I'm on the Road to Nowhere ...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
20 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
+++ นมัสเตรเบิร์ด # 3 : โคจรสู่ Dingboche +++



ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยสภาพไม่เต็มร้อยนัก รู้สึกปวดกบาลนิด ๆ ลองกลืนน้ำลายตามไปอีกอึก

“อุ้ย! เจ่ะคอชิหัยเลย” เมื่อคืนก็ไม่ได้หนีไปคาราโอเกะที่ไหนนี่นา คออักเสบแล้วสิตู ฤทธิ์ฝุ่น Namche Bazaar ที่ผมดูดดมเมื่อครั้งขาขึ้นมาจาก Phakding ดันมาประกาศศักดา ไม่ถูกกาละเทศะจริง ๆ

แต่แค่นี้ไม่มีถอยอยู่แล้ว



แพนเค้ก เพื่อนผมเธออึดอดทนกว่าผม ไม่ยักกะมีอาการอะไรเลย ไม่เจ็บ ไม่เมื่อย ไม่เป็นไข้ จะเป็นก็แค่คอหันซ้ายหันขวาไม่ค่อยสะดวก ได้แค่หันรีหันขวางอย่างเดียว อาการเหมือนตกหมอน ไม่น่าใช่ AMS

ผมทิ้งเสื้อผ้าที่ใช้แล้วและสัมภาระที่เกินความจำเป็นบางส่วนไว้ที่โรงแรมพี่ดิล ขากลับค่อยมาเก็บ

สวาปามคลับแซนด์วิชชิ้นโตเสร็จ กัปตันจันทรา ก็สั่งลูกทริปออกเดินหน้าทันที น้องราช ลูกหาบพูดน้อย ดุ่ย ๆ นำหน้าไปก่อนแล้ว เราใช้เส้นทางไต่ขอบกระทะหลังโรงแรมเส้นเดิม เลาะเลียบเหลี่ยมเขามุ่งหน้าสู่ Tengboche เมืองที่มี Monastery ใหญ่โตที่สุดแห่งแดนดินถิ่น เนปาล


+ Back to Trial
เงยหน้า เงยตาเดินดูวิวไปเพลิน ๆ สายตาซุกซนดันมองไปเห็นนกสีเหลือบ ๆ เขียว ๆ น้ำเงิน ๆ บินอยู่ไกล ๆ ช่างรบกวนใจผมนัก นกอะไรนะ หรือว่าจะเป็น นกประจำชาติเนปาล Himalayan Monal ไก่ฟ้าแสนสวยมากสีตัวนั้น

อุ้ย! นึกถึงตรงนี้ก็ขนลุกแล้ว ... บินไปไหนแล้วหว่า



เงยหน้าเดินต่อไปได้ไม่กี่ก้าว นกตัวสวยบินเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีก ปีกสีเหลือบฟ้าเขียว หางสีส้ม ๆ ขาว ๆ
“มันต้องใช่ มันต้องใช่แน่ ๆ ช่วยลงจอดให้ดูชัด ๆ หน่อยนะ บินเข้าใกล้อีกหน่อยสิ ได้โปรด” นึกไม่ทันจบ นกใจดีลงจอดปุ๊ ตรงสันเขาข้างล่างพอดี

ผมงัดกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องทันที ไม่มีรีรอ



+ Nepal National Bird
Himalayan Monal จริง ๆ ล่วย สวยมั่ก ๆ หัวหางช่างดูดีไปซะหมด สมกับเป็น นกชั้นเทพ จริง ๆ เพลินตา อิ่มใจจัง (บรรยายไม่ถูก กรุณาดูรูปประกอบครับ) ถ้าเมื่อวาน ผมเห็น Everest ชัด ๆ ถึงตรงนี้ผมก็กลับบ้านได้แล้วอย่างสบายใจ เป้าที่เล็งไว้ก็จะยิงกระจุยเรียบร้อย ผมส่งกล้อง Leica Ultravid 8*42 BN ให้แพนเค้กส่องบ้าง ชีพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยกับความสวยของ Himalayan Monal


++ นกเทพ Himalayan Monal
picture : //www.wideview.it


เสียดายเกาะไกลไปหน่อย 200 กว่าเมตรเอง แห่ะ ๆ

Trek มาหลายวัน ชักเริ่มคุ้นหน้า คุ้นตา นักเดินทางต่างชาติหลายคนแล้ว ไปที่ไหนก็เจอกัน หนีกันไม่ออก น้อง Japanese คิขุน่ารัก หนีแม่แบ็คแพ็คมาคนเดียว พ่อกับลูกชายชาวสวีดิช สองสาวเพื่อนซี้ชาวอาทิตย์อุทัย สามีภรรยามนุษย์สัมพันธ์เยี่ยมจากฮ่องกง อื่น ๆ อีกมากมาย ...

