Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
29 เมษายน 2550
 
All Blogs
 

....^+^ พบกับ ความหมายของชีวิต ในธรรมชาติที่ไร้การจัดวางตอนที่ 2 (ตอนจบจ้า) ^+^...

เพื่อนๆ สามารถคลิกเพื่อ

พบกับ ความหมายของชีวิต ในธรรมชาติที่ไร้การจัดวาง ตอนที่ 1

ค่ะ


ต่อจากตอนที่แล้วนะคะ
เรื่องดำเนินมาถึงตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบค่ะ



หลังจากที่ได้บอกเพื่อนๆไปว่า กำลังจะมาถึงกิจกรรมที่สำคัญสุดๆๆๆๆๆ

คือ การปลีกวิเวกกกกกกกก...........b> บรื๋อ บรื๋อ บรื๋อ
( อย่าเพิ่งตกใจนะคะ นี่ไม่ใช่การเล่าเรื่องผีค่ะ)

การปลีกวิเวกกกกกกกกกกกกกกก คือ อะไร

การปลีกวิเวก คือ การอยู่กับตัวเอง
เพื่อภาวนา เพื่ออยู่กับธรรมชาติ
หลายคนอาจมีคำถามมาถามธรรมชาติ


ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร

ไม่ทานอาหาร (1 วัน กับ 1 มื้อ) ดื่มได้แต่น้ำ

ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ของตนเอง (พื้นที่ที่ไม่มีใครเห็นและไม่เห็นใคร)

เป็นเวลา 2 คืน 1 วัน

และที่สำคัญไม่ทำลายธรรมชาติ

ก่อนเข้าปลีกวิเวกผู้เฒ่าผู้นำหมู่บ้าน
จะทำพิธีเพื่อให้ผืนป่าปกป้อง และแคล้วคลาดอันตราย


รวมทั้งให้เราตั้งจิต
ถึงสิ่งที่ต้องการมาภาวนา
หรือ ต้องการมาหาคำตอบจากธรรมชาติ


คืนแรกที่เข้าปลีกวิเวก

เราได้จุดธูปเทียน เพื่อ ขออนุญาต ขอขมา
และ ขอให้พระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผืนป่า สิ่งมีชีวิต
ตลอดจนดวงวิญญาณที่สิงสถิต ช่วยคุ้มครอง


ช่วงพลบค่ำ !!!!!

ขอบอกว่าได้ยินเสียงคนเดินไปมานอกเต็นท์
เกือบตลอด
แต่มองออกไปทีไร ก็ไม่เห็นคน และ ไม่เห็นสัตว์ใดๆๆ เดินด้วยง่ะ

และ ตอนมองเสียงก็เงียบทุกที
พอหันกลับมาในเต็นท์ เสียงเดินก็ดังอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยๆๆๆ บรื๋อ บรื๋อ บรื๋อ


จึงสวดกันไม่จบสักที สวดแล้วสวดอีก
เพื่อต้องการการคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เพื่อให้หายกลัวอ่ะค่ะ

และแล้วเสียงเหล่านั้น..............
ก็.........หายไป


จากนั้นความมืดเข้าครอบงำแทน

เมื่อเริ่มเข้านอนในใจก็บังเกิดความกลัว ขึ้นมาอย่างประหลาด

ทั้งๆที่รู้ว่าที่แห่งนี้
น่าจะปลอดภัยเพียงพอ
จากการดูแลของชาวชนเผ่าปกาเกอญอ
และ คิดๆๆๆท่องๆๆๆ ว่า "ปลอดภัย ปลอดภัย ปลอดภัย"


แต่ในใจลึกๆ เมื่อต้องนอนคนเดียวกลางป่า
ก็อดจะรู้สึก กลัวไม่ได้
เพราะจิตเกิดไปนึกถึง
จะมีสัตว์เล็ดลอดมาหรือเปล่า จะมีคนไม่ดีหรือเปล่า???!!!


