! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2562
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 ตุลาคม 2562
 
All Blogs
 

บท 22 : เพื่อน



               แดนเมฆเขียวล้วนเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์แห่งผืนปฐพี  ท้องนาเต็มไปด้วยต้นข้าวเขียวขจี  สายลมอันแสนสดชื่นหอบพัดเอากลิ่นไอของผืนดินล่องลอยไปทั่ว  ผู้คนและผองสัตว์ในแผ่นดินแห่งนี้จึงอาศัยอยู่ด้วยความสุขสงบมาแต่ช้านาน 

               หลังผ่านการเดินเท้ามาเป็นเวลานานหลายวัน  ในที่สุด  คู่สตรีต่างขั้วก็สามารถมาถึงยังแผ่นดินเมฆเขียวจนได้  สภาพภูมิประเทศแบบที่ราบสูงแวดล้อมด้วยหุบเขา ทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย  การเดินทางในช่วงนี้จึงไม่ถูกทาบโถมด้วยยากลำบากมากนัก เหมือนคราวแรกตั้งตนที่ดินแดนหอมหวน
 
                ดรุณีแห่งสำนักอารามผดุงฟ้าหยุดก้าวเดิน  ยิ้มรับพลางสูดลมหายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย  ซิงยิพิจารณาสรรพสิ่งพร้อมตระหนักรู้คุณถึงธรรมชาติรอบกาย  รู้สึกเป็นสุขยิ่งในใจ เมื่อหนทางหวนกลับคืนสู่สำนักเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกที

 
                  “ดูซิ เจ้าหมู มาดูว่าที่นี่มีอะไร เกาลัด ลูกไม้ ลูกท้อผลใหญ่ หรือมีอะไรในสายวารี..
 
                เบื้องหน้า  นายหญิงน้อยแห่งมารสยบฟ้ากำลังปล่อยตัวเผลอไผล  ฮัวฮวากำลังเพลิดเพลินกับการเล่นกับเจ้ากระรอกแดงที่บัดนี้สามารถตีสนิทกับคนทั้งคู่ได้เป็นผลสำเร็จ  ตลอดการเดินทาง ซิงยิได้วนเวียนขับร้องบทเพลงการละเล่นของเด็กๆ ซ้ำไปซ้ำมา  ด้วยเหตุนี้  ฮัวฮวาจึงได้รับอิทธิพลโดยซึมซับจดจำ และเริ่มคล้อยทำตาม  กระทั่งเผลอขับขานบทเพลงออกมาในยามที่ไม่ทันระมัดระวังเนื้อตัว

               เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างสตรีทั้งสองคล้ายร้อยเรียงเข้าหากันจนเกิดเป็นสายสัมพันธ์อันน่าประหลาด  ราวกับนิทานที่กำลังบอกเล่าเรื่องการผจญภัยของอีกาผู้เย่อหยิ่งกับห่านป่าขี้สงสัย  เมื่อแต่ละฝ่ายเริ่มเปิดเผยทั้งด้านความรู้สึกนึกคิดและจิตใจ  สตรีอ่อนบางทั้งสองต่างก้าวออกมาสู่โลกอันแสนกว้างใหญ่  ทั้งมีโอกาสได้ดำรงอยู่ร่วมกันในที่ซึ่งปราศจากฝักฝ่ายหรือกฎเกณฑ์ใดๆ มาขวางกั้นอิสระเสรี
 
                ฮัวฮวาผู้มีรูปโฉมงดงามพึงแย้มยิ้มออกมาจากภายใน  อาจกล่าวได้ว่า  นายหญิงคนสำคัญของสำนักมารสยบฟ้าไม่เคยมีมิตรสหาย  ชีวิตในบึงดับชีพตลอดเวลาถูกแวดล้อมด้วยข้ารับใช้  ไม่มีบ่าวคนใดกล้าวางตนเสมอนาย  ไม่เคยมีใครหยิบยื่นสัมพันธภาพของการเป็นเพื่อนให้แก่นาง  ด้วยเหตุนี้  หลานสาวของเจ้ามารจึงเติบใหญ่ขึ้นมาเหมือนปลาในอ่างแก้ว  คุ้นเคยแต่กับการวางท่าเย่อหยิ่งเย็นชา  ถูกควบคุมชี้นำทุกอย่างตามแต่ที่เจ้ามารจะบัญชาหรือเห็นสมควร

