ฮาลิล ซาฟดา (Halil Savda) ชายผู้ไม่ยอมสวมเครื่องแบบทหาร
ซาฟดาเข้าประจำการทางทหารอย่างไม่เต็มใจในปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2004 เขาปฏิเสธเข้าทำงานในหน่วยที่ได้รับมอบหมายทันที โดยอ้างว่า ร่างกายของเขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทหารได้เพราะถูกทรมานในคุกเมื่อปี 1993
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2004 ซาฟดาต้องขึ้นศาลทหาร เขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าเชื่อว่าการรับผิดชอบต่อสงครามไม่ได้เป็นของคนที่ทำให้เกิดสงครามเท่านั้นแต่ยังเป็นของทุกคนที่ยอมให้เกิดมันขึ้นมาด้วย ในฐานะผู้ไม่ยอมเกณฑ์ทหารเพราะขัดกับมโนสำนึก ข้าพเจ้าต้องการแสดงให้เห็นว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการรับผิดชอบเรื่องนี้และที่ไม่หยุดพูดเรื่องลัทธิทหารนิยม เพราะข้าพเจ้าไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของมัน"
ศาลทหารเห็นว่าซาฟดามีความผิดฐาน "ยืนกรานที่จะขัดขืน" ข้อบังคับของในการรับใช้กองทัพเติร์กของพลเมืองตุรกี ศาลทหารจึงสั่งจำคุกเขาทันทีอย่างไรก็ตาม ซาฟดาได้รับการปล่อยตัวในสองสัปดาห์ต่อมา
หลังจากได้รับการปล่อยตัว ซาฟดาเริ่มรณรงค์ต่อต้านกฎหมายตุรกีที่เรียกร้องการเข้าร่วมกับกองทัพ ในวันที่ 23 ตุลาคม 2006 ซาฟดาประกาศจัดตั้งกลุ่มปฏิเสธการเกณฑ์ทหารด้วยเหตุผลด้านมโนสำนึก (Conscientious Objection Platform - COP)
วัตถุประสงค์ของกลุ่มคือ "ทำให้การปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดกับมโนสำนึกกลายเป็นกฎหมาย" ในประเทศตุรกี ในวันที่ 7 ธันวาคม 2006 หลังจากก่อตั้งกลุ่ม COP ได้ไม่ถึงสองเดือน ฮาลิล ซาฟดาก็ถูกจับกุมอีกครั้งเขาขึ้นศาลทหารในข้อหา "ดื้อแพ่งขัดขืน"
ในวันที่ 25 มกราคม 2007 ซาฟดาได้รับการปล่อยตัวอีกรอบแต่คดียังไม่สิ้นสุด ระหว่างนั้น เขาได้รับคำสั่งให้กลับไปเป็นทหารอีกนายทหารสั่งให้ซาฟดาสวมเครื่องแบบทหาร เขายืนยันอีกว่า ตนคือผู้ปฏิเสธการเป็นทหารด้วยเหตุผลด้านมโนสำนึกเขาจะไม่เป็นทหารและไม่สวมชุดทหารด้วย เพราะคำพูดดังกล่าว เขาจึงถูกส่งตัวไปพบอัยการทหารด้วยข้อหา "ยืนกรานขัดคำสั่ง" อัยการส่งซาฟดาไปอยู่ในหน่วยที่เขาถูกล่วงละเมิดอย่างรุนแรง ซาฟดาถูกรุมทำร้าย ต้องนอนในห้องที่ไม่มีฟูกหรือผ้าห่ม ซาฟดาโต้กลับการปฏิบัติราวกับเขาไม่ใช่มนุษย์นี้ด้วยการอดอาหารประท้วง 5 วัน
