นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

 
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2558
 

รักต้องห้าม : ห้ามเสน่หา


: : : คำเตือน : : :

เนื้อหาของตอนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากคุณไม่ชอบบทเรท 20+ กรุณาข้าม แต่ถ้าชอบ ก็อ่านโลดดดด



ตอน...ห้ามเสน่หา


ณ ห้างสรรพสินค้าชิลด์เพลส ศูนย์การค้าแบบเปิดขนาดสองชั้นบนเนื้อที่กว่าสองไร่ติดถนนกลางกรุง คือแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เน้นพบปะเพื่อดื่มกินและถ่ายรูปสวยๆ กับบรรยากาศที่จัดให้เข้ากับฤดูกาล ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันเป็นอย่างมาก ทำให้ห้างแห่งนี้มีร้านค้าปิดจนเต็มพื้นที่

หนึ่งในนั้น มีร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศน่านั่งรวมอยู่ด้วย

ใบหลิวคอฟฟี่ คือชื่อร้านแห่งนั้น โดยมีสาวสวยวัยเบญจเพสที่เพิ่งลาออกจากงานประจำเป็นเจ้าของร้าน

ลัคนาคือชื่อของเธอ และชื่อร้านก็มาจากเธอเล่นของเธอเองคือ หลิว
เธอเปิดร้านนี้มาได้สามเดือนกว่าแล้ว นับตั้งแต่ที่ห้างนี้เปิดทำการ ช่วงแรกไม่ค่อยมีลูกค้ามากนัก เพราะยังเป็นห้างเปิดใหม่ แต่ก็โชคดีหน่อยที่ห้างติดถนนและละแวกนั้นก็มีอาคารสำนักงานหลายตึก ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็นิยมดื่มชากาแฟ ทำให้ร้านของเธอพอจะประคองตัวมาได้ จนตอนนี้เธอเริ่มมีลูกค้าประจำบางแล้ว

หนึ่งในลูกค้าประจำที่แวะมานั่งดื่มกาแฟรสเข้มที่ร้านคือชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวสะอาดที่มักหอบหิ้วโน้ตบุ๊กมาด้วยเสมอ มุมประจำของเขาคือด้านนอกร้านใกล้ประตูใต้ร่มบังแดดคันใหญ่

ประตูร้านเปิดออกพร้อมด้วยเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ดังแว่วมา แสดงถึงการมาเยือนของลูกค้า เด็กในร้านหลังเคาน์เตอร์เงยหน้ามองแล้วยิ้มรับ

“มอคค่าร้อนเข้มๆ กับคาปูชิโนเย็นหวานมันใช่ไหมคะ” น้ำหนึ่ง เด็กสาวร่างเล็กทาย ขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงยิ้ม

“ใช่ครับ”

“หนูจำได้ค่ะ พี่มาทีไรก็สั่งแต่สองเมนูนี้และที่ประจำก็คือโต๊ะตัวนั้น” เธอบอกเสียงใสแล้วบุ้ยหน้าไปนอกร้าน “แต่วันนี้ลมแรง จะนั่งได้หรือคะ”

“ได้ครับ” เขาตอบแล้วจ่ายเงินพร้อมกันนั้นสายตาที่เริ่มมองหาใครบางคน “คุณหลิวไม่อยู่หรือครับ”

“พี่หลิวออกไปข้างนอกค่ะ” น้ำหนึ่งบอกขณะยื่นเงินทอนส่งให้ และไม่วายส่งสายตายิ้มๆ เป็นเชิงล้อ

“แค่ถามดูน่ะครับ ปกติเห็นอยู่ด้วยกันสองคน” เขาบอกเก้อๆ ก่อนหิ้วกระเป๋าโน้ตบุ๊กไปนอกร้าน

ชวิศจัดแจงเปิดกระเป๋าและหยิบโน้ตบุ๊กออกมา แถวนั้นมีปลั๊กไฟให้บริการด้วย ทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะทำงานเพลินจนแบตหมด เมื่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบ กาแฟที่สั่งไว้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟพอดี เขายิ้มขอบคุณก่อนยกมอคค่าร้อนขึ้นจิบเล็กน้อย แม้รสชาติจะเข้มข้นสู้เจ้าของร้านไม่ได้ แต่ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

จนเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เจ้าของร้านคนสวยก็กลับมา เธอยกข้อมือดูเวลาและอมยิ้มน้อยๆ

เขามาเวลานี้เสมอ ไม่เคยขาด

“สวัสดีค่ะคุณเชาว์” ลัคนาทักลูกค้าประจำที่มีความสนิทสนมกันดี ชวิศเงยหน้าจากจอคอมขึ้นมอง และเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็ถอดแว่นสายตาออกและยิ้มให้เธอ

“สวัสดีครับคุณหลิว ไปช้อปของเซลล์มาหรือครับ” เขาถามแล้วมองถุงบนเก้าอี้ยิ้มๆ บนถุงมีสัญลักษณ์ของร้านเสื้อที่ตั้งอยู่ที่ห้างนี้และกำลังจัดรายการลดกระหน่ำอยู่

“นิดหน่อยน่ะค่ะ หลิวใช้ของยี่ห้อนี้อยู่ เห็นว่าลดก็เลยต้องแวะไปดูหน่อย คุณเชาว์มานานหรือยังคะ” เธอถามและเห็นว่ากาแฟทั้งร้อนและเย็นของเขาพร่องไปอย่างละครึ่งแล้ว

“สักพักแล้วครับ”

“ข้างนอกนี้ลมแรงเลยนะคะ คุณนั่งทำงานได้หรือคะ”

“ได้ครับ ผมชอบอากาศแบบนี้”

“หลิวไม่กวนคุณเชาว์แล้วดีกว่า” เธอบอก “ทำงานตามสบายเลยนะคะ”

“ครับ” เขารับคำ เป็นจังหวะที่ลมวูบหนึ่งพัดมาค่อนข้างแรงหอบเอาเศษฝุ่นและเศษใบไม้ปลิวว่อนฟุ้งกระจาย และยังเกิดลมหมุนเป็นย่อมอีกด้วย

ความแรงของลมนั้นยังทำให้ต้นไม้ปลอมสูงสามเมตรที่ประดับอยู่หน้าร้านต้านทานกระแสลมไม่ไหวจนเอียงล้มลงมา

เป็นตำแหน่งเดียวกับที่ลัคนายืนอยู่พอดี!

“คุณหลิว ระวังครับ!” ชวิศเตือนอย่างตกใจพร้อมโผเข้าหา

“ว้ายยยย” หญิงสาวร้องอย่างตกใจ ตัวของเธอถูกผลักให้ล้มลงไปนอนกับพื้น โดยมีร่างสูงของชวิศทับอยู่ด้านบน แต่เขาก็ยังมีน้ำใจใช้มือรองศีรษะเธอไว้ไม่ให้กระแทกกับพื้นปูน ถัดไปไม่กี่ก้าวในจุดที่เธอยืนอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน มีต้นไม้ใหญ่ล้มกะเท่เร่อยู่

“เป็นยังไงบ้างครับคุณหลิว” ชวิศถามและดึงเธอขึ้นมาพร้อมสำรวจเนื้อตัวไปด้วย

“ไม่ค่ะ หลิวไม่เป็นอะไร คุณเชาว์ล่ะคะ” เธอถามกลับ น้ำเสียงยังตกใจอยู่

“ไม่เป็นอะไรครับ”

“เป็นยังไงบ้างคะพี่หลิว เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” น้ำหนึ่งรีบตรงเข้ามาช่วยพยุง เธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ตั้งแต่ที่ต้นไม้ใหญ่นั้นเอนล้มแล้ว แต่ออกมาช่วยไม่ทัน

“ไม่เป็นไรจ้ะ คุณเชาว์ช่วยไว้ได้ทัน”

“นี่ถ้าคุณเชาว์ไม่เข้ามาผลักพี่หลิวนะ รับรองว่าไอ้ต้นไม้ยักษ์นั้นต้องล้มทับพี่หลิวแน่ๆ เลยค่ะ ถ้าโดนเข้าไปนะ ต้องมีหัวแตกหรือไม่ก็แขนเดาะบ้างล่ะ” เด็กสาวบอก

