คราวที่แล้วผมนำเทคนิคเกี่ยวกับวิธีบอกรักทั้ง 15 วิธีมาฝากเพื่อน ๆ กันไปแล้ว คราวนี้ผมเลยพาเพื่อน ๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับวิธีบอกรักของชาวต่างชาติกันบ้างครับ เพราะการบอกรักไม่ได้มีแค่การมอบช่อดอกไม้วาเลนไทน์ วันนี้เลยจะมาเล่าวิธีการบอกรักของชาวต่างชาติในแต่ละประเทศนั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามบริบทของวัฒนธรรมชาตินั้น ๆ กันเลยทีเดียวครับ ว่าแต่จะมีประเทศอะไรกันบ้าง เราไปดูกันเลย!
 

 

1. ประเทศญี่ปุ่น
                ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นชาติแรกที่เริ่มต้นใช้วิธีการบอกรักแบบคาวาอี้กันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ หญิงสาวชาวญี่ปุ่นมักจะรอคอยและตื่นเต้นกับเทศกาลนี้กันมาก เนื่องจากเป็นเทศกาลที่ผู้หญิงนั้นจะเป็นฝ่ายบอกรักผู้ชายที่ตนชอบด้วยการมอบช็อกโกแลต “Honmei Choco” ให้แก่อีกฝ่าย เพื่อสื่อถึงความในใจนั่นเองล่ะครับ โดยอาจจะนำไปแอบซุกในกระเป๋า ลิ้นชักโต๊ะ หรือตามที่ต่าง ๆ ที่คิดว่าจะหาเจอ แต่ถ้าจะมอบให้ฝ่ายชายแบบต่อหน้าก็ได้เช่นกันนะครับ ถ้าไม่เขินซะก่อน ส่วนฝ่ายชายหากมีใจให้หญิงสาวคนไหนก็จะมอบช็อกโกแลตให้ในวันที่ 14 มีนาคม หรือวัน White Day ครับ
 

เครดิตภาพ: https://www.giverecipe.com/marshmallow-chocolate-cookies/

2. ประเทศเกาหลี
                มาถึงประเทศที่สองกันบ้าง เชื่อแน่ว่าหากพูดถึงประเทศนี้แล้ว สาว ๆ บางคนจะต้องร้องกรี๊ดอย่างแน่นอน เพราะประเทศที่ผมกำลังพูดถึงนั้นก็คือ “ประเทศเกาหลี” นั่นเองครับ ซึ่งวิธีการบอกรักของชาวเกาหลีเนี่ยคล้ายกับประเทศญี่ปุ่นมาก ๆ เลยล่ะครับ นั่นก็คือ ในวันวาเลนไทน์ สาว ๆ จะมอบช็อกโกแลต “คุกกี้ มาร์ชแมลโล” ให้กับฝ่ายชายที่ตนชอบก่อนครับ และถ้าฝ่ายชายชื่นชอบหรือมีใจตรงกันกับฝ่ายหญิงก็จะมอบช็อกโกแลตในวันที่ 14 มีนาคม หรือวัน White Day ตอบกลับมาถึง 3 เท่าของช็อกโกแลตที่ให้มาเลยทีเดียวครับ แต่ถ้าคิดกันแค่เพื่อนก็จะให้เท่ากับจำนวนที่ได้รับมาเท่านั้นครับ
 

เครดิตภาพ: https://www.etsy.com/

3. ประเทศเดนมาร์ก
                แม้ว่าประเทศอื่นจะมอบดอกกุหลาบวาเลนไทน์ หรือดอกไม้ชนิดอื่นให้แก่คนรัก แต่ว่าที่ประเทศเดนมาร์กนี้จะมอบดอก snowdrops ซึ่งเป็นดอกไม้สีขาวโพลนครับ โดยจะมอบให้ในวันวาเลนไทน์ ไม่เพียงเฉพาะมอบให้กับคนที่ตนแอบชอบเท่านั้น แต่ยังมอบให้กับเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันด้วยครับ
 