ในวันที่ 25 มกราคม 2007 ซาฟดาได้รับการปล่อยตัวอีกรอบแต่คดียังไม่สิ้นสุด ระหว่างนั้น เขาได้รับคำสั่งให้กลับไปเป็นทหารอีกนายทหารสั่งให้ซาฟดาสวมเครื่องแบบทหาร เขายืนยันอีกว่า ตนคือผู้ปฏิเสธการเป็นทหารด้วยเหตุผลด้านมโนสำนึกเขาจะไม่เป็นทหารและไม่สวมชุดทหารด้วย
เพราะคำพูดดังกล่าว เขาจึงถูกส่งตัวไปพบอัยการทหารด้วยข้อหา "ยืนกรานขัดคำสั่ง" อัยการส่งซาฟดาไปอยู่ในหน่วยที่เขาถูกล่วงละเมิดอย่างรุนแรง ซาฟดาถูกรุมทำร้าย ต้องนอนในห้องที่ไม่มีฟูกหรือผ้าห่ม ซาฟดาโต้กลับการปฏิบัติราวกับเขาไม่ใช่มนุษย์นี้ด้วยการอดอาหารประท้วง 5 วัน
ซาฟดาถูกศาลทหารตัดสินว่ามีความผิดที่ขัดคำสั่ง (ไม่ยอมสวมเครื่องแบบทหาร) และหลบหนี (ไม่ยอมรายงานตัวต่อหน่วยทหารที่เขาสังกัด) ในวันที่ 15 มีนาคม 2007 ศาลทหารตัดสินลงโทษจำคุกซาฟดาเป็นเวลา15 เดือน จากนั้นวันที่ 12 เมษายน 2007 เพิ่มโทษจำคุกแก่ซาดาอีกหกเดือน ทำให้เขาต้องอยู่ในคุกรวมเวลา 21 เดือนครึ่ง และศาลก็ไม่ได้ให้เหตุผลอ้างอิงใด ๆ ต่อบทลงโทษดังกล่าว
ปี 2008 ซาฟดาถูกจับกุมอีกครั้งเพราะการใช้คำพูดต่อต้านการเกณฑ์ทหารและเขายังสนับสนุนคนอื่น ๆ ที่ไม่ยอมเป็นทหารด้วยเหตุผลทางมโนสำนึกเช่นกัน ในวันที่ 3 มิถุนายน 2008 เขาถูกตัดสินลงโทษเป็นเวลา 5 เดือนในข้อหาสนับสนุนชาวอิสราเอลที่ปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดกับมโนสำนึก
ปี 2010 ซาฟดาและผู้ปฏิเสธการเป็นทหารอีกสามคนถูกตัดสินว่าทำผิดกฎหมาย วันที่ 21 มิถุนายน 2010 ซาฟดาถูกตัดสินลงโทษจำคุกห้าเดือนจนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2012 ก็ถูกจับอีกครั้งและได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 30 เมษายน 2012
การลงโทษซาฟดาเป็นการขัดต่อจิตวิญญาณของศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ซึ่งนอกจากซาฟดาแล้วตุรกียังลงโทษบุคคลอื่น ๆ ด้วยวิธีการเดียวกันด้วย ถ้าไม่มีการเปลี่ยนในกฎหมาย หรือเปลี่ยนความคิดของกองทัพและศาลทหารผู้ปฏิเสธการเป็นทหารด้วยเหตุผลทางมโนธรรมในประเทศตุรกีก็จะถูกประณามและถูกลงโทษเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้ว่าสถานะของผู้ปฏิเสธการเป็นทหารเพราะเหตุผลด้านมโนธรรมในตุรกีจะเป็นเช่นนี้แต่ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ประกาศตัวว่าไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ทหารเพราะเป็นผู้รักสันติภาพ โดยไม่อิงเหตุผลด้านศาสนาเช่น Osman Murat Ulke, Mehmet Tarhan, Perihan Magden
ที่มา
1. Wikipedia, Halil Savda, //en.wikipedia.org/wiki/Halil_Savda [เข้าถึง 13/8/2013]