Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

^+^ @ สติ .......คือ ชีวิต ........ คือ ปาฏิหาริย์ @ ^+^

สติ …….. คือ ชีวิต ……. คือ ปาฏิหาริย์


เรื่องราวดีดี นี้เกิดขึ้น
เมื่อตอนไปอาณาปนสติที่สวนโมกข์ เมื่อ ปลายปี 2547 ค่ะ
(ช่วงเดียวกับที่ได้ไปทะเลาะกับตุ๊กแก อ่ะค่ะจนทำให้เห็น อัตตา และ เข้าใจอนัตตา มากขึ้น อย่างที่เคยเขียนไว้ใน พบกับตัวเราของเรามีจริงหรือ? )




ครั้งนี้ได้พบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดๆ สิ่งหนึ่งในชีวิตค่ะ

นั่นคือ…….. สติ

คำเดียวสั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้งยิ่งนักค่ะ

ซึ่งสำหรับตัวเอง ก่อนหน้านั้น เห็นด้วยค่ะ ว่าสติเป็นของดี มีสตินี่ดีนะ
แต่สารภาพตรงๆนะคะ ว่า
ไม่ได้เข้าไปซาบซึ้งตรึงอยู่ในหัวใจ จนกระทั่งมาพบประสบการณ์ครั้งนี้ค่ะ

ประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้ รู้ว่า สติ
เป็นขุมทรัพย์ ขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ เพียงใด
และ ที่น่าดีใจมากๆๆๆ ว่าขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่นี้(สติ)
เป็นสิ่งอยู่กับเราเสมอ

ขอเพียงเรานึกถึงเขา(สติ)เท่านั้นเองค่ะ
เขาก็จะมาอยู่กับเราทันที
และ เมื่อเขา(สติ)มา
เรา จะตื่นขึ้น มีชีวิต และ มีพลังอันน่ามหัศจรรย์ เกิดขึ้นค่ะ


เรื่องราวนี้เกิดขึ้น วันที่ 6 ของการฝึกปฏิบัติค่ะ (คอร์สประมาณ 7วันค่ะ )

ตอนเช้าวันนั้นก็เหมือนเดิมค่ะ เหมือนทุกวัน ที่ต้องตื่น ตี 4

แต่ วันนี้ออกจะรู้สึกเกียจคร้านชอบกล
เพราะ วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของตัวเอง

จากนั้นจิตที่เต็มไปด้วยกิเลสก็เริ่มทำงาน
“แหม วันเกิดน่าจะนอนอยู่บ้าน ได้ทำตัวสบายๆๆ ได้ไปเที่ยวนู่นนี่ และ ........”
จึงเกิดรู้สึกเหนื่อยๆ(ใจ) กว่าวันอื่นๆ ขึ้นมาซะอย่างงั้นเลยค่ะ


แถมวันนี้หนักกว่าวันอื่นๆ คือ ได้กินข้าวแค่มื้อเช้ามื้อเดียว
มื้ออื่นๆกินเป็นน้ำปานะ


และ ท่ามกลางอารมณ์ของตัวเอง ที่เนือยๆ อืดๆ
วันนั้นก็ดำเนินของมันไปเรื่อยๆๆ

จนมาถึงตอนบ่าย ก็เข้าฟังคำสอนเลกเชอร์ทางเทป
ครั้งนี้ได้ฟังเรื่อง พุทธจริยา
การใช้กุศโลบายอันแยบยลในแบบต่างๆ ของพระพุทธเจ้า
ที่ท่านช่วยให้คนแต่ละคน เกิดดวงตาเห็นธรรม


ตอนนั้นฟังแล้วเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันทีว่า
อ๋อ ของอย่างนี้จริตใคร จริตมัน

ดังนั้น ที่เราเพียรพยายามนั่งสมาธิมานั้น แล้วไม่ค่อยเป็นผล
ก็เพราะว่า วิธีนี้อาจไม่ถูกจริตกับเราก็ได้นะเนี่ย


เมื่อคิดได้ดังนี้ เมื่อถึงชั่วโมงปฏิบัติอิสระ
อย่างกระนั้นเลย ไม่นั่งสมาธิดีกว่า
เพราะว่านั่งที่ไร ไม่หลับ ก็คิดนู่นคิดนี่ พอหยุดคิดนู่นคิดนี่ก็หลับ วนไปวนมา
อยู่อย่างนี้


