! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
3 มีนาคม 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 13 : ความมืด


ขอบคุณภาพปกนิยายจาก คุณรัชต์สารินท์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ



            ธนสรณ์สะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน  พี่ชายคนรองของธีราทำหน้างัวเงียลุกขึ้นจากโซฟา หลังเผลอเอนกายหลับไปตอนเย็น หลังกลับมาจากทำงาน  ท้องฟ้ามืดสนิทแต่ไฟในบ้านเปิดสว่าง  นาฬิกาบนผนังบอกเวลาสองทุ่มเศษ  ธนสรณ์ยังคงนั่งปรือตาอยู่อย่างนั้นในชุดทำงานยับย่น  รอจนใครบางคนเดินถือถุงขนมอบกรอบลงมาทิ้งตัวนั่งข้างกัน ทั้งยังเอื้อมมือมาหยิบรีโมทกดเปิดโทรทัศน์

            “พี่ชาติ  ธีรามันกลับมาแล้วหรือยัง”  

            เขาเอ่ยถามพี่ชายคนโต ผู้ครองอาวุโสสุดในบรรดาบุตรชายหญิงทั้งสามของครอบครัวพินิจใจ  ขณะที่แทรกมือล้วงมือเข้าในถุงขนมของอีกฝ่าย แบบขอมีส่วนร่วมด้วย

            “ไม่กลับหรอก มันโทรบอกแม่แล้วว่า ขอไปค้างกับเพื่อน”  

            ธนชาติเอ่ยตอบ พลางเคี้ยวขนมเสียงดังกรุบกรับ  สายตาจับจ้องไปยังภาพเคลื่อนไหวในจอโทรทัศน์ตรงหน้า

            “มันมีเพื่อนด้วยเหรอ  กลัวแต่มันจะไปกับผู้ชายมากกว่า”
            “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
            “ช่วงนี้ เห็นมีผู้ชายมาหา  ธีรามันก็ซื่อๆ ทื่อๆ แบบนั้น ฉันกลัวมันจะถูกเขาหลอกเอาน่ะสิ”

            พี่ชายคนรองเอ่ยอย่างเป็นกังวล  ผิดกับพี่ชายคนโตผู้ซึ่งหัวเราะออกมา เหมือนเห็นเป็นเรื่องขบขัน

            “แล้วทำไมไม่กลัวว่า มันจะไปหลอกเขาบ้างเล่า  ธีราน่ะมันยี่สิบห้าแล้วนะ  แกจะให้มันอยู่เป็นโสด ทึนทึก ขึ้นคานหรือยังไง  ไปกับผู้ชายหรือไปทำอะไร ยังไง ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของธีรามันเองเถอะ”

            “ก็ฉันเป็นห่วง..”
            “เป็นห่วงก็ดีแล้ว แต่อย่าไปก้าวก่าย ชีวิตน่ะ ของใครของมันนะ”

            ยืนหยัดอยู่อย่างมีสันติ คือ หลักการใช้ชีวิตอันเรียบง่าย ไม่วิตกทุกข์ร้อนอันใดของธนชาติ  ธีราผู้เรียบง่ายได้ซึมซับรับเอาอิทธิพลทางความคิด ตามแบบอย่างพวกพี่ชายมาเต็มที่  แม้กระทั่งเรื่องคิดกังวลไม่เข้าท่า ก็รับเอามาจากพี่ชายคนรองมากพอดู

            “พี่นี่ ไม่ได้ช่วยเล้ย~”  

            ธนสรณ์บ่นพึมพำ ลุกเดินข้ามผ่านหน้าพี่ชาย พลางเกาหัวแกรกกรากขึ้นบันไดไปยังชั้นบน  ตั้งใจจะเข้าห้องของตัวเอง เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น ก่อนลงมาทานอาหารเย็น
           

            ห้องที่อยู่ติดมุมบันไดปิดไฟมืดสนิท  ธนสรณ์ถือวิสาสะหมุนลูกบิด เปิดประตูเข้าไปในห้องของน้องสาว  เอื้อมมือกดสวิตช์ไฟให้ติดสว่าง  บรรยากาศของห้องที่เคยคุ้นจนชินตา  วันนี้กลับดูเงียบเหงาและว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก  ทั้งที่เจ้าของห้องไม่อยู่แค่วันเดียว

            โดยปกติแล้วนั้น  ธนสรณ์ไม่เคยละลาบละล้วงรื้อค้นข้าวของของใคร  หากวันนี้ คล้ายมีบางสิ่งดลใจให้เขาเดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ หางตาสะดุดเข้ากับชิ้นส่วนกระดาษใบหนึ่ง โผล่มุมแลบออกมาให้เห็นจากลิ้นชักซึ่งปิดไม่สนิท  ธนสรณ์ดึงมันขึ้นมาพลิกสำรวจดูอย่างนึกสนใจ  เขาไม่รู้จักชื่อของบุคคลซึ่งปรากฏบนนามบัตร  แต่สถานที่ประกอบการซึ่งพิมพ์ประทับกำกับรวมอยู่ด้วยนั้น พอจะทำให้ติดตามหาตัวเจ้าของนามบัตรใบนี้ได้ไม่ยาก หากต้องการที่จะค้นหาตัว
 
            “ใครวะ บดินทร์ เพชรกล้า  แล้วร้านขายมือถือนี่ของใคร”
 
            ทว่าสิ่งน่าสนใจและดึงดูดมากกว่านามบัตรใบจ้อย กำลังนอนเงียบสงบอยู่ในลิ้นชักเดียวกัน  สมุดบันทึกปกแข็งอย่างดี สมบัติส่วนตัวของธีราถูกพี่ชายหยิบยกขึ้นมา พลิกเปิดอ่านอย่างถือวิสาสะ  เรื่องราวตั้งแต่หน้าแรกไล่เรื่อยมาจนถึงกลางเล่ม  อ่านผ่านตาก็เป็นเพียงแค่บันทึกประจำวันทั่วไป  แต่พอถึงวันที่ลงกำกับช่วงท้ายซึ่งไม่ห่างไกลจากเวลา ณ ปัจจุบันสักเท่าไหร่  ธนสรณ์ก็ได้ค้นพบเรื่องราวที่เต็มไปด้วยปริศนาชวนงุนงงสงสัยมากมาย ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดจากปลายปากกาของผู้เป็นน้องสาว
 
          ติดเชื้อ..  ทีเซลล์..  ราชา..  เลือด..  ดูดกลืน.. ฯลฯ 
 
            ข้อความต่างๆ นานาที่น้องสาวของเขาเขียนบรรยาย  คล้ายระบายความหวาดวิตกต่อการติดเชื้อโรคบางอย่างที่เขาไม่รู้จัก  มีแต่เรื่องเหนือจริงมากเกินไป จนผู้ละลาบละล้วงเปิดอ่านตัดสินไปว่า ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องโกหกพกลม  หรือไม่ก็เป็นเพียงจินตนาการเพ้อฝันอันลึกล้ำของธีราเท่านั้น 

            ธนสรณ์ปิดสมุดบันทึก ก่อนเก็บมันไว้ที่เดิม  พี่ชายคนรองของธีราพ่นลมหายใจ  เขาเข้าใจดีว่า คนเราต่างมีโลกส่วนตัวที่แตกต่างกัน  น้องสาวของเขานั้นคงเลือกใช้วิธีขีดเขียน เพื่อระบายความเพ้อฝันออกมา

            “หวังว่า แกคงแยกความฝัน กับความเป็นจริงได้นะ  ธีรา..”  

