นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
26 ตุลาคม 2558
 

[ห้ามเสน่หา] 1 : ขอลืมอยากจำ


: : : คำเตือน : : :

เนื้อหาของตอนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากคุณไม่ชอบบทเรท 20+ กรุณาข้าม แต่ถ้าชอบ ก็อ่านโลดดด



ตอนที่ 1

ขอลืมอยากจำ



รถยนต์คันกะทัดรัดเลี้ยวเข้ามาจอดยังลานจอดของคอนโดสูงก่อนคนขับซึ่งเป็นหญิงสาวร่างสูง ผมซอยสั้นท่าทางทะมัดทะแมงจะเดินลงจากรถ เธอหยิบกระเป๋าใบย่อมออกจากรถ สีหน้าของเธอแจ่มชื่นเพราะเพิ่งกลับจากพักผ่อนอย่างเต็มที่กับเพื่อนๆ ที่คบหากันมานาน การได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจและรับฟังปัญหาของเพื่อน ทำให้เธอได้ข้อคิดและแนวทางในการตัดสินใจบางอย่าง

แม้ว่าสิ่งที่คิดจะเป็นเรื่องยากจะทำใจได้ แต่เธอก็คิดว่าสิ่งนั้นน่าจะดีที่สุดแล้ว...หญิงสาวคิดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ก่อนสีหน้าของเธอจะซีดลงเมื่อเดินมาถึงหน้าอาคารและเห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงส่วนรับรองหน้าประตูทางเข้า เธอชะงักเท้าและรีบหาที่ซ่อนตัว
เธอไม่อยากเจอกับเขาเลย เพราะรู้ว่าถ้าเจอ สิ่งที่เธอคิดจะทำต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน!

ลัคนาถอนใจหลายครั้งก่อนตัดสินใจกลับไปที่รถของเธอแล้วขับออกไป เธอคงต้องกลับไปนอนบ้านสักระยะ จนกว่าชายหนุ่มคนนั้นจะตัดใจจากเธอได้

หลังจากวันนั้น เธอก็ยังเห็นชวิศไปดักรอที่ร้านกาแฟ ‘ใบหลิวคอฟฟี่’ อีกด้วย เธอโทรหาน้ำหนึ่งเพื่อฝากให้ช่วยดูแลร้านและช่วงดึกๆ เธอจะเข้าไปดูความเรียบร้อย พร้อมสั่งห้ามน้ำหนึ่งบอกอะไรกับชวิศเป็นอันขาด หากเขาถามอะไรก็บอกอย่างเดียวว่าเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดยังไม่กลับ

จนครบหนึ่งอาทิตย์ ลัคนาก็ไม่เห็นชวิศมาที่ร้านของเธอแล้ว ที่คอนโดเขาก็ไม่ไปดักรอด้วย หญิงสาวลอบสังเกตการณ์อยู่อีกสองวัน จนเมื่อแน่ใจ เธอจึงกลับเข้าร้าน แต่สายตาก็คอยสอดส่ายไปที่หน้าประตูตลอดเพื่อดูว่าชวิศจะโผล่มาหรือเปล่า ก่อนสีหน้าของเธอจะผ่อนคลายเมื่อไม่เจอเขาตลอดทั้งวัน และเมื่อเธอกลับมาที่คอนโด ก็ไม่เจอเขามานั่งรอเหมือนอย่างเคย หญิงสาวจึงกลับมาอยู่ที่นี่ เพราะเดินทางไปร้านกาแฟได้สะดวกกว่า

“น่าแปลกจังเลยนะคะที่ช่วงนี้พี่เชาว์ไม่มาที่ร้านเลย” น้ำหนึ่ง ลูกจ้างเอ่ยถามในบ่ายวันหนึ่ง

“เขาอาจติดธุระก็ได้” ผู้เป็นนายบอกโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากสูตรกาแฟในหนังสือ

“หนึ่งถามอะไรพี่หลิวหน่อยได้มั้ยคะ” น้ำเสียงของน้ำหนึ่งติดจะเกรงใจทำให้ลัคนาต้องเงยหน้ามอง