ดังนั้น จึงเริ่มปฏิบัติการใหม่ ค่ะ
คือ เดินจงกรม แต่การเดินจงกรมที่เขาสอนมา ไปกลับไม่ควรไกลเกินไป 25 ก้าวนั้น


สำหรับตัวเองเห็นว่าย่ำไปย่ำมาเห็นทีจะเกิดกิเลสเบื่อขึ้นมาอีก
(เฮ้อเราเนี่ย กิเลส เยอะจริงๆเลย)


จึงคิดวิธีใหม่ค่ะ
คือเดินจงกรม แบบเดินไปเรื่อยๆๆ
แต่เดินด้วยความสงบ มีสติ อยู่กับร่างกาย อยู่กับใจ และ อยู่กับเท้าค่ะ


ก็ออกเดินไปเรื่อยๆ ไปในที่ที่คนอื่นๆเขาไม่เดินกัน
ก็เห็นกิเลสตัวเอง ว่า สนุก เพลิดเพลิน !!!
แต่ก็พยายามรู้ตัวทั่วพร้อมไปด้วย รู้ตัวทั่วพร้อม รู้ตัวทั่วพร้อม

จนมาถึงที่แห่งหนึ่ง ซึ่งดินแข็งมากๆ เดินแล้วเจ็บเท้ามากๆ
มีหนามแหลมๆทิ่มเท้าด้วยค่ะ


แต่ด้วยกิเลส ที่อยากจะลองสำรวจที่ใหม่ๆ
จึงยังคงเดินไปเรื่อยๆ

เดินมาจนถึงทางซึ่งเป็นทางตัน ไปไม่ได้แล้ว
จึงต้องเดินกลับ


ครั้นจะเดินกลับทางเก่าก็ไม่ไหว เพราะรู้สึกเจ็บเท้ามากๆ
จึงเดินกลับออกอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางที่มีหญ้ารกๆ สูงๆ
ตอนนั้นจิตใจเริ่มเต็มไปด้วยความกลัว
และเมื่อต้องเดินเข้าไปในที่หญ้ารกๆ
ความกลัวก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นๆ



จิตตอนนั้นคิดไปถึง งู ยิ่งคิดถึง ก็ยิ่งกลัว
เพราะเคยได้ยินมาว่า แถวๆภาคใต้ งูเยอะ
(ไม่อยากเจอตอนนี้ เจอในฝันก็ว่าไปอย่าง 555 )


ก็เริ่มเห็นจิตตัวเองที่กลัวมากขึ้นๆ
ครั้นจะกลับทางเก่า ก็ทนกับความเจ็บเท้าไม่ไหวแล้ว


จึงตัดสินใจ กลับทางนี้
แม้ว่ากลัวเจอ งู สุดๆ ก็ตาม


ขณะที่ความกลัวกำลังทำงานเต็มที่นั้น
และ ณ ขณะนั้นเอง
พระเอก ขี่ม้าขาวก็บังเกิดขึ้นทันใด


พระเอก คนนั้น คือ สติ
สติ ของเรา นั่นเอง

เมื่อ สติมา
ปาฏิหาริย์ ก็เกิดขึ้น
จากจิตที่วุ่นวาย สับสน เครียด เกร็ง ด้วยความกลัว
เมื่อสติ มา
ก็กลายเป็นจิต ที่สงบ นิ่ง มีพลังอันมั่นคง อย่างมหาศาล


เมื่อสติ มา
ความมีชีวิต ก็มา
เพราะ การเดินครั้งนี้ เป็นการเดินที่ตื่น ตื่นตัวอย่างมาก
เต็มไปด้วยการรู้ตัวทั่วพร้อมในทุกย่างก้าว
จึงเป็นการเดินที่มี ชีวิต

สัมผัสกับพลังชีวิต ของตัวเอง
และ สิ่งแวดล้อมขณะนั้น ในทุกย่างก้าว ทุกขณะ

(ด้วยตอนนั้น แรงผลักดัน คือ ความกลัวๆๆ !!!!)