จึงเริ่มสวดมนต์นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ อีก

ความกลัวก็เริ่มคลายไปได้บ้าง
แต่ใจลึกๆไม่สงบลงดีนัก


จนจิตนึกได้ว่า เรานอนอยู่บนเสื่อที่แม่ซื้อให้(สำหรับการเข้าป่าครั้งนี้เลย)

เมื่อจิตนึกได้ว่า “เรานอนบนเสื่อที่แม่ซื้อให้ ไม่มีอะไรทำอันตรายเราได้หรอก บนเสื่อของแม่ ด้วยความรักของแม่จะคุ้มครองเราได้”

น่าแปลกมากๆๆๆ
ความอบอุ่นแล่นเข้าสู่หัวใจแทนที่ความกลัว

ความกลัวที่มีก็มลายหายไปสิ้น

พร้อมกับรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

และ หลับได้สนิทอุ่นใจทั้งคืนจนถึงเช้าๆสายๆ กันเลยทีเดียว


ด้วยความรักของแม่ ช่างมีพลังยิ่งใหญ่

และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจได้ยิ่งกว่าสิ่งศักด์สิทธิ์ใดๆ ในหล้า
ทำให้จิตสงบลงได้ทันที
และหายกลัวเป็นปลิดทิ้ง อย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ


ช่วงกลางวันของการปลีกวิเวก
ซึ่งต้องอดอาหาร ดื่มน้ำได้อย่างเดียว

บ่ายๆจึงรู้สึกอ่อนเพลียมาก
ไม่มีเรี่ยวแรงจึงเอนตัวลงนอน ร่างแนบไปกับดิน
ตามองไปรอบๆผืนป่าอันกว้างใหญ่


พลังแห่งผืนป่าสัมผัสกับ
ทุกอณูในร่างกาย ในโสตประสาท
และ ในจิตใจ


ตอนนั้นจิตได้คำตอบจากธรรมชาติว่า
เพราะ ในป่าที่ไร้การจัดวาง
อะไรจะเกิด ก็เกิด
จะงอกออกมา ก็งอก
จะมี ก็มี
จะไม่มี ก็ไม่มี


ที่จริงทุกสิ่งที่เกิดในป่านั้น
คงมีเหตุที่มาที่ไปอยู่

แต่เราคงไม่สามารถรับรู้ทั้งหมด


ทุกสิ่งในธรรมชาติ
อะไรก็เกิดขึ้นได้

เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
อะไรในเราและในชีวิตเราล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น

ล้วนเป็นไปได้ แม้เราไม่อยากให้เป็น

และเป็นไปไม่ได้ แม้เราอยากให้เป็นใจจะขาด


ตามเหตุแห่งพลังธรรมชาติจัดสรร
ที่เราสุดจะหยั่งถึง


ดังนั้นไม่ต้องมาวิเคราะห์สาเหตุ
หาที่มาให้วุ่นวายไป


และ ผิดหวังได้ง่ายๆ
ถ้าวิ่งตามความอยากร่ำไป
จนละเลยความเป็นจริงข้างนอก


เห็นว่าเรามักอยากให้เกิดเป็นอย่างนั้นนี้

หรือไม่อยากให้เกิดอย่างนั้นนี้
ดั่งใจเรานั้น

แต่ความจริงแห่งธรรมชาติเป็นไป
ดั่งใจเราทั้งหมดไม่ได้หรอก



เพราะ อะไรในป่า ในธรรมชาติ
จะเกิด ก็เกิด
อะไรจะไม่เกิด ก็ไม่เกิด

ไม่ได้ขึ้นกับความอยากของเราสักหน่อย



และตอนนั้น ทุกอณูในร่างกาย และ จิตใจ

สัมผัสได้กับพลังแห่งป่า พลังธรรมชาตินั้น
มหาศาลเหลือเกิน

พลังจากตัวเรา

เป็นแค่เศษๆๆๆๆๆ เสี้ยว เป็นหนึ่งในล้านๆๆๆๆๆส่วน
ของพลังธรรมชาติที่มีอยู่


ดังนั้นเราสามารถจัดสรรได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก

ธรรมชาติต่างหากที่จัดสรร


จัดสรรด้วยเหตุด้วยปัจจัยบางอย่าง
ที่เราหยั่งรู้ไปได้ไม่ทั้งหมด


ดังนั้นถ้าเราเฝ้าตอบสนองความต้องการของตนเอง
อย่างเอาเป็นเอาตาย
จนฝืนธรรมชาติ

เราจะพบกับความผิดหวัง ร้อนรนและเจ็บปวด

และในธรรมชาติทุกอย่างมีคุณค่าเท่าเทียมกัน

มันเป็นอย่างนั้นของมันเอง

ไม่มีอะไรไร้ค่ากว่าอะไร

ต้นไม้ทุกต้น สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ในธรรมชาติ
ก็ ไม่มีอะไรมีค่ากว่าอะไร
และ ไม่มีอะไรด้อยค่ากว่าอะไร

