09 Nov 2008
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ชื่อมาจากประติมากรเอก
หรือช่างปั้น ช่างแกะสลัก ชาวฝรั่งเศส
(ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19)
คือนาย "Auguste Rodin"
ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส จัดแสดงรวบรวมผลงานของเขา
ทั้งภาพวาดภาพเขียน รูปปั้นแกะสลักจากหินอ่อน
ทองสัมฤทธิ (bronze) หรืออื่นๆ
รวมทั้งงานสะสมส่วนตัวและภาพถ่ายเก่าๆ
(ซึ่งนำมาจัดแสดงน้อยมาก ด้วยเหตุผลเรื่องวิธีการเก็บรักษา)
นอกจากนั้นก็ยังมีงานปั้นของ "Camille Claudel"
ศิษย์เอกผู้ได้รับแรงบันดาลใจจากงานของ Rodin
สมัยก่อนที่นี่คือ "L’Hôtel Biron" เป็นที่จัดแสดงผลงาน
ของศิลปินหลายๆท่านเช่น Rodin,
Jean Cocteau, Henri Matisse
ต่อมารัฐได้ครอบครองเป็นเจ้าของเมื่อปี 1911
และ Rodin ก็ได้เสนอมอบผลงานของเค้าให้รัฐ
โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องรวบรวมจัดแสดงผลงานของเค้าที่นี่
จนท้ายที่สุดสองปีหลังจากเค้าเสียชีวิต
รัฐบาลถึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมา
โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้อยู่เห็น
สำหรับผู้สนใจไปชม ขึ้นรถไฟใต้ดิน (Métro)
สาย 13 ลงสถานี Varenne หรือ Invalides
หรือ R.E.R (line C) สถานี Invalides เช่นกันค่ะ
เค้าปิดวันจันทร์นะคะ
ที่นี่อยู่ใกล้ Les Invalides มาก มองเห็นยอดโดมชัดเลยค่ะ
แถมยังเห็นหอไอเฟลไกลๆอีกด้วยนะ
ค่าเข้าชมดูรายละเอียดในเวปได้เลย เพราะมีแบ่งย่อยอีก
เช่นค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว
ค่าชมนิทรรศการหรือเงื่อนไขอื่นๆ
วันนั้นเราไปถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี
จะแวะไปกินที่ร้านก็เสียเวลา เลยตกลงหม่ำกัน
ที่ร้านอาหารของพิพิธภัณฑ์ค่ะ วิวดีเพราะอยู่ในสวน
แต่อาหารไม่อร่อยเลย แล้วก็มีให้เลือกน้อย
ส่วนใหญ่จะเป็นบาแก็ตต์แข็งๆ (แซนด์วิช) หรือสลัด
ดิฉันเลือกซาลมอนสลัด หน้าตาดูดี แต่รสชาติไม่ไหว
มันเหมือนเค้าเตรียมไว้นานแล้ว ถ้าเลือกได้
พยายามอย่ามาฝากท้องไว้ตามร้านอาหาร
ของพิพิธภัณฑ์ต่างๆนะคะ (ลองหลายหนแล้ว)
กลับเข้าเรื่องดีกว่า
ผลงานชิ้นสำคัญที่มีชื่อเสียงมากของ Rodin
คือ "Le Penseur" (The Thinker)
จัดแสดงไว้โดดเด่น ท่ามกลางหมู่ไม้
ส่วนรูปที่แปะข้างล่างเป็น "Le Penseur" อีกมุมนึงค่ะ
จะได้เห็นชัดๆ
รูปปั้นอีกสองรูปด้านซ้ายมือคือ "Adam" กับ "Eve"
"La Porte de l'Enfer" อีกหนึ่งผลงานเด่นของ Rodin
จัดแสดงอยู่ในสวนด้านหน้า
เปรียบเสมือนการรวบรวมผลงานประติมากรรม
มาไว้ในงานชิ้นใหญ่ชิ้นนี้ชิ้นเดียว
บนบานประตูจะมีงานแกะสลักนูนสูงชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมาย
รวมทั้งรูปปั้น Le Penseur ที่มีชื่อเสียงของเขาอีกด้วย
เขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อ "La Divine Comédie"
งานของ "Dante Alighieri" ชาวอิตาเลียน
ที่ดิฉันไม่ได้ถ่ายรายละเอียดมามาก
เพราะนักท่องเที่ยวยืนออกันเยอะเหลือเกิน
รอเท่าไหร่ก็ไม่ไป มีคนเดินมาอีกเรื่อยๆ
ก็เลยถ่ายได้แค่นี้เองค่ะ
ที่จริง La Porte de l'Enfer เนี่ย Rodin ทำไว้หลายชิ้น
แต่สูญหายถูกทำลายไปก็เยอะ ที่เหลือมีจัดแสดงใน
Musée d’Orsay ที่ปารีส, ที่อเมริกา (Philadelphie)
และโตเกียว (National Museum of Western Art-NMWA)
ส่วนตรงนี้ไม่ไกลกันนักเป็นรูปปั้น
"Les Bourgeois de Calais"
รูปข้างล่างด้านซ้ายมือคือรูปปั้นนักเขียนชื่อดัง
ของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ชื่อ "Balzac"
(คนแต่ง "Le Père Goriot")
ส่วนด้านขวาล่างรูปปั้นที่อยู่กลางสระน้ำเล็กๆคือ
"Ugolin della Gherardesca" เรียกสั้นๆว่า "Ugolin"
เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของ Dante
จากเรื่อง "La Divine Comédie" เช่นกัน
ผลงานมีชื่ออีกชิ้นหนึ่งของ Rodin ที่จัดแสดง
ไว้ด้านในตัวอาคารก็คือ "Le Baiser" (The Kiss)
ภาพประติมากรรมในรูปบนขวาที่เป็นรูปชายหนุ่ม
กับหญิงสาวแสดงความรักใคร่อย่างสุดซึ้งต่อกัน
ตอนแรก Rodin สร้างผลงานนี้ออกมาเป็นส่วนหนึ่ง
ของภาพแกะสลักนูนสูงบนประตูนรก (La Porte de l'Enfer)
แต่ภายหลังเขาแยกส่วนนี้ออกมา แล้วขยายงาน
ให้ใหญ่ขึ้นเป็นรูปปั้นเดี่ยวๆ ทำจาก bronze และหินอ่อน
รูปปั้นนี้ก็ดังเช่นกันค่ะ "Le Cri" (แปลว่าร้อง)
ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า cry, shout หรือ scream
ถ่ายทอดสีหน้าและอารมณ์ได้อย่างชัดเจน
ข้อมูลทั้งหมดแปลมาจากเวปเหล่านี้ค่ะ
//fr.wikipedia.org/wiki/Auguste_Rodin
//www.musee-rodin.fr/welcome.htm
//www.insecula.com/salle/MS01489.html
//www.linternaute.com/musee/7193/musee-rodin/
ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย
+ + + + + + + + +
นานแล้วที่ดิฉันไม่ค่อยได้อัพเรื่องเที่ยวที่อื่น
(ย้อนกลับไปดูเรื่องก่อนหน้านี้
โอ้โห อัพตั้งแต่มกราแหน่ะ)
เพราะขี้เกียจอ่านค่ะ
จะเขียนทีก็ต้องศึกษาข้อมูลเยอะแยะ
กว่าจะจบออกมาหนึ่งเรื่อง
ตั้งใจไว้ว่าจะแปะแต่รูปอย่างเดียว ก็ทำไม่ได้ซักที
ต้องไปหานั่นหานี่มาอ่านประกอบ
สนองความอยากรู้ของตัวเอง
เมื่อรู้แล้วก็ต้องบอกต่อใช่ไหมคะ
ส่วนใบปลิวที่เอามาจากที่เที่ยวแต่ละที่ เนื่องจากว่า
ไม่ได้อัพทันทีหลังจากกลับ ก็เลยกระจัดกระจาย
อยู่ส่วนไหนของตู้ไม่รู้ เวลาจะเขียนเรื่องนึงก็มักจะหาไม่เจอ
แล้วพอแปะเสร็จไปซักพัก อยู่ๆมันโผล่มาให้เห็น
เหมือนจงใจแกล้งกันยังไงยังงั้น
Cry น่ากลัวครับ