ทุกคนคงมีความฝัน ฝันกันคนละหลาย ๆ เรื่อง ใหญ่บ้างเล็กบ้างคละเคล้ากัน ฝันเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคล ใกล้ ไกล ใหญ่ เล็ก ผจญภัย มหัศจรรย์ไม่เท่ากัน ท่านว่ามันเป็นปัจเจกฝัน กรณีศึกษาของตัวเอง พบว่า ฝันของผมผันแปรไปตามตามสภาพแวดล้อมอารมณ์ อายุ แรงบันดาลใจ แรงกดดันทั้งภายในและภายนอก บางทีก็มีฮอร์โมนมาเกี่ยวข้อง อ่า ... ผมไม่รู้ว่าเพื่อนผมคนนี้ มีอะไรดันอยู่หลังฉาก แต่ผมรู้ว่า มันอยากไปเห็นยอดเขา E verest จะจะกะตาตัวเองให้ได้ อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรที่ความฝันของมันฝันนี้มาทับซ้อนกันกับฝันของผมด้วยสิ อันที่จริงผมพับฝันนี้เก็บไว้ได้สักพักใหญ่แล้ว ดีที่มันคนนี้เข้ามาช่วยคลี่ความฝันของผม ก่อนที่มันจะกองรวมกลุ่มกับบรรดาฝันที่ถูกพับไว้กองใหญ่กองนั้นผมขอเรียกมันคนนี้ว่า เผือก (นามสมมุติ) แล้วกันนะครับ อิ อิ
เวลาที่เห็นฝัน (ของคนอื่น) กลายเป็นจริง ผมว่ามันคงรู้สึกอิ่มอารมณ์ไปด้วยไม่น้อย ผมเลยตัดสินใจสวมวิญญาณ ป๋าดัน ดันฝันของตัวเองและชาวบ้านไปพร้อม ๆ กันในคราวเดียว ... ฝันหลายคนน่าจะดีกว่าฝันคนเดียวนิ
+ Suvarnabhumi Airport พลันที่สองเท้าผมเยื้องก้าวฉับ ๆ เข้าสู่สนามบินที่มีคนอยากให้เป็นฮับแห่งภูมิภาค ฉับพลันสองสายตาผมก็กวาด 360 องศา มองหาเพื่อน เผือก ทันที เผือกมันหายหัวไปไหนนะ ผมคิดในใจ สนามบินก็ช่างกว้างใหญ่สุดสายตา โทรหามัน เย้ย เผือก ดีกว่า
+ แอบถ่าย น้อง James เก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ ผมกับเผือกก็มานั่งอยู่ในเครื่อง Boeing 777 TG319 ซะแล้ว เผือกกระซิบบอกผมว่า เหมือน James Blunt เลย ... หล่อหว่ะ เผือกหมายถึง ฝรั่งร่างกำยำ ผมยุ่ง มีเคราคนที่นั่งข้าง ๆ เผือก คนนั้น เผือกเฉลยพร้อมสายตาติดหื่นหลังจากที่เห็นผมทำหน้างงผมว่า นาทีนั้นผมได้ยินหัวใจเผือกเต้นด้วยนะ
เผือกให้เพื่อนที่เป็น เอเจนซี จองตั๋วให้เรา หลังจากการทุ่มหยาดเหงื่อแรงใจเสิร์ชข้อมูลมากมายใน อินเตอร์เน็ต อาณาจักรเครือข่ายทางสังคม แห่งโลก Cyber เรารู้ว่า เราต้องนั่งข้างฝา เง้ย ข้างขวา ไม่ตรงหัวก็ต้องหางเครื่อง ปีกจะได้ไม่บังทัศนียภาพหิมาลัยที่ผมและเผือกอยากเห็น การทุ่มเทครั้งนี้เราคว้าน้ำเหลวอย่างแรง เมฆหมอกเหนือเนปาล บดบังหิมาลัยที่เราควรจะเห็นไปหมดสิ้น + Tribhuwan International Airport (Kathmandu) ตรีภูวัณ พาผมและเผือกย้อนอดีตไปหลายสิบปี ค่าที่ความทันสมัยใหญ่โตเทียบกันไม่ได้แม้แต่สนามบินหาดใหญ่ เชียงใหม่ ... ใครมาเนปาลลืมทำ Visa ก็มาทำ Visa on Arrival ได้ที่สนามบิน กำเงินไว้แน่น ๆ 30 USD เข้าแถวไม่กี่สิบนาที ก็น่าจะเสร็จ นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อพันธุ์ มารวมกันที่นี่ หลายคนคงมีฝันตรงกันไม่ต่างกันกับเผือกและผม ผมได้ยินคนไทย 3 4 คน (มองแล้วแยกไม่ค่อยออก 555) ดูแล้วไม่น่าจะฝันทับผมหรือเผือก เธอแต่งตัวไม่ต่างกับสาวเชื้อพันธุ์พารากอนสักเท่าใดนักตอนนี้ผมได้แต่ลุ้นอยู่ในใจว่า จันทรา ไกด์ชาวเนปาลี คนที่อีเมล์ คุยกับผมก่อนหน้านี้เป็นเดือน ๆ จะมารับเราหรือป่าวหว่า เผือกตาดี มองเห็นจันทรา ก่อนผม ผมเห็นสีหน้า จันทรา แสดงความโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด (คงกลัวโดนคนไทยหลอกเหมือนกัน ... ผมก็โล่งนะ ฮี่ ๆ) เรารีบแหวกกลุ่ม คนขับแท็กซี่ที่กลุ้มรุม เสนอบริการเราWe've got our Taxi จ้า ... + Chandra ... ยอดไกด์
+ Horizon Hotel เรา 3 คน นั่งอัดแท็กซี่คันกระจิ๊ดริด ใหญ่กว่า Daihatsu Mira นิดเดียวจริง ๆ เสียงแตร ปู๊น ปี๊น ป๊าน บรรเลงมั่วซั่วคลอตลอดการเดินทาง ขณะที่นั่งแท็กซี่ ฝ่าถนนเล็ก ๆ ฝุ่นผง หลุมบ่อมากมาย ไม่สบายก้น เลาะลัดพาเราสู่ Thamel ถนนข้าวสาร ของเนปาล ... คนไทยที่มาก่อนเค้าเปรียบเปรยไว้อย่างนั้น
คืนนี้ เราจะพักกันที่ Horizon Hotel จันทรา พาเรามาเช่าอุปกรณ์เทร็คกิ้ง confirm ตั๋วเครื่องบินที่พรุ่งนี้จะพาเราบินเลียบหิมาลัยไป Lukla
Next Station เป้าหมายถัดไปของเรา เราเดินวนเวียนสร้างความคุ้นเคยในย่านทาเมลพักใหญ่ เผือกเล็งร้านรวงพร้อมกับกล่าวคำอาฆาตไว้ ว่าจะกลับมาขนกลับประเทศให้ได้ ... + retouched by Govo ดูโน่น นั่น นี่ ต่ออีกหน่อย เหลือบไปเห็นร้าน Yin-yang ร้านอาหารไทยชื่อดัง ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อกพาเผือกเข้าไป Chef ใหญ่ที่นี่เป็น คนไทยครับ ชื่อ พี่แดง แต่เจ้าของร้านเป็นชาวสวิส อาหารที่นี่อร่อย รสชาติเป็นไทย ไม่ค่อยเหมือนร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่อื่นที่เคยไป พี่แดง น่ารัก อัธยาศัยดีมาก มีของแถมให้ลูกค้าคนไทยอย่างเราด้วย เราสั่ง ต้มยำกุ้ง ไข่เจียว ผัดผักรวมมิตร ถ้าเราไม่ได้กลับมาจาก E verest มื้อนี้จะเป็นอาหารไทยมื้อสุดท้ายของเรา เราไปถึง Kathmandu วันที่ 14 เมษายน ที่เนปาลเป็นวันขึ้นปีใหม่ของเค้าพอดี จันทราบอกว่า เย็น ๆ ให้เราออกมาเดินเล่น ดูบรรยากาศปีใหม่บ้านเค้า เราก็ออกมาเดินดูตามคำแนะนำ ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่คนเนปาลี ออกมาเดินเล่นสวนสนามกันเต็มไปหมด คนบ้านเมืองนี้เค้าชอบเดินกันแฮะ