เพราะการเดินในชีวิตประจำวันทั่วไป
เรามักเดินเพลินๆ ลอยๆ เรื่อย ๆ
คิดนู่นนี่ คิดอดีต คิดอนาคต คิดถึงคนนั้น คนนี้ สิ่งนั้น สิ่งนี้
จิตไม่ได้อยู่กับสิ่งรอบตัว ไม่ได้อยู่กับตัวเอง ณ ขณะนั้น

ตกอยู่ในภวังค์ของอะไรบางอย่าง
คล้ายดั่งคนหลับใหล อยู่ในความฝัน ครึ่งหลับครึ่งตื่น คล้ายดั่งคนเดินละเมอ


การเดินจงกรมครั้งนี้ เป็นการเดินที่แปลกประหลาด
กลายเป็น จงกระโดด แหยงๆๆ ไปตามจุดต่างๆที่พื้นไม่รก

และ ด้วยพลังแห่งสตินี้ ได้นำพา ตัวเอง รอดออกมาจากพงหญ้า โดยสวัสดิภาพ


และ ขณะที่จิตมีสติ นั้น
สัมผัสได้ถึงพลังในตัวเองอันยิ่งใหญ่ มหาศาล

ซึ่งในยามไม่มีสติไม่เคยสัมผัสได้


จึงคิดนู่นคิดนี่ ไว้ล่วงหน้าไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย เพื่อความชัวร์
เพราะ เราไม่เชื่อพลังในตัวเอง

แต่เมื่อ มาสัมผัสพลังแห่งสติ นี้
จึงพบว่า สิ่งที่ช่วยให้เรารอดพ้น ช่วยให้เราแก้ไขปัญหา ช่วยให้ทำสิ่งต่างได้สำเร็จนั้น

ไม่ใช่การคิดนู่นนี่ล่วงหน้า เลย


แต่ เป็นสติ
สติ ช่วยให้เรารอดพ้น ช่วยให้เราแก้ไขปัญหาได้ ช่วยให้เราทำสิ่งต่างได้สำเร็จ

ดังนั้น สติ …… คือ ชีวิต …… คือ ปาฏิหาริย์ ที่มีอยู่จริง
และที่เจ๋งสุดคือ อยู่ที่ตัวเรานี่เองค่ะ
แถมอยู่ตลอดด้วยนะคะ ขอเพียงเรานึกถึง
สำคัญคือเราต้องนึกถึงเขา(สติ) นะคะ


เพราะปัญหาเดียวคือ
เรามักไม่ค่อยนึกถึงเขา(สติ)
เรามักหลงลืมเขา
บางทีหลงลืม เป็นวันๆ บางทีเป็นเดือนๆ บางที เป็นปีๆเลยค่ะ


ณ วันนั้น เราน้ำตาคลอด้วยความปลื้มปิติ
ซาบซึ้งตรึงในหัวใจที่สุดค่ะ
ที่ได้พบกับขุมทรัพย์ ขุมพลังทิ่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ที่ไม่ต้องไขว่คว้าอื่นไกลเลย
อยู่ใกล้นิดเดียวค่ะ
อยู่ที่ตัวเรานี่เองค่ะ


โลกทั้งโลกตอนนั้น สว่าง สดใส เปี่ยมไปพลังด้วย มีชีวิต ชีวา
เพราะ พลังสติ จึงค้นพบแสงสว่างในตัวเองค่ะ

การพบกับพลังสติ ครั้งนี้
คือของขวัญวันเกิดอันมีค่ายิ่งที่สุดในชีวิตเลยค่ะ
และ เป็นวันครบรอบวันเกิด ที่มีความสุขที่สุด เลยค่ะ
(ยิ่งกว่าการจัดเลี้ยงฉลอง และ คำอวยพรใดๆค่ะ)


วันนั้นซึ้งในพระเมตตา พระกรุณา ของพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์

ที่ช่วยให้มนุษย์ตาดำๆ และตาสีอื่นๆทุกๆสีในโลกนี้
ได้มีโอกาสพบทางสว่าง พบทางดับทุกข์ค่ะ