                แต่เวลานี้  โลกใบเดิมกำลังเปลี่ยนแปลงไป  ฮัวฮวาเรียนรู้ที่จะยอมรับผู้อื่นถึงความเท่าเทียมกันของชีวิต  บางที.. นี่อาจเป็นเรื่องดีที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของนาง
 
               “เจ้าตัวเล็ก.. ชอบข้าวโพดไหม”

                กระรอกแดงคลานไต่ไปมาบนบ่าของฮัวฮวา  ในขณะที่หญิงงามสอดมือหมายล้วงหยิบธัญพืชในถุงหนัง  ก็ให้เผอิญมีเหตุที่ทำให้ต้องชะงักงันไปเสียก่อน

                โสตหูอันดีเลิศพลันจับสัมผัสได้ในที่ห่างไกล  มันเป็นเสียงฝีเท้าของสัตว์ที่กำลังไล่ล่ากันโดยมุ่งตรงผ่านมาทางนี้  ฮัวฮวารับรู้จังหวะฝีเท้ากระทบพื้นอันแผ่วเบาของสัตว์เล็ก  และอีกหนึ่งจังหวะที่ดุดันหนักแน่นของสัตว์ใหญ่   ยังมิทันได้ตั้งตัวหรือระแวงภัย  กระต่ายป่าสีดำตัวหนึ่งก็พลันเผ่นโผนโจนทะยานไปต่อหน้า  ตามติดมาด้วยเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ ซึ่งแผ่พานรังสีสังหารออกมาอย่างเต็มที่

                 “..อะ..”
                 “..สะ เสือ..”

                ภาพเหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้ทั้งฮัวฮวาและซิงยิต่างตกตะลึงไปตามกัน  ในทีแรก เสือนั้นวิ่งผ่านคนทั้งสองไป ก่อนเปลี่ยนใจหยุดวกกลับมา  มันเลิกล้มความตั้งใจในการไล่ล่ากระต่าย  เปลี่ยนเป้าหมายหันมาสนใจเหยื่อที่มีขนาดใหญ่และว่องไวน้อยกว่า อย่างเช่นมนุษย์สองคนตรงหน้านี้ 

               เจ้าแห่งพงไพรส่งเสียงคำรามในลำคออย่างต้องการข่มขวัญ

               “กรรรรรรรร 
 
                “ขะ ข้าจะล่อมันเอง  ฮัว เจ้ารีบหนีไป”

                ก่อนใครจะทันขยับเคลื่อนไหว  นักพรตสาวตัดสินใจในวินาทีแห่งเหตุคับขัน  ซิงยิกระซิบบอกเพื่อนร่วมทางด้วยเสียงพร่าสั่น  ก่อนยกมือขึ้นทาบตบตามลำตัวให้เกิดเสียงดัง  เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสัตว์ร้ายมาที่ตน

                นับเป็นครั้งแรกที่อันตรายมาประชิดอยู่ตรงหน้า  ฮัวฮวารู้สึกสิ้นท่าด้วยหวั่นกลัวจนเรี่ยวแรงสิ้น  ตัววาบเย็นแข็งขึงจนแทบไม่อาจกระดิกเคลื่อนไหว  กระนั้น สองหูก็ยังได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายบอกอย่างแจ่มชัด

                “จะ เจ้าพูดอะไร  มันจะฆ่าเจ้านะ”
                “ไป วิ่งไปข้างหลังข้า เร็วเข้า เจ้าต้องรีบวิ่งไป อย่าหันกลับมา ไม่ต้องห่วงข้า”
                “ตะ แต่..”
                “วานเจ้าช่วยแจ้งไปยังสำนักอารามผดุงฟ้าด้วย บอกว่า ข้า..ซิงยิ ..สิ้นแล้ว”
 
                พริบตานั้น  ซิงยิเอื้อมมือคว้าไหล่ของฮัวฮวากระชากดึงให้ถอยไปแทนที่ตนด้านหลัง  ด้วยหัวใจแห่งเมตตาธรรมทำให้สตรีแห่งผดุงฟ้าเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อผู้อื่นจะได้รอดพ้นจากความตาย  แม้ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างสุดแสน  ทว่านักพรตหญิงก็ยังคงสู้มองจ้องตากับสัตว์ร้าย  -- ชีวิตมีเกิดย่อมมีดับ --  เมื่อระลึกถึงสัจธรรมชีวิต ซิงยิก็สามารถสงบลงเพื่อปลงใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
 
