นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

<<
พฤศจิกายน 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
24 พฤศจิกายน 2558
 

[ห้ามเสน่หา] 2 : รุ่นพี่&รุ่นน้อง



ตอนที่ 2

รุ่นพี่&รุ่นน้อง



ที่ร้านกาแฟใบหลิวคอฟฟี่ น้ำหนึ่งยืนมองนายจ้างของเธอที่นั่งอยู่หน้าร้านด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ตอนนี้ลัคนากำลังคุยอยู่กับชวิศ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบเดือนที่นายจ้างของเธอยอมพบชายหนุ่มคนนั้น

“ทำไมพี่หลิวยังยอมออกไปคุยด้วยนะ” เธอเปรยกับตัวเองพร้อมสายตาที่จับจ้องออกไปด้านนอกแบบไม่วางตา เมื่อหลายวันก่อน ลัคนายังบอกอยู่เลยว่าจะไม่คุยกับผู้ชายใจโลเลคนนั้นอีกแล้ว แต่ทำไมวันนี้ถึงยอมออกไปคุยด้วย แถมสีหน้าสีตาของนายจ้างที่เธอสังเกตเห็นก็เป็นปกติดีไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือไม่พอใจ

ทั้งสองคุยกันราวยี่สิบนาที ลัคนาก็เดินเข้ามาในร้าน น้ำหนึ่งอยากเข้าไปถามใจจะขาดแต่ติดทำกาแฟให้ลูกค้าถึงสามแก้ว จนเมื่อลูกค้ารายสุดท้ายได้เครื่องดื่มของตนและเดินออกจากร้านไปแล้ว น้ำหนึ่งก็หันมาถามเสียงเบาเพราะมีลูกค้านั่งอยู่ในร้านหนึ่งคน

“พี่เชาว์เขามาง้อพี่หลิวหรือคะ”

ลัคนาพยักหน้าเล็กน้อย

“พี่หลิวยอมคืนดีกับเขาแล้วหรือคะ” น้ำหนึ่งถามมาอีก

“พี่กับเขาตกลงทำความเข้าใจกันแล้ว ตามที่หนึ่งเคยแนะนำ” ลัคนาบอกและคิดอย่างรี่เร็วว่าจะบอกกับลูกจ้างยังไงดีเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่าเธอโกหก จะให้ปฏิเสธก็กลัวน้ำหนึ่งจะคิดเองเออเองและมองว่าเธอเป็นคนกลับไปกลับมา เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าจะเลิกกับเขาอย่างเด็ดขาด

“จริงๆ แล้วเป็นความเข้าใจผิดของพี่เองแหละที่วู่วามเกินไป ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่แฟนเก่าของเขาและพยายามจะขอคืนดี แต่เขาไม่เล่นด้วย”

“จะเชื่อได้แค่ไหนกันคะ หนึ่งไม่อยากให้พี่หลิวโดนหลอกจากคนไม่จริงใจเลยค่ะ” น้ำหนึ่งบอก

“พี่ก็ไม่เชิงว่าเชื่อเขาหรอก ตอนนี้พี่แค่รับฟังและรอดูเขาพิสูจน์ตัวเองไปก่อนว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า และต่อไปเขาจะไม่มาที่นี่แล้วล่ะ” ลัคนาบอก

เรื่องนี้เธอตกลงกับชวิศแล้ว เพราะไม่อยากให้น้ำหนึ่งจับตามองมากนัก ลูกจ้างคนนี้ของเธอเป็นคนช่างสังเกตและอยากรู้อยากเห็น แต่หากตัดสองเรื่องนี้ออกไป น้ำหนึ่งก็เป็นคนขยัน เรียนรู้เร็วและซื่อสัตย์มาก หากเกิดเรื่องผิดใจกันคงไม่ใช่เรื่องดีและเธอไม่อยากทำลายความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน จึงเลือกให้เขาหายไปจากร้านจะดีกว่า โดยจะนัดเจอกันข้างนอกแทนซึ่งชวิศก็เห็นด้วย

