นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 ตุลาคม 2558
 

[ต้องมนต์สวาท] 2 : คุณครูคนใหม่




ตอนที่ 2

คุณครูคนใหม่




วศินีขับรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในซอยบ้านตัวเองก่อนเธอจะเบรกกะทันหันเมื่อมีเด็กคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถพร้อมเสียงตะโกนด้วยความตกใจ

“กรี๊ดดด” หญิงสาวหลับตาแล้วกำพวงมาลัยแน่น ศีรษะของเธอถลำไปข้างหน้าจากการเบรก โชคดีที่คาดเข็มขัดไว้ทำให้หัวไม่กระแทกหน้ารถ เธอหายใจหอบและภาวนาขอให้ตัวเองไม่ชนเด็กคนนั้น

เสียงเด็กร้องไห้ดังแว่วมาให้ได้ยินพร้อมเสียงทุ้มเอ็ดตะโรฟังไม่ได้ศัพท์ วศินีถอนใจด้วยสีหน้าโล่งๆ เสียงร้องไห้ทำให้เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ชนเด็กคนนั้นหรือถ้าชนก็คงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต และเมื่อตั้งสติได้แล้วเธอก็รีบลงจากรถไปดูเหตุการณ์

“น้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งๆ ทำไมถึงไม่เชื่อฟังบ้างเลย นี่ถ้าถูกชนขึ้นมาจะทำยังไง ห๊า!” ชายหนุ่มร่างสูงพูดเสียงดังแทบจะกลายเป็นตะโกนใส่เด็กชายตัวน้อยวัยไม่น่าเกินหกขวบที่กำลังนั่งร้องไห้อย่างเสียขวัญ

“คุณคะ อย่าดุแกเลยค่ะ” หญิงสาวรีบห้ามแล้วตรงไปดู “หนูเป็นยังไงบ้างจ๊ะ น้าขอโทษนะที่ไม่ทันระวัง”

“น้องนนต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ นี่สงสัยกลับไปต้องโดนสักทีสองทีจะได้จำ” ชายคนนั้นยังไม่หายโมโห เขายืนกอดอกแล้วมองเด็กชายด้วยคิ้วที่ขมวดยุ่ง ขณะที่เด็กชายังร้องไห้น้ำตาไหลพราก หญิงสาวเห็นชายคนนั้นถอนใจหลายครั้งก่อนเขาจะนั่งยองๆ แล้วลูบศีรษะเด็กน้อย

“ไม่เอาน้องนน อย่าร้อง น้าขอโทษที่อารมณ์เสียไปหน่อย แต่คราวหลังน้าพูดอะไรก็เชื่อฟังบ้าง นี่มันถนนรถวิ่งไม่ใช่สนามเด็กเล่น” เขาพูดเสียงอ่อนแล้วอุ้มเด็กชายขึ้นมาพร้อมปัดเศษดินเศษฝุ่นตามตัว เด็กชายไม่ได้รับบาดเจ็บและนั่งห่างจากรถของเธอไปเป็นวา

“นนขอโทษ” เด็กน้อยว่าแล้วกอดชายหนุ่มคนนั้นไว้แน่น

“เจ็บตรงไหนบ้างครับ เดี๋ยวน้าพาไปทำแผล” เขาถามเสียงอ่อน ผิดเป็นคนละคนกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

“ไม่ครับ นนไม่เจ็บ” เมื่อได้รับคำตอบจากหลานชาย หนุ่มร่างสูงก็หันมาทางวศินี

“ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ทันระวัง เกือบชนหลานคุณแล้ว” เธอพูด น้ำเสียงยังสั่นๆ ด้วยความผวา

“ผมต้องขอโทษด้วยที่หลานวิ่งมาตัดหน้ารถคุณ และโชคดีที่คุณขับไม่เร็ว ไม่งั้นน้องนนไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของเขาแสดงความหวาดหวั่นเช่นกัน

“ในซอยแบบนี้ขับเร็วไม่ได้หรอกค่ะ บ้านคุณอยู่ตรงไหนคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณเลย เพิ่งย้ายมาหรือคะ” เธอถาม บ้านเธออยู่ในซอยเล็กที่พอให้รถสวนกันเท่านั้นและไม่ได้เป็นถนนทางลัด รถที่วิ่งหรือคนที่เดินไปมา ส่วนใหญ่จะเป็นคนในซอยนี้ ซึ่งเธอจะคุ้นหน้าคุ้นตาพอสมควร แม้ไม่สนิทกันก็ตาม

