หน่วยและการวัดความสว่างของแสง 3

2.3 การใช้เครื่องมือวัดแสง




การใช้เครื่องมือวัดแสงนั้น มีการวัดหลายประเภท


• วัดค่าความส่องสว่าง (Illumination Level Measurement)

การวัดค่าความส่องสว่างของห้อง จำนวนของค่าความสว่างถูกประมวลผลออกมาเป็นค่าเฉลี่ย โดยการวัดนั้นต้อถือเครื่องมือให้ขนานกับวัตถุ หรือ พื้นผิวใดๆที่ต้องการวัด ระมัดระวังไม่ให้มือหรือตัวลักซ์มิเตอร์เองนั้นไปบังแสงที่เข้ามาที่ผิวรับแสงของเครื่องมือวัด และต้องอยู่ห่างจากตัวผู้วัดพอสมควร เพื่อป้องกันแสงที่สะท้อนจากเสื้อผ้า ทำให้ค่าที่อ่านผิดเพี้ยนไป ดูรูปที่ 2.3.1




รูปที่ 2.3.1 แสดงการใช้เครื่องมือวัดค่าการส่องสว่าง





• วัดค่าความสว่าง (Brightness Measurement)

การวัดค่าความสว่างนั้น ตำแหน่งของเครื่องมือวัด ต้องอยู่ตรงข้ามกับพื้นผิวที่ต้องการวัด แล้วค่อยๆเคลื่อนตัวเครื่องมือออกมาช้าๆ ให้อยู่ในระยะประมาณ 2 ใน 4 นิ้ว จนกระทั่งค่าตัวเลขนั้นจะคงที่ นั่นคือค่าของความสว่าง ระมัดระวังไม่ให้มือหรือตัวลักซ์มิเตอร์เองนั้นไปบังแสงที่เข้ามาที่ผิวรับแสงของเครื่องมือวัด และต้องอยู่ห่างจากตัวผู้วัดพอสมควร เพื่อป้องกันแสงที่สะท้อนจากเสื้อผ้า ทำให้ค่าที่อ่านผิดเพี้ยนไป




รูปที่ 2.3.2 แสดงการใช้เครื่องมือวัดค่าความสว่าง







• วัดค่าความสว่างของแหล่งแสง (Brightness Measurement of Luminous Source)

สำหรับใช้วัดค่าความสว่างของแหล่งแสง ตำแหน่งของเครื่องวัดอยู่มรระยะประชิดกับพื้นผิวของแหล่งแสงนั้นๆ เครื่องวัดจะอ่านค่า เท่ากับความสว่างของแหล่งแสงนั้นๆ




รูปที่ 2.3.3 แสดงการใช้เครื่องมือวัดค่าความสว่างของแหล่งแสง







• การวัดแสงสะท้อน (Reflectance Measurement)

วัตถุใดๆที่มีสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงที่ต่างกันทำให้การมองเห็นวัตถุนั้นต่างกันด้วย เมื่อส่องด้วยแสงปริมาณเดียวกัน การหาสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงของวัตถุนั้นสามารถหารได้ดังนี้ เครื่องมือที่ใช้คือ ลักซ์มิเตอร์ นำลักซ์มิเตอร์มาวัดความส่องสว่างที่วัตถุเพื่อวัดความส่องสว่างของแสงที่ตกกระทบวัตถุ และหันสักซ์มิเตอร์เข้าหาวัตถุ เพื่อวัดความส่องสว่างที่ห่างจากตัววัตถุออกมาประมาณ 6 นิ้ว แต่ทั้งนี้ต้องระวังไม่ให้มือหรือตัวลักซ์มิเตอร์เองนั้นไปบังแสงที่เข้ามาที่ผิวรับแสงของเครื่องมือวัด ดังในรูปที่ 2.5.1 สัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงของวัตถุนั้นก็คือความส่องสว่างสะท้อนออกมาจากตัววัตถุต่อความส่องสว่างตกกระทบที่วัตถุนั้น ตัวอย่างเช่น





แสงที่วัดได้บนวัตถุเท่ากับ 70 เมื่อเลื่อนเครื่องวัดออกห่างวัดแสงสะท้อนได้ 45
ดังนั้น สัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงของวัตถุนั้น เท่ากับ 45/70 = 64%

รูปที่ 2.3.4 แสดงการใช้เครื่องมือวัดค่าแสงสะท้อน และการหาสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงของวัตถุ







• การวัดค่าการส่องผ่านของแสง (Transmittance and Candle Power Measurement)

วัตถุใดๆที่มีสัมประสิทธิ์ยอมให้แสงผ่านที่ต่างกันทำให้การส่องผ่านแสงนั้นต่างกันด้วย เมื่อส่องด้วยแสงปริมาณเดียวกัน การหาสัมประสิทธิ์การยอมให้แสงผ่านของวัตถุนั้นสามารถหารได้ดังนี้ เครื่องมือที่ใช้คือ ลักซ์มิเตอร์ นำลักซ์มิเตอร์มาวัดความส่องสว่างที่วัตถุเพื่อวัดความส่องสว่างของแสงที่ส่องผ่านวัตถุ และหันสักซ์มิเตอร์เข้าหาประชิดวัตถุ เพื่อวัดความส่องสว่างที่ตัววัตถุ แต่ทั้งนี้ต้องระวังไม่ให้มือหรือตัวลักซ์มิเตอร์เองนั้นไปบังแสงที่เข้ามาที่ผิวรับแสงของเครื่องมือวัด ดังในรูปที่ 2.5.1 และวัดค่าความสว่างของแหล่งแสงโดยไม่ผ่านวัตถุ สัมประสิทธิ์การส่องผ่านแสงของวัตถุนั้นก็คือความส่องผ่านจากตัววัตถุต่อความสว่างของแฟล่งแสงนั้น ตัวอย่างเช่น





วัดค่าแสงที่ส่องผ่านได้ 80 วัดค่าจากแหล่งแสงได้ 150
ดังนั้น สัมประสิทธิ์การส่องผ่านแสงของวัตถุนั้น เท่ากับ 80/150 = 53%

รูปที่ 2.3.5 แสดงการใช้เครื่องมือวัดค่าการส่องผ่าน และการหาสัมประสิทธิ์การส่องผ่านแสงของวัตถุ





-----------------------------------------------------------------------------

Architectural Lighting Second Edition ; M. David Egan , Victor Olgyay
: McGraw-Hill Higher Education ,2002

Concept in Architectureal Lighting : M. David Egan
; McGraw-Hill Book Company, 1983

Concept and Practice of Architectural Daylighting
; Fuller Moore : Van Nostrand Reinhold Company, NY , 1985


ชำนาญ ห่อเกียรติ : เทคนิคการส่องสว่าง : กรุงเทพมหานคร :
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2540

Create Date : 25 สิงหาคม 2553 Last Update : 25 สิงหาคม 2553 13:17:46 น. Counter : 5843 Pageviews.		3 comments
Share Tweet