“ช่วงบ่ายพี่ฝากหนึ่งดูร้านหน่อยนะ พอดีว่าพี่จะไปดูร้านกาแฟของเพื่อนหน่อย เขาจะเซ้งต่อพี่น่ะ” ลัคนาเปลี่ยนเรื่อง

“พี่หลิวจะทำสาขาสองหรือคะ”

“ต้องไปดูทำเลและฐานลูกค้าของเขาก่อน ที่นี่ก็อยู่ตัวแล้ว หนึ่งก็เก่งขึ้นเยอะ เดี๋ยวพี่หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนหนึ่งสักคนแล้วกัน เวลายุ่งๆ จะได้ช่วยกันทัน หนึ่งพอมีเพื่อนหรือคนรู้จักมั้ย”

น้ำหนึ่งทำหน้านึกๆ ก่อนตอบ “มีน้องที่เคยทำร้านเก่าด้วยกันค่ะ เขาบ่นๆ ว่าอยากเปลี่ยนงานเพราะผู้จัดการจ้องจับผิด เดี๋ยวหนึ่งถามเพื่อนให้นะคะว่าอยากมาทำที่นี่หรือเปล่า คนนี้นิสัยดี หัวอ่อน เข้ากับคนง่ายค่ะ เลยถูกคนอื่นเอาเปรียบอยู่บ่อยๆ แล้วทำร้านแฟรนด์ไชส์ด้วยไงคะ กฎระเบียบเลยเยอะแยะ” น้ำหนึ่งบอกยืดยาว

“งั้นหนึ่งลองติดต่อดูนะ”

“แล้วพี่หลิวตกลงจะเซ้งร้านต่อจากเพื่อนแล้วหรือคะ ถ้าหนึ่งไปถามเพื่อนแล้วเพื่อนอยากมาทำ แต่พี่หลิวไม่เซ้งแล้ว จะทำยังไง” เด็กสาวคิดรอบคอบ

“พี่ตั้งใจจะหาคนอยู่แล้ว และถึงไม่เซ้งต่อจากเพื่อน พี่ก็จะทำสาขาสองอยู่แล้วล่ะ หนึ่งติดต่อเพื่อนได้เลย” ลัคนาบอก ทำให้สีหน้าของน้ำหนึ่งดีขึ้น เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนหันไปเช็ดโต๊ะและทำงานของตน




ในร้านกาแฟริมถนนเส้นเล็กที่ขวักไขว่ไปด้วยรถราที่วิ่งไม่ขาดสายเพราะด้านในซอยเต็มไปด้วยตึกสูงและอาคารแบบโฮมออฟฟิศ ลัคนานั่งอยู่ด้านในกับเพื่อนของเธอ ซึ่งดูจากการแต่งตัวและใบหน้าแล้วน่าจะมีอายุมากกว่าลัคนาหลายปี

“เป็นยังไงบ้างหลิว ร้านนี้โอเคมั้ย” เจ้าของร้านนามว่าพี่จอยถามด้วยน้ำเสียงใจดี ใบหน้ายิ้มแย้ม

“ดีมากเลยค่ะ หลิวเข้ามาชั่วโมงนึงแล้ว แต่ลูกค้าก็ยังเข้าแบบไม่ขาดตอนเลย น่าเสียดายนะคะที่ต้องเลิกทำ”

“พี่ยิ่งกว่าเสียดายอีก แต่จะทำยังไงได้สามีพี่จะย้ายกลับบ้านแล้ว จะให้พี่อยู่ที่นี่คนเดียวก็ไม่ไหว ญาติๆ พี่ก็อยู่ที่โน่นกันหมด นี่ก็กำลังหาที่ทางเปิดร้านที่นั่นอยู่” พี่จอยบอกแล้วมองรอบๆ ร้านด้วยความอาวรณ์