“อย่าหาว่าหนึ่งยุ่งเรื่องเจ้านายเลยนะคะ แต่หนึ่งอยากรู้ว่าพี่หลิวทะเลาะกับพี่เชาว์หรือคะ ถึงได้หลบหน้าหลบตาพี่เชาว์แบบนั้น”

“เขาบอกอะไรหนึ่งบ้าง” หญิงสาวถามน้ำเสียงแฝงความหวาดหวั่น

“เขาบอกว่ามีเรื่องไม่เข้าใจกับพี่หลิว เลยทะเลากันนิดหน่อยแล้วพี่หลิวก็ไม่ฟังคำอธิบาย”

“เขาบอกแค่นั้นเหรอ” เธอถามมาอีก

“ค่ะ หนึ่งก็ไม่กล้าถามว่าเรื่องอะไร เพราะเห็นวันก่อนก็ยังดีๆ กันอยู่เลย แล้วก็ผ่านมาจะเดือนนึงแล้ว ปกติพี่หลิวไม่ใช่คนโกรธใครนานๆ” น้ำหนึ่งบอกกึ่งถาม “ไม่เข้าใจอะไรกัน ก็น่าจะคุยกันนะคะพี่หลิว ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ไม่ดีเลย และหนึ่งคิดว่าพี่หลิวก็คงไม่สบายใจเหมือนกัน เพราะสีหน้าพี่หลิวดูไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อนเลย”

เพราะทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เปิดร้าน ทำให้ทั้งสองมีความสนิทสนมกันพอสมควรและน้ำหนึ่งก็เป็นที่ไว้ใจของลัคนามาก เด็กสาวจึงกล้าแสดงความคิดเห็นของตนออกไป ซึ่งลัคนาก็ไม่ได้โกรธเคืองหรือมองตำหนิ เธอถอนใจอ่อนๆ แล้วปิดหนังสือสูตรกาแฟ

“ความจริงพี่ก็อยากคุยกับเขานะ แต่พี่คิดว่าการไม่คุยกันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”

“โกรธอะไรกันหรือคะ” น้ำหนึ่งถามเร็วๆ ก่อนชะงัก เมื่อแสดงความอยากรู้มากเกินไป เธอถูมือไปมาแล้วยิ้มแห้ง

“หนึ่งขอโทษค่ะ แต่หนึ่งไม่สบายใจเลยที่พี่หลิวเป็นแบบนี้”

“แล้วพี่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้เร็วที่สุดจ้ะ ถ้าคุณเชาว์มาถามอะไรถึงพี่ หนึ่งไม่ต้องไปบอกอะไรเขาหรอก บอกว่าไม่รู้ก็พอแล้วและถ้าเขาพูดอะไรก็ไม่ต้องไปฟังนะ”

“หนึ่งคิดว่าพี่หลิวกับพี่เชาว์จะชอบกันซะอีก ก่อนหน้านั้นเห็นเขามาที่นี่ประจำ พี่หลิวก็สนิทกับเขามาก”

“ใช่ เราเคยสนิทกัน” ลัคนาเปรย และนั่นก็ทำให้น้ำหนึ่งคันปากยิกๆ อยากถามใจจะขาด

“แต่มันก็แค่เคย ตอนนี้เราไม่สนิทกันเหมือนเก่าแล้ว”

“เพราะอะไรคะ เอ่อ...คือ...คือ” น้ำหนึ่งยิ้มแห้งอีกครั้งเมื่อเผลอแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากไป

“เพราะพี่เพิ่งรู้เรื่องบางอย่างของเขา มันเป็นเรื่องที่พี่รับไม่ได้และคิดว่าเราสองคนไม่ควรสนิทกันมากเกินไป” ลัคนาตัดสินใจบอกความจริงเพียงบางส่วน เพื่อลดความอยากรู้ของเด็กสาวลง เพราะไม่อยากให้น้ำหนึ่งไปถามจากชวิศ

“เรื่องที่พี่หลิวรับไม่ได้หรือคะ อย่าบอกนะคะว่าพี่เชาว์เขามีแฟนอยู่แล้วน่ะค่ะ”