เครดิตภาพ: https://www.pinterest.com/

4. ประเทศเวลส์
                ต้องบอกก่อนเลยว่าหนุ่มสาวชาวเวลส์มีวิธีการบอกรักที่ครีเอตและไม่เหมือนใครมากจริง ๆ เลยล่ะครับ เพราะเขาจะมอบช้อนไม้ที่แกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ อย่างสวยงามให้กับคนที่ตนแอบชอบ ซึ่งรูปที่แกะสลักบนช้อนไม้นั้นก็จะสื่อถึงความหมายที่ลึกซึ้งแตกต่างกันไป เช่น รูปล้อ หมายถึง “การสนับสนุนหรือดูแลกันและกัน”, รูปเกือกม้า หมายถึง “ความโชคดี” แต่ส่วนมากมักจะแกะสลักเป็นรูปหัวใจและรูปกุญแจ เพื่อแสดงให้เห็นว่า “คุณได้ปลดล็อกหัวใจของฉันเข้าไปแล้ว” นั่นเองครับ นอกจากช้อนไม้จะเป็นการสื่อถึงความรักและความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่ออีกฝ่ายแล้วยังเป็นการขอคบหาดูใจอีกด้วย และถ้าอีกฝ่ายมีใจและตกลงที่จะคบหาดูใจกันก็จะให้ช้อนกลับมาครับ ซึ่งสาเหตุที่ชาวเวลส์มอบช้อนไม้แกะสลักให้แก่กันนั้น เนื่องจากชาวเวลส์เชื่อว่าจะทำให้ความรักมั่นคง ยั่งยืน และมีแต่ความสุขในชีวิตคู่ โดยปัจจุบันช้อนแกะสลักนี้จะมอบเป็นของขวัญแลกเปลี่ยนกันในวันแต่งงาน วันครบรอบ หรืองานวันเกิดครับ
 

5. ประเทศเยอรมัน
                นอกจากประเทศเวลส์จะมีวิธีบอกรักที่ครีเอตและแปลกไม่เหมือนใครแล้ว ประเทศเยอรมันก็มีวิธีบอกรักที่มีเอกลักษณ์เช่นเดียวกันเลยล่ะครับ ซึ่งวิธีบอกรักของหนุ่มสาวชาวเยอรมันก็คือการให้คุกกี้ขนมปังขิงยักษ์รูปหัวใจนั่นเองครับ โดยจะเขียนข้อความสื่อความรู้สึกดี ๆ ที่ตนต้องการบอกอีกฝ่ายให้รับรู้ไว้บนขนมปังขิงชิ้นนั้นครับ แหม่! โรแมนติกจริง ๆ นะครับเนี่ย
 

เครดิตภาพ: https://cdn.jeab.com/

6. ประเทศแอฟริกาใต้
                ถึงประเทศแอฟริกาใต้จะไม่มีการมอบของขวัญเป็นการบอกรัก แต่ต้องบอกเลยว่ามีความหวานไม่แพ้กันจริง ๆ ครับ เพราะเขาจะใช้วิธีการปักชื่อคนที่แอบชอบในรูปหัวใจไว้บนแขนเสื้อของตัวเองแทน ซึ่งวิธีการบอกรักแบบนี้ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณี Lupercalia ของชาวโรมันโบราณนั่นเองครับ

7. ประเทศสเปน
                แม้ในปัจจุบันนั้น การร้องเพลงบอกรักจะเป็นวิธีการบอกรักของหนุ่มสเปนที่ไม่ค่อยนิยมเหมือนสมัยก่อนที่ใช้ทักษะทางดนตรีในการพิชิตใจสาว แต่ก็มีชายหนุ่มบางคนยังคงใช้วิธีนี้กันอยู่ครับ โดยเขาจะแต่งกายด้วยเสื้อคลุมตัวยาวเหมือนอยู่ในยุคเมื่อ 700 ปีก่อน และดีดกีตาร์ร้องเพลงไปตามท้องถนน หรือลานกว้างที่มีผู้คนผ่านไปมา เพื่อจีบสาวครับ

8. ประเทศเม็กซิโก
                วิธีการบอกรักของชาวเม็กซิโกเนี่ยคล้ายกับประเทศสเปน นั่นคือ “การใช้เพลงเป็นตัวนำ” ครับ เพียงแต่จะต่างกันตรงที่หนุ่มสเปนร้องเพลง แต่หนุ่มเม็กซิโกใช้วิธี “ขับเพลงเกี้ยวสาว” ด้วยการลงทุนถึงขั้นตั้งวงดนตรีไปยังหน้าบ้านของสาวที่ตนหมายปองและบรรเลงเพลงรักอันหวานซึ้งไปเรื่อย ๆ จนกว่าเธอจะใจอ่อนยอมเปิดประตูต้อนรับหรือเผยโฉมหน้าให้เห็นครับ
               
                ขอบอกครับว่าวิธีการบอกรักของหนุ่มสาวแต่ละประเทศเนี่ยไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ เพราะเป็นการบอกรักที่ทั้งน่ารักและโรแมนติกสุด ๆ สำหรับใครที่จะนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ล่ะก็... สามารถนำไปปรับใช้ได้เลยนะครับ และยิ่งถ้าใช้ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ยิ่งดีใหญ่ ฟันธงครับ!