มีเงินเท่าไหร่จึงจะลงทุนในตลาดหุ้นได้?
แก เล่นหุ้น เหรอ? (เพื่อนถามฉัน)
เปล่าฉันไม่ได้ เล่นหุ้น ฉัน ลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์
(ตอบอย่างตรงมาตรงไป ไม่ได้กวนติงแต่ประการใด)
คนที่อยู่ในตลาดหุ้นมีหลายประเภท อยากให้แยกก่อนว่า คนประเภทที่เข้าไปลงทุนในหุ้นแบบดูผลประกอบการ ซื้อหุ้นที่น่าสนใจ ถือหุ้นนั้นไว้ รอรับเงินปันผล ที่เป็นกำไรจากการดำเนินกิจการนั้นๆ ต่างจากคนประเภทที่เข้าไปเก็งกำไรหุ้นระยะสั้น แบบที่ซื้อวันจันทร์ขายวันพุธ โดยไม่เคยดูผลประกอบการของกิจการเลย คนประเภทแรกเรียกว่า นักลงทุน ประเภทหลังเรียกว่า นักเก็งกำไรหุ้น ฉันเป็นคนประเภทแรก ฉันคิดว่าหุ้นเป็นการลงทุน ไม่ได้คิดจะเล่นหุ้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ
คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น (เพื่อนว่าอย่างนั้นลอยมาตามลม)
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่า การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องของคนรวย ทั้งที่ความจริงแล้วตลาดหลักทรัพย์ ช่วยให้คนเดินดินกินเงินเดือนอย่างฉันและเธอ นำเงินมารวมกันทำธุรกิจได้ โดยที่แต่ละคนไม่ต้องมีเงินทุนมากมาย ไม่ต้องรวยแบบคนไทยในเขมรก็ซื้อหุ้นได้ ถ้างั้นต้องมีเงินเท่าไหร่จึงจะลงทุนในตลาดหุ้นได้? (เพื่อนยังคงสงสัย) ฉันคิดว่าการเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น สิ่งสำคัญอันดับแรกไม่ใช่เงิน เพราะถ้าเข้าไปลงทุนสุ่มสี่สุ่มห้า ก็ไม่ต่างจากแมงเม่าที่เขาว่า ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการศึกษา เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจ ทั้งในกลไกการทำงานของตลาดหุ้น และในธุรกิจที่สนใจจะลงทุน
คราวนี้ก็มาถึงเรื่องการเปิดบัญชีซื้อ/ขาย เลือกโบรกเกอร์ใดก็ได้ที่สะดวก เป็นมิตร คุยง่าย และพร้อมที่จะอธิบาย (ฉันเลือก SCBS ของไทยพาณิชย์) ใช้เอกสารเพียงแค่ 3 อย่าง คือ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน ในสมุดบัญชีธนาคารที่สำเนาให้โบรกเกอร์นั้น ควรมีเงินหมุนเวียนสม่ำเสมอ และมียอดเงินคงค้างเหลืออยู่ในบัญชีนั้น 100,000 บาท ขึ้นไป แต่เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินที่เราจะนำไปลงทุนหรอกนะ เป็นแค่หลักฐานที่แสดงว่าเรามีสภาพคล่อง หรือจะสำเนาบัญชีเงินฝากประจำให้โบรกเกอร์แทนก็ได้ การบริหารเงินลงทุนที่ง่ายที่สุด คือ เปิดบัญชีซื้อ/ขาย แบบ Cash Balance บัญชีแบบนี้จะซื้อขายด้วยเงินสด มีเงินเท่าไหร่ ก็ลงทุนเท่านั้น ไม่ต้องไปขอใช้วงเงินเกินบัญชีที่โบรกเกอร์เสนอให้
เมื่อบัญชีซื้อ/ขาย ได้รับการอนุมัติ เราก็จะต้องโอนเงินลงทุนไปที่โบรกเกอร์ จะลงทุนมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับเรา ฉันแนะนำว่าขั้นต่ำ ควรมีเงินลงทุนประมาณ 40,000 บาท เพราะถ้าใช้เงินลงทุนน้อยกว่านี้จะไม่คุ้มค่าธรรมเนียม
การซื้อขายหุ้นผ่านช่องทางต่างๆ โบรกเกอร์จะคิดค่าธรรมเนียมต่างกัน ถ้าซื้อขายทางโทรศัพท์ให้มาร์เก็ตติ้งคีย์ให้ เสียค่าธรรมเนียม 0.25% แต่ถ้าหัดใช้โปรแกรม Online Trading แล้วซื้อขายเองผ่านอินเทอร์เน็ต จะเสียค่าธรรมเนียมเพียง 0.15% โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าค่าธรรมเนียมในการซื้อขายน้อยกว่า 50 บาท โบรกเกอร์จะคิด 50 บาท ดังนั้นควรซื้อหุ้นในจำนวนมากพอที่จะคุ้มค่าธรรมเนียม
สมมติว่าซื้อหุ้นผ่านอินเทอร์เน็ต 35,000 บาท เสียค่าธรรมเนียม 35,000 x 0.15% = 52.50 บาท เสียภาษี 52.50 x 7% = 3.68 บาท รวม 35,000 + 52.50 + 3.68 = 35,056.18 บาท
ถ้าอยากลงทุนในตลาดหุ้น นี่เป็นเงินลงทุนขั้นต่ำสุดๆ ที่ต้องมี ในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ยิ่งฝากธนาคาร เงินออมก็ยิ่งลดค่า เพื่อนๆ ที่สนใจ อยากนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย พอจะเห็นแล้วใช่ไหม ว่ามีเงินจำนวนเท่านี้ก็สามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ ตลาดหุ้นไม่ใช่ที่สำหรับคนรวยเท่านั้นอย่างที่เคยเข้าใจ แต่เป็นที่สำหรับคนธรรมดา ที่พอจะรับความเสี่ยงได้ และสนใจนำเงินมาลงทุนในธุรกิจที่มองว่ามีแนวโน้มสดใส
การลงทุนมีความเสี่ยง เป็นประโยคยอดฮิตที่ได้ยินบ่อยมาก เลยอยากนำความหมายของคำว่า ความเสี่ยง มาให้ได้ทราบกันด้วย
ความเสี่ยง หมายถึง โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนต่างจากที่คาดหวัง
เงินฝากธนาคารจึงมีความเสี่ยงต่ำ เพราะโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนต่างจากที่คาดหวังมีน้อย ถ้าธนาคารประกาศว่าจะให้ดอกเบี้ย 0.5% ก็จ่ายตามนั้นโดยไม่บิดพริ้ว แต่การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง เพราะโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนต่างจากที่คาดหวังมีมากนั่นเอง
ที่มา : //ayishere.com/working-room/amount-to-investment/ ......................................................................
จากกระทู้ //www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9441287/I9441287.html
Create Date : 07 กรกฎาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 12 สิงหาคม 2553 7:52:57 น. |
Counter : 6100 Pageviews. |
|
|
|