! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
เมษายน 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
8 เมษายน 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 21 : เส้นทาง


ขอบคุณภาพปกนิยายจาก คุณรัชต์สารินท์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ




            มันเป็นค่ำคืนแห่งความทรมาน  เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวกำลังหลอมละลาย  ท่ามกลางความเงียบและความมืดสลัวมีเพียงเสียงหอบหายใจ  ใครบางคนพยายามดิ้นรน เพื่อให้หลุดพ้นไปจากอาการผิดปกติอย่างรุนแรง ซึ่งกำลังบังเกิดขึ้นอยู่ภายในร่างกายของตน

            นิ้วมือทั้งสิบของเขายึดและเกร็งกระตุก  เหงื่อผุดซึมออกถ้วนทั่วทุกรูขุมขุน แม้นอนอยู่ในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ  ธนสรณ์ พินิจใจ ไม่อาจปลุกตัวเองให้ลืมตาตื่นขึ้นมาได้  ราวกับหนังตาถูกผนึกแน่น  ปิดกั้นการมองเห็นทางฝ่ายโลกอย่างสิ้นเชิง

            “โอย.. อือ...”

            พี่ชายคนรองของธีราแค่นเสียงครางออกจากลำคอ  ทรมานอย่างเหลือล้น ด้วยรู้สึกดั่งถูกรายล้อมไปด้วยกองเพลิงที่ลุกไหม้แผดเผา จนร่างกายแทบป่นสลายเป็นเถ้าธุลี

            แม้ดวงตาสองข้างปิดสนิท  ทว่าเขากลับมองไม่เห็นความมืดภายใน  มโนภาพทั้งหลายที่กำลังไหลบ่าอยู่ในหัวสมองตอนนี้ ท่วมท้นไปด้วยสิ่งที่ร่างกายไม่อาจควบคุมได้  ธนสรณ์ถูกภาวะฝันร้ายกักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ได้โดยสมบูรณ์

 
            มันเป็นเวิ้งแห่งความมืดดำอันกว้างใหญ่ไพศาล  ณ ที่แห่งนั้นไร้ซึ่งสรรพเสียงใด ๆ จึงยิ่งบีบคั้นความรู้สึกให้หม่นหมอง  ธนสรณ์รู้สึกถึงความเศร้าและความอาลัยที่ไหลเวียนอยู่ภายในจิตใจของตน  ในขณะนั้น  สิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นตัวตนแต่ไม่เป็นรูปร่างของเขา กำลังล่องลอยไปมา อยู่ท่ามกลางดวงแสงมากมาย  ดวงแสงเหล่านั้นมองดูคล้ายประจุดวงไฟที่มีชีวิต ทว่าไร้รูปทรงที่แน่นอน  รูปแบบชีวิตเหล่านั้นรายล้อมรอบตัวเขา  ทั้งยังแผ่กระแสพลังงานไปทั่ว  ปลดปล่อยคลื่นรังสีที่สามารถสื่อสารและแทนค่าของความรู้สึกออกมา

            พลันนั้น  ทุกสิ่งรอบด้านก็เริ่มเกิดการเคลื่อนไหว  ธนสรณ์รู้สึกเหมือนถูกดึงกระชากไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง เกินกว่าที่สัมผัสรับรู้ของตนจะทานทนไหว  ความอึดอัดอัดแน่นไปทั่วร่าง ทรมานแทบเจียนตาย  ทั้งทุกข์ทนอย่างหนักต่อการต้องจดจำ ‘เส้นทาง’ ซึ่งหลั่งไหลเข้ามาบรรจุภายในหัวของเขาอย่างไม่ขาดสาย 

            ธนสรณ์รับรู้ถึงห้วงเวลาที่ไหลผ่านไปจนแทบเป็นอนันต์  เขามองเห็นดวงแสงส่วนใหญ่นั้น เริ่มเข้าสู่ภาวะหยุดนิ่งหรือหยุดการเคลื่อนไหว  ร่างที่หลับใหลต่าง ๆ เกาะกลุ่มรวมตัวกันโดยมีข่ายใยพลังงานที่เชื่อมโยงกับตัวของเขาเอาไว้  ราวกับว่า พวกนั้นได้มอบหมายหน้าที่ให้เขาเป็นผู้นำทาง  พี่ชายของธีราสัมผัสถึงตัวตนของตัวเอง ที่ไม่ได้เป็นมนุษย์อีกต่อไป  เส้นทางแห่งการเดินทางผ่านห้วงจักรวาลยังคงทอดยาวไกล  ทว่าน่าแปลกที่เขาสามารถจดจำทุกรายละเอียดได้  จดจำได้แม้กระทั่งจุดเริ่มต้นที่จากมา