Yin Yang Restaurant ที่ฝากท้อง คนไทยไกลบ้าน อาหารอร่อย พี่แดง@Yin Yang ยอดกุ๊ก ถนนข้าวสาร@Kathmandu ผู้คนมากมาย ขวักไขว่ + Horizon at 7 Namaste
... Hi, Good Morning
คำแรกเป็นเสียงจันทรา คำหลังเป็นเสียงผม ... คราวหน้าผมจะทักจันทราว่า Namaste มั่ง รู้สึกเท่ห์และกลมกลืน เรานัดกันไว้ 7 โมง จันทรามาตรงเวลาเป๊ะ แต่กว่าที่เราจะได้ขึ้นเครื่อง Yeti Airline มุ่งหน้าสู่ลุกลาก็ปาไปเกือบ 9 โมงโน่นเลย ก็ยังถือว่าเราโชคดีนะ เพราะ บางคนเจออากาศปิด เครื่องบินไม่ได้ ก็ต้องรอกันข้ามวันข้ามคืน ช่วงที่รอ ผมเห็นน้องพารากอนกลุ่มเมื่อวานนี้ เลยเข้าไปทักทายพูดคุย ได้ความว่า กลุ่มเธอซื้อทัวร์ไว้ นั่ง Mountain Flight ดูหิมาลัยกัน ... งืม ๆ น้องเค้าจะได้เห็นแล้ว แต่ผมกับเผือกนี่สิ คงอีกหลายวัน จะไปถึงหรือเปล่าก็มิอาจทราบได้
+ Yeti Airline Yeti เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานประมาณ Big Foot สัณชาติ Tibet บอกไว้เผื่อใครไม่รู้ อิ อิ (Yeti มาจากภาษาชาวTibetan yeh-teh แปลว่า Rock Bear แหะ แหะ ขอไม่แปลเป็นไทยนะคร้าบ ;-p) เครื่อง Yeti Airline ที่พาเราไป เป็นเครื่องบินเล็กขับเคลื่อนด้วยใบพัด 16 ที่นั่ง บินนิ่มใช้ได้ ผมเห็นพ่อค้าแม่ค้าสามี ภรรยา หน้าตาทิเบต ๆ น่าจะเป็นชาว Sherpa นั่งสวดมนต์หมุนประคำไปด้วย รู้สึกอุ่นใจเป็นพิเศษ+ เครื่องแบบนี้แหล่ะ ที่พาผมกับเผือกมา Lukla ... ถ้าเรานั่งด้านซ้าย เราจะเห็น เทือกเขาหิมาลัยแบบไม่ต้องชะเง้อ แต่ก็ไม่ชัด เมื่อต้องมองผ่านกระจก Yeti สุดมัวซัว แต่เพียงแค่นี้ ผมก็เห็นเผือกทำปากห่อ ๆ ตาโต ๆ ตะลึงกับหิมาลัยแบบ Bird-eyed View ที่เผือกเห็น
+ Lukla ครึ่ง ชม. กว่า ๆ เราก็มาอยู่ลุกลาแล้ว สนามบินในหุบเขารันเวย์เดี่ยว พอบินข้ามเขาปุ๊บ ก็ปักหัวลงปั๊บ หวาดสียวดีเหมือนกัน นักบินเค้าเก่ง ลงนุ่มนิ่มมาก สลายความเสียวจนหมดสิ้น รอกระเป๋าไม่นานมาก แต่อย่าทำ tag กระเป๋าหายนะครับ เจ้าหน้าที่เค้าตรวจถี่ถ้วน กันมั่วยอด Kwangde (6187 เมตร) ซูมจากสนามบิน Lukla ยอดนักบิน Yeti Airline ... จุดเริ่มต้นสู่ Everest Base Camp สมัยก่อนโน้นเนิ่นนานแล้ว ตอนที่ Lukla ยังไม่มีสนามบิน ใครจะไปชมหรือพิชิต Everest ก็ต้องเดินเท้า 7 -8 วันจาก Jiri มา Lukla Tenzing Norgay กับ Sir Edmund Hillary ผู้พิชิตยอด Everest ได้เป็นครั้งแรก เมื่อปี 1953 ก็ต้องเดินเท้ามาเช่นกัน แวะกินข้าวเช้าที่ Khumbu Resort ผมสั่งข้าวผัดไข่ เบสิค ๆ วันแรก ๆ ยังไม่อยากสุ่มเสี่ยงกับอาหารเนปาลี อากาศหนาวเย็นกว่า กาฐมาณฑุ อย่างรู้สึกได้ ผมเลยลองสั่ง Hot Lemon มาอุ่นท้อง อร่อยไม่น่าเชื่อ