ที่เธอคิดจะเซ้งร้าน ไม่ใช่เพราะกิจการไม่ดีหรือมีปัญหากับเด็กในร้านแต่เพราะต้องย้ายตามสามีกลับบ้านเกิดเพื่อดูแลกิจการทางบ้าน สามีของเธอต้องลาออกจากพนักงานออฟฟิศและเธอต้องสละร้านนี้เช่นกัน

เมื่อทราบข่าวเธอก็ติดต่อลัคนาทันทีเพราะเห็นว่าทำร้านกาแฟเหมือนกัน ทั้งสองรู้จักกันเพราะเรียนทำสูตรกาแฟคอร์สเดียวกันและมีบ้านอยู่ใกล้กัน จึงสนิทกันมากกว่าคนอื่นๆ

“ตกลงว่าหลิวสนใจร้านนี้มั้ย ราคาที่พี่บอกไปโอเคหรือเปล่า”

“โอเคมากๆ เลยค่ะ ถ้าหลิวไม่รีบคว้าไว้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”

“เด็กในร้านพี่แจ้งเขาไปแล้วว่าจะเซ้งต่อ ยังไงหลิวลองคุยดูแล้วกันว่าเขาจะทำต่อหรือเปล่า เด็กมีฝีมือและไว้ใจได้จ้ะ”

“หลิวไม่มีปัญหาค่ะ แล้วแต่เด็กเลย แต่หลิวอยากให้เขาอยู่ต่อเพราะถึงยังไงก็ทำมาตั้งแต่ต้น ค่าแรงไม่ต้องห่วงค่ะ หลิวให้เท่าพี่จอยเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิมค่ะ เปลี่ยนแค่เจ้าของเท่านั้น” ลัคนาบอก

“แบบนี้พี่ค่อยสบายใจหน่อย ตอนที่รู้ว่าต้องย้าย พี่คิดถึงหลิวคนแรกเลย เพราะเชื่อว่ายังไงหลิวก็ต้องดูแลร้านนี้ได้แน่ๆ”

“ค่ะ หลิวชอบร้านนี้ พี่จอยไม่ต้องห่วงนะคะ หลิวจะดูแลอย่างดีที่สุดค่ะ” หญิงสาวให้คำมั่น ขณะที่พี่จอยพยักหน้าเพราะเชื่อว่าเธอต้องทำได้แน่ๆ

เสียงกรุ๋งกริ๋งที่ติดอยู่หน้าประตูดังขึ้นพร้อมเสียงของพนักงานที่เอ่ยทักทายลูกค้า เจ้าของร้านที่นั่งอยู่หันไปมองก่อนยิ้มแล้วลุกไปทักทาย ทำให้ลัคนาหันมองตาม

“สวัสดีค่ะคุณจา” เจ้าของร้านทัก

“สวัสดีค่ะพี่จา” ลัคนาเอ่ย น้ำเสียงดีใจและแปลกใจระคนกัน

“อ้าวหลิว มาที่นี่ได้ไง” เขาทักกลับ น้ำสียงประหลาดใจเช่นกัน

“รู้จักกันด้วยหรือคะ” พี่จอยถาม ขณะที่คนทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มแบบขำๆ ให้กัน

“รู้จักค่ะ พี่จาเป็นรุ่นพี่หลิว เราเรียนที่เดียวกันค่ะ”

“อ้าวเหรอ งั้นก็คนกันเองทั้งนั้น คุณจาเนี่ย ลูกค้าอันดับหนึ่งของร้านเลยนะ โลกกลมดีจริงๆ”

“ทั้งกลมและแคบด้วยครับ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอหลิวที่นี่ ตั้งแต่จบก็ไม่ได้เจอกันเลย สามสี่ปีได้แล้วมั้ง” จามรถามพลางนึก

“ใช่ค่ะ งานเลี้ยงรุ่นก็ไม่เคยเจอกัน คลาดกันตลอด แต่ดันมาบังเอิญเจอกันที่นี่ได้ น่าแปลกจริงๆ” ลัคนาพูดแบบขำๆ

