กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
 
 
วันที่ 1 ถึงโตเกียวแล้ว
เครื่องบินของเราไปถึงนาริตะตอน 5 โมงเย็น แต่กว่าจะออกจากสนามบิน กว่ารถไฟจะมาถึงตัวเมืองโตเกียว กว่าจะได้เช็คอิน หาข้าวเย็นกิน อาบน้ำอาบท่า ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้วอ่ะ ตกลงวันนี้เลยไม่ได้ทำอะไรเลย เหนื่อย นอนเลยดีกว่า

เรื่องของเรื่องคือ ที่เราเสียเวลากันอยู่ในสนามบินนานมาก เครื่องลงตั้งกะห้าโมงเย็น แต่กว่าจะออกจากสนามบินกันนี่ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มค่ะพี่น้อง เนื่องจากว่าคุณสามีที่เคารพของดิฉันเนี่ยะ เค้าอยากได้เช่าเครื่องเราท์เตอร์ (มั่นใจมากว่าสะกดผิด 55) เพราะเค้าจะได้มีไวไฟใช้ตลอดเวลาไง เผื่อจะเอาไว้เช็คตารางรถไฟชิงคันเซน เช็คอากาศ เช็คเมล อ่านข่าว ย้ายโรงแรมอะไรก็ว่าไป แล้วคุณสามีดิฉันก็ช่างเลือกมากๆๆๆๆ จริงๆพอเรารับกระเป๋าแล้วเดินออกจากประตูผู้สารขาเข้า แถวๆนั้นจะร้านเคาเตอร์ที่ให้บริการเช่ามือถือและเราท์เตอร์กันอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน แต่ละร้านก็มีของเหมือนกันและค่าบริการก็พอๆกัน แต่คุณสามีดิฉันเดินถามราคาทุกร้านเลย ก็เข้าใจอยู่นะว่าเราจะเช่ากันตั้ง 11 วัน เค้าก็คงอยากได้ร้านที่โปรโมชั่นถูกที่สุด แต่ ณ อารมณ์นั้น...เหนื่อยอ่ะ เรานั่งเครื่องมาตั้ง 10 ชั่วโมงเต็มนะ ราคาต่างกันไม่เท่าไหร่ก็จ่ายๆไปเหอะ








สุดท้าย คุณสามีก็เลือกได้ร้านหนึ่ง ตกลงราคาเช่ากันได้ที่ 7 วันแรกราคาเหมาจ่าย 7,350 เยน, อีก 4 วันถัดไป คิดเป็นรายวัน วันละ 1,260 เยน, รวมเช่า 11 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 12,390 เยน ตอนที่เช่าเราก็เอาพาสปอร์ตกับบัตรเครดิตให้เค้าไปกรอกข้อมูล แล้วเค้าบอกว่า ตอนคืนเครื่องเราท์เตอร์ตัวเนี่ยะ ไม่ต้องมาคืนที่นี่ ให้คืนที่เทอมมินอลของผู้สารขาออกได้เลย แล้วเค้าจะชาร์ตเงินค่าเช่าตอนที่เราคืนเครื่อง จริงๆเช่าเราท์เตอร์แบบนี้ก็สะดวกดีนะ ถ้าเดินทางบ่อยก็เอาไว้เช็คเที่ยวรถไฟได้ ยิ่งถ้าไปกันหลายๆคนยิ่งดี เพราะเราท์เตอร์เครื่องหนึ่ง แชร์ได้ 5 devices