ในธรรมชาติทุกอย่างล้วนมีความหมาย
และมีคุณค่าในตัวมันเอง

ไม่มีอะไรดีกว่า ไม่มีอะไรแย่กว่า

ไม่มีอะไรด้อยกว่าอะไร ไม่มีอะไรเหนือกว่าอะไร

ไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิด


ที่จริงแล้วในธรรมชาติไร้เกณฑ์ตัดสิน


มีแต่มนุษย์ที่ให้เกณฑ์ไปตัดสิน นู่นนี่
เช่น
มองว่าต้นไม้นั้นดีกว่า เพราะมีประโยชน์กว่า
ดอกนี้สวยกว่าดอกนั้น เป็นต้น


จึงเกิดสะท้อนใจว่า
ดีกว่า แย่กว่า
มีค่า ไร้ค่า
เป็นมุมมอง
เป็นเกณฑ์จากมนุษย์ที่ตัดสินนู่นนี่ไปทั่ว

ตัดสินแม้กระทั่งธรรมชาติ
ตัดสินมนุษย์ด้วยกัน
และมักตัดสินตัวเอง



เพียงว่าถูกใจเราหรือไม่

ถ้าถูกใจเราก็ตัดสินว่าดี มีค่า

ถ้าไม่ถูกใจ เราก็ตัดสินว่าไม่ดี ไร้ค่า


ซึ่งที่จริงเป็นแค่มุมมองที่เรานำไปใส่ให้

แต่ขอบอกว่า
เกณฑ์ตัดสินเหล่านี้ มุมมองเหล่านี้
ยิ่งใหญ่นัก

ทรงอิทธิพลมากๆๆกับชีวิตคนๆหนึ่งได้
ทั้งต่อคนอื่นที่ถูกตัดสิน
เช่น ไอ้ฟักในเรื่องคำพิพากษา ของคุณ ชาติ กอบจิตติ



และโดยเฉพาะการตัดสินตัวเอง
เป็นคำพิพากษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยค่ะ



เช่นบางคนตัดสินตัวเองว่าไม่ดีพอ
ไม่ได้เรื่องๆ
หรือ ไม่เป็นที่รักได้

คนนั้นเหมือนถูกประทับตราไปแล้ว
(ที่แท้ประทับตราตัวเอง)

ว่าเราไม่ได้เรื่อง เราไม่ดีพอ ไม่มีใครรักเราได้

จนกลายเป็นคน

ความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ (low self esteem)
ขาดความมั่นใจ


และพร้อมจะกลายร่างเป็นอย่างนั้นไปเลยจริงๆๆ

มนุษย์หนอมนุษย์
ช่างตัดสินเหลือเกิน

เราด้วยอ่ะ
บางทีไม่ค่อยรู้ตัวซะด้วย

ดังนั้นท่ามกลางธรรมชาติที่ไร้การจัดวาง

พลัง และ การสื่อสารจากธรรมชาติ

สอน อะไร มากมาย

ให้เห็นสัจธรรม

ให้เข้าใจธรรมชาติแห่งชีวิต

จึงทำให้ชีวิต สุก และ สุข ขึ้น ค่ะ



ทำให้ปล่อยวางมากขึ้น

ไม่เอาเป็นเอาตายกับชีวิตมากนัก

เพราะเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลกหรอก

แท้จริงเราแค่เป็นส่วนหนึ่ง ใน ล้านล้านล้าน……..ส่วน ของธรรมชาติของโลกใบนี้

มีบางอย่างที่เราจัดสรรได้ ก็จัดสรรไป
หลายอย่างที่เราจัดสรรไม่ได้ ก็ปล่อยไป

เพราะหลายครั้งเราได้แต่เฝ้าดู

ขอเพียงเราเฝ้าดูอย่างเข้าใจ

ยิ่งเข้าใจลึกซึ้ง มากเท่าไหร่

จิตใจจะพบกับความสงบ สว่าง
และ เกิดสมดุลแห่งชีวิตได้มากขึ้นเท่านั้น



ทำให้รู้สึกยอมรับตัวเองและผู้อื่นได้มากขึ้น


สิ่งใดที่เคยรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ไม่ชอบใจตัวเอง
ก็วางลงได้
ว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ที่หลายๆอย่างไม่ได้ดังใจเรา

