สองหมา หนึ่งป่วย หนึ่งนั่งเฝ้า ..วันที่สิบเก้า ..วันสุดท้าย..
20 มิ.ย. 2550 วันสุดท้ายของบู้บี้
เมื่อคืน บู้บี้ต้องนอนคนเดียวที่โรงพยาบาล ..ต้องอยู่กับคนที่บู้บี้ไม่คุ้นเคย ในช่วงเวลาที่หนูต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก หนูจะงอนพี่วีมั้ยบู้?
ไปถึง ยังนอนอยู่ดี ไม่ตกโต๊ะ ผู้ช่วยเอาโต๊ะมาต่อกันให้ใหญ่ขึ้น แต่บู้บี้ไม่มีแรงจะขยับหรอก พี่วีรู้ ก็หนูยังต้องให้ O2 อยู่เลยนี่นะ ทำไมหนูไม่กระดิกหางทักทายพี่วีกับหม่ามี้ซะหน่อย งอนจริงๆ เหรอ?
แล้วทำไม "แววตา" หนูมันหายไปไหนแล้วบู้ แวตาระริกระรี้ของหนูมันหายไปไหน พี่วีไม่เห็นเลย
หนูเป็นแบบคืนนั้นรึเปล่า ที่เราต้องพาหนูไปโรงพยาบาลรอบดึกคืนนั้นน่ะ ..ไม่ใช่หรอกพี่วี หนนี้มันแย่กว่า พี่วีอย่าหลอกตัวเองอีกเลย..
โชคดี ที่ได้เจอหมอเปี๊ยบ หมอเอาน้ำตาเทียมมาหยอด ..ไม่ขึน หมอเอานิ้วเคาะๆ แถวจมูก ยังกระพริบตา ยังมีแรงตอบสนอง
..รู้นะ ว่าหมอคิดอะไรอยู่ เลยถามว่า มันจะไหวมั้ยหมอ หมอก็ แฮ่ๆ ..เราก็ต้องพยายามช่วยให้ถึงที่สุดแหละน้อ แล้วหมอก็หลบเราไป T_T
ขาเริ่มแข็ง เย็นด้วย คงจะมาจากอาการเกร็ง ขาหลังบวมน้ำทั้งสองข้าง แต่ก็ไม่มากเท่าวันก่อน ไม่กล้าขยับมาก แค่บีบๆ นวดๆ ให้มัน ขาหน้ายังโอ แข็งก็จริง แต่พอนวดให้ จับยืดๆ หดๆ ซักพักก็ปกติ
อาหารหอบมีนิดหน่อย แต่ไม่ยอมกินน้ำเลย ส่งน้ำแข็งให้ก็ไม่สน ไม่เลีย หูไม่แดงเท่าเมื่อคืนแล้ว พุงด้วย (เมื่อคืนยังกะคุณยายวรนาถ -*-)
หมอเป๊ยบบอกว่า วันนี้จะต้องเจาะเลือดไปตรวจอีก ดูว่า ได้รับการถ่ายเลือดไปแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง แต่สภาพร่างกายบู้บี้ตอนนี้ ยังไม่พร้อม ก็ต้องให้ O2 ไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วเด่วหมอจะมาฉีดยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด กับยาอะไรอีกซักอย่างให้ (ตามปกติที่เคยทำ)
ฉันยืนกอดมัน นวดมัน ลูบหัวลูบหางมันไปเรื่อย บอกบู้บี้เสมอว่า บู้บี้สู้ๆ บู้บี้ต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้นะ
แต่ถ้าบู้เห็นว่า ไม่ไหวแล้ว ไอ้พวกเชื้อโรคมันพร้อมใจกันรุมหนูเหลือเกิน ถ้าบู้บี้หมดแรง หนูสู้ไม่ไหวแล้ว บู้บี้จะหลับไปก็ได้นะ พี่วีไม่ว่าอะไรบู้หรอก ^^
พี่วีสวดมนต์ให้บู้อยู่ตลอด ตั้งแต่ที่เรามานั่งเล่นนอนเล่นที่โรงบาลกัน พี่วีก็จำอะไรได้ไม่มากไปกว่าบทนะโม และ พุทธัง สรณัง คัจฉามิฯ ...แต่วันนี้ เช้านี้ แม้แต่นะโม พี่วียังท่องไม่ได้ พี่วีนึกไม่ออก แย่จัง...