“ผมเพิ่งย้ายมาครับ แต่อยู่ซอยถัดไป วันนี้ว่างๆ เลยมาเดินสำรวจว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง” เขาตอบ

“ฉันอยู่ซอยนี้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว ผมกับหลานขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขาเอ่ยลาเพราะหลานชายตัวน้อยฟุบหลับคาไหล่ไปแล้ว

“เดี๋ยวฉันไปส่งดีกว่าค่ะ จากตรงนี้อีกตั้งไกลกว่าจะถึงทางเชื่อมซอย ตอนนี้หลานคุณก็หลับอยู่ด้วย อย่าเดินตากแดดเลยนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายไป” เธอบอกอย่างเป็นห่วง ชายคนนั้นเหลือบมองหลานชายด้วยสีหน้าตัดสินใจก่อนพยักหน้าให้เธอ

“ยังไงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะครับ” เขาไม่ขัดก่อนเดินไปขึ้นรถของวศินี

บ้านของวิกรมอยู่ห่างจากบ้านของวศินีพอสมควร ซึ่งถ้าเดินอาจต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง แถมเดินในสภาพอากาศที่ร้อนอ้าวแบบนี้ มีหวังหลานของเขาต้องไม่สบายแน่ๆ

และเมื่อไปส่งถึงบ้าน เขาก็แสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยการเชิญเธอไปดื่มน้ำและนั่งคุย วศินีอยากคุยกับเด็กชายที่กำลังหลับ จึงอยู่คุยกับวิกรมที่บ้านของเขา ซึ่งดูจากการตกแต่งแล้ว ไม่เหมือนคนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เลย

“นี่เป็นบ้านพ่อกับแม่ผมครับ ส่วนผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่” ชายหนุ่มเฉลย “วันนี้ว่างก็เลยชวนหลานออกไปเดินเล่น ปกติแกก็ไม่ค่อยออกไปไหนหรอกครับ เพราะแม่ผมไม่ยอมพาออกไป แกเป็นเด็กค่อนข้างซนน่ะครับ ชอบวิ่งเล่น ผู้ใหญ่เขาจับไม่ค่อยทัน แต่ช่วงนี้แม่ผมไปต่างจังหวัด ผมเลยต้องรับอาสาดูหลานให้ นี่ถ้าเขารู้ว่าหลานเกือบถูกรถชน ผมโดนเล่นงานแน่ๆ ครับ”

“น้องนนกี่ขวบแล้วคะ น่าจะเข้าโรงเรียนได้แล้วนะคะ”

“เข้าครับ แต่ช่วงนี้โรงเรียนปิด อีกสองเดือนเปิดเทอมก็ขึ้นปอหนึ่งแล้วครับ”

“อ๋อ! โรงเรียนปิดหรือคะ ที่บ้านวาไม่มีเด็กเลยไม่รู้ว่าช่วงไหนเปิดหรือปิด” เธอบอกเก้อๆ ระหว่างนั้นเด็กชายตัวน้อยก็รู้สึกตัวขึ้น วิกรมยิ้มให้หลานที่นั่งทำหน้ามึนงง

“ไงเรา จำได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาถามยิ้มๆ น้ำเสียงเป็นกันเอง

“นนฝันครับ ฝันว่าเกือบโดนรถชน เอ๊ะ!” เด็กชายอุทานเมื่อเหลือบไปเห็นสาวในความฝันที่เกือบขับรถชนตัวเอง

“น้องนนไม่ได้ฝันหรอก แต่เพราะเราซนจนเกือบโดนรถชนจริงๆ ต่างหาก นี่ดีนะที่น้าวาขับไม่เร็ว ไม่งั้นเราต้องโดยคุณยายฟาดก้นแน่ๆ”

“นนขอโทษครับ” น้องนนทำหน้าเศร้าแล้วเดินเข้าไปยกมือไหว้วศินี หญิงสาวลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

“น้าวาก็ต้องขอโทษด้วยที่ขับรถไม่ระวัง น้องนนยังเจ็บอยู่มั้ยครับ” เธอถาม

“ไม่ครับไม่เจ็บเลย เดี๋ยวนนเปิดทีวีให้น้าวาดูนะครับ” เด็กชายพูดอย่างเอาใจ เพราะรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองทำผิดเต็มประตู