เพราะ หลายอย่างในตัวเราและในชีวิตเรา
เราจัดสรรไม่ได้

เป็นธรรมชาติจัดสรรมา
เราได้แต่ดู รับรู้
ทำความเข้าใจ
และ ดูแล



และผู้อื่นที่เราเคยไม่ชอบเขา
หรือ ที่เขาไม่ชอบเรา


ทำให้ยอมรับเขาได้มากขึ้น เพราะเขาก็เหมือนเรา

เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติในโลกใบนี้เหมือนเรา
เขาจัดสรรชีวิตได้บางส่วน

และอีกหลายส่วนอยู่ภายใต้พลังธรรมชาติเหมือนเรา


และทำให้มองเห็น
ศักยภาพในตนเองมากขึ้น

เกิดความไว้ใจตนเองมากขึ้น
เพราะด้วยพลังชีวิตของเราที่พา..........เราผ่านมาได้



และ หลังจากเข้าป่าปลีกวิเวก
ทำให้กลับมาชื่นชม ชีวิตประจำวันที่แสนดี๊ดี
ที่ตนเองมองข้ามมาตลอด


เช่น แค่ถึงเวลาปวดท้องแล้วมีห้องน้ำเข้า เป็นสิ่งที่วิเศษมากๆแล้ว

แค่เวลาหิวแล้วมีข้าวกิน นี่แหละคือความสุขสุดยอด

แค่กลางคืนมีที่นอนดีๆ นอนอุ่นได้ทั้งคืนและปลอดภัย
นั้นดีเหลือเกิน


รวมทั้งความรักของแม่ ของพ่อ
ที่บางครั้งมองข้ามไป
เพราะมีอยู่ตลอดเวลาแบบใกล้ๆๆๆตัว
เมื่ออยู่ห่างไกลไป

พบว่าที่แท้พลังแห่งรักจากพ่อแม่นั้นทรงคุณค่า
และยิ่งใหญ่เหลือเกิน

และ เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้อย่างมหัศจรรย์ที่สุด

และเชื่อเลยว่ายังมีอีกหลายๆอย่างในร่างกาย ในชีวิต
ที่ตอนนี้ยังมีอยู่นั้น เรายังมองข้ามคุณค่าอยู่
เช่น มีขาสองขา มีมือ มีผม มีเล็บ มีตา มี.................. นับไม่ถ้วน

ถ้ามีใครบอกว่าเรามีดีในตัวตั้งหลายๆอย่างแน่ะ
มีทั้งตา มีจมูก มีปาก มี ....


เราอาจฟังรู้สึกเฉยๆๆๆๆ งั้นๆๆเรื่อยๆๆๆ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่เห็นค่า
เพราะ ใจมัวแต่ไปนึกถึงอย่างอื่นๆๆๆ อยากได้นู่นได้นี่อย่างอื่นๆ


แต่ว่าวันหนึ่งที่ต้องสูญเสียไป
จะพบว่ามีค่ามากมายแค่ไหน


และ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดในส่วนของมนุษย์
เช่น การตัดสินคนอื่น หรือ ตัดสินตัวเอง
หรือ การวิ่งตามความอยากจนเหนื่อย จนเจ็บปวด
หรือ การคาดหวังคนอื่น หรือ การคาดหวังตัวเอง
หรือ .................
ทั้งหมดล้วนเป็นธรรมชาติ ของ มนุษย์เหมือนกัน
ไม่มีถูก ไม่มีผิด เหมือนกัน



เนื่องจากมนุษย์ในเมือง
อยู่กับสิ่งประดิษฐ์แทบจะตลอดเวลา

ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน


อาจทำให้หลงลืมธรรมชาติ
จึงไม่รู้จักธรรมชาติของธรรมชาติ

จนไม่เข้าใจความจริงแห่งธรรมชาติ(สัจจะ+ธรรมชาติ)


และอาจหลงลืมไปด้วยว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

ทำให้อยู่กับความคิด ภาพฝัน ตามวัตถุ ตามกระแส
ไม่ได้อยู่กับความจริงแบบธรรมชาติ ธรรมชาติ