ที่เราจะร่วมชะตากรรมเส้นทางเดียวกัน



มีคนเรียกแพนเค้ก ว่า "มิซซิสไทยแลนด์" ด้วย ทำเอาแพนเค้กเคืองมิใช่น้อย


+ Big E at World’s End
เดินได้พักใหญ่ เราก็มาถึงสถูป (Gompa) เล็ก ๆ ถูกสร้างขวางทางไว้ มีนักท่องเที่ยวออยืนดูวิวกันอยู่ เราก็เลยหยุดดูมั่ง ง่า เห็น Everest ด้วย ถึงจะย้อนแสง แดดจะแรงจัด ดูพอแก้ขัดก็โอนะ (กลับได้แล้วสิเรา)


++ Mt. Everest อยู่ไกลโพ้น โน่นเลย


ทางเริ่มเปลี่ยนมาเป็นทางลงเขา เราเห็นหน้าตา นักท่องเที่ยวเดินระโหยสวนทางขึ้นมา ก็ได้แต่คิดว่า ขากลับ เราคงไม่แตกต่างกันนัก ดอกกุหลาบพันปี บานรอรับเรามากมาย

ทำไมผมถึงไม่ยอมถ่ายรูปนะ กรรม

ผ่าน Sanasa ตรงจุดนี้มี Tibetan Market เปิดขายของเย้ายวนนักท่องเที่ยว ผมถามจันทราว่าราคาถูกกว่าที่ Kathmandu มั้ย จันทราก็ทำเป็นไม่หือไม่อือ แต่ก็มาเฉลยภายหลังว่า สินค้าที่เห็น Made in Kathmandu นะเฮีย ที่ Kathmandu ก็ถูกกว่า อย่าเพิ่งซื้อ แต่ที่ถามแล้วเฉย เพราะไม่อยากให้เจ้าของร้านได้ยิน เป็นซะอย่างนั้น ( ... เป็นจริยธรรมของไกด์ ... ใช่มั้ย?)




++ คหบดีเลือดทิเบต นั่งแกร่วแถว Sanasa

ส่วนใครที่คิดจะไปดูวิวภูเขาสูงผสมทะเลสาบที่ Gokyo สามารถเปลี่ยนเส้นทางเข้าแยกซ้ายย้ายทิศไปหมู่บ้าน Photse ได้ที่จุดนี้เช่นกัน

ว่ากันว่า วิวสวยกว่าที่ EBC อีก ... คราวหน้านะ



+ Dejavu
เดินลงมาได้อีกหน่อย ก็ถึง Phunki Thanga ได้ยินเสียง Dudh Kosi สาดซัดถนัดหู เห็นคำเตือนข้างทางเขียนขู่ไว้ว่า จากจุดนี้ความสูง 3,250 เมตร เดินขึ้นอย่างเดียวไม่เหลียวหลัง 2 ชม. แบบไม่มีพัก กว่าจะถึง Tengboche ที่อยู่สูง 3,870 เมตร นะฮ้า อุ้ย! งั้นแวะกินน้ำกินท่าเพิ่มพลังก่อนดีกว่ามั้ง

อยากแปลงกายเป็นจามรีน้อยน่ารักจังงิ



คำขู่ที่เขียนไว้มันเป็นความจริงครับ ขึ้นอย่างเดียว ไม่มีลง ความรู้สึกเหมือนวันที่เรามา Namche Bazaar เปี๊ยบ ข้ามแม่น้ำ Dudh Kosi แล้วก็ขึ้น ๆ ๆ อย่างเดียว หรือว่ามันเป็น เดจาวู วะ 555

ผ่านไปเกือบ 2 ชม. อาการลุ้นทุกโค้งเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ จะพ้นโค้งทีผมก็ภาวนาที ให้เห็นบ้านเรือน หรือป้ายสื่อความหมายอะไรก็ได้ ว่าเราใกล้ Tengboche แล้ว ก็ไม่มีให้เห็นซะที อากาศก็เริ่มครึ้มฟ้าครึ้มฝน

ผมเดินครึ้มอกครึ้มใจได้อีกแป๊บ ก็ต้องชะแว้บลงข้างทาง ... ม้า ครับ ม้า ห้อฟูลสปีดลงมาจากเขาฝุ่นตลบ ถ้าหลบไม่ทันอาจโดนม้ารุกฆาตตกเขาได้ แพนเค้กแคล่วคล่องว่องไว ไม่แพ้กัน ถลันหลบ พร้อมกับร้อง “เฮ้ย” ออกมา ด้วยอารามโตะจาย

ไม่รู้ว่าม้าตื่นอะไรมา
คงไม่ใช่ความสวยความหล่อของเราหรอกนะ



+ Tengboche, Here We Are
พอพ้นโค้ง อาชาพิโรธ ผมก็หมดลุ้นพอดี ใช่แล้วครับ เรามาถึง Tengboche แล้ว จนได้ ... ทำไมไกลอย่างนี้ฟระ หิวแล้วด้วย