"ท่านติช นัท ฮันห์ เขียนในปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ ว่า
การมีสติ เป็นสิ่งอัศจรรย์ ช่วยให้เราเป็นนายตนเอง และ รักษาใจตนเองอยู่ได้ในทุกๆสถานการณ์ เปรียบเทียบกับนักมายากลผู้หนึ่งตัดส่วนต่างๆของร่างกายเป็นชิ้นๆ เอาไว้คนละทิศทาง มือ ไว้ทิศใต้ แขนไว้ทิศตะวันออก และ ขาไว้ทิศเหนือ ฯลฯ และ ด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ร้องเพี้ยงเดียว ส่วนต่างๆของร่างกายก็รวมกันเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียว สู่สภาพปกติ สติก็อุปมาอย่างนั้น มันมีปาฏิหาริย์ที่สามารถเรียกจิตใจที่พุ่งไปร้อยแปดทิศกลับมา และถนอมรวมเข้าเป็นหนึ่ง เพื่อเราจะได้มีชีวิต อยู่ในทุกขณะจิตของชีวิต"
(หนังสือปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ ท่านติช นัท ฮันห์ เขียน หน้า 22)




สติก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่
ดุจน้ำในเขื่อน ที่มาอยู่รวมกัน จึงเกิดกำเนิด พลังอันยิ่งใหญ่จนปั่นไฟฟ้าได้

และถ้าน้ำในปริมาณเดียวกัน เป็นหยดๆ กระจัดกระจาย
คงไม่มีแรงมากพอที่จะปั่นไฟ ได้ จิตเราก็ ฉันนั้น


ขณะนี้ เราก็พยายาม มีชีวิต มีปาฏิหาริย์ อยู่อ่ะค่ะ

ซึ่งทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ก็ยังเผลออยู่ ยังขาดสติอยู่เรื่อยๆค่ะ
สติ หนอ สติ จง มา จง มา 555

หวังว่าเพื่อนๆ จะได้พบพลังอันยิ่งใหญ่นี้ มากขึ้นๆในทุกขณะของชีวิตเพื่อนๆนะคะ
เพื่อ การมี ชีวิตในชีวิต ….. นั่น คือ ปาฏิหาริย์ ค่ะ

ปล. บทความนี้ได้แรงบันดาลใจจากสวนโมกข์ จากหนังสือท่านติชนัทฮันต์ ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ หนังสือ ของ OSHO เรื่อง เชาวน์ปัญญาค่ะ และ จากกัลยาณมิตรทุกคนค่ะ



เพื่อนๆสามารถรับฟังเพลง Michelle's Theme ของ Nicholas Gunn ได้ค่ะ






 

Create Date : 18 สิงหาคม 2550
16 comments
Last Update : 18 สิงหาคม 2550 18:27:46 น.
Counter : 696 Pageviews.

 

ดีจังเลยค่ะ

 

โดย: filmgus 18 สิงหาคม 2550 16:42:27 น.  

 

คุณ filmgus
ขอบคุณนะคะ ที่มาเยี่ยมมาอ่านกันค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 18 สิงหาคม 2550 16:54:40 น.  

 

ดีค่ะ ธรรมะเป็นทางออกของทุกสิ่ง

 

โดย: littlecatjung 18 สิงหาคม 2550 17:36:30 น.  

 

คุณ littlecatjung
เห็นด้วยมากๆค่ะ
ธรรมะเป็นทางออก ของทุกสิ่ง จริงค่ะ

ขอบคุณนะคะ ที่มาเยี่ยมมาอ่านกันค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 18 สิงหาคม 2550 18:23:42 น.  

 

สติมี ปัญญาเกิด
จิตที่สงบนิ่ง เป็นพลังอันมหาศาล
เข้ามาเยี่ยมนะครับ ไม่ได้เข้ามานาน ยังมีบทความน่าสนใจตลอดเลยนะครับ

 

โดย: MrHuto IP: 61.19.65.211 15 กันยายน 2550 10:10:59 น.  

 

คุณ MrHuto

"สติมี ปัญญาเกิด
จิตที่สงบนิ่ง เป็นพลังอันมหาศาล"

เห็นด้วยมากๆเลยนะคะ

ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามาเยี่ยมกันค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 15 กันยายน 2550 12:31:04 น.  