“เอาเป็นว่าเรื่องที่พี่รู้มาทำให้พี่ต้องห่างกับเขา ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น” ลัคนาไม่ปฏิเสธและปล่อยให้น้ำหนึ่งเป็นคนคิดเอง ซึ่งเธอเชื่อว่าน้ำหนึ่งให้น้ำหนักไปทางที่ตนสงสัยมากกว่าเรื่องอื่นๆ

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าพี่เชาว์จะเป็นคนแบบนี้ เสียงแรงที่หนึ่งอุตส่าห์เชียร์ ตอนที่เขามาที่นี่และทำหน้าเป็นทุกข์เป็นร้อนที่พี่หลิวไม่รับโทรศัพท์ ตอนนั้นหนึ่งก็เห็นใจเขาแทบแย่แถมยังพูดปลอบใจไปตั้งเยอะ มิน่าล่ะ หนึ่งถามอะไร เขาก็อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมบอก” น้ำหนึ่งพูดอย่างมีอารมณ์ทันทีเมื่อทราบเรื่อง ขณะที่ลัคนาแสร้งยิ้มเศร้าๆ

“ต่อไปถ้าเขามาที่ร้านอีก หนึ่งจะเป็นคนไล่เขาเองค่ะ ไม่ต้องขายมันละลูกค้าแบบนี้”

“ไม่ๆ หนึ่งอย่าทำแบบนั้น” นายจ้างรีบห้าม “พี่รับปากกับเขาแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร เพราะไม่อยากให้เขาดูไม่ดี ถ้าหนึ่งไปแสดงอาการแบบนั้น ก็เท่ากับพี่ผิดคำพูดน่ะสิ พี่ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนปากโป้ง หนึ่งอย่าพูดเรื่องนี้กับเขานะ”

“นั่นสินะคะ” น้ำหนึ่งเห็นด้วย ก่อนเกาปากยิกๆ “แหม แต่ถ้าไม่พูดแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องเนี่ย มันน่าอึดอัดนะคะพี่หลิว รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่พูดไม่ได้เนี่ย เหมือนอกจะแตกเลยค่ะ”

“ใช่ รู้แต่ทำอะไรไม่ได้ มันลำบากใจจริงๆ” หญิงสาวเปรยเสียงเบา

“แล้วแบบนี้พี่หลิวจะให้หนึ่งทำเป็นพูดปลอบใจเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามาหลอกพี่หลิวน่ะหรือคะ”

“เราก็นิ่งๆ ไว้แล้วกัน เขาพูดอะไรก็ฟังไว้หรือไม่ก็เลี่ยงไปทำงาน ห้ามทำปั้นปึงเด็ดขาดนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจับได้ และถ้าเห็นว่าเขามาที่นี่ก็รีบบอกพี่ พี่จะได้หลบทัน”

“ได้ค่ะ” เด็กสาวรับปาก




ชีวิตของลัคนากลับมาเรียบเรื่อยเหมือนแต่ก่อน ตื่นเช้าไปร้านกาแฟ เย็นกลับมาที่คอนโด บางวันก็กลับไปนอนที่บ้านบ้าง นัดเจอเพื่อนบ้าง...แต่แล้วความเรียบง่ายที่คิดไว้ก็พังลง เมื่อวันหนึ่ง ระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านประตูคีย์การ์ดเข้าไปด้านในคอนโด มือของใครคนหนึ่งก็เอื้อมมาดึงต้นแขนเธอไว้

“พี่เชาว์!” ลัคนาเรียกชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวสะอาดด้วยน้ำเสียงตกใจ

“พร้อมจะมาคุยกับพี่หรือยังครับ” เขาถามเสียงขรึม

“เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่คะ ตั้งแต่หลิวส่งข้อความให้พี่เชาว์ไป” เธอบอกเสียงเรียบ

“พี่ไม่สนใจข้อความพวกนั้นหรอกและหลิวแน่ใจหรอกว่าตัดใจจากพี่ได้”

“แต่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้นะคะ พี่เชาว์ก็รู้ว่าเรา...เรา” เธอรู้สึกจุกจนพูดไม่ออกและใจจริงก็ไม่อยากยอมรับว่ามันคือความจริง