“เดี๋ยวให้คุณจาสั่งน้ำก่อนดีกว่า แล้วเราค่อยคุยกัน” พี่จอย บอกก่อนกลับไปที่โต๊ะตัวเดิม ขณะที่จามรหันไปสั่งกาแฟแก้วโปรดเมื่อเรียบร้อยเขาก็เดินเข้ามาสมทบที่โต๊ะ

“พี่จาทำงานอยู่แถวนี้หรือคะ” ลัคนาถาม

“ครับ ออฟฟิศพี่เช่าตึกอยู่ด้านใน ร้านคุณจอยก็เป็นร้านโปรดของพี่เลยนะครับ แล้วนี่หลิวมาทำธุระแถวนี้หรือว่าตั้งใจมาที่นี่”

“ตั้งใจมาหาพี่จอยค่ะ”

“น้องหลิวจะเซ้งร้านต่อจากพี่ค่ะ” พี่จอยขยายความ “ตอนนี้คุณจาสบายใจได้แล้วนะคะว่าร้านนี้จะเหมือนเดิมแน่นอนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ”

“จริงหรือครับ ดีจัง” จามรพูดด้วยน้ำเสียงยินดี เพราะเป็นลูกค้าประจำและสนิทกัน ทำให้จามรรู้เรื่องที่พี่จอยกำลังจะย้ายไปต่างจังหวัด ตอนนั้นเขากังวลอยู่ลึกๆ ว่าจะไม่ได้ดื่มกาแฟรสชาติคุ้นเคย แต่ตอนนี้เขาหมดห่วงเรื่องนั้นแล้ว

“ถึงจะเสียดายที่พี่จอยจะเลิกทำร้าน แต่ผมก็ดีใจครับที่หลิวจะมาทำต่อ ดีจังนะหลิว พี่จะได้มาหาหลิวบ่อยๆ”

“รับรองว่าพี่จาต้องเบื่อหน้าหลิวแน่ๆ เลยค่ะ” ลัคนาพูดติดหัวเราะ

“พี่ไม่เบื่อหลิวหรอกครับ นี่ถ้าไม่ติดว่าที่ทำงานกับร้านหลิวอยู่คนละทาง พี่คงไปเป็นลูกค้าประจำแล้ว” เขาบอกแล้วมองเธอนิ่ง

“พี่จอยก็คงขาดลูกค้าประจำไปหนึ่งคน” เธอเอ่ยแก้เขิน

“ถ้าเป็นฝีมือการชงกาแฟของน้องหลิวพี่คงพอสู้ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นพี่คงสู้ไม่ได้” พี่จอยพูดยิ้มๆ เพราะดูปฏิกิริยาของจามรออก ขณะที่ชายหนุ่มยิ้มและคว้ากาแฟมาดื่ม

“ปกติพี่จามาที่ร้านนี้บ่อยมั้ยคะ” ลัคนาถาม

“เกือบทุกวันครับ บางทีก็นั่งยาวตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นเลย ถึงลูกค้าจะเข้าตลอดแต่ร้านก็เงียบมากนะครับ พี่เข้ามานั่งแล้วมีสมาธิเยอะเลย”

“แล้วนี่พี่จาตั้งใจจะมาทำงานหรือเปล่าคะ” รุ่นน้องถามอีกเพราะเห็นข้างตัวเขามีโน้ตบุ๊กวางอยู่

“ครับ ยังไงขอพี่เช็กเมลแปบนึงนะครับ ลูกค้าเขาจะส่งแบบงานมาให้แก้”

“ตามสบายเลยค่ะ เดี๋ยวพี่จะพาน้องหลิวเข้าไปดูหลังร้านหน่อย” พี่จอยเอ่ยแล้วลุกขึ้นเพื่อให้เขามีเวลาส่วนตัว จามรพยักหน้ารับแล้วหยิบโน้ตบุ๊กขนาดสิบสองนิ้วมาเปิด
สองสาวหายไปราวครึ่งชั่วโมงก็เดินกลับมา จามรทำงานของเขาเรียบร้อยแล้วและตอนนี้กำลังเปิดอ่านข่าวจากเว็บไซต์อยู่