 

แวะผ่านมาค่ะ

ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟัง เราเองก็ยังกิเลสหนาตราช้างอยู่ค่ะ คงต้องฝึกหนักหน่อย

 

โดย: AT~N00N~ 27 ตุลาคม 2550 10:59:04 น.  

 

คุณ AT~N00N~

ตอนนี้ตัวเอง ก็ยังมีกิเลสอยู่มิใช่น้อยค่ะ

ขอบคุณนะคะ



s

 

โดย: Mr.Bear's dream 27 ตุลาคม 2550 23:16:53 น.  

 

นานๆเจอกันที คุณ สติ
แต่คุณกิเลส นี่เป็นเพื่อนซี้กันเลย
แต่ก็เคยค่ะ ที่ว่า จงมีสติก่อน แล้วปัญญาก็จะเกิด
เราเจอกับตัวเอง เพราะในเวลาที่เราไม่มีที่พึ่งอื่นเราก็ต้องคิดเอง กำหนดเอง แต่เราไม่เร่งให้ไปเจอตัวปัญญา บางที บางที เพราะเรายังไม่นิ่ง เราก็เจอทางสว่างได้

แต่หลังๆมานี้ เพื่อนซี้ขี่หลังเราจนยาวขึ้นๆทุกวัน คุณสติ เลยจะเลิกคบกันซะละมั้ง

เอาหละค่ะ ดึกแล้ว ไปดีกว่า ขอบคุณที่ืบล็อกนะคะ นั่นน่ะ ห้องรวมเพื่อนซี้เราเลย กิเลสล้นไปหมดแล้ว

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: ทำไมต้องล็อกอิน 27 ตุลาคม 2550 23:49:45 น.  

 

แวะมาเยี่ยมบล็อคค่ะ โหตกใจ..........ดีจังค่ะ
อยากให้สติติดอยู่กับที่นานๆ มันชอบแว๊ปไปไหนบ่อยเหลือเกินค่ะ
เราจะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆนะค่ะ

 

โดย: มารีออง 28 ตุลาคม 2550 10:15:48 น.  

 

คุณ ทำไมต้องล็อกอิน

นั่นสิคะ เป็นเหมือนกันค่ะ
ดีจังนะคะ เข้าใจตัวเองได้ดีจังค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 30 ตุลาคม 2550 11:47:20 น.  

 

คุณมารีออง

อยากให้อยู่เหมือนกันคะ
แต่ไม่ค่อยจะอยู่

รู้ตัวที ก็อยู่ด้วยที แว่บๆค่ะ

ขอบคุณนะคะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 30 ตุลาคม 2550 11:50:02 น.  

 

แวะผ่านมา ทึ่งค่ะ ทึ่งมาก ๆ เลย

 

โดย: ป้าแต๋ว IP: 222.123.215.160 22 พฤศจิกายน 2551 14:04:19 น.  

 

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 11 มกราคม 2552 14:22:48 น.  

 

ตั้งแต่หลงเข้ามาอ่าน(โดยบังเอิญ) เรื่องความเหงา จากนั้นก็ไล่ทยอยไล่อ่านมาเรื่อย จนหมดทุกหน้าได้สำเร็จในวันนี้ (แอบก็อปไว้อ่านอีกที ... แต่ไม่ได้เอาไปเผยแพร่นะครับ เอาไว้อ่านเอง)

เคยมีคนถามว่า "รักตัวเอง" กับ "เห็นแก่ตัว" มันต่างกันตรงไหน ??? นั่ง ๆ นอน ๆ คิดอยู่หลายวัน .... มาได้อ่านใน blog แล้วชอบครับ ...

 

โดย: ผมอยากที่จะเชื่อ 23 สิงหาคม 2552 14:41:07 น.  

 

ขอบคุณคุณ ผมอยากจะเชื่อ นะคะ ที่มาอ่านกัน ค่ะ

และดีใจนะคะ ที่บทความเป็นประโยชน์กับคุณ ผมอยากที่จะเชื่อ ได้บ้างค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 16 พฤษภาคม 2553 16:52:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Mr.Bear's dream
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆๆ ทุกคนค่ะ
ตุ๊กตาที่โปรดคือ ตุ๊กตาหมี
และหมีที่โปรดสุดๆคือ
Mr.Bear's dream จ้า
Friends' blogs
[Add Mr.Bear's dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.