            จากดาวเคราะห์ดวงหนึ่งไปสู่อีกดวงหนึ่ง  จากดาราจักรหนึ่งไปยังอีกดาราจักรหนึ่ง  กระทั่ง ธนสรณ์และบรรดาดวงแสงเหล่านั้นได้บรรลุสู่จุดหมายปลายทาง  โลกใบใหม่ที่พวกเขาจะไม่ต้องเร่ร่อนเดินทางอีกต่อไป  เมื่อค้นพบดาวเคราะห์ที่สามารถ ‘รองรับ’ และ ‘เหมาะสม’ แก่การพำนักอาศัยอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่อจากนี้

            อาจเป็นเพียงหนึ่งนาทีที่ผ่านไปในความเป็นจริง  แต่ในห้วงความฝันของธนสรณ์ คล้ายดั่งได้เดินทางผ่านห้วงกาลเวลามาแสนนาน  ตัวตนอันไร้รูปลักษณ์ของเขาแหวกว่ายอวกาศ นำหน้าตนอื่น ๆ ไปอย่างกลมกลืนเสมือนหนึ่งเป็นพวกพ้องเดียวกัน  ดาวเคราะห์สีน้ำเงินตรงหน้าช่างงดงาม ทั้งยังมีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับแหล่งกำเนิดที่พวกเขาจากมาอีกด้วย

            ชายหนุ่มเกือบจะลืมเลือนไปเสียสิ้นแล้วว่า ตนเองเป็นใคร  ถ้าหากเสียงเล็ก ๆ อันแผ่วเบานั้นจะไม่ดังขึ้น ทำลายความเงียบงันแห่งทะเลดวงดาว

 
            “นั่นใครน่ะ !
 
            เสียงดังกล่าวส่งผลต่อธนสรณ์อย่างรุนแรง  ในฉับพลันทันใด  มันกระชากเขากลับคืนสู่การมีสติและความเป็นจริงตรงหน้า  ด้วยเหตุนี้  ร่างซึ่งกำลังลอยเคว้งคว้างกลางนภา  จึงพลันตกร่วงลงมาราวปลาสสิ้นพละกำลัง  ธนสรณ์คืนกลับสู่ตัวตนซึ่งปรากฎรูปกายเป็นมนุษย์อีกครั้ง  ทั้งจมวูบดิ่งสู่ความว่างเปล่าอันไม่มีก้นบึ้งหรือที่สิ้นสุด  รู้สึกวูบโหวงภายในไม่ต่างจากอาการตกจากที่สูงลิ่ว  ความเสียวสยองดังกล่าวแผ่ไปทั่วร่าง จนอาจทำให้ช็อกตาย  กระทั่งมือหนึ่งได้ยื่นออกมา คว้าจับแขนของเขาเอาไว้  ทุกอย่างรอบกายจึงได้หยุดเคลื่อนไหว ในฉับพลันทันที

            มันเป็นมือของมนุษย์  และสัมผัสนั้นก็มาจากมนุษย์  เมื่อดวงตาของมนุษย์สองคนได้มองสบประสานกัน  วินาทีนั้น  พวกเขาไม่อาจประมาณความตื่นเต้นยินดีของตนเอง และบนดวงหน้าของอีกฝ่ายได้เลยว่า มันมีมากมายมหาศาลสักแค่ไหน

            “ธีรา !”
            “พี่เองเหรอ.. พี่สรณ์  พี่เองเหรอ !”  
           

