นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

 
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 กรกฏาคม 2558
 

รัก-ต้อง-ห้าม : ต้องมนต์สวาท



: : : คำเตือน : : :

เนื้อหาของตอนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากคุณไม่ชอบบทเรท 20+ กรุณาข้าม แต่ถ้าชอบ ก็อ่านโลดดดด



ตอน...ต้องมนต์สวาท


วศินีในวัยยี่สิบห้าปี แต่งงานมาแล้วสองปีหลังเรียนจบ โดยคู่ชีวิตของเธอคือคนที่พ่อและแม่เห็นว่าเหมาะสม และ “ไกรวิทย์” ก็คือคนที่พวกท่านเลือกให้เธอ เขาอายุมากกว่าเธอห้าปี วันๆ ทำแต่งาน พ่อแม่ของทั้งสองรู้จักชอบพอกันดี จึงคิดจับทั้งสองแต่งงานกัน เขาไม่ปฏิเสธ ส่วนเธอก็ขัดพ่อแม่ไม่ได้ การแต่งงานจึงเกิดขึ้นหลังจากทำความรู้จักกันได้ครึ่งปี

แม้จุดเริ่มต้นจะไม่ได้เกิดจากความรัก แต่ทั้งสองก็อยู่ด้วยกันดี และดูเหมือนว่าไกรวิทย์จะรักวศินีไม่น้อย เขาไม่หวาน ไม่โรแมนติกแต่ก็ตามใจเธอทุกเรื่อง เธออยากไปเที่ยวไหน อยากกินอะไร เขาก็จะพาไปทุกเมื่อ แม้งานจะยุ่งจะหนักแต่เขาก็ปลีกเวลามาให้เธอได้เสมอ

ส่วนเรื่องบนเตียง แม้จะไม่เร้าใจแต่ก็เติมเต็มความสุขให้แก่กันได้ดี โดยรวมแล้วชีวิตของเธอก็ถือว่าสมบูรณ์แบบทีเดียว

หรือบางที เธออาจคิดไปเองก็ได้ว่าชีวิตของเธอสมบูรณ์!


เช้าวันเริ่มต้นทำงาน ไกรวิทย์เดินลงบันไดมา บนแขนของเขามีเสื้อสูทพาดอยู่ ใบหน้าของเขาคมคาย รูปร่างไม่อ้วนไม่ผอม ถือเป็นคนหนุ่มที่ดูแลตัวเองดีพอสมควร

“วันนี้ทำอะไรกินจ๊ะน้องวา หอมจังเลย” เขาทักพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก

“มื้อเช้าแบบอเมริกัน แฮม ไส้กรอก ไข่ดาวค่ะ ทุกวันทำแต่ข้าวต้ม น้องวากลัวพี่ไกรจะเบื่อ”

“ฝีมือน้องวาพี่ไม่เบื่อหรอกจ้ะ น้องวาทำอะไรก็อร่อย พี่กินได้ทั้งนั้น” เขาบอกแล้วดึงภรรยาสาวเข้ามาหอมแก้มให้รางวัล

“เย็นนี้พี่ไกรจะทานอะไรคะ น้องวาจะได้เตรียมไว้” วศินีถามระหว่างที่นั่งกินมื้อเช้า

“วันนี้ไม่ต้องทำจ้ะ พี่ต้องไปรับเพื่อนที่สนามบินตอนเย็นและคงไปกินข้าวกันข้างนอก น้องวาไปกับพี่ด้วยนะ”

“คะ น้องวาต้องไปด้วยหรือคะ” เธอถาม

“จ้ะ เพื่อนพี่เพิ่งมาจากอังกฤษ เขาจะมาค้างที่บ้านของเราด้วยหนึ่งคืน พรุ่งนี้เที่ยงๆ เขาจะบินไปเชียงใหม่”

“น้องวารู้จักเพื่อนคนนี้หรือเปล่าคะ”

“ไม่จ้ะ เพื่อนพี่คนนี้ทำงานอยู่อังกฤษ นานๆ ถึงจะมาไทยสักที”

“คนต่างชาติหรือคะ”

“คนไทยจ้ะ แต่ไปทำงานที่นู่น แต่ช่วงนี้ต้องมาไทยเพราะบริษัทเขาจะมาเปิดสาขาที่นี่ เลยส่งเจ้าเต้มาดูแลจะได้พูดคุยกันง่ายหน่อย”

“แล้วให้น้องวาไปแบบนี้ เขาไม่อึดอัดหรือคะ”

“ไม่หรอกจ้ะ พี่อยากให้น้องวาไปด้วย ทำความรู้จักกับเขาไว้ก่อน เพราะเขาจะมานอนที่บ้านของเรา พี่กลัวน้องวาไม่ชิน”