“ตอนที่มันวางดีๆ ผมก็ว่ามีประโยชน์ช่วยบังแดด แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว ผมไม่อยากให้เอาต้นไม้มาวางไว้ใกล้ร้านที่มีคนนั่งแบบนี้เลย มันอันตรายมากเลยนะครับ”

“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยหลิวไว้ เมื่อกี้ตกใจหมดเลย”

“แล้วนี่คุณหลิวเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ผมขอโทษนะครับที่ผลักแรงไปหน่อย อารมณ์ตกใจน่ะครับ” เขาบอกเสียงเก้อๆ เขินๆ

“ไม่ค่ะหลิวไม่เจ็บ คุณล่ะคะ เจ็บมือหรือเปล่า” เธอถามแล้วมองมือของเขาข้างที่รองศีรษะเธอไว้และสังเกตเห็นว่ามีรอยถลอกนิดหน่อย “มือคุณเป็นแผลด้วย ขอหลิวดูหน่อยค่ะ” เธอบอกแล้วรีบดึงมือเขามาสำรวจ ด้านหลังมือมีรอยถลอกจากการครูดกับพื้นจนเลือดซิบ

“เจ็บมั้ยคะคุณเชาว์” ลัคนาถาม สีหน้าของเธอเหมือนจะเจ็บปวดแทนเขา “เดี๋ยวหลิวทำแผลให้นะคะ เข้าไปข้างในก่อนค่ะ” เธอบอกแล้วดึงเขาเข้าไปด้านในร้าน แม้ชวิศจะห้ามอย่างไรก็ไม่เป็นผล ทำให้เขาต้องตามเข้าไป โดยน้ำหนึ่งเป็นคนยกโน้ตบุ๊กของเขาเข้าไปด้านใน เธอไม่ได้ปิดเครื่องเพราะไม่รู้ว่าเขาทำงานค้างไว้แค่ไหนแล้ว

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ทางผู้แลห้างก็มาย้ายต้นไม้ออกไปพร้อมทั้งขอโทษขอโพยถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างไร เพราะรู้ว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย พร้อมกันนั้นเขาจะให้ค่าทำขวัญชวิศด้วย แต่ชายหนุ่มไม่ขอรับเพราะไม่ได้เป็นอะไรมาก และลัคนาก็ทำแผลให้เขาเรียบร้อยแล้ว

และความจริงแล้ว ชวิศต้องของคุณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าเพราะทำให้เขาได้ใกล้ชิดลัคนาและหาโอกาสทำความรู้จักกับเธอได้มากกว่าเดิม

นับตั้งแต่วันนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ชวิศใช้เวลาอยู่ที่ร้านกาแฟของลัคนานานกว่าเมื่อก่อนและย้ายจากนอกร้านเข้ามานั่งในร้านใกล้เคาน์เตอร์ และหากไม่มีลูกค้า เจ้าของร้านสาวก็จะมานั่งโต๊ะเดียวกับเขาแทนที่จะเป็นหลังเคาน์เตอร์เหมือนอย่างเคย และนั่นทำให้เธอรู้ว่าเขามีอาชีพเป็นฟรีแลนด์ให้กับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง งานของเขาคือการตรวจต้นฉบับประเภทสารคดีและนิยายแนวแฟนตาซี




เกือบหกโมงเย็น บรรยากาศด้านนอกมืดครึมด้วยกลุ่มเมฆฝนที่กำลังลอยมาไกลๆ ลัคนาเก็บร่มหน้าร้านของเธอแล้ว เพราะเกรงมันจะล้มคว่ำจากแรงลม ภายในร้านมีลูกค้าเพียงคนเดยวคือชวิศที่กำลังนั่งอ่านต้นฉบับของเขา เจ้าของร้านยืนอยู่หน้าประตูและมองออกด้านนอกเพื่อสังเกตการณ์

“อีกเดี๋ยวฝนต้องตกแน่ๆ” เธอเปรย “หนึ่งจะกลับเลยก็ได้นะ เย็นขนาดนี้แล้วคงไม่มีลูกค้าแล้วล่ะ” ลัคนาหันไปบอกน้ำหนึ่ง

“หนึ่งอยู่ช่วยพี่หลิวได้ค่ะ”