            แม้จะพูดกับสิ่งของแทนเจ้าตัวออกไปแบบนั้น  หากแต่ภาพและเสียงของน้องสาวในคืนวันที่กลับจากโรงพยาบาล ก็ยังสะกิดใจอยู่ไม่รู้หาย  โดยที่ธนสรณ์ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า ..ทำไม?
 

            “พี่.. ฉันโดนกรีดแขนจริงๆ นะ  ไม่รู้ว่า พี่จะเชื่อฉันรึเปล่า  ใครก็ไม่เชื่อ เพราะแผลมันหายไปแล้ว”

            “พี่ก็อยากจะเชื่อแกอยู่หรอกนะ ธีรา  แต่แกอาจเพ้อเพราะพิษไข้  หรือไม่ก็ฝันไปเองก็เป็นไปได้  คนที่กำลังเจ็บป่วยน่ะ มักเห็นภาพหลอนได้ง่าย  บางที สิ่งที่เราคิดว่ามี  แต่จริงๆ แล้ว มันไม่มี หรือมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงหรอก  เพราะตัวเราอาจจะคิดไปเอง”  
 

            ยังคงจำได้  ในวันนั้น เขาพูดปลอบน้องสาวออกไปตามความคิดของตน  โดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่า สีหน้าของธีราไม่ได้ดูดีขึ้นกับคำพูดปลอบโยนของตนแต่อย่างใด

            ธนสรณ์ปิดประตู  ทิ้งห้องอันว่างเปล่าให้ความมืดเข้าครอบครอง แทนที่เจ้าของห้องชั่วคราว  แล้วความกังวลซึ่งเกาะกุมจิตใจก็ค่อยเลือนหายไป  เมื่อเจ้าของร่างหันไปใช้ความคิดพิจารณากับเรื่องอื่นแทน

 
            เพราะคนธรรมดา..ก็ย่อมคิดอ่านตามกฎเกณฑ์ธรรมดา  น้อยคนนักที่จะยอมเชื่อว่า  ‘เรื่องเหนือจริง บางครั้ง.. มันก็อยู่ใต้ความจริง’ นี่เอง

            เฉกเช่นเดียวกับส่วนประกอบภายในร่างกาย  ที่ตั้งแต่เกิดจนตาย เราอาจไม่เคยล่วงรู้เลยด้วยซ้ำว่า มันอยู่ตรงไหน มีหน้าที่อะไร หรือ ทำงานอย่างไร..
 


 
+++++++++++++++++++++++++++++

 
 
 
            ภายใต้แสงเทียนวอมแวมท่ามกลางความมืด  ธีรานั่งหน้าขาวบนเก้าอี้ไม้ขาเก  นัยน์ตาแดงช้ำคล้ายผ่านการเค้นน้ำตาออกมาอย่างหนักหน่วง
 

            เมื่อชั่วโมงก่อน  คนสติไม่ดีจัดการ ‘อาบน้ำ’ ให้เธอแบบดุดัน ไม่ปรานีปราศรัย  ท่ามกลางสายลมพัดโกรกด้วยพื้นที่ด้านหลังเป็นลานเปิดโล่ง  ธีราจึงหนาวสะท้าน เมื่อถูกน้ำแต่ละขันสาดซัดใส่ร่างอันเปลือยเปล่าของตน 

            ราชาวิปลาสยังมิได้กระทำบัดสีหรือขืนใจเหยื่อ  นอกจากลงมือปลดเปลื้องอีกฝ่าย ให้เหลือเพียงเนื้อตัวล่อนจ้อน  ก่อนเริ่มต้นกระบวนการชำระล้างร่างกาย  เสียงหวีดร้องดังสลับกับเสียงสาดน้ำเป็นระยะ  จากความรู้สึกสุดแสนจะอับอาย กลายเป็นไม่เหลืออะไรให้ต้องอายอีกต่อไป  ในไม่ช้า ธีราก็หยุดดิ้นรนขัดขืน  ปล่อยตัวไปตามสุดแท้ แล้วแต่ชะตากรรมที่แขวนไว้กับชายวิกลจริตผู้นี้

            ชุดนอนของผู้ชายที่เก่าจนสีซีดจาง ถูกนำมาให้ผลัดเปลี่ยนแทนชุดเดิม ซึ่งถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นเศษผ้า  ในยามนี้ กุญแจมือถูกปลดออกไป  สิงโตบังคับโรยแป้งฝุ่นทั่วทั้งตัว ทั้งยังทาหน้าให้แก่เชลยผู้ถูกทำทารุณกรรมทางใจเสียจนขาววอก  ปฏิบัติต่อธีราราวกับเธอเป็นตุ๊กตา หรือไม่ก็สัตว์เลี้ยงใต้อาณัติ

            หลังจากนั้น หญิงสาวผู้โชคร้ายก็ถูกนำตัวมาให้นั่งรออยู่ตรงโต๊ะกินข้าว  ภาพและเสียงของการประกอบอาหารท่ามกลางความมืดนั้น เป็นอะไรที่ธีราไม่เคยประสบพบเจอ  ทั้งไม่เข้าใจด้วยว่า อีกฝ่ายกระทำทั้งหมดนี้ โดยมีเจตนาหรือมีจุดประสงค์อะไร

            -- ผู้ชายคนนี้เป็นบ้า  เสียสติไปแล้วจริงๆ --
 
            ไข่เจียวกับผัดผักน้ำขลุกขลิกถูกนำมาวางบนโต๊ะ  ธีราไม่อยากเชื่อสายตาว่า คนที่ลงมือทำอาหารตรงหน้าจนเสร็จสรรพ คือคนเดียวกับที่ก่อเรื่องอุกฉกรรจ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

            เมื่อเห็นผู้ตกเป็นเชลยทำเป็นเมิน ไม่ทานอาหารของตน  อาการนั่งคอแข็ง นิ่งขึง ต่อต้านนั้น ทำให้สิงโตลากเก้าอี้มานั่งประกบใกล้  ราชาวิปลาสหยิบช้อนจากจานของหญิงสาว ก่อนบรรจงตักกับข้าวราดลงบนข้าว แล้วยกช้อนขึ้นทำท่าป้อนใกล้ปากของอีกฝ่าย

            “กินสิ”

            พอธีรายังทำเมินเฉย  มือหยาบหนาอีกข้างก็คว้าจับใบหน้าของเธอ ทั้งยังออกแรงบีบตรงกระพุ้งแก้มจนปากอ้า  แล้วอาหารร้อนๆ ก็ถูกยัดพรวดเข้ามาใส่ปากจนแทบสำลัก  คนใจทมิฬหินชาติรอจนเห็นอีกฝ่ายกลืนอาหารลงคอแล้ว ถึงค่อยปล่อยมือซึ่งแข็งราวกับคีมเหล็กนั้น ออกจากแก้มของคนตรงหน้า