“แต่เขามานอนแค่คืนเดียวใช่ไหมคะ”

“จ้ะ นอนคืนนี้แล้วอาจต้องรบกวนน้องวาดูแลมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงให้เขาด้วย แล้วสักบ่ายๆ เขาจะเดินทางไปสนามบินเอง”

“ได้ค่ะ น้องวาดูแลเพื่อนของพี่ไกรได้” หญิงสาวรับปาก

“เย็นนี้สักสี่โมง พี่แวะมารับน้องวานะจ๊ะ แล้วค่อยเลยไปรับเพื่อนพี่ที่สนามบิน”

“ค่ะ” เธอรับคำ




กว่าวศินีและไกรวิทย์พร้อมเพื่อนของเขาจะกลับถึงบ้านก็กือบสี่ทุ่ม เพราะไกรวิทย์พาเพื่อนรุ่นน้องของเขาไปเลี้ยงอาหารเย็นที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเตชินท์ก็ตื่นเต้นกับบรรยากาศและรสชาติของอาหารไทยมาก เพราะเขาไม่ค่อยได้มีโอกาสกินอาหารไทยแบบไทยแท้ๆ แบบนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง

เตชินท์เป็นชายหนุ่มร่างสูงสง่า แม้จะอยู่เมืองนอกที่มีอาหารประเภทนมเนย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยตัวให้อ้วนฉุเหมือนหนุ่มฝรั่งทั่วไป ตรงกันข้าม หุ่นของเขามีแต่กล้ามล่ำๆ บวกกับรูปร่างที่สูงกว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรด้วยแล้ว ทำให้เขากลายเป็นชายหนุ่มที่น่ามองไม่น้อยทีเดียว

หนึ่งในนั้นคือวศินี

เธอสังเกตเตชินท์ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่สนามบินแล้วและอดยิ้มกับความหล่อเหลาของเขาไม่ได้ นี่ถ้าเธอยังไม่แต่งงาน คงคิดอยากสานสัมพันธ์ด้วยแน่ๆ

“พรุ่งนี้พี่ต้องออกเช้า แต่พี่บอกวาแล้วล่ะว่าให้เตรียมมื้อเช้าให้นายด้วย อยากได้อะไรก็บอกน้องวาได้เลยนะ” ไกรวิทย์บอกเพื่อนรุ่นน้อง

“ครับพี่ ขอบคุณพี่ไกรมากครับและต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนแบบนี้”

“ไม่เป็นไรๆ คนกันเองทั้งนั้น ตอนที่พี่ไปเรียนที่นู่น นายก็ช่วยไว้เยอะเหมือนกัน แค่นี้ถือว่าสบายมาก พรุ่งนี้เดี๋ยวให้น้องวาเตรียมอาหารไทยให้นายกินแล้วกัน เมียพี่ทำอาหารอร่อยนะ รับรองว่านายจะต้องติดใจ”

“ครับ ขอบคุณน้องวามากครับ”

“มื้อเที่ยงพี่เต้อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าวาจะได้ออกไปซื้อมาเตรียมไว้ให้” เธอถาม

“เอาที่น้องวาสะดวกก็ได้ครับ พี่กินได้หมด วันนี้ก็ซัดอาหารไทยไปเต็มคราบแล้ว พี่ไม่มีอาหารโปรด ขอให้เป็นอาหารไทย พี่กินได้หมดครับ” เขาบอก

“กินได้หมดนี่แหละ ของยากที่สุดเลย” ไกรวิทย์บอก ทำเอารุ่นน้องหัวเราะ

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเป็นพวก ผัดผัก ไข่เจียวก็ได้ครับ หรือน้องวากินอะไรตอนเที่ยง พี่ก็กินแบบนั้นครับ” เตชินท์บอก

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ

“งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปที่ห้อง” ไกรวิทย์บอกแล้วเดินนำขึ้นบันได



เช้าวันต่อมา วศินีเตรียมมื้อเช้าเป็นข้าวต้มกุ้งและยังมีขนมปังกับเนยถั่วอีกด้วย เพื่อเป็นทางเลือกให้เตชินท์ แต่ดูเหมือนว่าเขายังปรับตัวกับเวลาไม่ได้ เพราะเจ็ดโมงแล้ว ผู้อาศัยยังไม่ตื่นเลย

“เมื่อกี้พี่เข้าไปดูแล้ว มันยังนอนอยู่เลย บอกว่ากว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่ เวลามันไม่ตรงกันก็แบบนี้” ไกรวิทย์บอกภรรยา

“ถ้าอย่างนั้นคงได้กินมื้อเที่ยงอย่างเดียวแล้วมั้งคะ” เธอออกความเห็น

“ก็คงงั้น แต่วางขนมปังไว้แล้วกัน ถ้าเขาตื่นคงกินรองท้องไปก่อน”