Tengboche มีที่พักอยู่น้อยนิด น้องราช จอง Tashi Dilek Guest House ให้เรา ห้องพักที่นี่ทำด้วยไม้อัดบาง ๆ คับแคบ หาห้องแบบมีห้องน้ำในตัวไม่ได้แล้ว ต้องแชร์กัน แพนเค้กไปเดินดมดูแล้ว ให้ทรรศนะว่า สะอาดดี ใช้ได้



++ Tashi Dilek Guest House ที่พักเรา ท่ามกลางเมฆหมอก หมกเมือง Tengboche เกือบมิด

ผมสั่งซุปกระเทียม มาลองซดดู จันทราบอกมันจะช่วยให้หายจากอาการปวดหัวเพราะ AMS ได้ แต่ผมเป็นหวัดนี่นา แล้วมันจะช่วยได้รึ แพนเค้กสั่ง Onion Omlette ข้าวเปล่ามาลอง ลิ้มรสไข่แล้วก็เลียปากแผล่บ ๆ บอกว่า เหมือนมารดาที่บ้านทำเลย ...

กรูรอดตายแล้ว



พอท้องอิ่ม เท้าก็ทำงานต่อ เดินดูอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย อากาศก็ยังมืดมัว ฝนพรำเบา ๆ หนาวกว่าทุกที่ที่ผ่านมา ที่นี่มีบริการ internet ผ่านดาวเทียมด้วยนะ

แต่เรายังไม่ใช้ ยังไม่ถึงคราวจำเป็น



+ Tengboche Monastery
ที่ Tengboche มีวัดทิเบต (Monastery) ใหญ่โต เป็นที่สุด ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1919 โดยท่าน ลามะ Gulu เนิ่นนานนมมาแล้ว โดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาแล้วหลายครั้ง ปี ค.ศ. 1934 ก็เจอแผ่นดินไหวถล่มทลาย ท่านลามะ Gulu มรณภาพไปในเหตุการณ์นั้น



++ Tengboche Monastery - เช้าวันถัดมา ฟ้าใสสด


ตัววัดปัจจุบันสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1993 แทนหลังเก่าที่โดนไฟไหม้เรียบวุธไปตอนปี ค.ศ.1989 ด้วยทุนทรัพย์ชาวเชอร์ปาและองค์กรข้ามชาติใจบุญมากมาย คนแถวนี้นับถือศาสนาพุทธ นิกาย Tantric (Vajrayāna) ซึ่งแตกต่างจาก Hīnayāna บ้านเรา

บ่าย 3 โมงตรง เหล่าลามะก็เข้าโบสถ์ (ไม่รู้เรียกโบสถ์หรือป่าว) สวดมนต์ ที่จริงมี 2 รอบนะ รอบเช้า 6 นาฬิกา อีกหนึ่งรอบ ทางวัดอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งฟังได้ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกติกาของวัด

ถอดรองเท้าเดินเข้าไปนั่งอย่างสงบทางด้านขวา งดถ่ายหนัง/วิดีโอ ภาพเคลื่อนไหวทุกชนิด เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตก่อน แฟลชห้ามใช้ ... ก็เลยไม่มีรูปมาฝากกัน



++ ภาพภายในโบสถ์ Tengboche Monastery - photo by Govo


ภายในมีพระพุทธรูปของ พระศรีศากยมุนี (Sakyamuni – พระพุทธเจ้าของเรานี่แหล่ะ ตามศาสนาพุทธนิกาย วัชรยาน เชื่อว่าเป็น Historical Budha) สูงประมาณ 4 เมตร ด้านซ้ายเป็น Manjushri (The God of Wisdom) ด้านขวาเป็น พระศรีอาริยเมตไตย (Maitreya – Future Budha ที่จะจุติหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 4,000 ปี)

เสียงสวด พี่น้องคงได้ยินแล้วจากช่วงต้นของเพลงประกอบบล็อกครับ ขลัง ได้ฟีล

ผมกับแพนเค้กก็เข้าไปนั่งขลุกขัดสมาธิฟังบทสวดด้วยความสงบ รู้สึกเย็นมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศเยือกเย็นหรือเย็นอากาศกันแน่ ลามะสวดอยู่หลายจบ ระหว่างจบมีเบรค น้ำชาร้อน ๆ ด้วย


+ Rainy Night
ออกมาจากวัด ฝนก็ยังตกไม่ขาดเม็ด เราเลยเปลี่ยนไปขลุกที่ห้องอาหารแทน ใคร ๆ ก็มาสุมอยู่ที่นี่กันหมด เป็นห้องที่อุ่นที่สุดแล้ว ด้วยอานุภาพเตาผิงเชื้อเพลิง อึจามรี ให้ความร้อนได้ดี ไม่มีเหม็น

ก่อนนอนแพนเค้กสั่งน้ำร้อนใส่กระติกเอาไว้นอนกอดแทนกระเป๋าน้ำร้อนด้วย น่าจะอุ่นดี หล่อนบอกว่าไม่ค่อยชอบนอนในถุงนอน แต่ผมชอบแฮะยิ่งเป็นแบบมัมมี่ยิ่งชอบ กระดุกกระดิกไม่ได้