“เอาสิครับ” วศินีไม่ขัด เธอรักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเด็กช่างพูดและไม่งอแงแบบนี้ ทำให้รักและเอ็นดูเป็นพิเศษ

รายการที่น้องนนเปิดให้ดูเป็นการ์ตูนสอนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ จำพวก สัตว์ ผลไม้และสิ่งต่างๆ ที่เด็กต้องพบเจอ

“ดูน้องนนจะชอบภาษาอังกฤษนะคะ” หญิงสาวชวนคุย

“เริ่มดีขึ้นครับ เมื่อก่อนน้องนนไม่ชอบเลย นี่ก็พยายามให้ดูซีดีพวกนี้เยอะๆ เปิดเรียนแล้วจะได้เรียนทันเพื่อนๆ เขา” เขาบอกและหยิบสมุดภาพภาษาอังกฤษที่วางอยู่บนโซฟามาเปิดดู

“น้องนนมาอ่านนี่โชว์น้าวาหน่อยครับ” เขาบอกหลาน น้องนนละสายตาจากการ์ตูนหันมามองแล้วทำหน้าเหม็นคล้ายไม่ชอบแต่ก็ยอมเดินมาใกล้น้าชาย

“น้องนนจำศัพท์ผลไม้ได้หมดหรือยังครับ” เขาถาม

“ได้แล้วครับ” เด็กชายบอกแล้วรับสมุดไปถือไว้ก่อนอ่าน ผลไม้ที่พบเห็นเป็นประจำ เด็กน้อยก็พอจะอ่านได้ แต่ถ้าเป็นผลไม้ที่ไม่มีในประเทศและหายาก เด็กชายก็ท่องแบบติดขัดและเกาหัว สร้างรอยยิ้มให้วศินีไม่น้อย ก่อนเธอจะช่วยบอกศัพท์ที่เด็กน้อยไม่รู้ หลังจากนั้นการสอนคำศัพท์จึงเกิดขึ้น เธอเข้ากับน้องนนได้ดีและสนิทกันอย่างรวดเร็ว

“คุณวาเข้ากับเด็กได้ดีนะครับ สนใจที่จะมาเป็นครูพิเศษให้น้องนนมั้ยครับ ผมให้ใครมาสอนกี่คนๆ ก็เอาน้องนนไม่อยู่สักคน” วิกรมเอ่ยชวนก่อนมีสีหน้าไม่มั่นใจ “ไม่ทราบว่าคุณวาสะดวกมั้ยครับ”

“วาสะดวกอยู่แล้วค่ะ เพราะปกติก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว นอกจากทำงานบ้าน”

“แล้วสนใจที่จะมาสอนน้องนนมั้ยครับ วันละหนึ่งถึงสองชั่วโมง ส่วนเวลาก็แล้วแต่คุณวาสะดวกเลยครับ จะเป็นบ้านผมหรือบ้านคุณก็ได้”

“จริๆ วาสนใจค่ะ แต่ขอวาไปคุยกับสามีก่อนได้มั้ยคะว่าเขาจะอนุญาตหรือเปล่า” เธอบอกแบบแบ่งรับแบ่งสู้

“ได้ครับ” วิกรมยิ้มรับ

วศินีนั่งเล่นกับน้องนนเกือบสองชั่วโมงก็ขอตัวกลับ โดยมีเด็กชายตามไปโบกมือล่ำลาและมีสีหน้าไม่อยากให้เธอกลับอยู่หน้าบ้าน



เย็นวันนั้น วศินีก็บอกเรื่องการเป็นครูพิเศษของเธอกับสามี ในตอนแรกไกรวิทย์ค่อนข้างแปลกใจที่เธอไปรู้จักกับคนที่อยู่ซอยถัดไป จนเมื่อหญิงสาวบอกเล่าเหตุการณ์ให้ฟังเขาก็พยักหน้ารับ

“นี่ดีนะที่ลูกหลานเขาไม่เป็นอะไรมาก ไม่งั้นน้องวาต้องแย่แน่ๆ”

“จริงค่ะ ตอนนั้นน้องวาตกใจหมดเลย แต่ก็ดีนะคะที่น้าของเด็กไม่โทษว่าเป็นความผิดของน้องวา ตอนแรกเขาดุหลานใหญ่เลยค่ะที่วิ่งออกมาที่ถนน”