            ธีรา  พินิจใจ กรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ  เมื่อมองเห็นชัดถนัดแก่สายตาว่า ร่างแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในห้วงความฝันของตนนั้น ปรากฎให้เห็นเป็นผู้ใด

            ส่วนธนสรณ์  พินิจใจ  อุทานออกมาด้วยเสียงความยินดี  เมื่อน้องสาวที่ตนกำลังติดตามหาด้วยความเป็นห่วง มาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างไม่คาดฝัน

            “ธีรา !  ธีราหายไปไหนมา  พี่ตามหาแกไปทั่ว  เป็นห่วงมากเลยนะ”

            สองพี่น้องโผเข้าสวมกอดกันด้วยความดีใจ  ธีราร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น  แม้รู้แน่แก่ใจว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพมายาของโลกแห่งความฝัน  แต่เธอก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้ เมื่อได้พบเจอกับภาพลวงตาของพี่ชายในที่แบบนี้

            “ที่นี่มันที่ไหนกัน  เกิดอะไรขึ้นกับแก  ธีรา”
            “ที่นี่น่ะเหรอ  นี่เป็นความฝันของฉัน  พี่เอง..ก็คงเป็นภาพที่ความฝันของฉันสร้างขึ้นมาล่ะสินะ”
            “พี่ต่างหากที่ต้องถามว่า แกเข้ามาในฝันของพี่ได้ยังไง”

            ธนสรณ์โต้ตอบสวนกลับน้องสาว  มันอาจจะจริงก็ได้  เพราะคนที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ อาจเป็นเพียงภาพหลอนที่จิตใต้สำนึกของตนสร้างขึ้น  ในเมื่ออวกาศนี้ไม่ใช่ของจริง  ไม่ใช่เรื่องจริง  แสดงว่าเขากำลังหลับฝันอยู่นั่นเอง

            “เอาเถอะ ต่อให้เป็นฝันหรืออะไรก็ช่าง  บอกพี่ที เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ เพราะทีเซลล์ใช่ไหม”

            ธีราพยักหน้ารับ  น้ำตาแห่งความเสียใจไหลพรากออกมาให้พี่ชายได้เห็น

            “ใช่  และตอนนี้  มันเปลี่ยนฉัน..จนกลายเป็นอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว”

            ฝ่ามืออันอบอุ่นของพี่ชายป้ายเช็ดคราบน้ำบนใบหน้า  สัมผัสดังกล่าวสมจริงเสียจนต่างฝ่ายต่างยากจะทำใจให้เชื่อว่า นี่เป็นเพียงแค่ความฝัน..

            “อย่าร้องไห้ ธีรา  ไม่ว่าแกจะเป็นอะไร อย่างไร แกก็ยังเป็นน้องของพี่นะ  ดังนั้น บอกพี่มาทุกอย่างที่พี่ต้องรู้  พี่จะหาทางช่วยแกให้ได้  พี่สัญญา”

            ถ้อยวาจาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความรักและการปลอบประโลม  น้องสาวจับมือทั้งสองข้างของพี่ชายไว้แน่น  ธีรามองหน้าพี่ชาย พูดกับอีกฝ่าย ด้วยแววตาและน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ในจุดประสงค์บางอย่าง

            “พี่สรณ์  พี่สัญญากับฉันนะ  ถ้าฉันไม่ได้เป็นฉันอีกต่อไปแล้ว  พี่ต้องฆ่าฉัน  พี่ต้องทำนะ อย่าปล่อยให้ฉันทำร้ายหรือฆ่าใคร  พี่สัญญากับฉันก่อนสิ  แล้วฉันจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างกับพี่”
            “พี่ไม่เข้าใจ ?”
            “เมื่อเวลานั้นมาถึง  เมื่อฉันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป  พี่จะต้องฆ่าฉันซะ ..ทำเพื่อฉัน.. สัญญาสิว่า พี่จะทำ”
          “ฆ่าหรือ  พี่จะฆ่าแกได้อย่างไร”

            นี่อาจเป็นเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต  ธีราหลับตาลง  นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่ตัวเองตกสู่ห้วงเหวแห่งความตาย  ภาพของสัตว์ประหลาดที่เกิดจากศพของตัวเองอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง  เธอบีบมือพี่ชายให้แน่นเข้า ดังต้องการถ่ายทอดภาพความทรงจำทั้งหมดให้แก่อีกฝ่าย  กระแสความทรงจำไหลบ่าจากน้องไปสู่พี่  แทนคำอธิบายต่อเรื่องที่อยู่เหนือความเข้าใจทั้งมวล

            ความรู้สึกของธีราทรงพลังและไม่ซับซ้อน  ในไม่ช้า  ธนสรณ์ก็จำนนต่อความมุ่งมาดปรารถนานั้น  พร้อมกันกับภาพเหตุการณ์อันน่าสยดสยองฉายชัดขึ้นในหัว  ภาพที่ทำให้ธนสรณ์ต้องหลั่งน้ำตาออกมา ด้วยความรู้สึกสงสารน้องสาวอย่างจับใจ

            ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับน้องของเขาด้วย..  นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว..