                “เสือเอย.. เจ้าคงหิวและออกล่าเพื่อหาอาหาร  เมื่อเป็นเช่นนี้  จงรับเอาไปกินเสียแต่เพียงตัวข้า  แลขอให้ละเว้นสหายของข้าด้วยเถิด”
 
                เจ้าแห่งพงไพรส่งเสียงคำรามอันดัง ก่อนย่อตัวลงเตรียมกระโจนเข้าตะปบร่างเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
 
            “โฮกกกกกก”
 
               สตรีผู้มีชะตาต้องอาสัญปิดเปลือกตาลง พร้อมยอมรับต่อห้วงมรณา  แม้นวินาทีสุดท้ายยังได้ทันร้องกล่าวแก่เพื่อนร่วมชะตากรรม

                “ฮัว เร็วเข้า หนีไปซะ”
               “ไม่! ข้าไม่..”
                “ไปสิ อย่าให้ข้าต้องตายเปล่า”
                “ไม่!!
               
               คว้ากกกกกกก
               
                ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นตาย  บังเกิดเสียงกรีดลงบนเนื้อหนังฟังเสียวสยองยิ่งนัก  ร่างของเสือซึ่งโจนตัวค้างอยู่กลางอากาศ  พลันตกลงกระทบพื้นพร้อมกับแยกออกเป็นสองซีก  มันเป็นความตายที่รวดเร็วเสียจนสัตว์ร้ายไม่ทันได้รู้สึกถึงการจู่โจมหรืออื่นใด  ลูกนัยน์ตาของซากเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่สะท้อนภาพเงาร่างสีดำแห่งเพชฌฆาตค่อยปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

                อาภรณ์สีดำสนิทนั้นเป็นรูปแบบเดียวกันกับที่ฮัวฮวาเคยสวมใส่  บุรุษนั้นมีรูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาแหลมคมอมเหลืองคล้ายดวงตาของสัตว์ดุร้าย  กรงเล็บเหล็กสีดำสนิทซึ่งติดอยู่บนสองแขนส่อรังสีฆ่าฟันออกมาอย่างรุนแรง  เฉกเดียวกับชายผู้เป็นนายครอบครองมัน

               กลิ่นสาบเสือและคาวเลือดเนืองนองไปทั่ว  เมื่อค่อยลืมตาขึ้นมองดูความเป็นไป  ซิงยิจึงผงะพลางตกอยู่ในอาการตะลึงงัน  ด้วยรู้สึกตื่นตกใจกับภาพอันแสนสยดสยองตรงหน้า

                “อ่ะ ..อา..”
 
               ผู้ฆ่าเสือเคลื่อนไหวราวภูตผี  มันข้ามผ่านสตรีแปลกหน้าไปดั่งไม่ใส่ใจ  แววตาและใบหน้าอันราบเรียบไร้ความรู้สึกของ หย่งไถ ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงในทันใด  เมื่อยอบตัวลงอยู่ต่อหน้านายหญิงแห่งตน

                “คุณหนูฮัว  บาดเจ็บหรือไม่  บ่าวขออภัยที่มาช้า”
 
                เพี๊ยะ!!’
 
                เมื่อตั้งสติได้และมองเห็นว่าเป็นผู้ใด  ฮัวฮวาก็ตวัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายทันที

                “เจ้าทึ่ม! เจ้าอยากให้ข้าตายใช่ไหม เสือมันจะกินเพื่อนข้าแล้ว บัดซบนัก”
                “บ่าวผิดเอง  เป็นความผิดของบ่าวทั้งหมด”
                “ดูแลข้าอย่างไร ไอ้เต่าโง่งม”
                “คุณหนูโปรดอภัยด้วย”
                “ไอ้ลูกขอทาน  จิ้งจอกหางกุด  ไอ้..”
               
                นางมารเริ่มต้นก่นด่าพร้อมกับลงมือประทุษร้ายอีกฝ่าย  เหมือนเช่นเคยที่หย่งไถยอมให้คุณหนูฮัวทำตามแต่ใจ  เพราะมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดทางกายให้เกิดแก่ตนเลยแม้แต่น้อย

                ในตอนนี้  ผู้รับใช้ใกล้ชิดกลับสังเกตเห็นคราบน้ำตา  อีกทั้งถ้อยคำซึ่งหลุดเรียกขานผู้ใดเป็น ‘เพื่อน’  สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จึงมีผลทำให้หย่งไถจับสังเกตได้ในทันที

                หลังปล่อยให้คุณหนูฮัวอาละวาดจนพอใจ  องครักษ์พิทักษ์สายเลือดสกุลฮัวจึงไต่ถามขึ้น
 
                “คุณหนู  หญิงผู้นี้..”
               ด้วยท่าทีของหย่งไถ  ฮัวฮวารีบแสร้งกลบเกลื่อนในทันควัน
               “อ่อ หญิงคนนี้  นางเป็น.. เอ่อะ นางเป็นคนนำทางให้ข้า”
                “ถ้าเช่นนั้น นางก็หมดความจำเป็น..”  