“ค่ะ...แล้วนี่น้องวาต้องไปส่งพี่เต้ที่สนามบินหรือเปล่าคะ” เธอถาม

“คงไม่ต้องหรอก น้องวาเรียกแท๊กซี่ให้เขาแล้วกัน ถ้าขึ้นรถแล้ว เดี๋ยวพี่โทรถามเรื่อยๆ เมื่อวานเขาบอกว่า เครื่องที่จะไปเชียงใหม่ออกเย็นๆ งั้นก็ให้เขาออกจากบ้านซะบ่ายโมงแล้วกัน จะได้ไม่ต้องรีบมาก” เขากะเกณฑ์

“ค่ะ”

“เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนแล้วกัน วันนี้พี่ต้องออกไปหาลูกค้านอกเมือง กว่าจะกลับก็ค่ำๆ”

“จะให้น้องวาเตรียมอาหารไว้มั้ยคะ”

“พี่ยังไม่แน่เลยว่าจะกลับกี่โมง เดี๋ยวเที่ยงๆ พี่โทรหาน้องวาอีกทีแล้วกัน”

“ได้ค่ะ” เธอรับคำอย่างว่าง่ายก่อนช่วยถือเสื้อสูทและเดินไปส่งเขาที่รถ


ไกรวิทย์จูบแก้มภรรยาซ้ายขวาเหมือนเช่นทุกครั้งก่อนออกไปทำงาน โดยมีวศินียืนส่งหน้าประตูรั้วจนรถแล่นลับไป เธอจึงปิดประตูรั้วลงกลอนแน่นหนาแล้วเดินกลับเข้าบ้าน


สิบเอ็ดโมงกว่า เตชินท์ก็เดินลงมาจากบันไดด้วยสีหน้าสดใส เขามองซ้ายขวาแต่ไม่เห็นเจ้าของบ้าน จึงเดินไปยังห้องนั่งเล่นเล็กที่อยู่ติดครัว และเห็นวศินีเอนตัวหลับอยู่บนโซฟา ข้างกายของเธอมีหนังสือนิยายเล่มหนึ่งเปิดค้างไว้

ใบหน้าหวานใสไร้เครื่องสำอางแต่งเติมสะกดให้เตชินท์มองนิ่ง เขายิ้มนิดๆ ให้กับความใสบริสุทธิ์และรู้สึกอิจฉาเพื่อนรุ่นพี่อย่างบอกไม่ถูกที่ได้ศรีภรรยาน่ารักอ่อนหวาน ช่างเอาใจใส่แบบนี้

อยากรู้จริงๆ ว่าเวลาอยู่บนเตียง เธอจะเอาใจและอ่อนหวานขนาดไหน...

เพียงแค่คิด หัวใจของเตชินท์ก็รัวเร็วและรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

ชายหนุ่มย่อตัวลงแล้วนั่งบนส้นเท้าตัวเองใกล้โซฟาที่วศินีนอนอยู่ อากาศในห้องถ่ายเทสะดวกโดยไม่ต้องเปิดแอร์ แค่มีลมเบาๆ จากพัดลมก็ทำให้เย็นสบายแล้ว และยามใดที่มีลมพัดมาโดนตัวเธอ ก็ทำให้เตชินท์พลอยสูดลมหายใจเข้าไปด้วย เพื่อรับเอากลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าสู่ปอด ใบหน้าของเขาแสดงความพอใจ หัวใจของเขายังเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่

เขาอยากสัมผัสผิวกายขาวเนียนละเอียดของเธอเหลือเกิน อยากรู้ว่ามันจะนุ่มมือสักแค่ไหน...

เมื่อสมองคิดแล้วก็สั่งร่างกายให้ปฏิบัติตามอย่างห้ามไม่อยู่ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสเส้นผมของวศินีที่ปลิวอ่อนๆ ตามลม และนั่นก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมา

“พี่เต้” เธอทักแล้วขยับตัวขึ้นนั่ง

“พี่ทำให้วาตื่นหรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไม่ค่ะ ตื่นนานหรือยังคะ เดี๋ยววาไปเตรียมกาแฟให้นะคะ” เธอบอกแล้วเดินออกจากห้อง มีเตชินท์เดินตามไปด้วย เขาเลี่ยงไปนั่งที่โต๊ะอาหารและเฝ้าดูวศินีเตรียมมื้อเช้าในช่วงเกือบเที่ยง ใบหน้าของเขายิ้มนิดๆ และรู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก และอยากมีใครสักคนคอยดูแลแบบนี้บ้าง ยิ่งถ้าใครคนนั้นคือวศินี...เขาคงมีความสุขไม่น้อย
เป็นอีกครั้งที่เตชินท์รู้สึกใจเต้นแรง จนเมื่อกาแฟและขนมปังทาเนยถั่วถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า เขาก็สงบจิตสงบใจไม่ให้ตัวเองแสดงอาการมาก