            “ฆ่าฉันซะ  ถ้าฉันไม่ใช่ฉันอีกแล้ว  ถ้าฉันไม่ใช่น้องของพี่อีกต่อไป” 
            “พี่เข้าใจแล้ว  ธีรา  พี่จะทำอย่างที่แกต้องการ..” 

            วงแขนอันแข็งแรงของพี่ชายโอบกอดน้องสาว  ธนสรณ์เอ่ยตอบรับ ให้คำมั่นสัญญาในสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอ  ใจของเขาเจ็บปวดที่ไม่อาจช่วยสายเลือดเดียวกัน ให้พ้นไปจากสภาพอันแสนทรมานนี้ได้

            “..พี่จะทำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”  

            ธีรายิ้มให้แก่พี่ชาย  ท่ามกลางความมืดมิดของพรมแดนแห่งความลี้ลับซับซ้อน  สองพี่น้องได้ทำพันธสัญญาอันหนักแน่นต่อกัน  ถึงแม้ว่า มันจะเป็นเรื่องโหดร้ายทารุณจิตใจเพียงใดก็ตาม
 

            จากนั้น  ธีราก็เริ่มต้นบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมดอย่างละเอียด  ตั้งแต่เรื่องของคืนทมิฬซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง  การติดเชื้อซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต  การค้นพบสังคมด้านมืดที่เรียกได้เป็นโลกของทีเซลล์  เมื่อธีรากล่าวไปถึงราชาสีขาว ผู้เปรียบเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว  ธนสรณ์ก็แสดงอาการฉุนเฉียวออกมาทันที

            “พี่ไปพบมันมาแล้วนะ  ราชาสีขาวอะไรนั่น  พี่ต่อยหน้ามันด้วย”

            ประโยคดังกล่าวของพี่ชาย ทำให้ธีรารู้สึกประหลาดใจมากกว่าจะตกใจ 

            “ฆีมษ์น่ะหรือ  พี่ไปพบกับเขาได้ยังไง”

            “พี่ตามรอย จากนามบัตรที่แกเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะ  ไอ้คนที่ชื่อฮันน่ะ พอซักมันจนมุมเข้า มันถึงยอมพาไปเจอตัวหัวหน้ามัน  ก็ในเมื่อคนชื่อ ฆีมษ์ มันยอมรับออกมาเองว่า เรื่องบ้าบอทั้งหมดนี่เป็นความผิดของมัน  ยิ่งพอเห็นมันทำหน้าจ๋อง ๆ ยิ่งน่าหมั่นไส้  ตอนนั้นโกรธจนหูอื้อตาลาย  รู้สึกตัวอีกที พี่ก็ซัดมันไปหมัดหนึ่งละ”

            “แล้วพี่โดนเขาทำอะไรด้วยรึเปล่า”
            “ไอ้คนชื่อฆีมษ์ไม่ได้ทำ แต่ไอ้หัวส้มลูกน้องมันน่ะสิ บีบคอพี่ซะหายใจไม่ออก เกือบตายเลย”

            ธีราหัวเราะออกมาราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก  แล้วจึงเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวต่อจากนั้น  เรื่องของพิจิก-ราชาแมงป่อง  การตายครั้งแรกของตน  เหตุการณ์แลกเปลี่ยนตัวประกันที่นำไปสู่สาเหตุของการหายตัวไปของเธอเอง  เรื่องของราชาวิปลาส  กระทั่งมาสู่เรื่องของเสือในถ้ำสิงห์  ชายอัปลักษณ์ที่ธีราได้ช่วยเหลือไว้ ด้วยเซลล์แท้ของเธอเอง

            ระหว่างนั้น  ธนสรณ์ซึมซับรับฟัง พร้อมกับประมวลภาพความทรงจำทั้งมวล  ในห้วงแห่งความฝันนี้ เขาได้รับการถ่ายทอดข้อมูล ราวกับดูภาพบันทึกเหตุการณ์อันเลือนราง ซึ่งผ่านมาจากสายตาของน้องสาวโดยตรง