            “กินอีก” 
 
            ข้าวคำที่สองตามมา  คราวนี้  ธีรายอมกลืนมันลงไปแต่โดยดี  ด้วยหวาดกลัวถูกช้อนกระแทกปากและฟัน ให้ต้องเจ็บจนน้ำตาเล็ดอีก

            สิงโตบังคับป้อนอาหารให้เชลยสาวกินจนหมดอย่างใจเย็น  จากนั้น จึงลุกขึ้นหยิบถุงใส่เนื้อดิบลุกหายไปในความมืด  ทิ้งให้ธีรานั่งอยู่เพียงลำพังด้วยความหวาดกลัวและหวาดหวั่น ต่อการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในที่มืด  แม้ตอนนี้  มือและเท้าของเธอเป็นอิสระแล้วก็ตามที  หากแต่ธีราก็ไม่กล้าขยับหนีไปไหน เพราะคำนวณแล้วว่า ถึงอย่างไรก็คงหนีไปไม่พ้น

 
            ถ้ำสิงโตแห่งนี้ไม่มีไฟฟ้า ดังนั้น จึงไม่มีแสงสว่างในยามราตรี  อาศัยเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่อง และจากเทียนไขที่มีแสงเพียงริบหรี่ ทั้งยังพร้อมดับลงได้ทุกเมื่อ หากมีลมแรงพัดผ่าน  ไม่นานนัก ร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นก็กลับมา พร้อมบอกกล่าวเหตุผลที่ธีราไม่ได้นึกอยากจะรับรู้ หรือรับฟังเลยแม้แต่น้อย

            “ไปให้อาหารเสือมา มันหิวจัด ออกไปวุ่นเรื่องเธอ จนลืมให้อาหารมันมาสองวันแล้ว”
            “แล้วจะให้ฉันนอนตรงไหน”  

            ราชาวิปลาสตอบคำถามของธีรา โดยเดินนำไปยังห้องตรงกันข้าม ที่อยู่เยื้องกับห้องกางเขนแดงซึ่งถูกสั่งห้ามเข้า  แสงจากเทียนส่องให้เห็นเตียงเหล็กพร้อมมุ้ง ขนาดกว้างพอลงนอนได้เพียงคนเดียว  ฟูกและหมอนเก่าหมองดำดูสกปรก พานให้รู้สึกรังเกียจขยะแขยง  แต่สำหรับสถานการณ์ที่เลือกไม่ได้เช่นนี้  มีที่ให้นอนก็ยังดีกว่า ต้องทนนอนคุดคู้ อยู่ท่ามกลางเศษซากวัสดุก่อสร้างตามพื้น

            เท้าของเธอสัมผัสโดนบางสิ่งคล้ายกระดาษ  พอส่องแสงเทียนในมือลงมองเบื้องล่าง ธีราจึงเห็นมีหนังสือจำนวนมากตกเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายเต็มพื้นไปทั่ว  หญิงสาวบังเกิดความรู้สึกไม่ดี หากต้องเหยียบย่ำข้ามผ่านไปบนหนังสือ  ธีราจึงก้มลงเก็บรวบบางส่วนออก แค่พอให้มีช่องทางเดินได้  เอาไว้พรุ่งนี้เช้าก่อน ค่อยรวบรวมเก็บรวมตั้งไว้ให้เป็นที่

            “นอนด้วยกันนี่แหละ  มีเตียงเดียว”  

            ราชาวิปลาสเอี้ยวบิดคอและเนื้อตัวดังขับไล่ความเมื่อยล้า พูดเสียงงึมงำในลำคอบ่งบอกอาการจิตหลุดอีกคราว

            บางที  แววตาของอีกฝ่ายก็แจ่มใสแลดูเป็นปกติ  หากบางทีก็เปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน  ไม่มีหลักประกันอันใดสามารถช่วยจำแนกแจกแจงได้ว่า  เวลาไหนสิงโตจะเกิดคุ้มดีหรือคุ้มร้ายขึ้นมา

            “ไม่!”  
            ธีราปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งที่รู้ตัวว่า ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

            “มีแค่เตียงเดียว  ไม่อย่างนั้นเธอก็ต้องนอนกับพื้น  แล้วบนพื้นอาจเจองูหรือตะขาบเพ่นพ่านก็เป็นเรื่องปกตินะ จะบอกให้”

            แค่บอกว่ามีงู  ดวงหน้าซีดเซียวของธีราก็ยิ่งซีดเผือดหนักลงไปอีก  เธอได้แต่คิดในใจ  -- หรือต้องทนข่มความรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนบวกชิงชัง  ยอมอดทนนอนเบียดกับมันไป จนกว่าจะถึงวันรุ่งพรุ่งนี้ --

            สิงโตไม่อยู่ต่อความยาวสาวความยืด  ร่างสูงใหญ่หายลับไปทางด้านหลัง  สักพัก ธีราก็ได้ยินเสียงน้ำซัดซ่าแว่วมาจากทางด้านหลัง  แทรกสลับมาด้วยเสียงร้องครวญครางชวนให้ขนลุกตั้งชัน จากห้องขังของสิ่งที่ราชาวิปลาสเรียกว่า ‘เสือ’ ที่อยู่เหนือของศีรษะเธอไปไม่เท่าไหร่นี้เอง

            ธีราหยิบเอาเศษก้อนปูนขนาดเหมาะมือก้อนหนึ่ง ซึ่งคลำเจอในความมืดแถวนั้น  เธอวางมันไว้ใต้เตียงในระยะใกล้มือ เผื่อหยิบใช้ได้อย่างทันท่วงที   หญิงสาวคำนึงถึงการป้องกันตัวเอง  เหตุอาจไม่ใช่เกิดจากการทำร้าย  แต่อาจเป็นเหตุ ‘ขืนใจ’ ซึ่งสามารถสร้างรอยราคีให้เธอไปตลอดทั้งชีวิต

            แม้จะเคยพลาดพลั้งกับพิจิกมาครั้งหนึ่ง  หากแต่หนนี้ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีร่างกายและจิตใจของตัวเองได้อีก

            จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง..  พอจิตคิดประหวัดไปถึงการต้องมีสัมพันธ์กับคนโฉดน่าขยะแขยง  ร่างกายก็สั่นไม่หยุด  ในทางกลับกัน มันยังดีเสียกว่า.. หากเปลี่ยนตัวคนที่จะมาข่มเหงเธอ เป็นชายหนุ่มผมยาวสีเทา ผู้ก่อเหตุล่วงเกินตนมาแล้วก่อนหน้านี้

            พิจิกจะมาช่วยเธอไหม.. ถ้ารับรู้แล้วว่า เรื่องที่เขาอุตส่าห์รีบรุดมาเตือนนั้น อุบัติขึ้นเร็วแทบจะทันทีทันใด หลังจากบอกกล่าวกันเสร็จสรรพ

            ธีราได้แต่ข่มความรู้สึกไม่ดี  พยายามไม่คิดไปทางแง่ร้าย

          -- หวังว่า พิจิกคงไม่ได้ ..ขาย.. เธอด้วยอีกคนหรอกนะ --
 
 