                หย่งไถกล่าวเสียงเยียบเย็นเต็มไปด้วยความอำมหิต  แม้ใบหน้ายังคงแย้มยิ้มให้กับนายหญิงอยู่ก็ตาม

                “..ต้องกำจัดนางก่อนที่จักนำความไปบอกใคร”
                “ไม่!  เจ้าห้ามทำอะไรทั้งสิ้น  นี่คือคำสั่งของข้า”
 
                  จิ๊ก ..จิ๊ก

                กระรอกแดงซึ่งยังเกาะอยู่บนหัวไหล่ของฮัวฮวาส่งเสียงแหลม  ก่อนโดดผลุงออกห่างจากร่างของสตรีแห่งมารสยบฟ้าและวิ่งตรงไปหายังอีกคนหนึ่ง  มันไต่อย่างเร็วรี่จนขึ้นไปอยู่บนศีรษะของซิงยิผู้ยังคงตื่นกลัวตัวแข็งค้างอยู่ด้วยอารามตกใจ

                “..โอ๊ะ..” 

                ซิงยิอุทานออกมาพลางได้สติ  รีบเหลียวหันไปด้านหลังด้วยความเป็นห่วง  กลับพบอีกฝ่ายกำลังเจรจาพาทีอยู่กับคนแปลกหน้าที่ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าเสือร้าย  

                “ฮัว เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”
                “ข้าไม่เป็นไร”

                ทางด้านฮัวฮวาเอง นึกอยากถามไถ่ด้วยห่วงใยหากแต่ต้องสะกดกั้นเอาไว้   การปรากฏตัวของหย่งไถทำให้ตัวตนใหม่อันแสนผ่อนคลายต้องจบสิ้นลงในทันที   ฮัวฮวาในตอนนี้เสมือนถูกบังคับให้กลับมาเป็นนายหญิงผู้เย่อหยิ่งถือตัวอีกคราว

                ร่างมืดดำลุกขึ้นถอยออกไปยืนคุมเชิงอยู่เบื้องหลังฮัวฮวา  ชายผู้ฆ่าเสือจ้องมองมาที่หญิงแปลกหน้าด้วยสายตาเยียบเย็นและคุกคามอยู่ในที  โครงหน้าของหย่งไถจัดว่าคมคายมีเสน่ห์เชิงร้าย  สีหน้าเรียบเฉยเสมือนหนึ่งไร้ความรู้สึกตลอดเวลานั้น  เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยแท้ของเหล่าศิษย์สำนักมารสยบฟ้า

                “ขอบพระคุณยอดฝีมือที่ช่วยพวกเราเอาไว้”  

                ซิงยิกล่าวขอบคุณด้วยเสียงตะกุกตะกักตามความเข้าใจ  แม้นสายตาของหย่งไถจะทำให้ตนรู้สึกอึดอัดคล้ายยังไม่หลุดพ้นจากภยันตรายเลยก็ตาม 

                --  เหตุใดกัน  ชายผู้นี้จึงให้ความรู้สึกน่ากลัว  ท่าทางก็แลดูไม่เป็นมิตรอีกด้วย --
               
                “มันเป็นบ่าวรับใช้ของข้า”   ฮัวฮวาชิงตอบรับแทนสั้นๆ   “เดินทางกันต่อเถอะ”
                “..ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี”  

                กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั้งภาพอุจาดของซากสัตว์ทำให้ซิงยิเกิดอาการผะอืดผะอม ปั่นป่วนในช่องท้องจนอยากอาเจียนออกมา  

                “ข้าอยากพักอยู่ชั่วครู่ก่อน  ในเมื่อเจ้ามีคนมารับแล้ว  เราก็ควรแยกกันเดินทางแต่เพียงเท่านี้”
                “มิได้! เจ้าต้องไปกับข้า  เอาไว้ให้ข้าบรรลุในสิ่งที่ต้องการเสียก่อน แล้วข้าอาจพิจารณาให้เจ้าไป”
 