“พี่ไม่สนใจว่าเราเป็นอะไร พี่รู้แต่ว่าหลิวเป็นของพี่และพี่ก็เป็นของหลิว หลิวลืมคืนนั้นของเราแล้วหรือครับ” เขาถามเสียงเบาและขยับมาใกล้เธอ ขณะที่ลัคนาถอยห่าง เธอมองไปรอบๆ อย่างระวังตัว

“คุยกันตรงนี้คงไม่สะดวกและตอนนี้ก็ดึกแล้ว พี่เชาว์กลับเถอะนะคะ หลิวเหนื่อยอยากพักผ่อน”

“ไม่ครับ เราต้องคุยกันให้เข้าใจก่อน ถ้าหลิวไม่เข้าไปคุยในห้อง เราก็ต้องคุยกันตรงนี้ ก็ดีครับ คนอื่นๆ จะได้รู้เรื่องของเราไปด้วย”

“ไปคุยกันข้างนอกค่ะ” เธอบอก

“ไม่ครับ มีสองที่ให้หลิวคุยคือที่ห้องของหลิวหรือไม่ก็ยืนคุยกันตรงนี้” เขาบอกเสียงจริงจัง และนั่นทำให้ลัคนาถอนใจอ่อนๆ ก่อนพยักหน้าอย่างจำยอม

หญิงสาวเดินเข้าลิฟต์ โดยมีชวิศตามเข้าไป ความจริงเธอไม่อยากให้เขาไปที่ห้องของเธอแต่ก็ไม่อาจคุยตรงนี้ได้ และรู้ว่าเขาไม่ยอมไปคุยที่อื่นแน่ๆ

เมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้ว เธอก็นั่งตรงเก้าอี้ของโต๊ะทำงานส่วนเขานั่งบนโซฟารับรองหน้าทีวี

“ทำไมหลิวต้องหลบหน้าพี่ด้วยครับ”

“พี่เชาว์ก็รู้ว่าเพราะอะไร เลิกกันเถอะนะคะ พี่เชาว์ก็รู้ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”

“หลิวไม่รักพี่แล้วหรือครับ หลิวเลิกรักพี่ได้จริงๆ หรือครับ” เขาถามเสียงอ่อนแล้วลุกจากโซฟา

“นั่งลงค่ะพี่เชาว์ ไม่งั้นหลิวจะเชิญพี่เชาว์ออกจากห้อง” เธอบอกเสียงเข้ม ทำให้ชวิศต้องชะงัก

“ตอบพี่มาสิครับว่าหลิวเลิกรักพี่ได้จริงๆ หลิวลืมเรื่องคืนนั้นได้จริงๆ เหรอ”

“หลิวไม่เคยลืมค่ะ และหลิวก็ไม่อยากจำ” เธอบอกและพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งอันสวยงามในคืนนั้นที่คอนโดนของชวิศ ก่อนตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริงอันโหดร้ายจนเธออยากให้กลายเป็นเพียงความฝัน

เขากับเธอเป็นญาติกัน...รักครั้งนี้เกิดขึ้นไม่ได้!

“จริงๆ หลิวก็ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง แต่จะทำยังไงได้ล่ะคะในเมื่อตอนนี้เราไม่ได้ฝัน”

“แต่เราทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องจริงได้”

“ไม่ได้ค่ะ” เธอรีบพูด

“ได้ครับ” เขาสวนกลับ

“หลิวทำใจรักญาติของตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าแม่ของหลิวรู้ ถ้าพ่อของพี่เชาว์รู้ อะไรจะเกิดขึ้นคะ” เธอถามกลับ

“ก็อย่าให้พวกเขารู้สิครับ พ่อกับแม่พี่อยู่เมืองนอกและไม่ได้ติดต่อกับญาติทางนี้เลย และแม่หลิวก็คงจำพี่ไม่ได้เหมือนกัน เรื่องนี้มีแต่พี่กับหลิวที่รู้”

“แต่...” ลัคนาสับสน

“เราเป็นแค่ญาติกันนะครับ ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ซะหน่อย ขนาดคนที่เป็นพี่น้องกันจริงๆ ยังรักและแต่งงานกันได้เลย หรือแม้แต่พ่อกับลูกก็ยังมีข่าวว่ารักกันและแต่งงานกัน แล้วเรื่องของเราทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ”