“แล้วเรื่องไปสอนพิเศษหลานเขา น้องวาตัดสินใจยังไง” ไกรวิทย์ถาม

“น้องวาสนใจค่ะ หลานเขาน่ารักดีนะคะ ช่างพูดช่างคุย แล้วก็สอนแค่สองชั่วโมงต่อวันเท่านั้น น้องวาอยากลองดูค่ะ พี่ไกรเห็นว่ายังไงคะ”

“พี่ตามใจน้องวาจ้ะ ถ้าน้องวาอยากทำพี่ก็เห็นดีด้วย ดีเหมือนกันน้องวาจะได้ไม่เบื่อ”

“ขอบคุณมากค่ะ” เธอบอกแล้วเข้าไปกอดและหอมแก้มเขา ไกรวิทย์ลูบศีรษะภรรยาอย่างเอ็นดู

“วันมะรืนพี่ต้องไปสิงคโปร์ประมาณสามวัน น้องวาจะไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ก่อนมั้ย”

“ไปสิงคโปร์หรือคะ พี่ไกรไม่เห็นบอกน้องวาก่อนเลย” เธอถามเสียงตกใจ

“พี่เพิ่งรู้แพลนน่ะ นี่ก็เพิ่งจองตั๋วกันเมื่อกลางวันนี่เอง”

“มีใครไปบ้างคะ”

“พี่กับชัชสองคน”

ชัชพงศ์ คือหุ้นส่วนที่ร่วมกับไกรวิทย์เปิดบริษัทรับติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เขาเป็นรุ่นน้องของไกรวิทย์ เคยทำงานบริษัทเดียวกัน ก่อนแยกตัวออกมาเปิดบริษัทร่วมกัน

“น้องวาจะไปอยู่บ้านแม่มั้ย พี่ไม่อยากให้น้องวาอยู่คนเดียว” เขาบอกมาอีก

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องวาอยู่ที่นี่คนเดียวได้”

“แน่ใจนะว่าอยู่ได้” เขาถามย้ำ

“แน่ใจสิคะ เราอยู่ที่นี่กันมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย”

“งั้นก็ตามใจ พี่ไม่อยากขัดใจน้องวา แต่ถ้าเหงาหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย น้องวาต้องรีบโทรไปบอกที่บ้านเลยนะ หรือว่าจะให้พี่โทรไปบอกดี เผื่อว่าจะให้คุณแม่มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย”

“ไม่ค่ะไม่ต้อง” หญิงสาวรีบห้าม “น้องวาโตแล้วนะคะ แต่งงานมาหลายปีแล้วด้วย พี่ไกรอย่าทำเหมือนน้องวาเป็นเด็กเล็กๆ สิคะ” เธอบอกเสียงงอน

“โอเคๆ พี่ไม่บอกที่บ้านก็ได้” ไกรวิทย์ยอมตามใจ




เมื่อถึงวันเดินทาง วศินีไปส่งสามีที่สนามบิน ครั้งนี้เธอได้เจอกับชัชพงศ์ด้วย
เขาเป็นชายหนุ่มร่างผอมสูงผิวขาว ชายหนุ่มสนิทกับวศินีพอสมควรเพราะเจอกันบ่อยตามงาน

เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าเกต ไกรวิทย์ก็ดึงภรรยามากอดและหอมแก้มพร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนาให้ดูแลตัวเองดีๆ แล้วเขาจะโทรมาถามความเคลื่อนไหวเรื่อยๆ หญิงสาวยิ้มและรับคำด้วยน้ำเสียงแข็งขันก่อนยืนส่งจนสองหนุ่มเข้าเกตหายลับตาไป

เมื่อเข้าสู่พื้นที่สำหรับผู้โดยสารแล้ว ชัชพงศ์ก็ช้อนตามองหุ้นส่วนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ขณะที่ไกรวิทย์ยิ้ม

“ไม่เอาน่าชัช คนเป็นสามีภรรยากันก็ต้องแสดงออกบ้าง”

“แต่นี่มันเกินไป เล่นกอดเล่นหอมกันต่อหน้าต่อตากันเลย” ชัชพงศ์บอกด้วยน้ำเสียงปั้นปึง จนไกรวิทย์ต้องเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ

“ถึงโน่นก็ค่อยลบก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องโกรธเลย” เขายังใจเย็น ขณะที่ชัชพงศ์ยกมือขึ้นเช็ดแก้มของไกรวิทย์ ตรงตำแหน่งที่วศินีประทับรอยจูบไว้