                คุณหนูฮัวผู้แสนดื้อดึงเอาแต่ใจกลับมาอีกคราว  ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องยึดเหนี่ยวอีกฝ่ายเอาไว้  หากแต่นางมารกลับไม่กล้าปล่อยมือให้ซิงยิจากไป  เหตุผลนั้นหรืออาจเป็นด้วยความผูกพัน  ใครเล่าจะล่วงรู้ถึงในช่วงวินาทีแห่งความเป็นตาย  ในห้วงเหวแห่งหายนะนั้น  ฮัวฮวากลับสามารถปลงใจ ยินดีที่จะดับสิ้นไปพร้อมกับเพื่อนคนแรกที่ตนมี

                ดังนั้น  นางจะไม่ยอมเสียบุคคลตรงหน้าไป  ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นใดก็ตาม
               
                “ข้าเบื่อที่ต้องทะเลาะกับเจ้าแล้ว  ให้ข้าไปตามทางของข้าเถิด”

                สตรีแห่งผดุงฟ้าค่อยยันกายลุกขึ้น  แม้ยืนโงนเงนอยู่บ้างด้วยมีอาการวิงเวียนศีรษะ  ซิงยิปลดห่อผ้าสัมภาระยื่นส่งให้แก่อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ

                “เจ้าเอาเสบียงทั้งหมดนี่ไปก็ได้  สำนักเมฆเขียวอยู่อีกไม่ไกล  ข้าขออวยพรให้เจ้าโชคดี”

                น้ำใสใจจริงของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ฮัวฮวาแสบร้อนอยู่ภายใน  นางมารเชิดใบหน้างามขึ้น ก่อนตั้งต้นพูดอย่างใจร้ายเย็นชา

                “นางห่านป่า  ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า  เจ้าเป็นนกที่ข้าจับได้ในแดนดงดิบ  ชีวิตเจ้าย่อมเป็นของข้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  เจ้าไม่อาจพ้นไปจากข้า  หากข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ไป”

                “เจ้าไม่มีสิทธิ์บังคับข้า  ทุกชีวิตเกิดมาโดยไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตใคร  หากแม้นข้าติดหนี้บุญคุณต่อเจ้าจริง  ข้าย่อมรักษาคำพูดหาทางชดใช้  แต่กระนั้น เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับข้าให้ทำตามแต่ใจเจ้า”

                สองนารีโต้ตอบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร  สายตาแสดงความผิดหวังเชิงตำหนิของซิงยิจับจ้องไปยังฮัวฮวาอย่างไม่ปิดบัง  ความบาดหมางซึ่งบังเกิดขึ้นในเฉียบพลัน  ทำให้กำแพงระหว่างกันก่อตัวขึ้นมาใหม่ในทันที

                “ข้าหลงคิดว่า จักสามารถเป็นเพื่อนกับเจ้าได้เสียอีก  ที่แท้.. ข้ามองคนผิดไป”

                หย่งไถอดรนทนฟังวาจาตัดพ้อต่อว่านายหญิงของตนไม่ได้  จึงพูดแทรกขึ้นมา

                “คุณหนู  ฆ่านางหญิงสามหาวนี่เสียดีกว่า  นางกำลังหมิ่นเกียรติเจ้าชีวิตแห่งสำนักมารสยบฟ้าอยู่นะขอรับ”
                “หุบปาก!”
                “อ้อ ที่แท้เจ้าก็มาจากสำนักมารนี่เอง ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ ถึงข้าอ่อนด้อยฝีมือ แต่ก็ยินดีสู้แค่ตาย”
                 “เจ้าหยุดพูดสักที”
                “ข้าจะพูด  นางมาร  พวกเราเป็นศัตรูกันได้ยินไหม นางมาร
                “ขะ ข้าไม่..”
                “ฮัว  ข้าผิดหวังในตัวเจ้า”
                “..ข้า..”
 