ให้ความรู้สึกเหมือนมีคนมานอนกอดตลอดคืน อิ อิ



ก่อนนอนผมกดพารา 2 เม็ด แก้แพ้อากาศ 1 เม็ด ตามด้วยยาแก้ไออีก 1



++ เช้าหลังฝน Tashi Dilek Guest House ดูดีขึ้นเยอะเลย


ตื่นขึ้นมาแบบมึน ๆ ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ฟ้าสว่างพอดี เช้านี้ฟ้าใสไร้ฝน วิวที่ Tengboche อลังการมาก เห็น Khumbila ชัดแจ๋วแหววอยู่หลังวัด Kantega กับคู่แฝด Thamserku Ama Dablam Kwangde …



++ Mt Thamserku แบบเผาขน


ที่จริงฟ้าใสขนาดนี้ เราสามารถมองเห็น Everest Nuptse Lhotse ได้ด้วยนะ ทว่าจันทราไม่ได้บอก หรือว่าเราไม่ได้ถามหว่า ...

โทษตัวเองดีกว่าทำการบ้านไม่ดีเอง



+ Heading to Dingboche
เราร่ำลา Tengboche แบบไม่ค่อยอาลัยอาวรณ์นัก ที่พักไม่ค่อยประทับใจ อาหารไม่อร่อย นอนก็ไม่ค่อยสบาย แต่ผมเตรียมใจไว้แล้วว่า ต่อไปน่าจะเลวร้ายกว่านี้อีก

ช่วงแรกทางเดินลง ฝ่ากลางเข้าไปในป่ากุหลาบพันปี เดินคลอเคล้าไปกับ Ama Dablam ถ้ากุหลาบพันปีออกดอกพร้อม ๆ กันหมด น่าจะงดงามดุจดังสวรรค์ ผ่าน Devuche หมู่บ้านเล็ก ๆ มีที่พักน่ารัก ๆ คอยดักนักท่องเที่ยวที่พลาดหวังเรื่องที่พักจาก Tengboche



++ เหลียวหลังกลับไปมอง Tengboche ...


นกเล็ก ๆ จำพวก Flycather, Bush Robin, Tit เยอะเลย ผมย่องสะกดรอยตามถ่ายรูป แต่ก็ไม่สมหวังแต่อย่างไร กลุ้มใจจัง นี่ถ้าเป็นทริปดูนก คงได้ซุ่มซ่อนดูนกในดงกุหลาบครึ่งค่อนวัน



++ ป้าเชอร์ปากำลังถอนหญ้าเล่นอยู่ เห็นผมยกกล้อง เผลอยิ้มอวดฟันเหลือง ๆ ...


หนังสือดาวโดดเดี่ยว แนะนำให้พักที่ Pheriche เนื่องจากอยู่ต่ำกว่าและมีศูนย์แพทย์ด้วย เผื่อเป็นอะไรไปได้ใกล้หมอ แต่ยอดไกด์เราไป Dingboche ที่อยู่สูงกว่า 100 กว่าเมตร โดยอ้างว่าทิวทัศน์งดงามกว่า Pheriche หลายเท่า

เล่นเอาน้องวิวมาล่อแบบนี้ ผมเลยเถียงไม่ลง



+ Everest View at Pangboche
เรามีแผนจะไปปรับระดับความสูงภาคบังคับกันที่ Dingboche 2 วันครับ ชม. กว่า ๆ ผ่านไป เราก็มาถึง Pangboche (3,860 m)



++ แพนเค้ก หันหลังนั่งเสวยสุขที่ Pangboche
ยอดบนกบาลแพนเค้กชื่อ Kantega (6679 m) ถัดมาทางขวาเป็นยอดคู่แฝด Thamserku (6608 m)



แวะถอนความเหนื่อยล้าด้วย Hot Lemon แล้วก็ตะบี้ตะบันเดินชดใช้กรรมเก่ากันต่อไป ทว่า กรรมดีที่ทำไว้คงพอมี เลยดลบันดาลให้เราได้เห็นวิวสวย ๆ ของ Nuptse LhostseEverest ได้บ้างระหว่างเดิน



++ นี่ไง Everest (8850 m) อยู่ทางซ้าย ขวาเป็น Lhotse (8501 m)


เดินเลียบแม่น้ำ Imja Kholaที่แยกมาจาก Dudh Kosi ไปเรื่อยๆ อีกสักชั่งโมงเราก็ถึงหมู่บ้าน Orsho พักเดียวก็เห็นเป็นเนินเขาขวางอยู่ มีทางแยกให้เลือกสองทาง ซ้ายไป Pheriche ขวาไป Dingboche ซึ่งเราเลือกทางขวา (อยู่แล้ว) เดินเบลอ ๆ อีก(หลาย)พักใหญ่ ดู Ama Dablam ไปด้วย ถึงตรงนี้รูปร่าง Ama Dablam เปลี่ยนไปแปลกตา พอรู้ตัวอีกที ผมกับแพนเค้กก็มาถึง สถูปเล็ก ๆ มองไปไกล ๆ เห็นมีหมู่บ้านอยู่ จันทราบอกว่า Dingboche’s over there … Yes!!!