“แน่นอนอยู่แล้ว จะลบออกให้หมดทั้งตัวเลย...พี่ไกรกลับบ้านไปเป็นอาทิตย์ คงมีความสุขมาก” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“สุขขนาดไหนก็สู้ชัชไม่ได้หรอก นี่พี่อุตส่าห์พาไปเที่ยวไกลถึงสิงคโปร์แล้ว ยังจะโกรธอีกเหรอ” ไกรวิทย์ถามยิ้มๆ และมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู ผู้โดยสารที่เดินเข้าเกตส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติและต่างคนต่างเดิน ไม่มีใครสนใจพวกเขา ทำให้ทั้งสองพูดคุยและแสดงออกอย่างเปิดเผย

“วาไม่สงสัยเลยหรือว่าพี่ไกรไปทำอะไรที่สิงคโปร์” ชัชพงศ์ถาม ไกรวิทย์ยักไหล่เล็กน้อย

“ไม่ถามอะไรเลย พี่บอกแค่ว่าเพิ่งรู้แพลนแล้วเปลี่ยนเรื่องบอกให้เขาไปอยู่กับครอบครัว น้องวาไม่ชอบให้ใครมองเขาเป็นเด็กๆ เรื่องไปสิงคโปร์เลยถูกลืมๆไป”

“น้องวาอย่างนั้น น้องวาอย่างนี้” ชัชพงศ์เลียนเสียงแบบงอนๆ

“ไม่เอาน่า อย่าทำให้การเที่ยวของเราวันนี้มันกร่อยสิ นานๆ เราจะมาเที่ยวกับแบบนี้ซะที อย่างอนนักเลย” รุ่นพี่ยังพูดอย่างใจเย็นและไม่ถือเป็นสาระ

“ก็ได้ครับ แต่ไปถึงโน่นแล้ว พี่ไกรต้องตามใจชัชนะครับ” ชัชพงศ์บอก

“พี่เคยขัดใจชัชเหรอ” เขาถามกลับ ชัชพงศ์ยิ้มปลื้ม นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังเดินอยู่ในสนามบิน เขาคงกระโดดหอมแก้มไกรวิทย์เพื่อให้รางวัลแล้ว

“สามวันนี้จะเป็นของชัชคนเดียว พี่พาเที่ยวแล้ว ชัชต้องตามใจและให้รางวัลพี่ด้วยนะ” ไกรวิทย์บอกเสียงยิ้มๆ

“แน่นอนอยู่แล้ว รอให้ถึงห้องพักก่อนนะครับ ชัชรับรองว่าพี่ไกรจะต้องชอบและมีความสุขมากกว่าอยู่กับชะนีน้อยแน่ๆ”

ไกรวิทย์หัวเราะเมื่อได้ยินรุ่นน้องคู่ขาเรียกภรรยาของตน ก่อนทั้งคู่จะยุติบทสนทนาเมื่อเดินมาถึงที่นั่งพัก

ทั้งสองไม่พูดคุยกันอีกและมุ่งความสนใจไปยังโทรศัพท์ของตน พวกเขาเปิดโปรแกรมไลน์และเข้าสู่การแชทแบบส่วนตัว ซึ่งไม่มีข้อความใดๆ ก่อนหน้านั้นเลย เพราะเป็นการคุยแล้วลบแบบครั้งต่อครั้ง ไกรวิทย์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เช่นเดียวกับชัชพงศ์ที่กดโทรศัพท์ไปกลั้นยิ้มไป ข้อความที่ทั้งสองส่งให้กันมีแต่คำหวานและคำพลอดรักที่ชวนให้ขวยเขิน


.................................

อะไรยังไงล่ะเนี่ย

ใครอยากอ่านแบบยาวๆ สามารถโหลดฉบับอีบุ๊กมาอ่านกันก่อนได้




โหลดผ่านเมพ -->> ต้องมนต์สวาท

หรือจะโหลดแบบเป็นชุดก็ได้ -->>  Set รัก-ต้อง-ห้าม



โหลดผ่าน The1Book ก็ได้ค่ะ







Create Date : 11 ตุลาคม 2558
Last Update : 11 ตุลาคม 2558 13:58:01 น. 1 comments
Counter : 1367 Pageviews.  
 
 
 
 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
 
 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:16:57:04 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com