“แต่หลิวไม่กล้าไปสู้หน้าใครหรอกค่ะ ถ้ามีใครรู้เข้า เขาจะพูดกันยังไง”

“ทำไมต้องเอาความรักของเราไปเกี่ยวกับใครด้วยล่ะครับ” เขาย้อนถาม “นี่มันตัวของเรา ใจของเรา ความรักของเรา”

“แต่...” หญิงสาวอับจนคำพูดเพราะเริ่มคล้อยตามเขา

มันก็จริงอย่างที่ชวิศบอก นี่มันคือชีวิตของเธอและความรักของเธอ ทำไมต้องไปแคร์ความรู้สึกของคนอื่นด้วย หากต้องทำให้คนอื่นสบายใจแล้วตัวเธอต้องเป็นทุกข์ เธอจะทนทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร

ส่วนความรู้สึกของพ่อกับแม่ หากพวกท่านไม่รู้ว่าชวิศคือใคร และพ่อแม่ฝ่ายชวิศไม่รู้ว่าเธอคือใคร เรื่องทุกอย่างก็จบลงด้วยดี

ปล่อยให้หัวใจเป็นตัวตัดสินความรักของเธอ และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับที่รู้กันเพียงสองคน...เมื่อนั้น ความสุขก็จะกลับมาหาเธออีกครั้ง

“พี่รักหลิวและหลิวก็รักพี่ เรื่องของเรามันไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ ถ้าหลิวมองข้ามอุปสรรคนี้ไปได้ ทุกอย่างก็จะอยู่ในมือของเรา” เขาบอกมาอีกและเดินมาใกล้เธอ ลัคนาไม่ได้ห้ามหรือถอยหนี เธอยืนขึ้นและมองเขานิ่ง

“บอกพี่สิครับว่าหลิวก็รักพี่เหมือนกันและอยากให้ความรักครั้งนี้เป็นความจริง” เขาถามและจับแก้มเธอเบาๆ สัมผัสของเขาเต็มไปด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยน หญิงสาวขยับใบหน้าเพื่อให้แก้มเนียนแนบกับฝ่ามือของเขา

“ลืมเรื่องที่หลิวเป็นกังวลไปนะครับ แล้วจำแค่ว่าเรารักกันก็พอแล้ว หลิวลืมเรื่องคืนนั้นของเราหรือยังครับ จำได้มั้ยว่าเรามีความสุขกันมากแค่ไหน”

“หลิวจะลืมความสุขที่สุดในชีวิตได้ยังไงคะ” เธอบอกตามจริง

“นั่นก็เป็นความสุขที่สุดในชีวิตของพี่เหมือนกันครับ” เขาบอกแผ่วเบาแล้วโน้มตัวมาประทับรอยจูบบนแก้มเนียนของเธอ ลัคนาไม่ต่อต้านหรือขัดขืน เธอหลับตาเพื่อรับลมหายใจอุ่นๆ ของเขา

“ความสุขมันอยู่กับเราแค่ช่วงสั้นๆ ทำไมเราต้องปล่อยมันทิ้งด้วยล่ะครับ เก็บเกี่ยวมันไว้นะครับ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง” เขาบอกแล้วหยุดตรงมุมปากของเธอ

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วใช้แขนเรียวโอบรอบคอเขาไว้ ชวิศ ยิ้มก่อนประกบปากร้อนกับปากนุ่มของเธอทันที มันเต็มไปด้วยความคิดถึงระคนโหยหา ลิ้นต่อลิ้นเกี่ยวกระหวัดเพื่อส่งความคิดถึงให้แก่กันและกัน

“อือออออ” ลัคนาครางในลำคอขณะที่ชวิศดันร่างบางเข้าไปในห้องนอนที่เป็นเพียงกระจกกั้น

“พี่คิดถึงหลิวจังเลยครับ คิดถึงที่สุด” เขาบอกเสียงเบาแล้วถอดเสื้อของเธอออกทางศีรษะ ขณะที่มือของลัคนาอยู่ตรงสาบเสื้อเชิ้ตของเขาก่อนเธอจะจัดการปลดกระดุมของเขาเช่นกัน