“อ่านอะไรอยู่คะ หน้าเครียดเชียวค่ะ” ลัคนาถามเมื่อเห็นหัวคิ้วของรุ่นพี่ขมวดเข้าหากัน

“ข่าวทั่วไปน่ะ สังคมเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ศีลธรรมไม่รู้ไปไหนกันหมด”

“ข่าวข่มขืนฆ่าอีกแล้วหรือคะคุณจา” พี่จอยถามด้วยสีหน้าหดหู่

“ไม่ใช่ครับ แต่เป็นความรักระหว่างพ่อกับลูกแท้ๆ ที่แต่งงานอยู่กินกันแบบสามีภรรยาน่ะครับ”

“พ่อลูก!” พี่จอยอุทานด้วยสีหน้าสยอง “พี่เคยอ่านข่าวว่าพี่น้องแท้ๆ ที่พลัดพรากกันตั้งแต่เด็กแต่งงานกัน แต่ยังไม่เคยเห็นข่าวพ่อกับลูกเลย”

“อันนี้เจอกันตอนที่ลูกสาวโตแล้วครับ พอรู้ความจริงก็ยังยืนยันที่จะอยู่ด้วยกัน”

“แย่เลยนะคะ พี่รับไม่ได้กับข่าวแบบนี้ ไม่ว่าจะพ่อลูก พี่น้องหรือญาติกัน” พี่จอยพูดทำเอาลัคนาแอบสะดุ้ง

“ญาติกันก็ไม่เห็นแปลกนะคะ เพราะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ” หญิงสาวออกความเห็น

“แต่พี่ว่ามันก็ไม่สมควรอยู่ดีนะครับ” จามรเอ่ย “หลิวลองคิดถึงเวลาจัดงานสิครับ ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมีญาติคนเดียวกัน ไหนจะสายตาของผู้ร่วมงาน เวลามีลูก จะให้ลูกของเราเรียกญาติอีกฝ่ายว่าอะไรล่ะครับ จะนับเป็นฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ดี”

“นั่นสินะคะ แล้วสายเลือดก็ใกล้กันด้วย แบบนี้ลูกเกิดมามีปัญหาแน่นอนค่ะ” พี่จอยเห็นด้วย ทำให้ลัคนาต้องตามน้ำ

“จริงด้วยค่ะ หลิวลืมคิดเรื่องพวกนั้นไป แย่จังเลยนะคะกับความรู้สึกแบบนั้น หลิวว่าพวกเขาต้องช็อกแน่ๆ เลยค่ะที่รู้ว่าคนที่ตัวเองรักเป็นพ่อเป็นลูกเป็นพี่น้องของเราที่ไม่เคยเจอกันเลย”

“ถึงจะช็อกหรือทำใจยากแค่ไหน แต่เราก็ต้องทำให้ได้ครับ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมมากๆ ต่อให้เป็นแค่ญาติห่างๆ กันแต่ถ้ารู้แล้วก็ต้องตัดใจครับ”

“ใช่ค่ะ” พี่จอยเห็นด้วย

“ค่ะ หลิวก็คิดเหมือนพี่จา” ลัคนาบอก

ความคิดแบบนี้ใครๆ ก็คิดได้ทั้งนั้น จะคิดจะวางแผนให้สวยหรูแค่ไหนก็ทำได้ แต่ในความเป็นจริง มีใครบ้างที่สามารถสั่งใจให้ทำตามความคิดได้

“เย็นนี้หลิวว่างมั้ยครับ พี่ทำงานเสร็จแล้วไม่ต้องเข้าออฟฟิศแล้วครับ” จามรถาม ฉุดความคิดของลัคนาให้กลับมาสู่ปัจจุบัน

เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องของเธอกับชวิศไม่ใช่เรื่องถูกต้อง จริงอย่างที่จามรบอก หากรู้ว่าเป็นญาติหรือมีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด สิ่งเดียวที่ต้องทำคือตัดใจ