“แต่ถ้าฝนตกแล้วหนึ่งอาจกลับบ้านไม่ได้นะ นี่ก็เหลืออีกแค่สองชั่วโมง เดี๋ยวพี่จัดการเองก็ได้ เราล้างถ้วยชามหรือยังล่ะ”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“งั้นก็กลับเถอะ เดี๋ยวพี่จะเคลียร์บัญชีเลยและคงปิดร้านแล้ว” ลัคนาบอก ขณะที่น้ำหนึ่งยืนชั่งใจอยู่ครู่ ซึ่งเจ้าของร้านก็พยักหน้าสำทับให้ทำตามที่บอก

“งั้นหนึ่งเก็บโต๊ะเก้าอี้ให้ก่อนมั้ยคะ” เธออาสา

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ทำเอง หนึ่งกลับเถอะ ก่อนที่ฝนจะตก เดี๋ยวจะกลับไม่ได้พอดี”

“เดี๋ยวพี่จะช่วยคุณหลิวอีกแรง หนึ่งไม่ต้องห่วง” ชวิศบอกมาอีกคน

“ก็ได้ค่ะ งั้นหนึ่งกลับก่อนนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”

หลังจากน้ำหนึ่งกลับไปแล้ว ลัคนาก็จัดโต๊ะให้เรียบร้อยแบบไม่เร่งรีบ โดยมีชวิศช่วยอีกแรง หลังจากนั้นเธอก็ไปทำความสะอาดครัวและนับเงินในลิ้นชัก ส่วนชวิศกลับไปทำงานของเขาต่อ จนเมื่อหญิงสาวเคลียร์บัญชีเรียบร้อย เขาก็ทำการปิดโน้ตบุ๊กและเก็บมันลงกระเป๋า ขณะที่ด้านนอกสายฝนเริ่มโปรยปรายและลงเม็ดหนาขึ้นเรื่อยๆ

“แบบนี้คงต้องรอให้ฝนหยุดก่อนนะครับ” เขาเปรย

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นค่ะ หลิวคงไม่เสี่ยงวิ่งฝ่าฝนออกไป เปียกไปเดี๋ยวไม่สบายจะยุ่ง” เธอเห็นด้วย “แล้วคุณเชาว์ล่ะคะ จะกลับยังไง”

“ก็คงต้องรอให้ฝนซาเม็ดครับ รถผมจอดอยู่ฝั่งโน่นแถมยังกลางแจ้งอีกด้วย เดินไปก็มีแต่เปียกกับเปียก”

“งั้นนั่งที่ร้านของหลิวก่อนแล้วกันนะคะ แล้วเราค่อยออกไปพร้อมกัน”

“ครับ ขอบคุณมากครับ แต่ถ้าคุณจะกลับแล้วก็บอกนะครับ ผมจะได้กลับบ้าง”

“หลิวไม่รีบค่ะ รอไปเรื่อยๆ จนถึงสองสามทุ่มก็ได้” เธอบอกแล้วเดินมานั่งโต๊ะเดียวกับเขา ขณะที่ชวิศเปิดโน้ตบุ๊กของเขาอีกครั้งเพื่อทำงาน มีลัคนานั่งอ่านนิตยสารอยู่ใกล้ๆ

กระทั่งทุ่มกว่า สายฝนก็ยังกระหน่ำแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทั้งสองเลือกร้านในห้างเป็นที่รับประทานมื้อเย็นและตกลงว่าจะกลับแล้ว เพราะรอดูท่าแล้วฝนคงตกแบบนี้ไม่หยุดแน่ โดยลัคนาอาสาจะไปส่งเขาที่คอนโดเอง เพราะรถของเธอจอดใกล้กว่าและสะดวกที่จะเดินไปมากกว่ารถของชวิศ ตอนแรกชายหนุ่มอิดออดเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ยอมเพราะเขาไม่อยากเสี่ยงหิ้วโน้ตบุ๊กฝ่าสายฝนและลมแรงแบบนี้ไปที่รถ




การจราจรในคืนฝนตกคือฝันร้ายของคนขับรถโดยแท้ แต่ลัคนากับชวิศไม่รู้สึกหงุดหงิด ทั้งสองพูดคุยอย่างเป็นกันเองในรถและอยากให้รถติดแบบนี้ไปนานๆ