            “คนชื่อเสือนี่  มันน่ากลัวเกินไปนะ  มันยังใช่คนอีกหรือ”
            “นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้กินเซลล์จากคนอื่นเลย  ทีเซลล์ในร่างก็เลยกัดกินตัวเขา”

            “พี่เห็นทั้งหมดแล้ว  แกมันบ้า ที่กล้าทำอะไรแบบนั้น..”   ประโยคดังกล่าว  ธนสรณ์หมายความถึงตอนที่ธีราตัดสินใจกรีดแขนตัวเอง เพื่อมอบเซลล์แท้ของตัวเองให้แก่เสือ   “..แกอาจจะตายได้เลยนะ  ทีหลังอย่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นอีก”

            ทว่าธีรายังคงยิ้ม  เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นต่อการทำสิ่งที่ถูกต้อง  รอยยิ้มอย่างที่พวกเขาทั้งสองคนแสดงออกเหมือนกัน ตั้งแต่เล็กจนโต

            “ฉันเชื่อว่า ต่อให้คนที่อยู่ตรงนั้นเป็นพี่  พี่ก็คงจะทำ.. เหมือนอย่างที่ฉันทำ”

            ถ้อยคำของน้องสาวทำเอาพี่ชายพูดไม่ออก  เพราะอีกฝ่ายพูดออกมา ดุจสามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ  เพราะต่อให้เป็นธนสรณ์เองก็คงไม่อาจทนนิ่งเฉยดูดาย ต่อผู้ซึ่งต้องการความช่วยเหลือตรงหน้าไปได้เช่นกัน

            “มันไม่มีประโยชน์เลย  สุดท้าย เขาก็ยังตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาแบบนั้น”

            ร่างของคนทั้งสองยังคงลอยคว้างกลางเวหาอันมืดดำ  เบื้องหลังของคนทั้งคู่ยังคงปรากฎภาพเสมือนของดาวเคราะห์สีน้ำเงินแสนสวย  โลกสำหรับธนสรณ์แล้วนั้น ให้ความรู้สึกถึงการบรรลุจุดหมายปลายทาง  ในขณะที่ธีรากลับรู้สึกถึงการเริ่มต้น เพื่อย้อนกลับไปแสวงหาจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด   

            “เสือออกจากที่นั่นแล้ว  เขาออกมาด้วยความตั้งใจของตัวเอง  เพื่อกลับมาเป็นคนอีกครั้ง”

            ดวงตาของธีราเปล่งประกาย พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำชวนฉงน  บรรยากาศและทัศนียภาพรอบด้านเริ่มเปลี่ยนแปลง  แว่วได้ยินเสียงเหมือนใครสักคนกำลังเพรียกเรียกหา ดังมาจากที่อันแสนไกล  เสียงนั้นค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ถึงเวลาที่จวนจะต้องจากลากับพี่ชายของตน

 
เ ธ อ.......   เ ธ อ.........  เ ธ อ...............  เ ธ อ.....................
 
 
            “เสือจะตามหาฉัน  เมื่ออยู่ที่นี่  ในห้วงความฝันแบบนี้  ฉันสามารถรับรู้ได้ ถึงความคิดของใครหลายคนที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน  พี่ต้องกลับไปหาฆีมษ์  เพราะเสือจะไปพบกับฆีมษ์เพื่อตามหาฉัน  ฆีมษ์จะช่วยพี่  เขาเป็นคนดี  ฉันรับรู้ได้ว่า เขาตั้งใจที่จะช่วยพวกเราจริง ๆ”

            ธนสรณ์ตั้งใจฟังคำพูดของน้องสาวจนจบ  ก่อนท้วงขึ้นตามอย่างที่ใจคิด

            “เอาจริง ๆ นะ ธีรา สำหรับเราสองคนในตอนนี้ มันเป็นเพียงแค่ความฝัน  พอเราตื่นขึ้น เราก็จะจำอะไรไม่ได้  เดี๋ยวก็ลืมมันไปอยู่ดี  ความฝันก็คือความฝัน  ต่อให้ใจเราอยากจะให้มันเป็นจริง สักแค่ไหนก็เถอะ”
 
 
เ ธ อ.......   เ ธ อ.........  เ ธ อ...............  เ ธ อ.....................
 