เช่น อยากได้อะไร คิดว่าต้องได้
ไม่ได้ก็เสียใจ ฟูมฟาย โกรธ พยายามเอาชนะมากๆๆ ยอมรับไม่ได้ที่ต้องผิดหวัง

บางทีอาจเป็นเพราะเราอยู่กับ
แฟนตาซี (ภาพฝัน) ของตัวเองมากเกินไป

และ อาจจะอินมาก

จนหลงลืมไปว่านั่นเป็นภาพฝัน
เป็นแค่ส่งที่เราอยากได้อยากมีนะ

ไม่ใช่ความเป็นจริง



หารู้ไม่ว่า
ความเป็นจริงตามธรรมชาติ

จะเป็นไปได้อย่างไร
ว่าอะไรที่เราอยากได้ นั้น
เราต้องได้เสมอๆด้วยหรือ !!!!



ดังนั้นชีวิตที่มีโอกาสใกล้ชิดธรรมชาติที่ไร้การจัดวาง
จึงเป็นชีวิตที่มีโอกาสเข้าใจสัจธรรม(สัจจะ+ธรรมชาติ)

ความจริงแห่งธรรมชาติและชีวิต
เพราะมนุษย์ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

เมื่อมนุษย์ได้เข้าใกล้ เข้าใจธรรมชาติ
ทำให้มนุษย์ได้รู้จัก เข้าใจตนเองและชีวิตมากขึ้นไปด้วย

จึงเป็นวิถีแห่งการหยั่งรู้ตนเองและชีวิต
และนั่นคือวิถีแห่งการเติบโตทางจิตวิญญาณ


ธรรมชาติช่วยเยียวยาเราได้

หลายครั้งที่แผลในใจ ดีขึ้นอย่างประหลาด

เมื่อได้เข้าไปในธรรมชาติ
เช่น ไปเที่ยวธรรมชาติ ป่า ทะเล น้ำตก ภูเขา ฯลฯ

หลายคนกลับมาสดชื่นมากขึ้น พลังชีวิตเต็มเปี่ยมอีกครั้ง(เหมือนได้ไปชาตแบต)


และการได้เข้าใกล้ธรรมชาติของตัวเอง

ก็เยียวยาใจเราได้ดีเช่นกัน


อย่างที่บอกอ่ะค่ะ
ว่ามนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

การได้เฝ้าดู สังเกต ตัวเอง
ทั้งพฤติกรรม ความคิด ความรู้สึก
ความคาดหวัง ความปรารถนา ความอยาก
ไปเรื่อยๆๆ ๆๆๆๆๆๆๆ

ตามทันตัวเองเมื่อกำลังตัดสิน

ตามทันตัวเองเมื่อกำลังคาดหวัง

ตามทันตัวเองเมื่อกำลังอยากนู่นนี่


นั่นคือการได้เข้าใกล้ธรรมชาติเหมือนกัน
คือ ธรรมชาติของตัวเราเองไงคะ


ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สำคัญที่สุด
ที่เราควรจะเข้าใจ

เพราะใกล้ชิดกับเราที่สุด
มีผลกับเราที่สุด

และเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากมายมหาศาล

เพราะหลายครั้งการที่เรารู้จักตัวเองมากขึ้น
นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต


ทำให้เราพบกับหนทาง สว่าง มากขึ้นค่ะ

เพื่อนๆสามารถรับฟังเพลง Little Moritz ของ Bernward Koch ได้ค่ะ







 

Create Date : 29 เมษายน 2550
21 comments
Last Update : 14 พฤษภาคม 2550 11:46:05 น.
Counter : 709 Pageviews.

 



*** แวะมาเยี่ยม มีความสุขมาก ๆ นะคะ ***

 

โดย: หน่อยอิง 29 เมษายน 2550 16:04:44 น.  

 



*** สวัสดียามเช้าคะ อากาศดีจังเลย ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืน แวะมาเยี่ยม ขอให้ทำงานวันนี้อย่างมีความสุขนะคะ ***

 

โดย: หน่อยอิง 30 เมษายน 2550 11:26:44 น.  