บู้มีกระตุกเป็นระยะ มีเสียงคืดๆ ในคอด้วย ก็คงเป็นเพราะมีน้ำในปอดนั่นละมั้ง ไม่ให้น้ำเกลือก็ไม่ได้ ให้แล้วก็เป็นแบบนี้ เฮ้อ บู้เอ๊ยยยยย พี่วีปวดใจจริงจริ๊ง
หมอเปี๊ยบก็ดี วิ่งหน้าซีดมาดูให้ทันทีที่เรียกหา บอกว่า คงเพราะร่างกายขาดกลูโคส (บู้มักจะเป็นแบบนี้ ตอนเช้าๆ) งั้นเด่วให้น้ำเกลือ ดริปวิตามิน เกลือแร่เข้าไปให้เลย เพราะคงกินไม่ได้ ป้อนน้ำแดงให้ยังไม่ยอมกลืน
พอเริ่มกระตุก ฉันก็คอยเอาทิชชูเช็ดน้ำลายให้ เอาลิ้นออกมา เพราะกลัวกัดลิ้น หมอบอก ดี และให้นอนหัวสูงเข้าไว้จะดี (แหงสิ บู้บี้เป็นคุณนายนะ หัวต้องสูงสิ 5555)
เลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ..ทำไมตำราสารพัดเล่ม บอกว่า ถ้าสุนัขช็อค ให้นอนหัวต่ำกว่าตัว เอายังไงแน่น้อ
Create Date : 05 สิงหาคม 2550 |
|
16 comments |
Last Update : 24 ตุลาคม 2550 21:21:59 น. |
Counter : 974 Pageviews. |
|
|
|
แล้วอยู่ๆ ก้นก็แดงจนน่ากลัว หมออายาอะไรไม่รู้มาฉีดเข้าทางก้น
อึสองรอบ ฉีดสองรอบ ..อะไรไม่รู้
ซักประมาณสิบโมง อาการกระตุกถี่ขึ้น
จนตอนที่หมอมาฉีดยาให้ เข็มแรก(ยาปฏิชีวนะ)ผ่านไป อย่างอื่นยังไม่ทันฉีด
อยู่ๆ บู้ก็ยกหัวขึ้น ทำท่าเหมือนจะขากเสมหะ แล้วก็นิ่งไป
ตอนนั้น ฉันไม่รู้ เพราะถอยออกมาให้หมอฉีดยา และกำลังหันซ้ายหันขวา จะเช็ดน้ำลายเหนียวๆ ให้มันอยู่
มาใจหายตอนเห็นหมอตกใจ พูดว่า "เขานิ่งไปแล้ว"
เร่งให้ผู้ช่วยไปเอาอะไรซักอย่างมา ..เครื่องปั๊มหัวใจ..
จับบู้อ้าปาก เอาเชือกมัดไว้ ล้วงน้ำลายเหนียวๆ มาได้เยอะพอสมควร
เอาสายสอดเข้าไป ปั๊มลมเข้าปอด พร้อมปั๊มหัวใจ
หมอทิพย์เข้ามาช่วย..
พยายามกันอยู่ซักสามนาที ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
หมอทิพย์พูดว่า หัวใจไม่เต้นแล้ว นิ่งไปแล้ว เสียใจด้วย แล้วก็เดินหลบไป..
หมอเปี๊ยบก็นิ่ง เสียใจด้วย แล้วก็เดินหลบไป..
ผู้ช่วยเอาสาย O2 ออก ปิดเครื่อง แล้วก็ลากถังไป..
ฉันอึ้ง งง สมองไม่สั่งงานไปพักนึง
มารู้ตัวเอาตอนที่พนักงานมาเอาเข็มเสียบน้ำเกลือออกให้ บู้บี้จะได้ไม่มีอะไรติดขาให้เกะกะ
ลูบหัว ลูบหาง กดหน้าอก ฟังเสียงหัวใจ
..ไม่มีแล้ว ไม่มีเสียงหัวใจของบู้บี้อีกแล้ว
ลมหายใจก็ไม่มีแล้วเหมือนกัน
.
.
บู้บี้ไปแล้ว
.
.