 
            “พี่พูดถูก  นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน  แต่สำหรับพี่  ฉันรับรู้ได้ว่า ทีเซลล์ของพี่จะไม่ทำให้พี่ลืม  ไม่ว่าพี่จะหลับหรือตื่นอยู่ก็ตาม  พี่ต้องหาทางพิสูจน์  แล้วพี่จะรู้เองว่า เรื่องที่เราพูดกันอยู่ตอนนี้เป็นความจริงหรือไม่”

            ธนสรณ์ทำตาเหลือกขึ้นมาทันที  เมื่อได้ยินประโยคพิลึกพิกลเข้าเต็มหู

            “แกว่ายังไงนะ !  แกบอกว่า พี่ติดเชื้อทีเซลล์อะไรนี่ด้วยอย่างนั้นเหรอ”

            ธีราพยักหน้าเป็นเชิงยืนยันคำพูดของตน  ปลดปล่อยรอยยิ้มอันหม่นหมองออกมาให้พี่ชายได้เห็น

            “ฉันแน่ใจ  เหมือนอย่างที่พี่จะต้องแน่ใจ ในอีกไม่ช้านี่แหละ”
            “ธีรา แกต้องการให้พี่ทำอะไร”
            “เมื่อพี่เริ่มหิว  พี่ต้องไปหาฆีมษ์  รับความช่วยเหลือจากเขา  เขาจะช่วยพี่ให้ผ่านมันไปได้”
            “หิวอะไร  เล่นพูดแบบนี้  ใครจะเข้าใจ”

 
เ ธ อ.......   เ ธ อ.........  เ ธ อ...............  เ ธ อ.....................
 
 
            “ฆีมษ์จะเข้าใจ”   ธีรายิ้มให้กับพี่ชาย  “อา..ฉันต้องตื่นแล้ว  เสียงนี้มันปลุกฉัน  ครั้งหน้า ถ้าเราได้เจอกันอีก ฉันคงจะบอกพี่ได้ว่า ฉันถูกจับตัวมาไว้ที่ไหน  อย่าลืมที่ฉันบอกนะ  ไปหาฆีมษ์ซะ..”
 
 
เ ธ อ.......   เ ธ อ.........  เ ธ อ...............  เ ธ อ.....................
 
 
            เสมือนอวกาศรอบด้านจู่ ๆ ก็พลันมีแสงสว่างจ้าขึ้นกะทันหัน จนธนสรณ์ต้องหยีตา  ร่างของธีราสั่นไหวดุจภาพที่กำลังพร่าเลือน ก่อนจางหายไปต่อหน้าต่อตา  แว่วเสียงสุดท้ายของน้องสาวแผ่วเบาราวกระซิบ

            “พี่สรณ์  ฉันขอโทษ  ฉันไม่ได้ตั้งใจลากพี่..เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย”
            “ธีรา  แกหายไปไหนแล้ว  อย่าไปนะ ธีรา !”
            “..ฉันอยากกลับบ้านเหลือเกิน...”

 
            “ธีรา  ธีรา  ธีรา !”
 
            ธนสรณ์ทะลึ่งตัวพรวดขึ้นนั่ง  ตื่นจากห้วงฝันในฉับพลันทันใด  ภาพที่ปรากฎอยู่ในสายตาเห็นเป็นเพียงแค่ภายในห้องนอนของตนเท่านั้น  ไม่มีความมืดมิดแห่งอวกาศและจักรวาล  ไม่มีการเดินทางอันแสนยาวนานและยาวไกล  หลังนั่งลำดับสติขับไล่ความมึนงงอยู่พักใหญ่  ลูกชายคนรองแห่งบ้านพินิจใจจึงบอกกับตัวเองว่า ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันที่จิตใต้สำนึกสร้างขึ้นมาเท่านั้น

            แต่ดูเหมือนจิตใจอันสับสนว้าวุ่นจะไม่ยอมรับตามนั้น  น่าแปลกที่เหตุการณ์ทั้งหมดซึ่งปรากฎในห้วงฝัน ยังคงแจ่มชัดตราตรึงอยู่ในสมองจวบจนวินาทีนี้

            “มันจะเป็นไปได้ยังไง  เราก็แค่ฝันไปเท่านั้น”