 
++++++++++++++++++++++++++++++
 
 

 
            รถสปอร์ตทรงเพรียวสีดำเป็นมันปลาบ  เลี้ยวเข้ามาจอดภายในอาณาเขตอันกว้างขวางใหญ่โตของเคหสถานแห่งหนึ่ง  ทันทีที่ประตูรถเปิดออกกว้าง  ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเดียวกับตัวรถก็ก้าวลงมา  สีหน้าของวสันต์นิ่งสนิท  เขาสาวเท้ายาวๆ ก้ามข้ามผ่านสะพานที่ทอดตัวโค้งข้ามสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งกางกั้นรายล้อมตัวคฤหาสน์เอาไว้ เป็นทางบังคับสำหรับใครก็ตามที่ต้องการเข้าถึงตัวอาคาร  พื้นผิวน้ำสีเขียวแลดูใส หากความมืดซึ่งอยู่ลึกลงใต้ก้นสระนั้น ทำให้มิอาจเพ่งมองเห็นสิ่งใด  มีพรายฟองผุดขึ้นบนผิวน้ำให้แลเห็นอยู่บ้างประปราย  อาจเป็นสัตว์น้ำจำพวกปลากำลังแหวกว่าย เร้นกายให้พ้นจากสายตาของสัตว์บก

            วสันต์หยุดยืนนิ่ง ชมดูทัศนียภาพอยู่กลางสะพาน  ในมือมีกระปุกหมากฝรั่งไร้น้ำตาลที่เพิ่งซื้อมาตอนแยกจากพิจิก  สายลมพัดกระโชกผ่าน ส่งเสียงดังหวีดหวิวอยู่ข้างหู  ผู้หญิงคนหนึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากตัวคฤหาสน์หลังมหึมา  ตรงเข้ามาหาอาคันตุกะด้วยอาการเร่งร้อน

            สีหน้าแช่มชื้นเบิกบานนั้น ปรากฏให้เห็นเห็นแต่ไกล  ราวกับเจ้าตัวกำลังดีอกดีใจหนักหนากับการมาของวสันต์

            มือขาวเรียว นิ้วยาวตรงเป็นลำเทียนเปิดกระปุกหมากฝรั่ง ก่อนสะบัดสาดออกไปรวดพรวดเดียวจนหมด  ของขบเคี้ยวของมนุษย์ร่วงหล่นลงสู่ใต้สระ มีปลาบางตัวเข้ามาตอดกินอยู่บ้าง ตามประสาเคยชินกับการได้รับอาหาร  แล้วร่างในชุดกระโปรงผ้าพลิ้วบาน ยาวกรอมเข่าสีเขียวอ่อนทั้งชุดก็ดำเนินเข้ามาใกล้  หญิงสาวฉีกยิ้มละไม พร้อมด้วยเลือดฝาดที่ขับริ้วชมพูบนแก้ม ดึงดูดสายตาให้น่าพิศมอง

            ทว่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้ชายอย่างวสันต์  ความสวยสดงดงามนั้นได้รับตอบเพียงสายตาเย็นชา  ใบหน้าของราชาน้ำแข็งยังคงว่างเปล่า ไร้อารมณ์ คล้ายไม่เห็นอีกฝ่ายมีความหมายอันใดแก่ตน

            นลิน คือ นามของเด็กสาวผู้เพิ่งก้าวย่างเข้าสู่วัยสะพรั่ง  หญิงสาวดำรงฐานะเป็นทั้งผู้อาศัยและสาวใช้ที่คอยดูแลบรรดาบุคคลต่างๆ ผู้ซึ่งพำนักอยู่ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านแห่งนี้

            “คุณวสันต์  สวัสดีค่ะ  ไม่มาที่นี่เลย ตั้งหลายวัน  นลินคิดถึงคุณวสันต์มากค่ะ”  

            นลินพูดด้วยถ้อยวาจาฟังดูซื่อๆ หากแต่ฉาดฉานชัดเจนในทุกวจีที่เอื้อนเอ่ย 

            “_ขอบใจ  พี่เธอเป็นอย่างไรบ้าง_”  

            วสันต์ละสายตาจากผิวน้ำ  ผินหน้ากลับมา ก่อนออกเดินเพื่อไปสู่ตัวคฤหาสน์อีกครั้ง  โดยมีนลินเฝ้าเดินคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง  สาวน้อยยิ้มเบิกบานจนตาหยี เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถามไถ่ถึงใครอีกคน ผู้มีสายเลือดเดียวกันกับเธอ

            “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ  เหมือนพี่เขาไม่ค่อยสบาย แต่นลินก็ไม่รู้อยู่ดีว่า พี่เขาเจ็บป่วยตรงไหน ยังไง  สองสามวันมานี้ ขนาดนลินพยายามเรียกแล้ว  แต่พี่เขาก็ยังไม่ยอมออกมาให้เห็นเลยค่ะ  เก็บตัวเงียบเลย”

            “_แล้วคนอื่นๆ ล่ะ เป็นอย่างไรกันบ้าง_”

            “ปกติดีค่ะ  อมินงอแงนิดหน่อย ช่วงนี้ดูหงิดหงุดแปลกๆ ค่ะ  อ้อ พวกนั้นอาละวาดหนักขึ้นทุกที  แต่ดีนะคะที่พี่ตฤณ พี่โมทย์จับตาดูอยู่ตลอด ข้างล่างนั่นน่ะ นลินไม่ลงไปแล้วนะคะ ส่วนคุณท่านก็..”

            สาวน้อยลดเสียงลงจนปากปิดสนิท  เมื่อปรากฏร่างแก่หง่อมของชายสูงวัยนั่งมาบนรถเข็นไฟฟ้า บ่ายหน้ามาทางคนทั้งสอง  แวดล้อมด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทราวห้าหกคน ทุกคนต่างมีอาวุธครบมือ พร้อมอยู่ในท่าเตรียมพิทักษ์อารักขา  แสดงท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกตน
 
            วสันต์ค้อมศีรษะให้แก่ร่างในวัยร่วงโรย ผิวหนังเหี่ยวย่น  หากยังทอราศีน่าเกรงขามแบบผู้ทรงอิทธิพลอยู่มิใช่น้อย

            “ได้ความอย่างไร วสันต์”  

            ดวงตาซึ่งเคยคมกล้า ดุดันในวันวาน หรี่มองจับมายังชายหนุ่มวัยรุ่นราวคราวเหลนเบื้องหน้า

            “ปกติครับ คุณท่าน ยังไม่มีอะไรคืบหน้า  ผมลองผสมตัวยาสูตรใหม่  คิดว่า คงช่วยปรับให้เซลล์ของอมินอยู่ได้นานขึ้นกว่าเดิมครับ”  

            เมื่ออยู่ต่อหน้าไม้ใกล้ฝั่งผู้นี้  วสันต์จำต้องแสดงท่าทางอ่อนน้อม  จำเป็นต้องพับเก็บการวางตัวเย่อหยิ่งเย็นชาเอาไว้ชั่วคราวก่อน