“ขึ้นไปที่ห้องผมก่อนมั้ยครับ ฝนยังแรงแบบนี้ ผมไม่อยากให้คุณขับรถคนเดียวเลย” ชวิศแสดงความเป็นห่วงเมื่อรถของลัคนาจอดหน้าคอนโดของเขา

“ไม่เป็นไรค่ะ หลิวขับได้”

“แต่รถตอนนี้ติดมากเลยนะครับ มันคงเซ็งมากที่ต้องนั่งติดอยู่บนถนนเป็นชั่วโมงๆ ขึ้นไปยืดเส้นยืดสายก่อนก็ได้ครับ แล้วค่อยกลับ” เขายังตื๊ดต่อ

“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเริ่มเห็นด้วย เพราะเธอนั่งหลังพวงมาลัยมานานเกือบสองชั่วโมงแล้ว และถ้าขืนยังนั่งต่อ มีหวังตะคริวจับขาแน่ๆ


ในห้องของชวิศจัดแบบเรียบๆ มีเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ห้องของเขาสะอาดและเป็นระเบียบทีเดียว เจ้าของห้องชงเครื่องดื่มร้อนๆ มาให้ลัคนาดื่มแก้หนาว

“ห้องคุณสวยจังค่ะ” เธอเอ่ยชม

“ดีใจที่คุณชอบครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม คำพูดง่ายๆ นั้นทำให้ลัคนาอดใจเต้นแรงไม่ได้

ทำไมเขาต้องดีใจด้วย ความจริงเขาต้องบอกว่า ขอบคุณไม่ใช่หรือ

บอกว่าดีใจเหมือนว่าเขาตั้งใจจัดเพื่อเธออย่างนั้น...หญิงสาวอดคิดไม่ได้

“ผมชอบความรู้สึกที่เราอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้จังเลยครับ” เขาบอกแล้วเดินมานั่งใกล้เธอ

“ยิ่งได้พูดคุยกับคุณ ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถ้าผมอยากพัฒนาความรู้สึกนี้ให้มากขึ้น คุณหลิวจะรังเกียจมั้ยครับ” เขาถามแบบไม่อ้อมค้อม

“ก็...”ลัคนาพูดไม่ถูกเหมือนโดนถามแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

“ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดกับคำถามของผม ผมขอโทษ” เขาพูดอย่างรู้สึกผิด เช่นเดียวกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความผิดหวัง

“ไม่ค่ะ หลิวไม่อึดอัด” เธอรีบพูดและนั่นก็ทำให้สีหน้าของเขาดีขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นรังเกียจมั้ยครับ” เขาถามเสียงเบาและขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น

“หลิว...” เธอพูดไม่ออกและเกิดอาการเขินหน้าแดง

“ผมอยากให้เราสองคนทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ คุณหลิวจะรังเกียจผมมั้ยครับ”

“ไม่ค่ะ” เธอตอบและยิ้มให้เขา “ขอบคุณนะคะที่มีความรู้สึกดีให้หลิว มันทำให้รู้ว่าหลิวไม่ได้คิดแบบนั้นคนเดียว”

“ขอบคุณมากครับ ผมดีใจที่เรามีความรู้สึกตรงกัน” เขาบอกด้วยรอยยิ้มก่อนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของเธอแล้วแตะจมูกโด่งยังแก้มเนียน ทำเอาลัคนาถึงกับนิ่งเป็นหิน และเขาก็ไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากที่แตะแก้มของเธอแล้ว เขายังไล่จมูกและปากไปทั่วใบหน้าเธออีกด้วย ก่อนมาหยุดเหนือริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ เพื่อหายใจ


ชวิศถ่วงเวลาเล็กน้อยเพื่อรอดูปฏิกิริยาและเมื่อเห็นว่าเธอไม่ถอยหรือต่อต้าน เขาก็เลื่อนริมฝีปากไปประกบกับปากนุ่มทันทีพร้อมจูบซับและขบเบาๆ ทำเอาลัคนาถึงกับหูอื้อ ตาลาย ขนกายสาวลุกชันด้วยความไหววูบ