++ เด็กน้อยขี้มูกเขรอะข้างทาง ... จงใจผสมสีเน่า ๆ ปิดบังคราบขี้มูก 555


+ Welcome to Dingboche เด้อ
พอความสำราญจากอาหารกลางวันผ่านไป ลูกหาบฉวยโอกาสที่แดดดีซักผ้าผ่อนกัน จู่ ๆ แพนเค้กเกิดอาการคันกบาลอยากสระผมขึ้นมากระทันหัน ผมเห็นดีเห็นงามด้วย เลยไปเอาแชมพูที่ห้องมาสระมั่ง เย็นหัวดีเหลือหลาย ...

ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นหวัดอยู่



ห้องพักที่นี่ดีกว่าที่ Tengboche มีหน้าต่างกว้างใหญ่ นอนมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นวิวกว้างไกล เห็นนก Snow Pigeon จับกลุ่มบินแปรขบวนกันสวยงาม อดใจไว้ไม่อยู่ ฉวย Binocs คว้า Down Jacket ออกมาเดินดมบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักดีกว่า จับเจ่านอนขดในห้องเป็นไหน ๆ

มีนกพวก Finch น่าจะเป็น White-browed Rosefinch กับ Red-billed Chough พอได้แก้เบื่อ แต่อากาศหนาวจนหายใจเจ็บปอดแบบนี้ เดินได้ ชม.เดียวก็กลับห้องไปนอนขดดังเดิม


+ 5,000 Meters over Sea Level
นับนิ้วดู วันนี้ก็เป็นวันที่ 6 แล้ว เรากระดึ๊บมาได้ไม่ถึงครึ่งทางเลย หวัดก็กิน คอก็เจ็บ ยาแก้ไอก็เริ่มหมด เสมหะสีลอดช่องใบเตยวันก่อน วันนี้มีสีแดงของเลือดปนมาด้วย แพนเค้กก้านคอก็ยังไม่หาย ...

แต่ใจเรายังเหลือ ๆ นะครับ



เช้านี้จันทราจะพาเราเดินไต่หลังเขา ... อ่า เขาหลังที่พักนี่แหล่ะ พาไปเดินปรับความอึดสักครึ่งวัน ใจผมน่ะอยากจะไป Chhukung เพื่อไปดู Island Peak, South-face Lhotse, Baruntse, Malaku กับวิวสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะยอด Makalu นี่สูงถึง 8,463 เมตร อันดับ 5 ของโลกเชียวหนา



++ ซ้าย Island Peak หรือ Imja Tse (6,189 m) ทางขวาแหลม ๆ Malaku (8,463 m)


แต่จันทราบอกว่า ดูหลังเขาที่นี่ก็เหมือนกัน ไม่ต้องเดินไปกลับให้เมื่อยล้า 5 – 6 ชม. ตกลงเราต้องตามใจเค้า หรือมันต้องตามใจผมฟระ ...

อี่โธ่ เก็บแรงไว่ไต่ Kala Pattar ก็ได้



ลมแรง แดดร้อน แต่อากาศก็ยังหนาวกว่าชีวิตปกติเรามากมาย เราเดินงุด ๆ ตามจันทราไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุด เห็น Ama Dablam ในมุมด้าน Eastern Face ที่สุดแสนไม่คุ้นเคย จนผมจำไม่ได้ กลับมาเช็ครูปดูที่เมืองไทย ถึงได้รู้ว่าเป็น Ama Dablam เข้าใจผิดว่าเป็น Island Peak เกือบเดือน 555++


+ Ama Dablam – The Picturesque Peak
เอ่ยนามมาตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้สาวไส้ Mt. Ama Dablam สักที
อันนามของยอดเขา Ama Dablam นี้ มีความหมายว่า "Mother and Pearl Necklace" ลองจินตนาการดูเอานะครับว่า ยอดเขาสวยกระชากลมหายใจยอดนี้เหมือน หม่ามี้ใส่สายสร้อยไข่มุก แค่ไหน หลายคนยกให้เป็นยอดเขาที่สวยสุดในอาณาจักรแห่งขุนเขาหิมาลัยเลยนะ โดยเฉพาะน่านฟ้าด้านทิศตะวันออกโดน หม่ามี้ ขโมยซีนหมดจดงดงาม ...