“หลิวก็คิดถึงพี่เชาว์ค่ะ คิดถึงมาก” เธอบอกจากใจและยอมรับว่าตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอไม่มีความสุขสักนิดกับชีวิตที่ต้องผ่านไปโดยไม่มีชวิศอยู่ข้างๆ

เสื้อของเขากับเธอลงไปกองอยู่ข้างเตียง และเมื่อสองร่างมีเพียงชั้นในติดกาย ชวิศก็ดันร่างบางลงนอนบนเตียงนุ่มโดยมีร่างหนาของเขาทาบทับอยู่ด้านบน ปากของทั้งสองยังไม่ยอมผละออกจากกัน

“อืมมมม” ลัคนาครางเบาเมื่อชวิศใช้มือบีบนวดก้อนเนื้อเต่งตึง ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายปลดตะขอชั้นในเอง เมื่อเรียบร้อยเธอก็กดศีรษะเขาลงเพื่อให้เขาครอบครองผลเชอร์รี่สุกปลั่ง

“อาาาาา อืมมมม” หญิงสาวครางอีกครั้งพร้อมแอ่นอกไปด้วยเมื่อเขาใช้ฟันหน้าขบยอดถันและดึงเบาๆ ก่อนดูดกลืนเต้าอวบของเธอ เต้าอีกข้างมีมือหนาคอยฟ่อนเฟ้น

“อืมมม หอมหวานจริงๆ หอมหวานที่สุด” ชวิศพูดชิดก้อนเนื้อเต่งแล้วสลับไปดูดกลืนอีกข้างบ้างพร้อมมือที่ค่อยๆ เลื่อนลงไปยังกลางลำตัวของเธอ ขณะที่ลัคนาก็เลื่อนมือของเธอลงเช่นกันเพื่อปลดชั้นในออกไป จนเมื่อปราการสุดท้ายไปอยู่ที่ปลายเท้า ชายหนุ่มก็ใช้แขนดันเรียวขาของเธอให้เปิดออก นิ้วแกร่งลากวนไปรอบๆ กลีบกุหลาบงามก่อนจะชำแรกผ่านรอยแยกเข้าไปด้านใน

“อาาาาาาา พี่เชาว์ อืมมม พี่เชาว์ขา โอวววว อืมมมม” หญิงสาวครางยาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอถอยสะโพกเมื่อนิ้วร้ายสอดทแยงเข้าไป แต่พอเขาถอนนิ้วออกเธอก็ยกสะโพกเข้าหา

“อ๊ะ อ๊ะ โอยยย สะ เสียวจังค่ะ อืมมม ซี๊ดดดด” เธอบอกเสียงตะกุกตะกักแล้วกอดคอเขาแน่น ชวิศดูดเม้มอกอวบของเธอแรงๆ ก่อนเลื่อนตัวลง เขาฝากรอยจูบบนหน้าท้องแบนราบเพื่อตีตราประทับเป็นรอยแดงจางๆ จนเมื่อถึงไรขนอ่อนที่ปกคลุมเนื้อเนิน เขาก็ใช้ปากขบเบาๆ และใช้จมูกถูไถไปมา ทำเอาลัคนาต้องยกสะโพกขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความเสียววูบ

“อาาาาา พี่เชาว์ อืมมม อาาา”

“อืมมมม หอมหวานจังเลยหลิว พี่จะอดใจไม่ไหวแล้ว” เขาบอกเสียงสั่นพร่าด้วยความปรารถนา ขนกายลุกชันเมื่อจมูกได้กลิ่นหอมจากน้ำหวานที่เอ่อล้นจากการใช้นิ้วบุกเข้าสำรวจ ลำคอของเขาแห้งผากจนต้องฝังใบหน้าหล่อเหลายังแอ่งน้ำหวานเพื่อดื่มกิน ลิ้นร้ายถูกส่งเข้าไปสำรวจในโพรงอ่อนแทนนิ้วแกร่ง เขากวาดเลียแบบค่อยเป็นค่อยไปและสอดลึกแบบเน้นย้ำ

“อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดด โอยยย โอววว เสียว เสียวค่ะพี่เชาว์ อืมมมม โอ๊ะ โอยย” หญิงสาวครางหอบ มือบางกดศีรษะเขาไปด้วย เสียงดูดน้ำหวานประสานไปกับเสียงสูดปากของลัคนาจนดังไปทั่วห้อง

“อืมมม ดีจังเลยครับหลิว ดีมากเลยครับ” เขาพูดชิดพูเนื้อสีสดก่อนฝังใบหน้าเข้าไปให้ลึกกว่าเดิมพร้อมกันนั้นก็ใช้นิ้วชี้บดบี้ติ่งเนื้ออวบอูมของเธอไปด้วย ทำเอาสะโพกมนลอยขึ้นจากเบาะที่นอน

“ซี๊ดดดด อ๊าาาาา อ๊ากกกกก พี่เชาว์ สะ เสียว หลิวเสียว โอ๊ะ โอยยย โอยยย” เธอบอกไม่เป็นคำแล้วครางยาว ผนังเนื้ออ่อนของเธอเริ่มตอดรัดลิ้นสากของเขา แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่หยุดส่งลิ้นเข้าไปด้านใน น้ำหวานยิ่งเอ่อล้นจนใบหน้าของชวิศเปียกเปื้อนไปหมด

“อ๊ากกกกกก อ๊ากกก โอววววว โอววว” ลัคนาครางยาวแล้วทิ้งสะโพกลงเมื่อเขาส่งเธอขึ้นไปนั่งเล่นบนปุยเมฆ หญิงสาวหายใจหอบจนหน้าท้องหดเกร็ง ใบหน้าของชวิศยังฝังอยู่ตรงเนินเนื้อของเธอเพื่อเก็บกวาดน้ำหวาน จนเมื่อเรียบร้อยเขาก็เลื่อนตัวขึ้นแล้วประกบปากกับเธอ

“อืมมมม หอมหวานที่สุดเลยครับหลิว” เขาพร่ำชมไม่หยุด ขณะที่ด้านล่าง เขาใช้เข่าดันขาเธอให้แยกออกจากกันแล้วแทรกตัวตนเข้าหาโพรงอ่อนที่ยังมีน้ำหวานฉ่ำเยิ้ม

“อาาาาา พี่เชาว์ อืมมมมม อ๊ะ อ๊ะ อาาาา” ลัคนาครางไม่เป็นคำเมื่อเขาค่อยๆ ดันกายแกร่งเข้าไปด้านใน มันคับแน่นจนชวิศต้องกัดฟันและขยับตัวทีละน้อย ขณะที่หญิงสาวกอดคอเขาแน่นด้วยความเสียวลึกและจุกจนหายใจแทบไม่ออก

“พี่เชาว์ หลิว โอ๊ะ โอยยย หลิว”

“ทำใจให้สบายครับ กอดพี่ไว้ กอดแน่ๆ เลยครับ พี่รักหลิวนะครับ อีกเดี๋ยวหลิวจะมีความสุข อย่าเกร็งนะครับ” เขาปลอบเสียงอ่อนแล้วละเลียดริมฝีปากเธอเบาๆ มือหนาลูบไล้ไปทั่วตัวเพื่อให้เธอผ่อนคลาย ลัคนาหายใจเข้าหลายครั้งและไม่รู้จักเจ็บเหมือนช่วงแรก

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มดีขึ้น ชวิศก็ขยับส่งท่อนเนื้อเข้าไปด้านในอีกครั้ง แม้จะยังคับแน่นแต่ก็ง่ายกว่าคราวแรก และเมื่อเข้าไปได้เกือบครึ่ง เขาก็เริ่มขยับสะโพกให้ถี่ขึ้นเพื่อเร่งจังหวะ

“อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดด อ๊าาาา อ๊าาาาา”

“โอวววว แน่นมากเลยหลิว โอยยยย โอ๊ะ โอ๊ะ โอยยย” ชวิศกัดฟันเมื่อภายในของเธอเริ่มตอดรัดเขาอีกครั้ง ตอนนี้แก่นกายของเขาเข้าไปเกือบมิดแล้ว ทำให้ชายหนุ่มต้องเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นจนร่างบางถึงกับถอยร่น