ลัคนาเลื่อนมือไปวางที่แผ่นอกของเขา แต่แทนที่จะผลักออก เธอกลับลูบเบาๆ ทั้งยังดึงเสื้อเขาเพื่อให้ขยับเข้ามาใกล้อีกด้วย ทำเอาชวิศถึงกับสั่น เขาผลักร่างบางลงนอนราบบนโซฟาแล้วทาบทับตามลงไป มือหนาล้วงเข้าไปในเสื้อของเธอ ทำเอาลัคนาหายใจไม่ทั่วท้อง

“อืมมมม คุณเชาว์ อืมมม” หญิงสาวครางแผ่วกับทุกสัมผัสของเขา ฝ่ามือของเขาร้อนผ่าวแต่ลัคนากลับสั่นสะท้าน เธอโอบรอบคอของเขาแล้วกอดไว้แน่นเพื่อหาไออุ่น
เสื้อผ้าของเขากับเธอถูกถอดออกโดยฝีมือของชวิศโดยมีลัคนาคอยช่วย ไม่นานเครื่องแต่งกายก็ลงไปนอนข้างโซฟา ชายหนุ่มพรมจูบไปทั่วใบหน้าเนียนก่อนย้ายมาที่ลำคอระหงและไล่ต่ำไปยังเนินอกขาวนุ่ม มือหนาลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของเธอก่อนมาหยุดที่อกอวบขนาดพอเหมาะ เขาบีบฟ่อนเบาๆ เรียกเสียงครางของลัคนาให้เกิดขึ้นพร้อมแผ่นหลังที่ยกขึ้นเล็กน้อย

“อาาาาา คุณเชาว์ อืมมมม อาาาา” ลัคนาทำได้แค่ครางเรียกชื่อเขาเท่านั้น น้ำเสียงของเธอทำให้ไฟสวาทในตัวของชวิศกระพือขึ้น เขาเลื่อนใบหน้าไปยังอกอวบข้างที่วางก่อนอ้าอมยอดถันเม็ดใหญ่เข้าไปในปากแล้วดูดกลืนด้วยความกระหาย จังหวะนาบช้าถูกเปลี่ยนให้เร็วขึ้น

“อาาาาา คุณเชาว์ อืมมมม อาาาา”

“นุ่มหอมดีจังครับ ผมจะทนไม่ไหวแล้ว” เขากระซิบเสียงอู้อี้พร้อมใช้ขาแยกเรียวขาของเธอออกจากกัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปที่เนินเนื้อกลางลำตัวของเธอก่อนเขาจะชำแรกนิ้วไปตามกลีบกุหลาบนุ่ม ทำเอาร่างบางถึงกับสะท้าน เธอยกสะโพกรับนิ้วของเขาอย่างลืมตัว

นิ้วแกร่งแทรกผ่านรอยแยกแล้วสอดเข้าไปในโพรงอ่อน เขาขยับนิ้วอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายของเธอคุ้นชินก่อนเพิ่มความเร็วเรื่อยๆ จนร่างบางถึงกับสั่น

“อ๊ะ อ๊ะ คุณเชาว์ อืมมม สะเสียวค่ะ หลิว...อืมมม” ลัคนาร้องไม่เป็นคำ เมื่อโดนเขาจู่โจมทั้งด้านบนและล่าง

“ทุกอย่างจะดีขึ้นครับ” เขาเลื่อนตัวไปกระซิบข้างหูแล้วพรมจูบไปทั่วแก้ม ลัคนาพยักหน้ารับและกอดเขาไว้

ภายนอกเขาคือชายหนุ่มแสนสุภาพและเงียบขรึม ผิดกับบทรักที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงและโหมกระหน่ำ ลัคนาตื่นเต้นและใจสั่นหวิวกับประสบการณ์แรกที่เขาเป็นคนมอบให้ ซึ่งเธอก็เต็มใจรับไว้และพร้อมจะมอบสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตสาวให้เขาครอบครอง...เพียงคนเดียว

ค่ำคืนที่ด้านนอกฝนยังกระหน่ำให้ความชุ่มฉ่ำแต่ภายในห้องของชวิศกลับร้อนแรงด้วยไฟสวาทที่โหมเข้าหากันไปตลอดทั้งคืน