ไม่เชื่อต้องไปดูด้วยตาตัวเองนะครับ





++ Ama Dablam ในแบบที่คุ้นเคย รูปลักษณ์แบบนี้


เดินมาได้ค่อนทาง เงยหน้าดู โห อีกตั้งไกล แพนเค้กถอดใจไม่ไปต่อ ผมสองจิตสองใจ สุดท้ายก็บอกให้จันทรากลับไปกับแพนเค้ก ส่วนผมก็น้องราช ภาระกิจของเรายังไม่จบ น้องราช เสนอตัวแบกเป้หลังให้ผม มีรึที่ผมจะเกรงใจ รีบปลดเป้ส่งให้อย่างไว

เกรงว่าน้องราชมันจะเปลี่ยนใจ

ผมพักเหนื่อยเป็นระยะ แต่ดูน้องราช มันไม่เห็นออกอาการแต่ประการใด ปล่อยผมหายใจเป็นควายหอบได้อยู่คนเดียว


+ StrayBird – Broken Wings



++ Ama Dablam ในมุมที่เหมือนไม่รู้จักกัน อิ อิ


ในที่สุด ผมก็มาถึงจนได้ กดนาฬิกาเช็คความสูง โอ หม่ามี้ ... บัดนี้ ผมมายืนอยู่ที่ระดับความสูง 5,000 เมตรพอดิบพอดี ถ้า Casio Protrek ไม่ตอแหล ถ่ายรูปรอบทิศทาง 360 องศา นั่งดื่มด่ำฉ่ำชื่นกับความงามกระชากลมหายใจต่อ พอได้เวลาอันสมควร ผมก็ชวนน้องราชกลับวัง Hotel Family ดีกั่ว

กว่าจะกลับถึง Hotel Family ผมเริ่มมีอาการ แขนขาป้อแป้แทบจะหมดเรี่ยวสิ้นแรง สงสัยจะโดน AMS จู่โจมกระทันหัน ดันขึ้นไวไปหน่อย ที่ถูกที่ควรในการปรับระดับ เราจะต้องค่อย ๆ ขึ้น ยิ่งช้า ยิ่งดี ผมดันเผลอใจใส่เกียร์ต่ำ ขึ้นไวไปนิด หวิดดับอนาจซะแหล่ว

ผมอาศัยโอกาสนี้ นอนปรับระดับตลอดบ่ายเลย 555





++ ตอนนี้ยังเก่งอยู่ ชูหัวแม่มือได้


ผมกับแพนเค้ก เรามีปฏิญญากันไว้ว่า "ถ้ามีคนหนึ่งคนใด ไปต่อไม่ไหว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม คนที่ไปไม่ไหวต้องไม่ไปต่อ ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินตามฝันแต่ฝ่ายเดียว"

อธิบายง่าย ๆ ว่า "ใครไปไม่ไหว ทิ้งนะโว้ย"

ถ้าอาการผมแย่ลง ไม่กระเตื้องขึ้น
ก็คงต้องปล่อยแพนเค้กไปตามทาง คนเดียว














Artist : Ravi Shanka
Title : Om Mani Padme Hum







Create Date : 20 มิถุนายน 2550
Last Update : 29 สิงหาคม 2550 19:44:05 น. 24 comments
Counter : 1152 Pageviews.

 
ตอนนี้ (00:20 am) เพลงฟังได้แค่ 30 วิ จริงๆ นะ


โดย: อืม.. IP: 58.8.139.137 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:0:22:47 น.  

 
เอ่อ... พี่มันเผาคิดนานป่าวเนี่ย เรียกเพื่อนร่วมทางว่า "แพนเค้ก" เนี่ย หวังว่าพี่คงไม่ได้หมายถึงนางเอกช่อง 7 หรอกนะ เพราะเค้าช่างตรงข้ามกับเพื่อนร่วมทางของพี่มันเผามากมายก่ายกองเลยล่ะ


ชอบรูปที่ 2 จังเลยพี่ เค้าเรียกว่าอะไรอ่ะ เชิงเขา ร่องเขา หรืออะไรอ่ะ เขาซ้อนๆกันแล้วเว้นช่องตรงกลางไว้อ่ะ สวยสุดยอดเลย อยากเห็นของจริงจัง


ปล. ไหนๆก็อาจหาญแปะรูปหัวมันละ พี่ไม่ลองเสี่ยงตายแปะรูปน้องแพนเค้กของพี่สักรูปหน่อยเหรอ แปะเสร็จแล้วก็ตัวใครตัวมันเลยนะ 555


โดย: ตุ๊กตาไขลาน (ขี้เกียจ log อิอิ) IP: 58.8.175.165 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:0:41:20 น.  

 
อาแปะที่เรียกแพนเค้ก ว่า "มิซซิสไทยแลนด์" ฮีมาจากแอฟริกาใต้...
แต่ลึกๆ แล้วก็ดีใจนะที่ไม่เรียกว่า "มิสเตอร์ไทยแลนด์"

กลับมาเช็ครูปดูที่เมืองไทย ถึงได้รู้ว่าเป็น Ama Dablam
เข้าใจผิดว่าเป็น Island Peak เกือบเดือน << ก้ากๆๆๆ

-- เผือก วุ้นเส้น แพนเค้ก...
หง่า เค้ามีแต่ยิ่งเดินยิ่ง "ถึก" ... แต่นี่ไมยิ่งเดินยิ่งสวย
งั้นบล็อกหน้าขอเป็นพอลล่า

=)


โดย: แพนเค้ก =) IP: 202.57.179.202 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:8:10:54 น.  