            “ฉันเบื่อเต็มทีแล้ว  จงจัดยาที่มันได้ผลดีกว่านี้ หรือมีฤทธิ์อยู่คงทนถาวรมาเลย  เจ้าเร่งจัดการให้ไวกว่านี้  วสันต์..  ฉันรอคอยมานานเกินไปแล้ว”

            ชายชราผู้ทรงอำนาจร้องสั่ง ก่อนออกอาการหอบคล้ายเหน็ดเหนื่อย  สังขารแลดูทรุดโทรมตามวัยที่ล่วงไปถึงเก้าสิบห้าปี  แต่กระนั้น อดีตอัครมหาเศรษฐีเฒ่าผู้นี้ก็ยังแลดูไม่เลอะเลือน หรือแก่หง่อมเหมือนอย่างผู้สูงอายุทั่วไปในวัยเดียวกันนี้

            คำสั่งดังกล่าวเสมือนดั่งเป็นตัวเร่งรัดเวลา  ราชาน้ำแข็งเม้มริมฝีปากนิด เมื่อถูกกดดันให้รู้สึกเครียดเคร่งขึ้นมาทันตา  หลายปีมาแล้ว ที่เขาจำต้องอุทิศตัว เพื่อไล่ตามจับความฝันอันเกินไขว่คว้าของเฒ่าบ้าอำนาจผู้นี้

            ..อะไร.. คือ ความปรารถนาที่สุดของผู้ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างในครอบครอง ก่อนที่ต้องละทิ้งมันไปตามวัฏสงสาร 

            ..อะไร.. คือสิ่งที่จะช่วยยืดเวลาออกไป ให้คนจำพวกนั้นได้อยู่ชื่นชม หรือเสวยสุขในทรัพย์สมบัติและอำนาจบารมีแห่งตน ได้ตราบนานเท่านาน

            ถ้ามิใช่เงื่อนไขแห่ง ‘ความเป็นอมตะ’ หรือ ‘อายุวัฒนะ’ ที่ชายชราผู้นี้เฝ้าเพียรเสาะแสวงหา

            “ผมจะรีบดำเนินการครับ คุณท่านโปรดวางใจ”  วสันต์ได้แต่กล่าวคำสัญญา ด้วยเพราะพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้

            “ดี.. อีกเรื่องหนึ่ง  เมื่อมาแล้ว ก็ลงไปดูแลไอ้พวกสัตว์ประหลาดของเจ้าเสียด้วย  ถ้ามันทำประโยชน์อะไรไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บพวกมันไว้  เพราะสิ่งอัปมงคลแบบนั้น มันจะนำความเดือดร้อนมาให้  เจ้าเข้าใจดีนะ วสันต์”
            “ครับ”  

            “นลิน เจ้าเองก็ด้วย  กลับไปทำงาน  อย่าให้เห็นมาพันแข้งขา ให้วสันต์ต้องเสียการเสียงานอีก”
            “เจ้าค่ะ  คุณท่าน”  

            พอถูกตำหนิร่วมไปด้วย  สาวน้อยก็ตีหน้าเจื่อนจ๋อย  แล้วจึงค่อยเลี่ยงหลบไปทางหนึ่ง
 

            บรรดาองครักษ์ขยับเปลี่ยนท่วงท่า  เมื่อมองเห็นเงาคนอีกผู้หนึ่งกำลังเดินข้ามสะพาน มาทางด้านนี้อีกคน  กระแสลมในอากาศพัดพากลิ่นอันน่าชิงชังลอยนำเจ้าตัวมา  ทำให้วสันต์รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร โดยที่ไม่ต้องหันกลับไปมอง  ด้วยอคติที่มีอยู่ข้างใน  ราชาน้ำแข็งผู้เยือกเย็นจึงไม่หยุดรอทักทาย  แม้อีกฝ่ายจะมีศักดิ์และสิทธิ์อันยิ่งใหญ่ เป็นถึงเหลนสืบสายเลือดโดยตรงของผู้เฒ่าก็ตามที

            ‘เก่งกาจ  รวินโชติอังกูร’  หรี่ตามองด้านหลังของวสันต์  ชายคนนั้นทำเหมือนไม่เคยเห็นตนอยู่ในสายตา  เขาปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม เพื่อทำความเคารพคุณปู่ทวด ผู้ยังไม่ยอมมรณาเสียทีของตน

            “สวัสดีครับ  คุณทวด”
            “อืม..”

            ผู้เฒ่าถอนหายใจ  การมาเยี่ยมเยือนในแต่ละครั้งของผู้สืบตระกูล  คงไม่พ้นนำเรื่องหนักอกหนักใจมาให้อีกเป็นแน่  เหลนคนโตสุดในบรรดาทายาททั้งหมดคนนี้  แม้จะถือได้ว่า เกิดมาเป็นอัจฉริยะโดยแท้  แต่เพราะโลกนี้ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบไปเสียหมดทุกด้าน  การมีปมเด่นก็ต้องมีปมด้อยควบคู่กันอยู่เสมอ เปรียบเหมือนดั่งเกลียวเชือกที่ขดพันกันไปมา  อีกทั้งปัญหาของเก่งกาจก็ไม่เคยจัดได้ว่า ‘เล็กน้อย’ เลยแม้แต่เรื่องเดียว

            นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่รั้งตนไว้จนไม่ยอมไปจากโลกนี้  ด้วยความห่วงปนหวง กลัวอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ไพศาลที่ตนสู้อุตส่าห์ก่อร่างสร้างมากับมือ จะพังทลายหายไปในมือของอนุชนคนรุ่นหลัง  ผู้ซึ่งไม่ได้สำนึกถึงบุญคุณและคุณค่า ของสิ่งที่บรรพบุรุษเพียรสั่งสมสร้างมาแต่ช้านาน

            เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  ใครเล่าจะยอมตาย..

 
            วสันต์ผู้เดินห่างไกลออกมา  ชำเลืองมองกลุ่มคนด้านหลังทางหางตา  แววตาอันไร้ความรู้สึก เวลานี้มีแววชิงชังฉายชัดอยู่เต็มเปี่ยม  รอยยิ้มหยันเหยียดขึ้นจนสุดมุมปาก  ความคิดคำนึงถึงการสังหารพลุ่งพล่านอยู่ภายใน  ความกระหายนั้นทวีขึ้นมาก  ถึงขนาดได้กลิ่นเลือดมาจดจ่ออยู่ตรงปลายจมูก

            พิจิกเคยมองวสันต์ไว้ไม่มีผิด  ชายคนนี้แอบซ่อนอาการทางจิต ไว้ภายใต้ท่าทางเฉยเมยเย็นชา  รอเวลาปลดปล่อยภูตผีร้ายในจิตวิญญาณออกมา กระหายที่จะได้ทำลายล้างผู้อื่น

          อา.. ตอนนี้ เขาอยากฆ่าคนเหลือเกิน..
 
 


 
++++++++++++++++++++++++++++
 


 
            กึง!