เช้าวันใหม่ ลัคนาตื่นก่อน เธอขยับตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของชายคนรัก รอยยิ้มยังแตะแต้มบนใบหน้า เธอมองชวิศที่ยังหลับสนิทก่อนโน้มไปแตะปากที่แก้มของเขาเบาๆ แล้วลุกจากเตียง เธอคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่มตัวไว้แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งตรงโซฟา

สายตาของเธอเหลือบไปเห็นชั้นวางของข้างประตู ชั้นบนสุดมีกรอบรูปหลายใบวางอยู่ หญิงสาวเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เป็นรูปของชวิศตั้งแต่เด็กกระทั่งโต เธอไล่มองทีละกรอบก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถึงรูปหนึ่ง

รูปนั้น ชวิศยืนตรงกลางขนาบข้างด้วยชายหญิงวัยกลางคน ใบหน้าของทั้งสามยิ้มแย้มให้กล้อง

เธอรู้จักกับผู้ชายที่ถ่ายรูปกับชวิศ!

แล้วชวิศรู้จักกับเขาคนนั้นได้อย่างไร ดูจากรูปแล้วน่าจะมีความสนิทสนมกันดี สังหรณ์บางอย่างทำให้ใจของลัคนาหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอคว้ารูปนั้นมาถือไว้แล้วตรงไปที่เตียง

“คุณเชาว์!” เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นพร้อมทั้งเขย่าปลุก

ชวิศค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขายิ้มหวานให้เธอแล้วดึงเธอไปหอมแก้ม “อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก” เขาบอกเสียงหวาน แต่ลัคนาไม่รู้สึกวาบไหว

“บอกหลิวหน่อยคะว่าคุณรู้จักกับผู้ชายในรูปนี้หรือเปล่า” เธอถามแล้วยื่นกรอบรูปส่งให้ ขณะที่ชวิศยิ้มกว้าง

“รู้จักสิครับ ผมรู้จักผู้ชายกับผู้หญิงในรูปนี้ดีที่สุด และเขาสองคนก็เป็นคนที่รู้จักผมดีที่สุดด้วย หลิวรู้จักพ่อกับแม่ผมด้วยหรือครับ โลกช่างกลมจริงๆ”

“พ่อกับแม่ของคุณหรือคะ” เธอถามเสียงสั่น ความตระหนกปรากฏในสายตา ทำเอาชวิศขมวดคิ้ว

“ครับ พ่อกับแม่ของผม ทำไมหรือครับ”

“ผู้ชายคนนี้” เธอบอกและพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น “เป็นพี่ชายแท้ๆ ของแม่หลิว เขาเป็นลุงของหลิว”

“ครับ! อะไรนะครับ!”





“หลิว!” เขมนิจกับวศินียกมือขึ้นปิดปากและอุทานเรียกเพื่อนออกมาพร้อมกันหลังจากที่เพื่อนเล่าจบ

“ใช่ ฉันกับเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ลุงชัยย้ายไปอยู่ออสเตรเลียตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด ฉันรู้ว่าลุงมีลูกชายคนหนึ่งแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร คุณเชาว์ก็บอกว่าเขากลับมาไทยได้สี่ห้าปีแล้ว แต่พ่อกับแม่เขายังอยู่ที่นั่น”

“มันเกิดขึ้นนานหรือยัง” วศินีถามเสียงเบาอย่างเกรงใจ

“เกิดขึ้นเมื่อาทิตย์ก่อน ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี รักฉันเขา และเขาก็รักฉัน แต่มัน...มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย” ลัคนาถามเสียงเศร้า

“แล้วเธอกับเขายังคุยกันอยู่หรือเปล่า” เขมนิจถาม

“ฉันกับเขายังช็อกอยู่ วันนั้นฉันรีบใส่เสื้อผ้าและออกจากห้องเขา ส่วนเขาก็เอาแต่นั่งซึม และพูดว่าไม่จริง เขาไม่เชื่อ มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด หลังจากนั้นเขาก็หายไปเกือบอาทิตย์ จนเมื่อสองวันก่อน เขามาหาฉันที่ร้านและบอกว่าเขาไม่สนที่เราจะเป็นญาติกัน เราเป็นแค่ญาติไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ซะหน่อย แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ฉันจะบอกแม่ยังไง ฉันจะมองหน้าลุงชัยได้ยังไง”