“อ๊ากกก พี่เชาว์ หลิว สะ สะ เสียวค่ะ เสียวที่สุด อ๊ากกกก ซี๊ดดดด เร็วหน่อยค่ะหลิวไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวบอกเสียงหอบแล้วกอดเขาแน่นเพื่อยึดตัวเอง หน้าอกอวบใหญ่กระเด้งกระดอนถูไถกับหน้าอกแกร่งของเขาจนเธอเสียววูบ

“ใกล้แล้วหลิว อีกนิด ใกล้แล้ว โอยยย โอยยยย อาาาาา แน่นอะไรอย่างนี้”

“ซี๊ดดดด พี่เชาว์ หลิวไม่ไหวแล้วค่ะ แรงกว่านี้ได้มั้ยคะ หลิวไม่ไหวแล้ว หลิวต้องการพี่เชาว์ค่ะ ต้องการมากๆ” เธอเร่งแล้วขยับตัวขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับเขา ชวิศอุ้มหญิงสาวมานั่งบนตักแล้วโอบสะโพกมนไว้พร้อมกันนั้นก็จับเธอกระแทกลง

“ซี๊ดดดด อ๊าาาา อ๊าาาา อีกค่ะ หลิวต้องการพี่เชาว์ อีกค่ะ” เธอร้องขอด้วยความเสน่หาที่มีจนล้น ความต้องการของเธอออกจากส่วนลึกของจิตใจที่ร่างกายและสมองของเธอควบคุมไม่ได้

“อาาาา เยี่ยมมากเลยหลิว ยอดที่สุดเลยครับ ดีอะไรอย่างนี้ อืมมม ทิ้งตัวลงมาอีกครับ แบบนั้นครับ หลิวน่ารักที่สุดเลย” ชายหนุ่มชมแล้วขบเม้มเต้าอวบของเธอ ลัคนาโยกสะโพกเพื่อให้ท่อนเนื้อลำใหญ่เข้าไปให้ลึกขึ้น เธอครางไม่หยุดเมื่อความเสียวเดินทางไปใกล้จุดหมาย

เธอรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ถูกไม่ควร แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอห้ามเสน่หาในตัวเขาไม่ได้ มันก็ถูกอย่างที่เขาบอก ขนาดพี่น้องท้องเดียวกันหรือแม้แต่พ่อลูกยังแต่งงานกันได้เลย นับประสาอะไรกับการเป็นแค่ญาติ เธอไม่สนใจแล้ว เพราะความรักที่เธอมีให้เขามันมีมากพอที่จะทำเป็นลืมๆ ไปว่าพ่อของเขามีศักดิ์เป็นลุงของเธอ

ตอนนี้เธอขอลืมไปก่อนว่าเขาคือลูกพี่ลูกน้องของเธอ สิ่งเดียวที่เธอขอจำไว้คือบทรักแสนหวานสุดเร่าร้อนที่เขาและเธอต่างปรนเปรอให้แก่กันไปตลอดทั้งคืน


......................................

รักต้องห้ามแบบที่สามมาแล้วค่ะ ขอบอกว่าเรื่องนี้ก็ซี๊ดซ๊าดไม่แพ้สองเรื่องก่อนหน้าเลย บทสรุปของความรักต้องห้ามครั้งนี้จะเป็นยังไงต่อ รอติดตามค่ะ

หรือจะโหลดในแบบอีบุ๊กมาอ่านก็ได้นะคะ มีแบบเป็น SET ในราคาประหยัดให้เลือกอ่านด้วย ตอนนี้กำลังลดราคาอยู่ค่ะ จนถึงวันที่ 1 พย. นี้นะคะ


 




โหลดผ่านเมพ -->> ห้ามเสน่หา

หรือจะโหลดแบบเป็นชุดก็ได้ -->>  Set รัก-ต้อง-ห้าม



โหลดผ่าน The1Book ก็ได้ค่ะ




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2558
0 comments
Last Update : 26 ตุลาคม 2558 11:29:33 น.
Counter : 1325 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com