            ตุ๊กตาไม้แกะสลักประดับฝาผนัง มองมาที่เขาด้วยดวงตาอันว่างเปล่า  สิ่งผิดปกติที่ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมก็คือ  บนผิวไม้ขัดมันสีเหลืองน้ำตาลปรากฎจุดเล็ก ๆ สีแดงคล้ำคล้ายหยดเลือด  มันเป็นรอยเปื้อนที่ดูราวกับอยู่ผิดที่ผิดทาง  เป็นร่องรอยที่ธนสรณ์ไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่ควรมีอยู่ภายในห้องนี้ 

            “อะไรกันเนี่ย”

            ชายหนุ่มคงจะไม่หลุดอุทานออกมา  ถ้าหากว่า จุดแดงดังกล่าวจะไม่เคลื่อนย้ายตามติด ไปปรากฎในทุกที่ที่สายตาเพ่งมองไป

            ไม่ว่าจะยกมือขึ้นขยี้เปลือกตา  หรือกะพริบตาถี่ยิบอีกสักกี่ครั้ง  สัมผัสการมองเห็นก็ยังคงเป็นเช่นเดิมทุกประการ

            “ป่วยก็ป่วย  ตายังมาเป็นอะไรอีก  สงสัยต้องไปหาหมอซะล่ะมั้ง แบบนี้”

            ธนสรณ์บ่นอย่างฉุนเฉียว  นึกรำคาญทั้งปัญหาของดวงตาและพิษไข้  มือควานเปะป่ายไปทั่วจนรวบถูกปากกาด้ามหนึ่งเอามากำไว้ในมือ  อาจเป็นด้วยอารามเผลอไผลหรือเป็นไปโดยสัญชาตญาณ  พี่ชายของธีราเขม้นมองจุดแดงอันแสนระคายตาบนผนัง  ก่อนซัดปาเครื่องเขียนในมือออกไปด้วยความเร็วแรง  เสียงวัตถุกระทบกันดังปุเบา ๆ ติดตามมา

            แม่นยำและทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์  ปากกาด้ามนั้นปักตรึงอยู่ตรงกลางตำแหน่งจุดแดงอย่างพอดิบพอดี  มันสามารถเจาะทะลวงผนังปูนตรึงค้างอยู่ราวกับตะปูโดนตอกติด  ธนสรณ์อ้าปากค้าง ทำหน้าเหวอเหมือนไม่เชื่อสายตา  เพื่อลบล้างสมมติฐานแห่งความบังเอิญ  เขาจึงหยิบเอาเศษเหรียญบนโต๊ะข้างเตียง หมายใช้เป็นตัวทดสอบอีกครั้ง

            เขาเลื่อนสายตาห่างออกจากจุดเดิม เพื่อให้จุดแดงดังกล่าวทาบอยู่บนผนังห้องอีกครั้ง  ก่อนปาโลหะทรงกลมในมือออกไป อย่างไม่ได้กำหนดน้ำหนักมือเสียด้วยซ้ำ
 
          ปุ่ก !
 
            เสียงเหรียญกระแทกผนังดังสั้น ๆ  ก่อนที่ธนสรณ์จะทันได้เห็นตัวเหรียญฝังด้านขอบ เจาะเข้าไปในผนังเกือบครึ่งอัน ตรงตามตำแหน่งจุดแดงพอดีไม่มีเคลื่อนคลาด  พิสูจน์ให้เห็นอย่างแน่ชัดแล้วว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป  ความคิดคำนึงของเขากระหวัดไปถึงคำพูดของน้องสาวในความฝัน
 
          “ฉันแน่ใจ  เหมือนอย่างที่พี่จะต้องแน่ใจ ในอีกไม่ช้านี่แหละ”
 
            ธนสรณ์ไม่เหมือนธีรา  แม้ตื่นขึ้นจากห้วงฝัน แต่เขาก็ยังสามารถจดจำทุกสิ่งได้อย่างไม่มีตกหล่น  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่า เจ้าตัวจะปลงใจ ‘ยอมรับ’ และ ‘เชื่อ’ มันหรือไม่

            “บ้าน่า !  นี่เราติดเชื้อจริง ๆ เหรอ”

            เหงื่อแตกซึมผุดขึ้นถ้วนทั่วขึ้นมาอีกรอบ  พร้อมกับความหิวโหยซึ่งจู่โจมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  มันเป็นความกระหายหิวอันแสนร้ายกาจ  ..ไม่ใช่อาหาร..  ความต้องการของบางสิ่งในร่างกำลังเรียกร้อง ที่จะได้กัดกินเลือดเนื้อจากมนุษย์ด้วยกัน  ธนสรณ์พลันตะหนักรู้ในบัดดลว่า  ‘ตนไม่อาจเป็นคนปกติได้อีกต่อไป’    

            หัวเราะก็ไม่ได้  ร่ำไห้ก็ไม่ออก..  หนาวเยือกจนสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ  สมองได้แต่เฝ้าคิดเวียนวนหาคำตอบให้แก่ตัวเองว่า  ตัวเขาได้ไปรับไอ้เชื้อบ้านี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ !

            ถ้าความฝันที่ได้พบเจอกับน้องสาวเป็นความจริง  ถ้าเรื่องบ้าบอทั้งหมดนี่เป็นความจริง  เขาจะต้องทำอย่างไรต่อไป
 
          “ฆีมษ์จะเข้าใจ  อย่าลืมที่ฉันบอกนะ  ไปหาฆีมษ์ซะ..”
 
            คำพูดของธีราดังกังวานขึ้นในหัวอีกคราว  ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้ธนสรณ์ต้องตัดสินใจในทันที  ไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น   และถ้ามันจะเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยน้องสาวได้  เขาก็จะทำทุกอย่างที่ตัวเองสามารถทำได้เช่นกัน

            ไม่มีเวลาให้เศร้าโศกหรือเสียใจ  ธนสรณ์ผุดลุกขึ้นเดินโซเซเข้าห้องน้ำเพื่อชำระกาย  เตรียมตัวสำหรับการหวนกลับไปเผชิญหน้ากับราชาสีขาวและพรรคพวกของฝ่ายนั้นอีกครั้ง  ร่างกายร้อนผ่าวราวกับก้อนถ่านแดงจัด  เมื่อสายน้ำพร่างพรมลงมากระทบถูกต้องร่าง จึงสร้างความทรมานให้เกิดแก่ตนไม่น้อย

            จุดสีแดงยังคงไม่หายไป  เหมือนรอยด่างในใจที่เกิดขึ้นแล้วยากจะลบเลือน

           
            ใครเล่าจะล่วงรู้  เพียงแค่ชั่วครู่ของวันเวลา  ไวรัสเร้นลับได้ให้กำเนิดราชาขึ้นมาอีกหนึ่งคนเป็นผลสำเร็จ  ธนสรณ์ไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ตัวเองนั้นโชคดีเพียงใดที่สามารถผ่านด่านทดสอบแห่งความตายมาได้  ทีเซลล์ได้เลือกสรรให้เขาเป็นภาชนะอันมีค่า คู่ควรแก่การฟื้นฟู ‘บางสิ่งบางอย่าง’ ที่พวกมันรอคอยมาเนิ่นนาน

            เวลาได้มาถึง  เมื่อธีราได้เริ่มต้นหมุนกงล้อแห่งโชคชะตา  หัตถ์แห่งมหันตภัยร้ายก็ได้เอื้อมผ่านเข้ามา หมุนชะตาของคนรอบข้างของเธอไปด้วย  ไม่เว้นแม้แต่สายเลือดเดียวกันเอง

            ‘เส้นทาง’ ที่ถูกผนึกไว้  บัดนี้ ได้ถูกส่งมอบให้แก่บุคคลเดียวที่สามารถรองรับ และอ่านมันออกมาได้

            คนคนนั้น คือ ธนสรณ์  พินิจใจ  พี่ชายของธีรานี่เอง...
 


 
 
+++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 08 เมษายน 2563
Last Update : 8 เมษายน 2563 13:20:07 น. 4 comments
Counter : 556 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณรัชต์สารินท์, คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**, คุณหอมกร


 
แวะมาเยี่ยมครับ


โดย: **mp5** วันที่: 17 เมษายน 2563 เวลา:16:11:48 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันค่า คุณ **mp5**


โดย: zionzany วันที่: 18 เมษายน 2563 เวลา:21:05:47 น.  

 
zionzany Literature Blog ดู Blog
น่าสนุกอยู่เหมือนกันจ้า





โดย: หอมกร วันที่: 19 เมษายน 2563 เวลา:11:44:01 น.  

 
ขอบคุณ คำชมและกำลังใจจาก คุณหอมกร ค่า


โดย: zionzany วันที่: 20 เมษายน 2563 เวลา:13:42:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.