“พี่เนี่ยแย่จังนะครับ มาอาศัยเขาอยู่ยังจะตื่นสายอีก” เขาว่าตัวเองอย่างเขินๆ ขณะที่วศินีเพียงยิ้ม

“พี่ไกรออกไปทำงานตั้งแต่กี่โมงครับ” เขาชวนคุย

“ไปตั้งแต่เจ็ดโมงแล้วค่ะ...เที่ยงนี้พี่เต้อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ วาจะได้ทำให้”

“ได้ทั้งนั้นครับ เอาตามที่วาสะดวกเลยครับ”

“งั้นเอาเป็นบล็อกโคลี่ผัดกุ้ง ไข่เจียวหมูสับและแกงจืดฟักแล้วกันนะคะ” เธอบอกก่อนชะงักเล็กน้อย เช่นเดียวกับคนฟัง เขาถือถ้วยกาแฟจ่อที่ริมฝีปากค้างไว้เมื่อได้ยินคำว่า แกงจืดฟัก...ใจประหวัดนึกไปถึงศัพท์ภาษาอังกฤกของคำว่าฟัก

เตชินท์เหลือบมองวศินี และถ้าเขามองไม่ผิด ดูเหมือนว่าเธอก็คิดเหมือนเขาด้วย ใบหน้าของเธอแดงเรื่อและหลบตาเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับลอบยิ้ม

ความมากประสบการณ์ทำให้เขาเริ่มรู้ว่าวศินีก็เริ่มหวั่นไหวไม่แพ้เขาเหมือนกัน

“ครับ พี่ชอบกินฟัก” เขาบอกและจงใจเน้นคำสุดท้ายเป็นพิเศษคล้ายเป็นการส่งความนัยบางอย่าง วศินีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“วาก็ชอบทำฟักเหมือนกันค่ะ” เธอตอบด้วยประกายตาท้าทายอยู่ในที

“ถ้าพี่เต้หิวแล้วบอกวานะคะ วาขอตัวไปเตรียมของก่อน” พูดจบเธอก็เลี่ยงตัวออกจากโต๊ะอาหารเพื่อให้เขาได้กินแบบสะดวกใจ แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายทิ้งสายตาบางอย่างที่เตชินท์มองออกไว้ด้วย

ชายหนุ่มใจเต้นแรงพร้อมขนกายที่ลุกชัน เขากัดขนมปังเร็วๆ และรีบซดกาแฟในถ้วยแบบรวดเดียวหมด หลังจากนั้นก็หยิบน้ำเปล่ามาจิบนิดหน่อย ดึงทิชชู่มาเช็ดปากให้เรียบร้อยก่อนลุกจากเก้าอี้ตรงไปยังห้องครัวที่วศินีเพิ่งเดินหายเข้าไป

ภายในห้องครัว วศินีกำลังลำเลียงของในตู้เย็นออกมา หนึ่งในนั้นมีฟักลูกใหญ่วางอยู่ เตชินท์เดินเข้าไปใกล้ก่อนถาม “มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ยครับวา”

“ไม่มีค่ะ พี่เต้ไปนั่งรอข้างนอกก่อนก็ได้นะคะหรือว่ายังไม่อิ่มคะ” เธอถาม

“ครับ พี่ยังไม่อิ่ม” เขาบอกเสียงเบาแล้วขยับตัวมาใกล้ พร้อมกันนั้นก็ยกมือกันไว้ไม่ให้เธอเดินไปไหน วศินีเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ไม่มีอาการตกใจอยู่ในสายตา

“อยากกินอะไรคะ เดี๋ยววาจะทำให้”

เตชินท์กระตุกยิ้มแล้วโน้มใบหน้ามาช้าๆ อย่างรอปฏิกิริยา ซึ่งเธอก็ไม่ได้ร้องโวยวายหรือบอกให้เขาถอย ทำให้ชายหนุ่มเริ่มมั่นใจว่าสิ่งที่เขาจะทำเป็นสิ่งที่เธอต้องการให้เกิด

“อยากกินฟักครับ” เขาบอกเสียงเบาแทบกระซิบ ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าหวานของวศินีแค่คืบ จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ของกันและกัน

“เอาสิคะ วากำลังจะทำอยู่พอดีเลย” เธอตอบโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าหล่อเหลา มือเล็กเอื้อมมาจับสาบเสื้อบริเวณอกของเขาแล้วลูบเบาๆ