 
            เปลือกตาของหญิงสาวเปิดขึ้นในฉับพลัน  สิ่งแรกที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาคือ สีน้ำตาลหมองดำของมุ้งสกปรก  ธีรา พินิจใจ ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง  แสงสว่างของยามสายช่วยคลี่คลายความมืด และความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้ให้หายไป  หญิงสาวคิดทบทวนถึงเหตุการณ์สุดท้าย  รู้สึกโล่งใจ เมื่อพบตัวเองยังอยู่ในสภาพไม่บุบสลาย รอดพ้นจากเหตุร้ายที่ชวนประหวั่นกลัวเสียมากมาย เมื่อคืนนี้

            พอหัวถึงหมอน  ราชาวิปลาสก็นอนหลับเป็นตาย  ชั่วโมงแรกแห่งการต้องทนนอนร่วมเตียง เล่นเอาธีรานอนตัวเกร็งแข็ง ด้วยหวาดระแวงภัย หายใจไม่ทั่วท้องอยู่อย่างนั้นเป็นนานสองนาน  ร่างกายของชายหญิงห่างกันเพียงแค่คืบเนื่อง สืบเนื่องจากความคับแคบของเตียง  ถึงกระนั้น  ธีราก็พยายามกระเถิบตัวออกห่างจนสุดขอบเตียง จวนเจียนจะพลัดตกเอาก็หลายครั้ง  กระทั่งเสียงลมหายใจสม่ำเสมอนั้นดังรบกวนเธออยู่นาน  หญิงสาวจึงผุดลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืด  เมื่อลองสังเกตดูจึงพบว่า อีกฝ่ายเข้าสู่ภาวะหลับลึก ไม่รู้สึกตัวแม้ถูกเธอผลักแขนขา ที่ข้ามมาก่ายเกยกินพื้นที่บนเตียงให้พ้นออกไป เพื่อไม่ให้มาโดนตัวเธอ 

            ธีรามองใบหน้าขาวด้วยแป้งพอกนั้นอย่างชั่งใจ  -- มันจะเป็นอย่างไร ถ้าเธอคิดชิงลงมือใช้หินที่เตรียมเอาไว้ ทุบหัววายร้ายให้ด่าวดิ้นสิ้นไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ --  ทว่าสุดท้าย ธีราก็ได้แต่คิด.. คิดอยู่อย่างนั้น จนตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน เธอก็ไม่ทันรู้ตัว  กระทั่งตื่นขึ้นมาอีกทีนั้น เวลาก็ล่วงเลยเป็นตอนสายของวันใหม่ไปเสียแล้ว 

            อย่าว่าแต่จะฆ่า แค่คิดที่จะทำร้ายใคร คนอย่างธีรา พินิจใจ ก็มิอาจตัดใจทำได้ลงอยู่ดี..
 

            กึง!

 
            อาจเป็นด้วยเสียงนี้เองที่ปลุกเธอจนตื่น  ธีราตลบมุ้งขึ้น พาตัวลงจากเตียงมายืนบนพื้นหินขรุขระ  รองเท้าที่สวมติดตัวมาอันตรธานหายไป  และนั่นทำให้ธีรารู้สึกหนักใจ ที่ต้องสัญจรด้วยเท้าเปล่าไปตามพื้นซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายแทบทุกตารางนิ้ว

            พอเปิดประตูห้องออกไป หญิงสาวก็ได้กลิ่นหอมชวนหิวของอาหาร ลอยปะปนมาในอากาศ ท้องพลันลั่นโครกครากขึ้นมาทันที เมื่อมีสิ่งกระตุ้นเร้าความต้องการที่ร่างกายมิอาจควบคุมได้  ธีราค่อยเดินอย่างระมัดระวัง คลำทางไปยังด้านหลังของตัวอาคาร เพื่อค้นหาบริเวณซึ่งเป็นครัวในความมืด เมื่อคืนนี้

            โต๊ะไม้ขาเกตัวเดิมตั้งเด่นอยู่ที่เดิม  มีหม้อขนาดเล็กใบหนึ่งตั้งวางอยู่บนโต๊ะ  ธีราปราดเข้าไปยืนชิดโต๊ะ พร้อมกับเอื้อมมือเปิดฝาของหม้อก้นดำสนิทด้วยคราบเขม่าเกาะฝัง  เจ้าของกลิ่นอันยวนเย้าเผยโฉมพร้อมด้วยไอควันร้อนๆ ลอยอ้อยอิ่งชวนน้ำลายสอ

            “ข้าวต้มนี่..” 

            พอเห็นว่าเป็นอะไร  ธีราก็เหลียวซ้ายแลขวามองหาจานหรือชาม เพื่อเอามาตักแบ่งทานในทันที  แต่ยังไม่ทันได้ตักกิน  ร่างสูงใหญ่ซึ่งลุกตื่นหายไปก่อนหน้าตนก็กลับมา พร้อมด้วยลูกตะขบแดงสุกกอบมาเต็มกำมือ

            “ตื่นมาก็จะกินเลยเรอะ” 

            เจ้าของบ้านและอาหารกล่าวทัก ด้วยน้ำเสียงซึ่งบ่งบอกว่า กำลังอารมณ์ดี  ราชาวิปลาสวางกองผลตะขบไว้บนโต๊ะตรงหน้าเชลยสาว

            พอถูกทัก ธีราเลยชะงัก พานไม่กล้ารับทาน  หญิงสาวได้แต่มองสลับระหว่างคนกับข้าวต้ม อยู่อย่างนึกกริ่งเกรง

            “ต้องให้ป้อนอีกแล้วรึไง” 

            เธอกำลังจะขยับปากบอกปฏิเสธแต่ไม่ทัน  คนตรงหน้าคว้าช้อนไปจากชาม ลงมือตักข้าวต้มผสมผักสุกเปื่อยจ่อมาถึงปากอีกหน  ธีราไม่กล้าขัดใจ ได้แต่เปิดปากรับข้าวต้มรสชาติดีนั้น เคี้ยวกลืนลงคอคำแล้วคำเล่าจนเกลี้ยงชาม

            “ฝีมือฉันอร่อยใช่ไหม บอกแล้วไงว่า ถ้ามาอยู่กับฉัน จะเลี้ยงดูอย่างดี  เอ้านี่.. กินตะขบนี่ซะสิ  ตอนกลางวันอยากกินอะไรก็บอกมา”

            คำพูดดังกล่าวฟังดูอบอุ่นและจริงใจ  สิงโตแลดูเปลี่ยนไปจากเมื่อวาน ราวกับเป็นคนละคน  ทว่าทั้งหมดนี้ มันก่อให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งอย่างรุนแรงสำหรับธีรา  เพราะถึงอย่างไร เธอก็ไม่อาจไว้วางใจในท่าทีของคนร้าย ผู้ซึ่งจู่ๆ ก็เปลี่ยนมาทำดีด้วยอย่างกะทันหันเช่นนี้อยู่ดี

            เหมือนเมื่อครั้งพิจิก  ที่เธอเคยชะล่าใจ จนต้องพลาดพลั้งมาแล้ว

 
            “ไปสารภาพบาปมาหรือ”  หญิงสาวเอ่ยคาดเดา สาเหตุของกิริยาท่าทางที่ย้อนแย้งของอีกฝ่าย