ก่อนหน้านี้ชวิศบอกว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่มันจะเป็นความลับได้นานแค่ไหน สักวันความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็ต้องคืบหน้า ต้องมีอนาคตร่วมกัน เมื่อถึงตอนนั้นญาติๆ ก็ต้องรู้เรื่อง ถึงเธอจะไม่ใช่คนดังมีชื่อเสียงแต่เธอก็ยังมีสังคม คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่ต้องเดินไปไหนแล้วมีเสียงซุบซิบตามหลัง

เธอต้องหยุดเรื่องนี้! หญิงสาวบอกตัวเองในใจ

“ว่างค่ะ” เธอตอบรุ่นพี่

“งั้นไปกินข้าวเย็นกันนะครับ พี่มีเรื่องจะคุยกับหลิวเยอะแยะเลย” เขาชวนด้วยน้ำเสียงดีใจ

“ได้ค่ะ”

ทั้งสองนั่งคุยกับพี่จอยจนถึงบ่ายสามก็ขอตัวกลับ โดยใช้รถของลัคนาเพียงคันเดียวเพื่อลดปริมาณรถบนถนนและเมื่อกินข้าวเสร็จเธอจะได้ขับรถกลับบ้านเลย ส่วนเขาค่อยย้อนกลับมาเอารถ ซึ่งลัคนาก็ไม่ขัดข้อง

ห้างสรรพสินค้าที่ทั้งสองเลือกเดินเป็นห้างที่ไม่ไกลจากร้านของพี่จอย ทั้งสองตกลงเดินเล่นดูของกันไปพลางๆ ก่อนเพราะยังไม่หิว โดยจามรบอกว่าเขาจะหาซื้อเสื้อใหม่สักสองสามตัวและขอให้ลัคนาช่วยเลือกให้ด้วย หลังจากนั้นทั้งสองก็เข้าร้านหนังสือเพราะจามรอยากได้หนังสือเกี่ยวกับการบริหารและจิตวิทยา ซึ่งลัคนาก็ได้หนังสือติดมือมาด้วยสองเล่มเกี่ยวกับการจัดสรรเวลาและการผูกใจลูกน้อง

การได้พูดคุยกับจามรทำให้ลัคนารู้สึกดีไม่น้อย จามรยังเป็นรุ่นพี่ที่ให้คำปรึกษาอย่างดีเหมือนเดิมและดูแลเธอแบบไม่ขาดตก เขาเป็นสุภาพบุรุษเสมอไม่ว่าจะเป็นการเปิดประตูให้เธอเดินก่อน ช่วยเธอถือกระเป๋าถือของสารพัด สมัยยังเป็นนักศึกษาเธอก็แอบชอบจามรอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ได้สานสัมพันธ์ด้วยเพราะเขามีสาวๆ เข้ามาชอบเยอะแยะและเหมือนว่าจะคบเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ด้วย

“ตอนนี้พี่จายังติดต่อกับพี่ๆ คนอื่นอยู่มั้ยคะ” หญิงสาวถามระหว่างอยู่ในร้านอาหารเพื่อกินมื้อเย็นด้วยกัน

“นานๆ เจอกันทีครับ เพราะแต่ละคนก็ไม่ค่อยว่าง บางคนก็แต่งงานกันไปแล้ว ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ต่างคนก็ต่างยุ่งครับ” ชายหนุ่มบอก

“แล้วพี่จาล่ะคะ เมื่อไหร่จะแต่งงาน พี่ฟางเป็นยังไงบ้างคะ” เธอถาม

“ฟางย้ายไปอยู่กับสามีที่เกาหลีได้ปีกว่าแล้วครับ”