เพียงเท่านั้นก็ทำให้ความอดกลั้นของเตชินท์พังทลายลง เขาโฉบใบหน้าลงมาแล้วแนบริมฝีปากกับปากอิ่มเล็กของเธอทันที ซึ่งวศินีก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านหรือขัดขืน เธอแค่ผงะเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เสี้ยวนาทีเท่านั้น เพราะเมื่อปากต่อปากแนบสนิท เธอก็เลื่อนมือไปโอบรอบคอของเขา พร้อมกันนั้นยังจูบตอบเขาอีกด้วย


ใจของเตชินท์เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเจอความร้อนแรงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางเรียบร้อยของเธอ เขาดันร่างบางติดกับตู้เย็นแล้วส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ เสียงจ๊วบจ๊าบดังมาเป็นระยะพร้อมมือของเขาที่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังและเรียวแขนของเธอ ก่อนเขาจะพลิกตัวเธอไปที่โต๊ะกลางในห้องครัว

“อืมมมม ตรงนี้คงไม่สะดวก เดี๋ยววาทำฟักให้พี่เต้กินข้างนอกดีกว่านะคะ” เธอบอกเสียงสั่นพร่า ดวงตาหวานเยิ้มไปด้วยไฟสวาท

“เอาสิครับ พี่เชื่อฝีมือของวา” เขาตอบแล้วช้อนร่างเล็กขึ้นมาก่อนเดินออกจากห้องครัวโดยเร็ว จุดหมายของเขาคือโซฟายาวหน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่


เมื่อวางร่างเล็กแล้ว เตชินท์ก็ทาบทับร่างของเขาลงมา ปากของทั้งสองประกบแนบชิดกันอีกครั้งและผลัดกันดูดดึงลิ้นของกันและกันอย่างหิวกระหาย มือใหญ่ของเตชินท์ล้วงเข้าไปในเสื้อของวศินีก่อนเขาจะเลิกมันขึ้นและถอดมันออกทางศีรษะ ส่วนมือของวศินีกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเตชินท์อย่างรีบร้อนและโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดีไปข้างโซฟา

“อืมมม หอมหวานจริงๆ วา” เขาเอ่ยชมชิดปากเล็กที่แดงฉ่ำเพราะโดนดูดกลืน ขณะที่วศินียิ้มพอใจ เธอแอ่นอกเล็กน้อยคล้ายเชื้อเชิญ ทำให้เตชินท์ต้องรีบปลดตะขอเสื้อชั้นในของเธอออกก่อนส่งมือใหญ่ไปบีบนวดตามคำเชิญ

“อืมมม นุ่มดีจริงๆ” เขาชมอีกแล้วเลื่อนตัวลง อกอวบของเธอมีขนาดพอเหมาะแถมยังนิ่มราวติดสปริงอีกด้วย เขาใช้ลิ้นร้อนแตะเบาๆ ยังยอดถันเม็ดใหญ่สีสดที่แข็งเป็นไตและใช้ปลายจมูกเขี่ยเล่นแบบหยอกเอิน

“อืออออ พี่เต้หิวไม่ใช่หรือคะ ทำไมไม่รีบกิน” เธอถามเสียงสั่น มือเล็กกดศีรษะเขาไว้ให้แนบกับอกอวบ เตชินท์ยิ้มมุมปากกับความร้อนแรงของเธอ ก่อนอ้าอมเม็ดทับทิบผลอวบใหญ่เข้าไปในอุ้งปาก

“อาาาาา อืมมมม ดีจังค่ะ” วศินีบอกเสียงลอยด้วยความพอใจ เธอยกแผ่นหลังเล็กน้อยเพื่อให้เขาดูดกินเต้าอวบ มือเล็กเลื่อนลงต่ำเพื่อจัดการกับกางกางของตัวเอง โดยมีมือของเขาช่วยอีกแรง เมื่อเรียบร้อย สองมือก็หันไปร่วมแรงกันปลดกางเกงของเตชินท์ต่อ ในที่สุดสองร่างก็เปลือยเปล่าพร้อมจะเปิดเผยให้อีกฝ่ายสำรวจอย่างเต็มที่
ปากร้อนของเตชินท์วนเวียนอยู่ที่อกอวบทั้งสองข้างของเธอจนเต้าขนาดภูเขาไฟลูกย่อมเปียกชื้นและมีรอยแดงเป็นริ้วจากฝ่ามือที่คอยบีบเค้นเคล้าคลึง เมื่อพอใจแล้วเขาก็ลากลิ้นไปตามหน้าท้องขาวเนียนแบนราบก่อนมาหยุดเหนือไรขนอ่อนสีดำที่ปกคลุมเนินเนื้ออวบอูม

“อืมมมมม อา” เสียงหวานครางมาเบาๆ เร่งเร้าอารมณ์ของเตชินท์ให้โหมมากขึ้น เขาใช้แขนดันเรียวขาของเธอให้เปิดออกก่อนชำแรกนิ้วไปตามรอยแยกของกลีบกุหลาบงาม โดยมีวศินีคอยยกสะโพกรับ