 
ง้า หิมาลายาบูเก้ โม้นา สวยชะมัด ว่าแต่เฮียจ๋าไก่ตัวนี้มันบินได้เหมือนนกเลยเหรอ?

ลป. ถ้าแพนเค้กเป็นมิสซิส งั้นพี่นกก็คงเป็น...


โดย: เซียวฯ IP: 203.154.145.10 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:9:25:05 น.  

 
โหยย แต่ละเขานี่งามบาดจิตทั้งนั้นเลย แต่ขอดูแต่รูปดีกว่าหวะ ยังรักชีวิตอยู่

รูปป๋ามันเผาชูแม่โป้ง สุดยอดเลยอะ ใกล้ๆกะป้าเชอร์ปาข้างบนเข้าไปทุกที

เผือก >> วุ้นเส้น >> แพนเค้ก ตอนที่สี่จะเป็นไรต้องลุ้น


โดย: Together In 80s Dream วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:13:29:33 น.  

 
โอยยยย อ่านแล้วระทึกตามตัวอักษรอย่างยิ่ง ถึงขั้นกระอักเลือดเชียวหรือพี่ท่าน


ว่าแต่ คำว่า "คราวหน้านะ" นั่นน่ะ... รอป๋มหน่อยนะ โฮกกกกก


โดย: อดีตหมีคาลาไมน์ IP: 125.25.192.2 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:15:27:29 น.  

 
โหหหหหห อิจฉาตารอนอ่ะพี่1 รูปสวยมั่กๆ แอบอ่านแบบไม้ได้เม้น มาตั้งแต่ตอนแรก แล้วค่ะอ่านเพลิน จนนึกว่าอ่าน หนังสือนำเที่ยวเลยนะเนี่ย แบบนี้ออกรวมเล่มแจก น้องๆ ได้สบาย

ไก่ ขนงามตัวอวบอ้วนนี่ กินได้ไหมคะเนี่ย แล้วรสชาดจะดีเหมือนสีหรือปาวอ่ะ!!!


โดย: mink IP: 124.121.97.106 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:19:13:04 น.  

 




โหย วิวก็สวย แถมไปกับนางแบบทุกทริป


โดย: มัช IP: 124.120.7.244 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:20:33:11 น.  

 
ท่านั่งคล่อมหินป๋านี่กินขาดเลย


โดย: น้า ช. IP: 222.123.166.248 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:21:52:08 น.  

 
สวยมาก สวย สวย สวย ที่สุด


ปล. เฮียเปิดรับแทงเลยดีกว่า ว่าตอนหน้า แพนเค้กจะกลายเป็นอะไรต่อ


โดย: rebel วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:7:28:49 น.  

 
Himalayan Monal ตัวนี้บินขึ้นเหรอ ตัวอ้วนซ้า...

อ่านบลอคนี้จบพร้อมกระดกยาตามพี่เตไปด้วยเลยฮ่ะ
ช่วงนี้สังขารไม่ค่อยดี

ขอโหวตบลอคหน้าชื่อ น้องกระแต


โดย: เนียนอ๋อง วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:16:56:06 น.  

 
  • อืม.. : อืม.. ย้ายที่เก็บแระ imeem ไม่รักดี
  • ตุ๊กตาไขลาน : อิ๋ม อย่าเอาโลกแห่งความจริงกับโลกไซเบอร์มาปนกัน เดี๋ยวงง
    แปะรูปหน้าตรง อาจตายได้ อย่ายุ
  • แพนเค้ก =) : เสียใจนะ พอลล่า หลุดคอนเซ็ปท์
    แต่บล็อกส่งท้าย "สูงสุดคืนสู่สามัญ" แน่ ๆ 555
  • เซียวฯ : ไอ่นี่ หาเรื่อง
    เป็นอะไรได้ แค่เด็กรับใช้ มิสซิส .. แค่นั้น เหอ ๆ
  • Together In 80s Dream : ดีแล้วป้า รักนวลสงวนตัวไว้นะ ฮี่ ๆ
    อย่าไปเลย ลำบากกกกก
  • อดีตหมีคาลาไมน์ : โดนพิษไอเย็นซะ กระอักโลหิต
    เก็บเงินไว้ ไม่ได้ไปก็ยังมีเงินเหลือ 555
  • mink : คราวหน้า คราวหลัง อย่าแอบนะ
    ของสวย ๆ งาม ๆ ใครเค้ากินกันคะ แค่ ชื่นชมห้ามชิม
  • มัช : งือ แต่มันไม่จริงอ่ะดิ
  • rebel : กลัวแทงถูก ไม่มีจ่ายอ้ะ
  • เนียนอ๋อง : บินขึ้นดิ ร่อนสวยเลยแหล่ะ
    น้องเนียนอย่าโหมเรียนมาก เดี๋ยวโทรม
    น้องกระแต ผิดคอนเซ็ปท์ ต้องเป็นชื่อ ของกิน เท่านั้นนิ


โดย: StrayBird วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:11:20:02 น.  