 


ดีใจกับความสุขที่เกิดขึ้นกับใจนะครับ

 

โดย: MrHuTo IP: 61.19.65.220 30 เมษายน 2550 13:24:58 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกชื่นชม คุณ Mr.Bear's dream มากๆ เลยค่ะ ที่ได้เข้าถึงสัจธรรม
และถ่ายทอดแบ่งปันความรู้สึกที่ดีเหล่านี้ให้คนอื่นๆ ได้ร่วมตระหนักถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไปด้วย

ได้แง่คิดเกี่ยวกับธรรมชาติเพียบเลย....ขอบคุณ คุณ Mr.Bear's dream ที่เป็นกัลยาณมิตรเสมอมานะคะ

 

โดย: serenity IP: 202.28.181.9 30 เมษายน 2550 21:57:52 น.  

 

คุณหน่อยอิง
ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมกัน
สวัสดียามบ่ายค่ะ
ทำงานมีความสุขเช่นกันค่ะ

คุณ MrHuTo
ขอบคุณมากๆนะคะ ที่เป็นกำลังใจให้เสมอมาค่ะ

คุณ serenity
ชื่นชมคุณ serenity เช่นกันค่ะ
และ ดีใจจังค่ะที่มีคุณ serenity เป็นกัลยาณมิตรเสมอมาตลอดเลยค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 1 พฤษภาคม 2550 14:32:45 น.  

 

ตอนได้ยินเสียงเดิน แต่มองไม่เห็นอะไร
รู้สึกกลัวมากไม๊คะ
แล้วแก้ปัญหาอย่างไรคะ

 

โดย: โสดในซอย 4 พฤษภาคม 2550 17:50:34 น.  

 

คุณ โสดในซอย
กลัวๆเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ถึงกับมากมายอะไร
เพราะรู้สึกว่าเรามาดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงคุ้มครองเรา
แต่อย่างที่บอกว่ากลัวๆๆ เลยสวดมนต์ใหญ่เลยค่ะ

ก็ดีขึ้นค่ะ + ก้บเสียงเหล่านั้นก็หายไปด้วยค่ะ


ดีใจจังค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกันค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 4 พฤษภาคม 2550 18:52:39 น.  

 

เพิ่งรู้วิธีปฏิบัติจริงๆของการปลีกวิเวก เพราะปกติ เวลาเราจะหลบไปอยู่เงียบๆคนเดียว เราก็จะเรียกมันว่าการปลีกวิเวกเหมือนกัน แต่ว่า... เราไม่ได้หยุดกินอ่ะค่ะ บางทีก็แอบไปหาไรกินคนเดียวซะเลย

 

โดย: ตุ๊กตาไขลาน 4 พฤษภาคม 2550 22:31:44 น.  

 

คุณ ตุ๊กตาไขลาน
การปลีกวิเวก คงทำได้หลายๆอย่างค่ะ
แบบที่คุณ ตุ๊กตาไขลานทำ ก็เป็นปลีกวิเวก ค่ะ
คือ
การอยู่กับตัวเอง การได้ให้เวลากับตัวเอง
ให้เวลา ที่จะทำความรู้จัก เข้าใจตัวเอง
ที่ไหนๆ ก็เป็นปลีกวิเวกได้เสมอค่ะ
ที่บ้าน ที่ทำงาน แม้กระทั่งที่โต๊ะอาหารค่ะ
ขอเพียงมีเวลาให้กับตัวเอง ให้กับใจตัวเองค่ะ

แล้วคุณ ตุ๊กตาไขลาน ปลีกวิเวกแล้วผลเป็นยังไงบ้างคะ


และ ขอบคุณนะคะ ที่มาเยี่ยมเยียนกันค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 5 พฤษภาคม 2550 12:11:22 น.  

 

... เย้ กลับมาเขียนบล้อกแล้ว มาบอกเล่าประสบการณ์ดีๆให้คนไม่มีโอกาสได้สัมผัสแบบนี้ น่าชื่นชมมั่กๆ

อยากมีโอกาสไปเติบโต ไปปลีกวิเวก แบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ไหว ตัดกิเลสไม่ได้ซักที

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 6 พฤษภาคม 2550 0:55:24 น.  

 


อ่านแล้วซาบซึ้งใจค่ะ ดีจังเลย

 

โดย: Marron Cream IP: 203.113.32.7 6 พฤษภาคม 2550 8:57:01 น.  