ชายหนุ่มยิ้มรับกับอาการของเธอเขาจูบพรมไปบนไรขนอ่อนเบาๆ ระหว่างที่สอดนิ้วเข้าไปในโพรงอ่อน ด้านในของเธอตอดรัดเขาเล็กน้อยพร้อมน้ำหวานกลิ่นหอมที่เริ่มมีประปราย

“อาาาา พี่เต้ อืมมมม” หญิงสาวคราง น้ำเสียงของเธอช่างเร้าอารมณ์เขาเหลือเกิน จนเตชินท์ต้องส่งนิ้วเข้าไปเร็วๆ ทำให้ร่างบางเริ่มกระตุกจากแรงที่ส่งเข้าไป

“อ๊ะ อ๊ะ พี่เต้ อืมมม เสียวค่ะ เสียวจัง” เธอบอกเสียงหอบ

“เดี๋ยวพี่จะทำให้วาเสียวกว่านี้อีกครับ แต่รับรองว่าวาจะต้องชอบ” เขาบอกแล้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้วศินีถึงกับละลายเมื่อได้เห็น

“วาอยากเสียวแล้วค่ะ” เธอบอกอย่างไม่ปิดบัง หากพูดแบบนี้กับไกรวิทย์ เธอคงโดนสามีมองอย่างตำหนิและไม่พอใจแน่ๆ

“ได้เลยครับ” ชายหนุ่มรับ เขาเม้มไรขนของเธอก่อนลากลิ้นลงต่ำ แล้วถอนนิ้วที่สอดขยับรัวในโพรงถ้ำของเธอออกก่อนจะส่งลิ้นของตัวเองเข้าไปแทนที่

“ซี๊ดดดดด อาาาาาา” วศินีถึงกับสูดปากด้วยความเสียว หน้าท้องแนบราบหดเกร็ง เธอผงกศีรษะขึ้นมองและเห็นเขากำลังใช้ลิ้นสอดแยงเข้าไปในตัวของเธอ หญิงสาวกางขามากกว่าเดิมเพื่ออำนวยความสะดวกให้เขา พร้อมกันนั้นก็ใช้มือกดศีรษะเขาไปด้วย ลิ้นร้อนของเขาช่างร้ายกาจ ทำให้ช่องท้องของเธอปั่นป่วนไปหมดแต่ก็ทำให้เธอมีความสุขมากกว่าครั้งไหนๆ

“อ๊าาาาา สะ เสียว เสียวค่ะพี่เต้ ซี๊ดดดด อาาาาา ไม่ไหว ไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอร้องบอกเสียงสั่น ยิ่งทำให้เตชินท์รัวลิ้นเร็วขึ้นและลึกเข้าไปอีก เขาใช้มือโอบประคองสะโพกของเธอไว้แล้วยกขึ้นเพื่อจะได้ดื่มกินน้ำหวานได้ถนัด

“อ๊ะ อ๊ะ โอววววว โอยยยย เสียวค่ะพี่เต้ วาไม่ไหวแล้ว ซี๊ดดดดด” หญิงสาวร้องเสียงดัง

“หอมหวานที่สุดเลยจ้ะวาจ๋า หอมหวานน่ากินอะไรอย่างนี้” เขาบอกเสียงอู้อี้ชิดพูเนื้อของเธอ ใบหน้าหล่อเหล่าเปื้อนไปด้วยน้ำหวานจากกายสาว

แต่แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของวศินีก็ดังขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยและหันไปมองแต่ก็ไม่ได้คว้ามันมาดู เธอกำลังมีภารกิจสำคัญกว่าต้องจัดการ จนเมื่อมือถือดังเป็นครั้งที่สอง เธอจึงตัดสินใจหยิบมันมาดู

“อ๊ะ อ๊ะ พี่เต้ยะ หยุดก่อนค่ะ พี่ไกรโทรมา วาต้องรับก่อนค่ะ ซี๊ดดด พะ พอก่อนค่ะ” เธอร้องบอก ชื่อของไกรวิทย์ทำให้ไฟสวาทที่กำลังโหมสงบลงเล็กน้อย เขาชะงักใบหน้าและถอนลิ้นออกจากโพรงอ่อนของเธอแต่ก็ไม่ยอมผละใบหน้าออกห่างจากหว่างขาเรียว

“ค่ะพี่ไกร” เธอกดรับและทักทายด้วยน้ำเสียงหอบเล็กน้อยจนต้องกลืนน้ำลายหลายครั้งและหายใจเข้าลึกๆ