จันทรา นัดแนะกับลูกหาบไว้เรียบร้อย รู้ชื่อภายหลังว่า "ราช กุมาร" Rach Kumar ชื่อยังกะเจ้าชาย ลูกหาบแค่คนเดียว จัดการแบกสัมภาระของนักท่องเที่ยวได้ 2 คน แข็งแรง อึด อดทนยิ่ง ท้องอิ่มอุ่นได้ที่ เรา 4 คน ก็เริ่มออกเดินทางทันที เผือกสายตาดูมุ่งมั่น หน้าตาก็ดูตื่นเต้นตื้นตัน ทางช่วงแรก เดินสบาย ๆ ผ่านย่านธุรกิจของ Lukla บ้านเรือนดูงดงามแปลกตา ฝาบ้านส่วนใหญ่ก่อด้วยก้อนหินก้อนโต หลังคาหน้าต่างนิยมสีฟ้า มีสีเขียวบ้างสวย อยากได้สักหลัง Lukla อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,860 เมตร จุดหมายปลายทางในการเดินเท้าวันแรกของเราอยู่ที่ Phakding อ่านว่า ฟักดิ้ง อยู่ต่ำกว่ากันนิดนึง 2,640 เมตร เดินแบบไม่หักโหม 3 ชม. น่าจะถึงยอด Kusum Kangru (6,367 เมตร) เห็นชัด ๆ ถนัดถนี่ที่ Tharo Kosi เดินไปเดินมา Kwangde ขวางหน้าซะงั้น เผือก ทอดน่องออกเดินจาก Lukla ไอ้หล่อ เด็ก Sherpa หน้าตาสมบุกสมบัน Lukla แปลว่า Place with Many Goats and Sheep แต่ก็ไม่ยักกะเห็นแพะแกะสักตัว ไรฟระ ที่เยอะน่าจะเป็น Yak มากกว่า เอาไว้ใช้ขนของขึ้นเขา อ่อ ลืมบอกไปว่า Yak มีชื่อไทยว่า จามรี ครับ เดินกันสบาย ๆ ไม่ต้องรีบร้อน แดดก็ไม่ร้อนมากนัก ผ่าน Chablung, Taro Kosi จนมาถึงหมู่บ้านชื่อ Ghat หมู่บ้านนี้ทางเดินเป็น หิน สวย สะอาด น่าอยู่อาศัยหลับนอน มองเห็นยอด Kwangde โดดเด่น ข้างทางมีสถูป (Gompa) มีกงล้อมนต์ (Prayer Wheel) มีหินแกะสลักลงสีคำสวด (Mani Stone) ให้ดู เป็นที่อัศจรรย์ใจ
กงล้อมนต์นี่ ถ้าจะหมุนให้ถูกหลักการ จะต้องหมุนตามเข็มนาฬิกานะครับ + Phakding อ่านชื่อเมืองนี้แล้วมีความรู้สึกพิลึก ๆ คล้าย ๆ อ่านชื่อ ภูเก็ต (Phuket) บ้านเราเลย อิ อิ ไม่รู้เผือกมันคิดมั่งป่าว จันทราจอง Khumbu Travellers Guesthouse ให้เรา 2 ห้อง แบบมีห้องน้ำในตัวด้วย สะอาดดีใช้ได้ แพงหน่อยเราก็ไม่ว่า ไม่อิดออด พวกลูกหาบโดนขาใหญ่รูปที่ 3 ขวางทาง แม่บ้าน Sherpa รอหมอฟันเยอรมันตรวจฟรี หน้า Himalayan Shangri La Guest House คุณน้อง คุณหนู เตรียมชูมือชักภาพ วันนี้คึกคัก