“เธอเลยหลบหน้ามาที่นี่ใช่ไหม” วศินีถาม

“ใช่” ลัคนายอมรับ “ก่อนมาที่นี่ ฉันส่งข้อความบอกเขาว่า เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ และขอให้เขาตัดใจก่อนที่อะไรๆ มันจะแย่ไปกว่านี้ แต่เธอเชื่อมั้ย ฉันบอกให้เขาตัดใจ แต่ฉันกลับลืมเขาไม่ได้ ฉันเลิกรักเขาไม่ได้ ฉันคิดกับเขาเป็นแค่พี่ชายไม่ได้ ฉัน...ฉัน” ลัคนาสับสน จนวศินีต้องกอดเพื่อนไว้และลูบแขนปลอบใจ

“ไม่เป็นไรหลิว ใจเย็นๆ”

“ค่อยๆ คิดนะหลิว ฉันเชื่อว่าเรื่องของเธอต้องมีทางออก ทุกปัญหามีทางแก้ไขเสมอ” เขมนิจปลอบ

“เธอจะตัดสินใจกับปัญหาของตัวเองยังไง” ลัคนาถามเพื่อน ขณะที่เพื่อนทั้งสองส่ายหน้า สีหน้าอมทุกข์

“ฉันจะพยายามตีตัวออกห่างจากพี่ยุทธ และหากทำไม่ได้ ฉันคงต้องตัดสินใจลาออก แต่คงยากที่จะตัดใจจากเขาได้” เขมนิจยอมรับ

“ฉันก็คงต้องรอเวลาให้พี่เต้กลับเมืองนอกไปก่อน แต่พี่ไกรบอกว่าเขากำลังจะย้ายมาประจำที่เมืองไทย ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะห้ามใจไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้หรือเปล่า” วศินีบอกก่อนถาม “แล้วเธอล่ะ จะตัดสินใจยังไงกับปัญหาที่เกิดขึ้น”

“ฉันยังไม่รู้เหมือนกัน มันยากที่จะตัดใจและห้ามใจจริงๆ”

“ใช่ เรื่องของฉันก็เหมือนกัน” เขมนิจเห็นด้วย

“ฉันก็เหมือนกัน” วศินียอมรับ

สามสาวมองหน้ากันไปมา ในโลกแห่งอุดมคติ เราจะตัดสินใจอย่างไรก็ได้เพื่อให้ดูดีที่สุด แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มันยากที่จะทำอย่างที่คิดไว้ ภายนอกพวกเธอคือคนที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว มีพร้อมทั้งรูปโฉม ทรัพย์สมบัติและสติปัญญา แต่...มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาเติมเต็มให้กับชีวิตได้

สิ่งที่ถูกใจมักสวนทางกับสิ่งที่ถูกต้องเสมอ

และเมื่อถึงเวลา พวกเธอคงตัดสินใจได้ว่าจะให้สิ่งใดมีอิทธิต่อจิตใจมากกว่ากัน




. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


ติดตามเรื่องราวของแต่ละคนได้เร็วๆ นี้ค่ะ หรือจะโหลดมาอ่านกันก่อนก็ได้ที่เว็บเมพ ตอนนี้จัดเป็นเซต ลดราคาอยู่ 

โหลด -- >> Set "รัก-ต้อง-ห้าม" หรือจะแยกโหลดเป็นเรื่องๆ ก็ได้จากลิงก์ค่ะ


เรื่องสั้นของสาวสาม สามารถโหลดฟรีได้ที่เมพ -- >> รวมเรื่องสั้น "รัก-ต้อง-ห้าม" 




ติดตามความเคลื่อนไหวของคนเขียนได้ที่ แฟนเพจ "จันทร์ทอแสง"





Create Date : 10 กรกฎาคม 2558
Last Update : 10 กรกฎาคม 2558 12:29:39 น. 0 comments
Counter : 1528 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com