“ทำอะไรอยู่จ๊ะน้องวา น้ำเสียงเหนื่อยๆ” ผู้เป็นสามีทัก

“วา...วาวิ่งมารับโทรศัพท์น่ะค่ะ เมื่อกี้ออกไปส่งพี่เต้ที่หน้าบ้านมา” เธอบอก ขณะที่เตชินท์ยิ้มเล็กน้อยก่อนขบเบาๆ ยังเนินเนื้อของเธอ วศินีต้องรีบปิดปากกั้นเสียง

“อ้าว เต้ออกไปแล้วเหรอ นี่ยังไม่เที่ยงเลยนะ ไหนบอกว่าจะออกบ่ายๆ ไม่ใช่เหรอ”

“ก็...ก็...ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เขาบอกว่าไม่อยากรบกวนนานค่ะ”

“แบบนี้เขาก็อดกินฝีมือน้องวาน่ะสิ” ไกรวิทย์เปรย ขณะที่เตชินท์ใช้ลิ้นกวาดป่ายไปตามกลีบกุหลาบงามอีกครั้ง ทำเอาวศินีถึงกับตัวสั่น

“แล้วนี่พี่ไกรจะกลับกี่โมงคะ น้องวาจะได้เตรียมมือเย็นรอ” เธอถาม

“วันนี้คงดึกเลยจ้ะ นี่ก็เพิ่งถึงเอง กว่าจะได้คุยกันกว่าจะกลับ ดึกแน่ๆ” เขาบอก น้ำเสียงแฝงความไม่สบายใจ ผิดกับคนฟังที่หน้าชื่นขึ้นมาทันที

“ถ้าจะกลับยังไง พี่ไกรโทรหาน้องวาก่อนสักชั่วโมงนะคะ น้องวาจะได้เตรียมอะไรให้พี่ไกร”

“ไม่ต้องหรอกน้องวา เดี๋ยวพี่ซื้ออะไรเข้าไปเองดีกว่า”

“ไม่เอาค่ะ ถ้าพี่ไกรไม่โทรบอก น้องวาจะโกรธจริงๆ ด้วย”

“แต่พี่ไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่จริงๆ”

“จะกลับถึงกี่โมงก็ได้ค่ะ แต่ต้องโทรมาบอกก่อนสักชั่วโมง ให้น้องวาเตรียมทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีให้พี่ไกรบ้างสิคะ สามีกลับมาเหนื่อยๆ ภรรยาก็อยากจะมีอะไรนิดๆ หน่อยๆ ให้บ้าง” เธอบอกและพยายามข่มเสียงให้ดูจริงจัง ขณะที่ด้านล่าง เตชินท์รุกไล่และเริ่มเกมอีกครั้งแล้ว

“รับปากน้องวาสิคะ ไม่งั้นน้องวาโกรธจริงๆ ด้วย”

“ก็ได้จ้ะก็ได้ พี่รับปาก ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน พี่จะโทรบอกน้องวาก่อน”

“ขอบคุณค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ น้องวาไม่กวนเวลางานพี่ไกรแล้ว” เธอรีบลาและต้องกำโทรศัพท์จนมือสั่นเพื่อกั้นอาการเสียวไว้ และทันทีที่วางสาย วศินีก็ครางออกมาดังๆ ด้วยความอัดอั้น เธอทิ้งมือลงข้างตัวอย่างหมดแรงและหอบหนัก ขณะที่เตชินท์เลื่อนตัวขึ้นแล้วประกบปากกับเธอ

“เชื่อพี่ไกรได้แค่ไหนครับว่าจะไม่แอบกลับมาเซอร์ไพร์ส” เขาถาม

“เชื่อได้ค่ะ เพราะพี่ไกรไม่เคยโกหกวา แต่ถึงจะไม่โทรมาบอกยังไง เราก็ยังมีเวลาเหลือเฟื้อกับการกินฟักมื้อนี้นะคะ อย่างน้อยๆ ก็อีกสองสามชั่วโมงก่อนพี่เต้จะบินไปเชียงใหม่” เธอบอกแล้วใช้นิ้วไล่เกลี่ยไปตามใบหน้าของเขา

“อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าพี่ไกรจะกลับมาครับ เดี๋ยวพี่ค่อยโทรไปเปลี่ยนไฟล์ทบิน” เขากระซิบบอก “ตอนนี้พี่อยากกินต้มฟักฝีมือวาต่อแล้วล่ะครับ”

“ได้สิคะ รับรองว่าพี่เต้ต้องอิ่มไปถึงพรุ่งนี้แน่นนอนค่ะ” เธอบอกด้วยประกายตาสดใส





“แล้วหลังจากวันนั้นได้ติดต่อกันอีกหรือเปล่า” ลัคนาถามเพื่อน สีหน้าของเธอดูช็อกแบบสุดๆ กับเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เธอไม่คาดคิดและไม่เคยคิดจริงๆ ว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบของวศินีจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้ด้วย