                วินาทีนั้น  ซิงยิอาศัยจังหวะที่ฮัวฮวากำลังสับสนว้าวุ่นใจจนชะงักไป  ตัดสินใจหนีตายจากคนของสำนักมาร โดยพุ่งตัวลงไปในทุ่งข้าวเขียวขจี  สำหรับหย่งไถนักฆ่าผู้เลือดเย็น  การเคลื่อนไหวทั้งหมดอยู่ในสายตาของตนตลอดเวลา  หากแต่เพียงนายหญิงของตนมีบัญชา  เขาก็สามารถคว้าตัวหญิงแปลกหน้าผู้สามหาวคนนั้นกลับมาได้ในทันที

                ส่วนที่ยากก็มีเพียงแต่... ต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอไผลฆ่านางตายก็เท่านั้น
 

                “คุณหนู ท่านจักปล่อยนางไปหรือขอรับ”

                นักฆ่าพี่เลี้ยงรอคอยการตัดสินใจ  ฮัวฮวายังคงนิ่งงัน  ถ้อยคำตัดพ้อเหล่านั้นยังคงสะท้อนไปมาอยู่ภายใน  มันเป็นความเจ็บปวดอย่างที่ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้  หยาดน้ำตาจึงร่วงเผาะลงมาอีกคำรบ

                ตั้งแต่เกิดมา  นายหญิงคนสำคัญไม่เคยหลั่งน้ำตาให้ใคร  นับเป็นครั้งแรกที่หย่งไถเห็นหญิงสาวผู้ซึ่งตนเฝ้าคอยดูแลมาโดยตลอดกำลังร่ำไห้ออกมาเพราะผู้อื่น

                -- นางทำให้คุณหนูฮัวร้องไห้ได้อย่างนั้นหรือ? --
 
                “พานางกลับมา  แต่อย่าทำร้ายนางเด็ดขาด”

                ในที่สุด  นายหญิงคนสำคัญก็ออกคำสั่ง  สายลมแห่งภูตผีจึ่งเคลื่อนไหวตามบัญชาที่ได้รับ  ร่างอันมืดดำของหย่งไถโผนพลิ้วราวกับปลิวไป  จำต้องละทิ้งนายหญิงแห่งตนไว้ตามลำพังชั่วคราว
 
                 จิ๊ก.. จิ๊ก..

                หลงหั่ว จ้าวมังกรเพลิงในร่างกระรอกแดงวิ่งพลางส่งเสียง  มันรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตอย่างไม่ปิดบังของผู้ที่กำลังไล่ล่าตามมา  ไม่ช้า..  นักพรตหญิงผู้นี้ก็จะสิ้นท่าและอาจถูกสังหาร  หลงหั่วคิดคำนวณหาทางหนีทีไล่  ทั้งที่ตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะไม่ขอข้องเกี่ยว  สุดท้าย จ้าวมังกรเพลิงก็อดไม่ได้ที่จะยื่นเท้าเข้าสู่เรื่องวุ่นวายของใต้หล้า

                -- ย่อมเป็นการดีกว่า หากข้าจะช่วยให้นางยังคงมีชีวิตรอดปลอดภัย  ข้ายังอยากชมดูชะตาต่อไปในกาลเบื้องหน้าของนาง --
 
                อิทธิฤทธิ์หรือพลังวิเศษของมังกรซึ่งแบ่งดวงจิตออกมาสู่ร่างจำแลงอาจมีน้อย  ทว่ากระรอกแดงก็ตัดสินใจใช้มันเพื่อปกป้องคุ้มครองสตรีผู้กุมชะตากรรมอันยิ่งใหญ่  มันออกวิ่งวนสลับขวาซ้าย พลางใช้อุ้งเท้าแตะไปตามโคนต้นข้าว  เมื่อผีร้ายไล่ทันติดตามมา  พืชพันธุ์เหล่านั้นก็พลันขยายยืดตัวขึ้นผูกรัดศัตรูเอาไว้ในทันที
 
                “เวทมนตร์งั้นรึ?”
 
                หย่งไถเพียงแค่แปลกใจ  ซ้ำยังคิดไปว่าหญิงแปลกหน้าใช้วิชามายา  บ่วงบาศต้นข้าวส่งผลทำให้ตนต้องหยุดการเคลื่อนไหวในกลางหาว  เมื่อนักฆ่าลงสู่พื้น  แง่หินแหลมคมหลายสิบอันก็พลันแทงทะลุพื้นดินขึ้นมาจู่โจมอย่างต่อเนื่อง

                หากเป็นคนอื่นอาจพลาดท่าเสียทีได้โดยง่าย  แต่ด้วยประสบการณ์และฝีมืออันโชกโชนของหย่งไถ  มือสังหารโหดเพียงแค่ตวัดกรงเล็บฟาดฟันออกไป  แม้แต่ก้อนหินอันแข็งแกร่งก็ยังถูกสะบั้นสิ้นจนกลายสภาพเป็นเศษหินได้ภายในพริบตา