“พี่ฟางแต่งงานแล้วหรือคะ” เธอตาโต พี่ฟางคือคนที่เธอคิดว่าเป็นกิ๊กกับจามร

“ครับ ก็เหลือแต่พี่นี่แหละที่ยังโสดสนิท รู้งี้ไม่น่าแนะนำหนุ่มเกาหลีให้รู้จักเลย ไม่งั้นคงมีฟางโสดเป็นเพื่อน”

“โสดเป็นเพื่อน” ลัคนาทวนคำ “หลิวคิดว่าพี่จากับพี่ฟาง...” เธอละไว้ หากให้พี่ฟางมาโสดเป็นเพื่อน แสดงว่าทั้งสองไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดน่ะสิ

“ไม่ใช่อย่างที่หลิวเข้าใจหรอกครับ พี่กับฟางเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อนและญาติ”

“ญาติ?” เธอทวนคำด้วยน้ำเสียงตกใจกับข่าวใหม่ที่เพิ่งทราบ

“ครับ พี่กับฟางเป็นญาติห่างๆ กันครับ ยายของฟางเป็นน้องสาวของคุณปู่พี่เอง ท่านย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับสามีและไม่ได้ติดต่อกันอีก สมัยก่อนการเดินทางและการส่งข่าวก็ไม่ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ ครั้งล่าสุดที่รู้คือครอบครัวของเขาย้ายไปแถวภาคอีสาน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเพราะคุณตาของฟางย้ายลงใต้ พี่เพิ่งมารู้ตอนไปเที่ยวบ้านฟางตอนปีสอง”

“พี่จาช็อกมั้ยคะ” เธอถามเสียงเบา

“นิดหน่อยครับ เพราะตอนนั้นพี่ก็ชอบๆ ฟางอยู่ แต่พอรู้เรื่องพี่ก็ตัดใจ หลังจากนั้นก็มีแต่ความรักและความหวังดีแบบพี่น้องครับ”

“พี่จาเก่งจังค่ะ” เธอเอ่ยชม

“อาจเพราะเริ่มชอบก็ได้มั้งครับ ทำให้พี่ทำใจได้เร็ว และจริงๆ แล้ว พี่ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย” เขาบอกแล้วมองเธอนิ่ง ลัคนาอ่านสายตาของเขาออกแต่ก็ไม่กล้าคิด

“พี่ปล่อยเวลาให้ผ่านมาตั้งหลายปีเพราะความไม่กล้าของตัวเอง แต่ตอนนี้พี่จะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้วครับ พี่อยากถามหลิวว่า ตอนนี้หลิวมีใครหรือยังครับ” เขาถามเสียงจริงจัง ขณะที่ลัคนาอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงๆ แบบนี้

“หลิว คือ...”

“พี่อยากรู้ความจริงเพื่อจัดการกับความรู้สึกของตัวเองครับ”

“หลิวยังไม่มีใครค่ะ” เธอบอกในที่สุด

แม้จะรู้สึกผิดต่อชวิศ แต่เธอก็ไม่อยากให้เรื่องไม่ถูกต้องแบบนี้ดำเนินต่อไป ในเมื่อจามรยังห้ามใจตัวเองได้ เธอก็ต้องทำได้เหมือนกัน

“พี่อยากให้เราสองคนทำความรู้จักกันให้มากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน หลิวจะรังเกียจพี่มั้ยครับ” เขาถามมาอีก

“ตอนนี้มันยังเร็วเกินไปนะคะ เราเพิ่งเจอกันวันนี้วันแรกหลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายปี” เธอบอกช้าๆ

“ถ้าหลิวรู้สึกว่าเร็วเกินไป งั้นเรามาทำความรู้จักกันใหม่นะครับ ขอแค่หลิวไม่รังเกียจพี่ก็พอแล้ว”

“หลิวไม่เคยรังเกียจจาค่ะ และอยากขอบคุณที่พี่จารู้สึกดีกับหลิว เพราะตอนเรียนหลิวก็รู้สึกดีกับพี่จาเหมือนกัน” เธอบอกตามจริง