 

คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"

ไว้ยังไงจะหาโอกาสให้นะคะ อิ อิ ถ้าไม่หนีไปซะก่อน

ขอบคุณมากๆและ ดีใจมากๆ นะคะ ที่เป็นกำลังใจให้มาตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

คุณ Marron Cream
ดีใจที่สุดค่ะ ที่คุณ Marron Cream เข้ามาอ่านกัน และ ซาบซึ้งด้วยง่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 6 พฤษภาคม 2550 12:20:45 น.  

 


ธรรมชาติพาใจให้สงบ
ให้ค้นพบสัจธรรมในธรรมชาติ
ทุกสิ่งงอกหรือตายคล้ายมีที่มา
ผลิใบงามหรือร่วงโรยลาตามเวลาธรรมชาติให้มา

ธรรมชาติมีพลังอันแสนประหลาด
เราไม่อาจคาดสรรพสิ่งดั่งใจหวัง
ด้วยพลังธรรมชาติจัดสรรหลายๆสิ่งอนันต์
เราแค่เรียนรู้ทันตามธรรมชาติพาใจเย็น

 

โดย: Marron Cream IP: 203.113.33.10 10 พฤษภาคม 2550 18:17:21 น.  

 

คุณ Marron Cream
ช่างเป็นกลอนที่ไพเราะ
และ กินความหมายได้อย่างลึกซึ้งค่ะ
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ
คุณ Marron Cream แต่งกลอนได้เยี่ยมจัง
นับถือ นับถือ

 

โดย: Mr.Bear's dream 10 พฤษภาคม 2550 22:02:21 น.  

 

ชอบมากเลยค่ะ เพราะว่าเป็นคนที่ชอบตัดสินตัวเองอยู่เรื่อย แถมยังมีความอยากที่จะให้สิ่งต่าง ๆ มันเป็นไปอย่างที่เราหวังไว้เสมอ พอได้อ่านบล็อคนี้แล้ว รับรู้ได้ถึงความเป็นธรรมชาติ ความรู้สึกผ่อนคลาย การปล่อยวาง และความอบอุ่นใจค่ะ มีความสุขขึ้นทันทีเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ ให้เขียนอีกเรื่อย ๆ ชอบอ่านมากเลยค่ะ

 

โดย: praewjang IP: 202.28.181.9 1 มิถุนายน 2550 20:48:45 น.  

 

คุณ น้อง praewjang ดีใจจังค่ะ ที่ทำให้ praewjang มีความสุข อบอุ่นใจ
ปลื้มมากมายๆๆๆๆเลยนะคะ สำหรับความรู้สึกดีๆกำลังใจดีๆที่มีให้ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 8 มิถุนายน 2550 13:20:12 น.  

 


> *** สวัสดีคะ แวะมาเยี่ยม ช่วงนี้อาจจะห่างหายไปบ้าง คงไม่ลืมกันนะ ว่าง ๆ อย่าลืมแวะไปเยี่ยมหน่อยอิงที่ blog นะคะ ทุก comment คือกำลังใจให้แก่กันเสมอ แวะมาทักทายอีกนะคะ หยุดติดต่อกันหลายวัน พักผ่อนและเที่ยวให้สนุก อย่าลืม ไปทำบุญกันด้วยนะคะ ***

 

โดย: หน่อยอิง 27 กรกฎาคม 2550 20:59:37 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ

 

โดย: มารีออง IP: 125.24.59.88 31 กรกฎาคม 2550 13:49:37 น.  

 

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 31 กรกฎาคม 2550 18:37:47 น.  

 

เป็นบทความดีๆเลยครับ
เวลาไปเที่ยวป่า ชอบเดินเท้าเปล่ากับหญ้าครับ

 

โดย: bigwores 2 สิงหาคม 2550 21:33:15 น.  

 

คุณ bigwores
ดีนะคะ ได้สัมผัสกับผืนป่า แผ่นดิน และ ทำให้เห็นความจริงแห่งธรรมชาติ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: Mr.Bear's dream 4 สิงหาคม 2550 18:51:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Mr.Bear's dream
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆๆ ทุกคนค่ะ
ตุ๊กตาที่โปรดคือ ตุ๊กตาหมี
และหมีที่โปรดสุดๆคือ
Mr.Bear's dream จ้า
Friends' blogs
[Add Mr.Bear's dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.