            “ไปทำไม ยังไม่ได้ทำบาปอะไรเลยนี่”  ราชาวิปลาสตอบ พลางเริ่มจัดการอาหารส่วนของตน

            “ก็คงใช่ แต่ถึงยังไง แกก็ไม่ใช่คนดีอยู่ดีนั่นแหละ” 

            ธีรากล้าพูดวิจารณ์ซึ่งหน้า แทนที่จะลุกหนีไปเสียก็ได้  หากเธอเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นต่อ มองสำรวจส่วนครัวที่มีสภาพอนาถา  มีเพียงพวกเครื่องครัวสองสามอย่างให้พอหุงหา ประกอบอาหารแบบง่าย ทำกินไปวันๆ เท่านั้น

            สิงโตไม่โต้ตอบอะไร  ชายผู้ข้ามไปมาระหว่างฝั่งวิกลจริต เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่ตนลงมือทำด้วยตัวเอง

            “อยู่ที่นี่  ถ้าเหงาก็ไปเอาหนังสือในห้องนอนมาอ่านก็ได้  ไปนั่งตรงสวนข้างหลังก็ได้ ตรงนั้นบรรยากาศดี  แต่ข้างหน้าตรงที่พาเข้ามาเมื่อวาน อย่าออกไป  งูมันอยู่กันชุมแถวนั้น  ถ้าคิดจะหนี ขอแนะนำว่า อย่าปีนต้นไม้ เพราะงูเขียวที่นี่ มันพรางตัวเนียนมาก”

            ฝ่ายหนึ่งมีการพูดแย้มเสมือนเปิดทาง  แต่ก็ปิดกั้นไว้อยู่ในที คล้ายใช้จิตวิทยาเป็นลูกล่อลูกชน  คนถูกจับตัวมาได้ยินได้ฟังตามนั้นเลยรู้สึกสับสน  หากทางหนีไปจากที่นี่ ต้องฝ่าผจญกับพวกสัตว์เลื้อยคลานแล้ว  ธีราก็คิดว่า ตนขออยู่เฉยก่อน เพื่อคิดหาทางอื่นเอาเสียดีกว่า
 

            หลังอาหารมื้อเช้าในตอนสาย  ธีราเลือกหนังสือเล่มหนึ่งที่คิดว่าน่าสนใจหยิบติดมือไปด้วย ระหว่างตามติดดูชีวิตของราชาผู้โดดเดี่ยวในที่เลิศร้าง แม้พำนักอยู่แต่เพียงผู้เดียว ทั้งยังทำตัวแปลกแยกผิดวิสัยคนทั่วไป  ทว่ากิจวัตรและงานประจำวันที่ต้องอาศัยแรงกายจัดการ ก็อยู่มีมากไม่ใช่น้อย

            บริเวณด้านหลังอาคารโรงงานเก่า  เป็นลานดินกว้างปกคลุมด้วยต้นไม้ มีหญ้าขึ้นสูงเกือบท่วมหัว  ทว่าพื้นที่ในส่วนนี้ก็ยังถูกกางกั้นไว้ ด้วยรั้วกำแพงสูงกว่าสามเมตรล้อมรอบทุกด้าน  ธีราค้นพบแปลงผักสวนครัวหลายชนิดซึ่งนำมาสู่ความประหลาดใจ  พืชผักต่างๆ ถูกปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบและงอกงามดี  แสดงถึงการดูแลเอาใจใส่ของผู้ปลูก

            ธีราผู้ถูกลักพา ยังอยู่ในชุดนอนไม่รัดกุม  เธอกำลังนั่งมองร่างกำยำสีน้ำผึ้ง ลงจอบขุดดินอยู่บนแคร่ไม้  หญิงสาวครุ่นคิดหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ในใจ  วิถีชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติเช่นนี้  มันเป็นไปได้หรือ..ที่คนกักขฬะ สันดานดิบเถื่อน เหมือนอย่างเช่นคนตรงหน้า จะสามารถอาศัยอยู่ในที่แบบนี้ได้ทุกวี่วัน

            ไม่มีเหล้า ไม่มีผู้หญิง หรือเรื่องชั่วร้ายให้กระทำ ในสถานที่แห่งนี้สักอย่างเดียว  ไม่มีแม้ความคิดคำนึงถึงเรื่องทีเซลล์ ให้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเฉกเช่นทุกวัน

            ..จะว่าไปแล้ว ที่นี่ก็สงบเงียบดีเหมือนกัน..

 
            “ถือหนังสืออะไรมา อ่านให้ฟังหน่อย”

            ไม่มีการข่มขู่ หรือ บังคับให้ทำสิ่งใด  คล้ายกับแค่หญิงสาวยอมทำตัวว่าง่าย อยู่ภายใต้อาณัติเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว หากต้องการอยู่รอดปลอดภัยที่นี่  ร่างซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามล่ำสันออกแรงเหวี่ยงจอบเจาะหน้าดิน  ส่งเสียงพูดคุยกับธีรา โดยไม่ต้องหยุดมองคู่สนทนาให้เสียเวลา

            “นิยายผู้หญิง จะให้อ่านให้ฟังหรือ มันยาวนะ”
            “งั้นไม่ต้องก็ได้”

            “แกจะไม่เล่าสักหน่อยเหรอว่า จับฉันมาด้วยเหตุผลอะไร  อย่างน้อยฉันก็ควรจะได้รับรู้เหมือนกันนะ  ไอ้ที่พูดว่า จะเอาฉันไปทำเป็นแม่พันธุ์นี่  ฉันเข้าใจถูกต้องไหม”
            “ก็คงใช่”

            คนทั้งสองสนทนากัน ด้วยหัวข้อที่ฟังดูคล้ายกับเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป

            “ขอถามหน่อยเถอะ  มันจำเป็นตรงไหน  ในเมื่อพวกแกต่างก็มีพลัง มีอำนาจ เป็นราชาเหนือมนุษย์กันอยู่แล้ว  ผู้หญิงคนไหนก็ให้กำเนิดเด็กของพวกแกได้ทั้งนั้น ไม่ใช่เหรอ”
            “ไม่ได้.. ถ้าเธอยังไม่เคยรู้  ฉันก็จะบอกให้  ผู้ชายที่มีทีเซลล์ทำลูกไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่มีวันติด เพราะเลือดขาวมันเป็นพิษ เมื่อเข้าไปในตัวผู้หญิง”
            “มันคืออะไร.. เลือดขาวน่ะ”

            คำถามของธีรา ส่งผลให้อีกฝ่ายหยุดงานในมือลงชั่วคราว  สิงโตหันมองผู้หญิงที่ตนจับตัวมา ด้วยแววตาแสดงความสงสัยระคนประหลาดใจอยู่ในที

            “ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งถาม  น่าจะเคยผ่านเรื่องอย่างว่า มาบ้างแล้วไม่ใช่เรอะ ก็อสุจิไง น้ำเชื้อของผู้ชายที่ทำให้ผู้หญิงท้องได้น่ะ นั่นแหละ เขาเรียกกันว่า เลือดขาว”