หลังจากทีได้เราท์เตอร์มาแล้ว เราก็มาเดินหาเค้าเตอร์บริการของ Japan Rail Pass มันเป็นห้องกระจกป้ายไฟเขียวๆ อยู่หัวมุมแถวๆนั้นแร่ะ คนเข้าแถวยาวมากกกก ถึงคิวเรา เราก็เอา voucher JR rail pass ของเรายื่นให้พร้อมกับพาสปอร์ต แล้วเค้าก็จะเอาบัตร JR rail pass มาให้เรา ลักษณะบัตรคล้ายๆ พาสปอร์ตเลยค่ะ เพียงแต่ว่าไม่มีหน้ากระดาษด้านใน ได้บัตร JR rail passมาแล้ว ข้าพเจ้าจึงรู้ว่า คุณสามีเค้าหวังดี เลยซื้อ JR rail pass แบบชั้นหนึ่ง(green car)มาให้ ซึ่งในความหวังดีนี้ ทำให้อีเมียหัวเสียมาก เนื่องจากว่าเราต้องจองที่นั่งทุกครั้งก่อนขึ้นรถไฟ คุณสามีเค้าคงคิดว่ารถไฟญี่ปุ่นจะเป็นเหมือนรถไฟในยุโรป ที่เราซื้อ Eurail pass มาแล้ว เราจะขึ้นรถไฟคันไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจองที่นั่งถ้าไม่ใช่รถไฟด่วนที่บังคับจอง











นอกจากแลกตั๋ว JR rail pass แล้ว บีบีกับคุณสามีซื้อแพกเกจ Suica & NEX จากพนักงานที่นั่นด้วย แพจเกจนี้เราจะได้ตั๋วไป-กลับ จากสนามบินนาริตะ-โตเกียว โดยรถไฟ JR Narita express และบัตรสมาร์ทการ์ด Suica ที่มีเงินให้ใช้ 1,500 เยน บัตร Suica เนี่ยะ คล้ายๆกับบัตร octopus ของฮ่องกงอ่ะค่ะ เพราะเราสามารถใช้ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อได้ ใช้จ่ายค่ารถไฟ รถบัส รถรางได้ทุกอย่างในเขตโตเกียว ราคาแพกเกจ Suica & NEX บัตร green car = 8,000 เยน, บัตร ordinary = 5,500 เยน ส่วนตัวบีบีคิดว่าคุ้มนะ เพราะปกติเราเซื้อตั๋วไปกลับมันก็ไม่ต่ำกว่า 8,000 เยน อยู่แล้วอ่ะ ซื้อแพจเกจนี้เลยเท่ากับว่า เราจ่ายเท่าเดิม แต่เราได้บัตร suica มาใช้ฟรีอีก 1,500 เยนอ่ะ แล้วเราต้องอยู่โตเกียวอีก 3 วันอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องต้องนั่งรถไฟบริษัทอะไรดี ซื้อตั๋วยังไง ใช้บัตร suica โลด สะดวกกว่าเยอะ








ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตร Suica & NEX //www.jreast.co.jp/e/suica-nex/


เนื่องจากว่าบัตรรถไฟเจอาร์ที่เราซื้อทั้งหมดเป็นบัตรแบบกรีนคาร์
พนักงานเลยกำชับมาอีกว่าเราต้องจองที่นั่งก่อนขึ้นรถไฟทุกขบวน เพราะที่นั่งอาจเต็มได้ เราเลยให้เค้าจองที่นั่งรถไฟ NEX เข้าเมือง และรถไฟชินคังเซนจากโตเกียวไปฮิเมจิตอนพรุ่งนี้เช้าให้ด้วยเลย เสร็จแล้วเราก็เดินลงบันไดเลื่อนเพื่อไปขึ้นรถไฟเข้าโตเกียวกัน





รถไฟจากนาริตะไปถึงสถานีชินากาวา ใช้เวลาวิ่งเกือบหนึ่งชั่วโมงครึ่งแน่ะ แต่เราก็โอเคนะ เนื่องจากรถไฟเก๋ เท่ และไฮโซมากอ่ะ แล้วระหว่างทาง มีพนักงานเข็นรถมาขายน้ำกับขนมอยู่เป็นระยะๆ ราคาไม่แพงด้วย ชอบอ่ะ











คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Shinahawa Price Hotel พักหนึ่งคืน จ่ายไป 10,181.82 เยน โรงแรมหาง่ายมาก เพราะอยู่ตรงกันข้ามกับจากสถานีรถไฟชินากาว่าเลย เข้าไปในล็อบบี้โรงแรมแล้วแอบบดีใจ เพราะโรงแรมดูหรูเกินราคาอ่ะ แต่ปรากฎว่า เช็คอินผิดตึกค่ะ คือโรงแรมนี้มีหลายตึกค่ะ ห้องที่เราจองอยู่อีกตึกหนึ่ง ชื่อว่าตึก “North tower” แล้วตึกนั้น”โทรมมาก” ดูเหมือนเป็นอพาร์เมนท์เก่าๆมากกว่าจะเป็นโรงแรมอ่ะ ขนาดกุญแจห้องนะ ยังเป็นลูกกุญแจธรรมดาที่ห้อยแท่งไม้ใหญ่ติดไว้ เหมือนที่โรงแรมสมัยก่อนเค้าใช้กันอ่ะ แล้วขึ้นมาบนห้องพักนะ ห้องแคบมากๆ แคบกว่าห้องพักในยุโรปอีกอ่ะ ไฟก็สลัวๆ ห้องก็ทึมๆ เตียง หมอน ผ้าห่ม ก็ทั้งเก่าทั้งแฟบ แล้วเสียงดังมาก เพราะว่าด้านล่างของตึกมันเป็นผับหรือคาราโอเกะมั้ง ปิดกระจกแล้วก็ยังได้ยินเสียงอ่ะ คือก่อนเราจอง เราดูรูปห้องพักกับอ่านรีวิวมาแล้วนะ เราถึงเลือกโรงแรมนี้ แต่ทำไมสภาพจริงมันไม่เหมือนในเวปไซต์เลยอ่ะ เสียความรู้สึกมากอ่ะ แล้วอีกอย่าง นี่คือประเทศที่เราอยากมามากๆอ่ะ แล้วมาคืนแรกก็เจอแบบนี้เลย คุณสามีก็ปลอบว่าไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ก็ดึกแล้ว แล้วพรุ่งนี้เช้าเราก็ไปแต่เช้าด้วย นอนๆไปเหอะ แค่คืนเดียวเอง

















หลังจากเราเช็คอินเสร็จ เราก็เดินออกไปหาของกินแถวๆนั้นแหล่ะ กินเสร็จก็แวะซื้อน้ำกับขนมนิดหน่อยจาก 7/11 หน้าโรงแรมกลับไปไว้กินบนห้อง จริงๆเรากะว่าจะนั่งรถไฟไปเดินดูของแถวอะคิฮะบาระกัน แต่เหนื่อยกันมาก เลยกลับห้อง อาบน้ำ นอนเอาแรงกันดีกว่า (บอกว่านอนเอาแรง แต่จริงๆแทบไม่ได้นอนกันเลยเชียว เพราะด้านล่างเสียงดังมากๆ) เฮ้อ คืนแรกในญี่ปุ่น



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2556 7:53:26 น.
Counter : 7685 Pageviews.

2 comments
  
สวัสดีค่ะ คุณบีบี
เพิ่งเข้ามาบล็อกนี้ครั้งแรก จากนั้นก็ตามอ่านเรื่องราวทุกบล็อก
อย่างบอกว่าเล่าเรื่องสนุกมากกก แล้วก็เริ่มติดใจ ไอ้อ้วนกับลูกสาวคุณบีบีแล้ววว จะติดตามต่อไปนะคะ
โดย: วัน IP: 203.150.199.150 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:54:28 น.
  
บีบี นี้พัทนะ กะลังหาข้อมูลไปเที่ยวญี่ปุ่น เจอบล็อคแกซะงั้น เที่ยวไม่ทันแกจริงๆ
โดย: พัท IP: 213.236.242.220 วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:5:34:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sugar lip
Location :
Seattle  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]



วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ

บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
New Comments