                ในขณะเดียวกัน  ซิงยิยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย  ไม่ได้สำเหนียกต่อการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่เบื้องหลัง  สตรีผู้อ่อนบางหลุดพ้นจากทุ่งข้าวเข้าสู่เขตแดนของพงไพร  ณ ที่แห่งนั้นซึ่งอุดมไปด้วยความรักชัฏของป่าไม้ มันจึงกลายเป็นสมรภูมิที่จ้าวมังกรเพลิงได้เปรียบขึ้นมา

                สัตว์หน้าขนยังคงวางกับดักพฤกษาอย่างต่อเนื่อง  จุดประสงค์เพื่อถ่วงเวลาและทำให้ระยะการไล่ล่าทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ  ถ้ามองจากมุมสูง  ด้วยสายตาของวิหคอาจมองเห็นพรตหญิงกำลังเคลื่อนไหวขนานคู่ไปกับแนวร่องผา  เสียงหักล้างถางพงด้านหลังยิ่งกระชั้นชิดใกล้เข้ามา  พอรู้สึกตัวอีกที  ซิงยิก็พบตัวเองพลาดท่า  โดนไล่ต้อนให้มาหยุดอยู่บนขอบหน้าผาอันสูงชันทางด้านหนึ่งของภูเขาเสียแล้ว

 
                ไม่มีแม้แต่เวลาให้นึกหาหนทางอื่นใด  เรือนร่างสีดำของหย่งไถปรากฏกายขึ้นราวกับพรายเงาของยมทูต  แววตาที่จับจ้องมองมานั้นแตกหน่วยคมกล้า แสดงออกถึงความหิวกระหายอย่างไม่ปิดบัง  เบื้องหลังของตนนั้นเล่าก็เป็นความมืดดำแห่งหุบเหวพงไพร  ขยับไปทางไหนก็มีแต่หนทางตายเพียงนั้น
 
                “ข้ารับคำสั่งคุณหนูมา หากไม่ขัดขืน ข้าก็จักไม่ฆ่า”

                น้ำเสียงของมือสังหารเรียบเย็นเช่นเดียวกับท่วงท่า  หย่งไถบีบคั้นกดดันอีกฝ่าย ด้วยการย่างเท้าสุขุมเข้าไปหา  พลางหงายฝ่ามือซึ่งติดตั้งไว้ด้วยกรงเล็บศาสตรา ทำทีราวกับว่าต้องการเชื้อเชิญด้วยอาการเป็นมิตร  ชั่วขณะหนึ่ง  แววตาอันแหลมคมนั้นพลันอ่อนลง  อิสตรีตื่นกลัวย่อมไม่ต่างไปจากแม่กวางระแวงภัย  หย่งไถเชี่ยวชาญการอ่านสถานการณ์และวิธีฆ่า  เขาจึงรู้ว่าตนควรทำเช่นไร

                ซิงยิยืนตัวสั่น  ลมภูเขาพัดผ่านมาระลอกหนึ่งพร้อมความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ

                “..มากับข้า  แล้วข้าจักปราณีต่อเจ้า..ยิ่งกว่าที่เคยปราณีผู้ใด”
               
                 จิ๊ก

                ในชั่วพริบตาที่สตรีแซ่ซิงเกือบจะยื่นมือตอบรับออกไป  ร่างเล็กจ้อยของกระรอกแดงก็พลันปรากฏตัวขึ้น  มันอาศัยจังหวะวิ่งลอดผ่านช่องว่างระหว่างขาของนักฆ่า  เพื่อพุ่งตรงเข้ามาหานักพรตสาวด้วยความรวดเร็วและว่องไวยิ่ง  สัตว์หน้าขนกระโจนพรวดเข้าใส่หมายต้องการสร้างแรงผลัก  ด้วยเหตุนี้  ซิงยิผู้ไม่ทันระวังตัวจึงเสียหลักพลาดท่า  หนึ่งสตรีและหนึ่งสัตว์พลัดร่วงตกลงไปจากหน้าผา  ต่อหน้าต่อหน้าหย่งไถผู้เกือบจะคว้าตัวนางเอาไว้ได้ในเสี้ยววินาที
 