“ไม่ นั่นคือครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันมีอะไรกับคนอื่น หลังจากนั้นพี่เต้ก็ไปทำงานและกลับเมืองนอก เราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เพราะฉันกับเขาตกลงกันแล้วว่าจะไม่แสดงพิรุธให้ใครเห็น ถ้าเราติดต่อกัน คนอื่นๆ จะสงสัยได้”

“แล้วพี่ไกรมีสงสัยอะไรมั้ย” เขมนิจถาม

“ไม่เลย วันนั้นกว่าพี่ไกรจะกลับก็เกือบเที่ยงคืน ส่วนพี่เต้ออกจากบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็น”

“เฮ้ยยย” เขมนิจร้องตกใจแล้วนั่งนับนิ้ว “อย่าบอกนะว่าตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนถึงหกโมง เธอกับพี่เต้...”

“ใช่ เราสองคนมีความสุขกันมาก” วศินีบอกเพื่อนเสียงใส “พี่เต้ทำให้ชีวิตการแต่งงานของฉันดูจืดชืดไปเลย เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์ ทุกอย่างดูน่าตื่นเต้น ดูแปลกใหม่ไปหมด หลังจากวันนั้น ฉันก็ลองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนบ้างกับพี่ไกร เธอรู้มั้ยเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงช่วงท้ายของเธอดูเซ็งเล็กน้อย

“อย่าบอกนะว่าเธออุทานเรียกพี่เต้ออกมา” ลัคนาเดาด้วยสีหน้าสยอง

“ไม่ใช่ ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ไกรก็ต้องรู้ความจริงแล้วสิ”

“แล้วเกิดอะไรขึ้น” ลัคนาถามต่อ

“พี่ไกรบอกว่าไม่ชอบ เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาบอกว่ามันไม่ดี เรื่องแบบนี้ต้องให้ผู้ชายเป็นฝ่ายจัดการ และเธอรู้มั้ย ลีลาของพี่ไกรเหมือนทำให้มันจบๆ ไป มันไม่น่าตื่นเต้นและไม่เร้าใจเหมือนพี่เต้เลย”

“เธอก็เลยโกรธพี่ไกร แล้วหนีมาเที่ยวงั้นเหรอ” เขมนิจเดา

“เปล่า ฉันไม่โกรธพี่ไกรหรอก แต่ที่ต้องหนีมาเที่ยว เพราะตอนนี้พี่เต้บินมาเมืองไทยน่ะ”

“เขาบินมาหาเธอเหรอ” ลัคนาถาม

“ไม่ใช่ เขาบินมาทำงาน บริษัทสาขาของเขานั่นแหละ ฉันไม่อยากเจอเขาให้ตัวเองต้องคิดฟุ้งซ่านเลยปลีกตัวออกมาดีกว่า ฉันยอมรับว่าติดใจพี่เต้ ฉันคิดถึงเขามากและอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก แต่จะให้มันเกิดขึ้นอีกคงไม่ดีแน่ เลยต้องตัดใจตัวเองแทน ฉันพยายามห้ามใจไม่คิดเรื่องของเขา แต่มันก็ยากมาก นี่ขนาดว่าผ่านมาหลายเดือนแล้ว ฉันยังคงคิดถึงบทรักของเขาอยู่เลย” วศินีบอกด้วยท่าทางเขินๆ

“ห้ามอะไรก็ห้ามได้แต่ห้ามใจนี่ เป็นอะไรที่ยากมาก” ลัคนาเปรย

“คราวนี้ก็มาถึงตาเธอแล้วล่ะหลิว เรื่องอะไรกันที่ต้องห้ามใจ”

“ฉันไปรักคนที่ไม่ควรรักน่ะสิ” ลัคนาเริ่มต้น โดยมีสีหน้าของเพื่อนทั้งสองฟังอย่างตั้งใจ


. . . . . . . . . . . . . . . . . . .. . . . .


มาติดตามเรื่องรักที่ไม่ควรของลัคนาในตอนต่อไปค่ะ 

หรือใครอยากรู้ก่อน ก็สามารถโหลดฉบับเต็มมาก่อนกันได้ค่ะ 

เรื่องสั้นแจกฟรีนะคะ ที่เมพ -->> เมพ -- >> รวมเรื่องสั้น "รัก-ต้อง-ห้าม" 



และโหลดเรื่องของแต่ละคนได้ที่เมพอีกเช่นกัน


โหลด -- >> Set "รัก-ต้อง-ห้าม" หรือจะเลือกโหลดเป็นเรื่องๆ จากลิงก์ก็ได้เช่นกันค่ะ










Create Date : 09 กรกฎาคม 2558
Last Update : 9 กรกฎาคม 2558 11:33:58 น. 0 comments
Counter : 28277 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com