลังสำลักเอาอากาศมืดดำเข้าไปแทนที่  ความตายกำลังแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง  หัวใจเต้นรัวเร็วจนแทบระเบิดออกนอกอกอยู่นานเป็นนาที  ก่อนที่จะผ่อนช้าลงและหยุดทำงานไป  ความทรมานอันทารุณราวคลื่นอันบ้าคลั่งซัดสาดอยู่ข้างใน  ความเจ็บปวดทวีมากล้น จนหญิงสาวร้องขอเพื่อให้ตัวเองได้ตาย เพื่อจะได้หลุดพ้นไปจากภาวะเช่นนี้เสียที

            ความรู้สึกเหมือนโดนฉีกร่างเป็นอย่างไร  ธีรารู้ซึ้งแล้วถึงวินาทีนี้  ร่างกายเหมือนเป็นแค่เปลือกบาง ๆ ไม่อาจทานทนต่อหนามแหลมคมนับร้อยพัน ที่กำลังขยายตัวกรีดแทงอยู่ภายใน  เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จนแม้แต่แค่กะพริบตาก็ยังทำให้ปวดร้าวไปทั่วทั้งศีรษะ

            ..ในไม่ช้า  ราชินีทีเซลล์ก็ยุติลมหายใจ  มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและง่ายดาย  สัมผัสสุดท้าย ธีรารู้สึกคล้ายกับร่างของตนเป็นดั่งแก้วที่แตกละเอียด กระจัดกระจายไป ณ ที่ตรงนั้น

            ภาวะการมีชีวิตจบสิ้นลง  ธีรา พินิจใจ ถูกผลักไปสู่ความตายอีกครั้ง  ดวงตาของหญิงสาวยังคงเบิกค้าง ดั่งไม่อาจปิดปลงลงได้อย่างสงบ ในวาระสุดท้ายของตน....
 
 
 

 
++++++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 19 มีนาคม 2563
Last Update : 19 มีนาคม 2563 13:53:58 น. 0 comments
Counter : 419 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.