ผู้คนมาออรอตรวจรักษาฟันฟรี หมอฟันอาสาสมัครชาวเยอรมันโครงการชื่อเท่ห์ ๆ ว่า Dentist without Limit มาเปิดคลีนิค พร้อมกับแจกแปรงสีฟันฟรีด้วยนะ คนแถวนี้เค้าแปรงกันหรือป่าว ชักสงสัย อากาศเริ่มเย็น เราเลยมาสำเริงสำราญต่อที่ห้องอาหาร แต่อาหารที่นี่ช้ามาก ๆ สั่งทีกว่าจะได้เป็น ชม. จนจันทราเองเห็นเผือกเริ่มโมโหหิว เลยลงมือผัดมักโรนีมาให้กิน ไว้ลายฝีมือกุ๊กเก่า 555 เอ่อ แต่อากาศหนาวมากเลยนะ ผมไม่อาบน้ำแน่ ๆ ทดลองใช้ Wet Tissue บรรจงเช็ดเนื้อตัวซอกหลืบ แทนการอาบน้ำ สะอาด หอมน่าดอมดม ถุงนอน -20 องศา ยี่ห้อ The North Fake (The North Face เทียม ๆ ทำในจีน) ที่ผมเช่ามา กับ Fleeceliner (คล้าย ๆ ถุงนอน ทำด้วยผ้า Fleece)ถุงเท้า ถุงมือ ถูกงัดออกมาใช้ Full Option อุ่นสบายไม่เลวไม่รู้พวกหนาวง่ายแบบเผือกจะเป็นไงมั่ง + Kid in a Cradle ... retouched by Govo พรุ่งนี้เราจะไป Namche Bazaar เมืองที่เป็นศูนย์กลางความเจริญในย่าน Khumbu นี้ อยู่มัน 2 คืนเลย นั่นเพราะเราต้องปรับร่างกาย (Acclimatisation) ให้ชินกับความสูง ที่คนพื้นราบอย่างเราไม่ชิน รู้มาว่าทางเดินก่อนจะเข้า Namche Bazaar สูงชัน รับประทานแรงใจแรงขาหนักหนา สาหัสพรุ่งนี้ได้เห็นดีกัน
Artist : James Dean Bradfield Album : The Great Western Year : 2006 Title : Still a Long Way to Go ไม่ดูแล้ว ... You're falling through the night and giving in to bad dreams, where nothing is as it seems. There's still a long way to go. And the fading glorious night, never seems to bring you home. You think that this is your road. There's still a long way to go. I can't give you an A to Z, there's some things I just can't show. Just try to disbelieve your eyes; For this I surely know - there's a long way to go. Like laughing in the dark, to keep the dogs at bay; No matter what you might see, there's still a long way to go. Cold comfort in the dawn, the dawn that brings you round, a pale light that you found, there's still a long way to go. I can't give you an A to Z, there's some things I just can't show. Just try to disbelieve your eyes; For this I surely know - there's a long way to go. You're falling through the nights and giving in to bad dreams, where nothing is as it seems. There's still a long way to go