                 อ๊าาาาาาาาาาาาาา

                เสียงหวีดร้องดังก้องไปในหุบเหว  ก่อนจางหายไปราวกับถูกความเงียบสงบของธรรมชาติกลืนกินจนหมดสิ้น
 
 
 

++++++++++++++++++++++++++++++
 
 
 
                “นางหนีไปได้อย่างนั้นหรือ”
                ฮัวฮวาเอ่ยถาม  เมื่อหย่งไถกลับมาพร้อมกับความว่างเปล่า

                “เป็นความผิดของบ่าวเอง”
                “ช่างเถอะ  นางอาจหนีไปซ่อนตัว  ประเดี๋ยวก็คงโผล่ออกมาเอง”
                “คุณหนูสบายใจได้  นางจักไม่มีโอกาสได้บอกเรื่องของคุณหนูกับใคร”

                คำบอกดังกล่าวทำให้ฮัวฮวาตกตะลึงไปในทันที  ตัวเย็นวาบเมื่อเข้าใจถึงความนัย

                “แต่ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้า..”
                “..ระหว่างหลบหนี  นางพลัดตกหน้าผาไป  บ่าวช่วยนางเอาไว้ไม่ทัน”

                หย่งไถรายงานตามความสัตย์จริง  ฮัวฮวาตัวสั่นสะท้าน  เพราะบ่าวคนสนิทไม่เคยโกหกนางแม้เพียงครั้ง  นางมารนิ่งอึ้งตะลึงไปราวถูกฟ้าผ่า  ตระหนักต่อความจริงที่ว่า  บัดนี้ นางได้สูญเสียเพื่อนคนแรกและคนเดียวไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

               แขนขาหมดเรี่ยวแรง  ฮัวฮวาทรุดตัวลง  ความเศร้าเสียใจแล่นริ้วขึ้นมาเป็นลำดับ

                “..นางตายแล้ว..”   เสมือนมีก้อนแข็งขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ  “..ข้าเป็นคนฆ่านาง”
                “มันเป็นความผิดของนาง  หาใช่คุณหนูไม่”

                ยิ่งได้รับคำปลอบประโลม  ก็ยิ่งเหมือนถูกกระตุ้นให้สำนึกเสียใจ  น้ำตาของหญิงงามจึงหลั่งไหลออกมาอย่างสุดกลั้น
               
                “..ฮึ่ก.. นางเป็นเพื่อนของข้า ..ฮือ.. เพื่อนคนแรกของข้า”
 
                คุณหนูฮัวร่ำไห้ออกมาอย่างไม่อาย  มือสังหารแห่งมารสยบฟ้าเห็นดังนั้นจึงไม่เอื้อนเอ่ยคำใด  ได้แต่เฝ้าดูและปล่อยให้นางทำตามแต่ใจไปอย่างเงียบๆ  หย่งไถรอคอยจนกว่าอีกฝ่ายจะสงบลงในท้ายที่สุด
 
                “คุณหนู..”
                “..ฮึ่ก.. หุบปาก”
                “อย่าร้องไห้เลยขอรับ  หย่งไถผู้นี้จักพาท่านไปทุกที่ที่ท่านปรารถนา”
                “อย่ามุสา  ข้ารู้ว่า เจ้ามาเพื่อพาตัวข้ากลับบึงดับชีพ”
                “มิได้ บ่าวรับคำสั่งจากนายหญิงฮัวมา นายหญิงรู้ว่า คุณหนูต้องมายังแดนเมฆเขียว”
                “ท่านแม่.. อย่างนั้นหรือ”
                “ขอรับ”
 
                “ถ้าเช่นนั้น  หย่งไถ..”

                แม้จะยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ  แต่เมื่อได้ยินตามนั้น  สตรีผู้แสนงดงามจึงค่อยเช็ดใบหน้าด้วยอาการกระฉับกระเฉงที่แสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันภายใน  ฮัวฮวาเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ  ดวงเนตรอันแสนหวานเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นอีกครา

                “จงพาข้าไปยังสำนักเมฆเขียว”
 
                “บ่าวจักทำทุกสิ่งที่คุณหนูบัญชา”

                หย่งไถค้อมศีรษะลงตอบรับอย่างนอบน้อม  ก่อนลงมือใช้วิชาสูบโลหิตกัดกินเลือดและเนื้อของซากเสือเพื่อเพิ่มพละกำลังให้แก่ตนเอง
 




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2562
0 comments
Last Update : 23 ตุลาคม 2562 13:36:21 น.
Counter : 867 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.