“ขอบคุณครับ” จามรยิ้มรับ




เกือบสองทุ่ม จามรก็ขับรถของลัคนาไปส่งเธอที่คอนโด ซึ่งจามรรู้จักเพราะผ่านไปแถวนั้นบ่อย พร้อมทั้งเอ่ยปากว่าเพิ่งรู้ว่าเธออยู่แถวนั้น ไม่งั้นคงไปหาบ่อยๆ แล้ว ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน รถติดนานแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา จนเมื่อหมดเรื่องคุยและการสนทนาขาดช่วง ลัคนาก็เริ่มง่วงเพราเจอแอร์เย็นๆ บวกเพลงเบาๆ เพราะๆ ทำให้เธอเคลิ้มหลับ ซึ่งจามรก็บอกว่าให้เธอนอนก่อนได้ ถึงแล้วเดี๋ยวเขาปลุกเอง

รถของลัคนาจอดยังหน้าอาคารสูงแล้วแต่หญิงสาวยังไม่รู้สึกตัว จามรหันตัวมาจะปลุกก่อนหยุดมือไว้เพราะเห็นว่าเธอกำลังหลับสบายจึงปล่อยให้เธอนอนพักสักครู่ก่อน
ชายหนุ่มนั่งมองคนหลับนิ่ง ลมหายใจของเธอสม่ำเสมอ ดวงตาหลับพริ้ม ใบหน้าของเธอเนียนใสจนจามรอดไม่ได้ต้องยื่นหน้าไปใกล้ๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากกายสาว ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมใบหน้าที่โน้มลงต่ำกว่าเดิม

ปลายจมูกโด่งของเขาแตะยังแก้มเนียนใสแผ่วเบาเป็นจังหวะที่ลัคนารู้สึกตัวพอดี หญิงสาวขยับใบหน้าเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าอะไรมาสัมผัสแก้ม จนเมื่อเห็นว่าคือจมูกของเขา เธอก็สะดุ้งและถอยตัวออกห่าง เช่นเดียวกับจามรที่รีบถอยตัวออกมา สีหน้าของเขารู้สึกผิด

“พี่ขอโทษครับ” เขารีบพูดแล้วพยายามอธิบาย “พี่คือ...พี่”

“ถึงนานหรือยังคะ” เธอถามเปลี่ยนเรื่อง

“สักพักแล้วครับ พี่เห็นหลิวหลับสบายเลยไม่กล้าปลุก แต่เมื่อกี้คือ...คือมัน”

“ขอบคุณพี่จามากนะคะที่มาส่งหลิว” เธอบอกแล้วเปิดประตูลงจากรถ จามรรีบเปิดประตูเช่นกันแล้วเดินอ้อมมาคืนกุญแจให้เธอ

“พี่ขอโทษกับเหตุการณ์เมื่อครู่ครับ พี่ไม่ตั้งใจจริงๆ” เขายังพูดด้วยความร้อนใจ

“ค่ะ พี่จารีบกลับเถอะค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ หลิวรู้สึกเพลีย ไม่ขอไปส่งที่หน้าคอนโดนะคะ” เธอบอก

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่เดินไปเอง หลิวไม่โกรธพี่นะครับ” เขาถาม

“ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ลัคนาก้มศีรษะให้เขาก่อนเดินเข้าอาคาร จามรยืนอยู่ที่เดิมจนร่างบางหายลับตาไป เขาจึงเดินไปริมถนน สีหน้ายังเป็นกังวลและร้อนใจไม่หาย จนต้องส่งข้อความขอโทษเธออีกครั้ง



................................................


บทสรุปของความรักต้องห้ามครั้งนี้จะเป็นยังไงต่อ รอติดตามค่ะ

หรือจะโหลดในแบบอีบุ๊กมาอ่านก็ได้นะคะ





โหลดผ่านเมพ -->> ห้ามเสน่หา

หรือจะโหลดแบบเป็นชุดก็ได้ -->>  Set รัก-ต้อง-ห้าม







 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2558
0 comments
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2558 13:42:39 น.
Counter : 2430 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com