            ภาษาของราชาวิปลาสตรงๆ ทื่อๆ อธิบายความหมายของคำต้องสงสัยอย่างโจ่งแจ้ง  ธีราผู้ได้รับการเล่าแจ้งแถลงไขถึงกับหน้าแดง ตระหนักรู้ว่าตัวเองยังไร้เดียงสา แม้จะเคยผ่าน ‘เรื่องอย่างว่า’ มาแล้ว แบบไม่อาจจำความอันใดได้เลยก็ตามที

            “สรุปก็คือ คล้ายกับเป็นหมันใช่ไหมล่ะ  สืบพันธุ์ไม่ได้” 

            มันก็แปลกดี ที่เธอกล้าล้วงลึกซักถามกับเรื่องพวกนี้  หากตัดความกระดากอายออกไป  สิ่งที่จะได้ก็คือ เหตุผลและข้อเท็จจริง เกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวกับทีเซลล์โดยตรง

            “สืบพันธุ์ได้!  ถ้ามีแม่พันธุ์ที่สามารถทนรับเอาเลือดขาวไว้ได้ โดยไม่เกิดพิษ  พูดง่ายๆ ก็คือตัวเธอไงที่มีทีเซลล์ในตัว  มีภูมิต้านทานทีเซลล์ด้วยกัน  ไอ้พวกราชาห่าเหวทั้งหลายนั่น มันไม่ได้คิดอะไรมากหรอก  แต่ละตัวก็แค่จะขอยืมท้องเธอ เอามาเพาะลูกที่มีความสามารถเดียวกัน  หรือได้ออกมาเหนือกว่าตัวพ่อมัน แค่นั้นเอง”

            วาจาจากปากของผู้มีสิทธิเป็นหนึ่งในพ่อพันธุ์ย่อมไม่โกหก  ธีราถึงกับนิ่งอั้น  ความคิดของบรรดาคนเหล่านี้วิปริตไปแล้วหรืออย่างไรกัน.. ถึงได้พุ่งเป้ามาที่เธอ  ด้วยเหตุผลเพียงเพื่อต้องการให้กำเนิดมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ แบบนี้น่ะหรือ !?

            “ถ้าอย่างนั้น เอาไข่ของฉันไปผสม แล้วเอาไปฝังไว้กับมดลูกผู้หญิงคนไหนก็ได้  เหมือนการผสมเทียม  ไม่ได้หรือ”
            “ที่อธิบายไปเมื่อกี้ ยังไม่เข้าใจอีกเรอะ ดูหน้าก็ว่าฉลาด ไหงเข้าใจอะไรยากนักเล่า”

            คราวนี้  ราชาวิปลาสทิ้งจอบ  ท่อนอกเปลือยล่ำเป็นมันวาว ด้วยเหงื่อฉาบพราว 

            “ผู้หญิงธรรมดาน่ะ รับเอาทีเซลล์เข้าไปในร่างไม่ได้  ถ้าไม่ป่วยก็ตาย อีกอย่างหนึ่ง ถ้าคนแม่ไม่มีทีเซลล์ในตัว  แล้วจะถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ให้ลูกได้ยังไง  เด็กน่ะ มันรับจากแม่ผ่านสายสะดือหมดนั่นแหละ  ดังนั้น มันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น”

            “แล้วทำไมต้องเป็นฉัน..ก็ไหนว่า ฉันไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่เหรอ”

            นับเป็นครั้งแรก ที่ธีรานึกอยากให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวกลายเป็นความจริง

            “ฉันแค่ได้ยินไอ้แว่นวิปริตนั่น มันพูดอะไรทำนองนี้  แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจฟัง เอาเป็นว่า ถ้าอยากจะโทษใคร ก็จงโทษคนที่สร้างเธอขึ้นมานั่นล่ะ ไอ้ราชาสีขาวอะไรนั่น ว่าแต่มันทำยังไงรึ ถึงสร้างผู้หญิงที่มีทีเซลล์ขึ้นมาได้”

            หลายคำถามนำมาสู่การไขข้อข้องใจ  คราวนี้ ราชาวิปลาสเริ่มเป็นฝ่ายซักถามบ้าง

            “เขาไม่ได้ทำอะไร  ฉันแค่เข้าไปช่วยเขา  แล้วก็เกิดติดเชื้อนี่ขึ้นมาเอง”
            “แน่ใจเหรอว่า ไม่ได้ถูกทำให้ติดเชื้ออย่างจงใจ”

            ธีราหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนที่พบกับฆีมษ์เป็นครั้งแรก  ราชาสีขาวมิได้กระทำการอันใดเลย ที่ดูเป็นการยัดเยียดเชื้อทีเซลล์มาให้  คนหนีตายจะมีแก่ใจทำเรื่องแบบนี้ได้หรือ  เป็นไปไม่ได้หรอก... 

            “ฉันกับเขาไม่เคยรู้จักกัน  ตอนที่เจอเขาครั้งแรก  เขากำลังบาดเจ็บหนัก  ฉันช่วยพยุงเขา เลือดเขาออกเต็มไปหมด”
            “บาดเจ็บงั้นเรอะ  ไอ้ฆีมษ์  ราชาสีขาวเนี่ยนะ”  

            ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ให้ธีราได้เห็น

            “เขาถูกคนไล่ตามทำร้าย  มีผู้ชายตัวใหญ่ๆ ผมสีทอง ดวงตาดุ น่ากลัวมาก โผล่มากับอีกสองคน  คนหนึ่งใส่แว่น อีกคนหนึ่งผมสีเทายาว  คนพวกนั้นเกือบจะฆ่าเขาตายแล้วด้วยซ้ำ” 

            ธีราเลี่ยงไม่ออกชื่อของบุคคลทั้งหมด  โดยเฉพาะชื่อของพิจิกผู้ก้าวเข้ามามีส่วนพัวพันกับตนโดยตรง

            “อ้อ เรื่องนี้เอง  ฉันรู้แล้ว เพิ่งผ่านมาไม่นานเองนี่..”

            ความเข้าใจพลันเข้ามาบรรจบตรงกัน  ดูเหมือนราชาวิปลาสจะเกิดติดใจในเรื่องราวดังกล่าว ถึงขนาดขอให้เชลยสาวเล่าให้ฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่เริ่มแรก

            ธีราเล่าให้ฟังทั้งหมด  ด้วยความรู้สึกคล้ายได้ระบายความคับข้องใจ แก่คนประเภทเดียวกันที่ยอมรับฟัง และเชื่อในเรื่องเหนือจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้..
 
 

 
++++++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 03 มีนาคม 2563
Last Update : 3 มีนาคม 2563 14:32:47 น. 2 comments
Counter : 607 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณคนผ่านทางมาเจอ


 
สุขสันต์วันเกิดนะคะ...

ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง

และร่ำรวยเงินทองมากมายคะ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 5 มีนาคม 2563 เวลา:19:10:04 น.  

 
ขอบคุณ คุณผ่านทางมาเจอ

สำหรับคำอวยพรวันเกิดด้วยนะคะ

ขอให้ท่านมีความสุขและได้รับพรเดียวกันนี้เช่นกันค่ะ


โดย: zionzany วันที่: 5 มีนาคม 2563 เวลา:19:56:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.