 
โห... ได้ส่อง monal นานนนน... ขนาดเพ่งพิจารณาหัวหูหางเลยเหรอป๋า อิจฉาจังง่ะ

เสียดายไม่ได้ดูนกนิ งั้นอีก 2 ปีไปกะหนูนะ


โดย: น้องอวบ IP: 58.64.54.230 วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:0:28:09 น.  

 
เนปาลๆๆๆ เป้นประเทศที่อยากไป ภูเขาสวยๆๆๆ อากาศดีๆ วัดขลังๆ และที่สำคัญ อยากไปขี่ไอ้วัวใหญ่ๆที่ขนแยะๆ..
เรียกตัว ยัค อะไรนี่ล่ะครับ


โดย: แร้ไฟ วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:0:24:26 น.  

 
ตอนต่อไปจาเป็นน้องแตงโมอ๊ะเปล่าเนี่ย

Ama Dablamนี่สวยจริงๆแฮะ แต่มันเป็นสร้อยตรงไหนหว่า
ชักอยากเห็น BigEที่จุดหมายปลายทางมากขึ้นเรื่อยๆแล้วอะ



โดย: juriojung วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:3:58:50 น.  

 
โหวตให้ชื่อน้องโดนัท


โดย: เซียวฯ IP: 203.154.145.10 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:44:11 น.  

 
ตามมาอ่านอย่างช้า ๆ ตามเคย อิอิ

นั่นดิ ถ้าเป็นทริปดูนก คงได้ดูนกกันเต็ม ๆ สักครึ่งค่อนวันกลางดงกุหลาบพันปี

ไว้ไปทริปดูนกเต็ม ๆ ด้วยกันนะ


โดย: Natalee IP: 203.146.104.35 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:14:33:48 น.  

 
เอ่อ....น้องเตร.....ตั้งชื่อเพื่อนร่วมทางเป็นของกินมาหมดแระ แต่ว่ายังได้เอาเข้าปากเลยนะเออ.....คราวหน้ามะตั้งเป็น "อั้ม" ล่ะจาได้ลิ้มรสชาดซะที อิอิ


โดย: ป้าพักจัง IP: 203.149.16.34 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:14:48:51 น.  

 
ภูเขาสวยจัด แต่ตะๆๆแต่ เพลงนะ เปิดมาตอนนี้นั่งอยู่คนเดียว ขนลุกซู่


โดย: paperwing IP: 58.8.25.196 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:23:42:39 น.  

 
แว้บๆ เข้ามา
แว้บๆ ไปก่อน
เดี๋ยวมาละเลียดใหม่
^^


โดย: I am just fine^^ IP: 58.8.116.226 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:17:11:58 น.  

 
  • น้องอวบ : อีกตั้ง 2 ปีเลยเหรอ นานจังงิ
  • แร้ไฟ : ไม่เห็นมีใครที่โน่น เค้าขี่ Yak กันเลยนะแร้
  • juriojung : ทั่นว่า ให้จินตนาการ Glacier เป็นสร้อยน่ะค่ะ
    พยาม นิดนุง
  • เซียวฯ : ไม่เลว ได้ 2 ชื่อแระ แตงโม โดนัท คล้องจองกันเลยนิ
  • Natalee : ไปดูนกหิมาลัยกันนะ ... ปี 2010 555++
  • ป้าพักจัง : โห น้อง อั้ม เลยรึ
  • paperwing : หวัดดีครับ ป้าปีก ...
    ขอโทษเพลงหลอนไปหน่อย อิอิ
  • I am just fine^^ : อย่าแว้บนานนะคะ


โดย: StrayBird วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:20:30:31 น.  

 
รอตอนต่อ อยากเห็นบิ๊กอีชัดๆแระ


โดย: juriojung วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:14:08:48 น.  

 
รูปชาวบ้าน สวยทุกภาพเรย จะว่าไปน้าเตก็หน้าตากลมกลืนกะเชอร์ปาได้นะนี่


โดย: Nutjung วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:12:52:09 น.  

 
ไม่น่าทักเล้ย
ดูสิ กว่าจะได้แวะมาอีกรอบ
เกือบเดือนแน่ะ
:D:D

อ่านแล้ว เกิดแรงบันดาลใจมากๆ
อยากหนีพ่อหนีแม่ไปแบ็คแพ็คคนเดียวบ้าง
เพราะถ้าไปสองคน แล้วเกิดคนหนึ่งคนใดไปไม่ไหว
อีกคนก็ต้องไปต่อคนเดียวอยู่ดี :D:D

นับถือเลยอ่ะ ทั้งที่มีแรงกายแรงใจพยายามไปให้ถึง
แล้วก็มีแรงมานั่งเขียนให้ได้อ่านกัน

ขอบคุณค่าขอบคุณ
เดี๋ยวตามไปพิชิตตอนสุดท้ายต่อ
^^
^^


โดย: I am just fine^^ IP: 58.8.124.228 วันที่: 25 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:36:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

StrayBird
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add StrayBird's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.