<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 มีนาคม 2551
 

กล้วยไม้ป่า Ver.2


: เข้าหน้าสารบัญหลักเพื่อดูทุกหัวข้อ..."คลิ๊กที่นี่"

บทความแนะนำ : ประสบการณ์ผ่านเต้า (ตัวเอง)..."คลิ๊กที่นี่"

บทความแนะนำ : สวนหย่อมลอยฟ้าราคาประหยัด..."คลิ๊กที่นี่"

บทความแนะนำ : สวนกล้วยลอยฟ้าบนอาคารสูง 6 ชั้น..."คลิ๊กที่นี่"




"ช้างดำ" (Pomatocalpa spicata) ช้างดำเป็นกล้วยป่าอีกชนิดหนึ่ง ตอนนำมาใหม่ ๆ หล่อนมาในมาดเซอร์มาก ผิวพรรณไม่เนียนสดใสเด้งไปเด้งมาเหมือนช้างบางกอกเลย ใบของหล่อนดูเหมือนจะกรอบ ๆ คล้ายผิวขาดน้ำ ใบบางส่วนก้อเป็นโพรงอีกต่างหาก ตอนที่นำมาในวันแรก ๆ มี 2 ต้น คือต้นใหญ่ 1 ต้น และมีต้นเล็กขนาดเบบี๋ติดอยู่ที่ด้านล่างอีก 1 ต้น (มี 2 ใบ) ซึ่งตอนนั้นมีช่อดอกตูมติดมาแล้ว แต่ช่อดอกก้อขึ้นสะเปะสะปะเว้นสเปรซไว้แยะ ดูเหมือนดอกและต้นของหล่อนไม่ค่อยสมบูรณ์นัก เรานำมาแปะไว้บนขอนไม้อันเล็ก ๆ รองด้วยสีดาแห้งไว้ที่โคนต้นนิดเดียว ได้แต่คิดในใจมาดเซอร์ดูผิวพรรณแห้งแล้งไม่สดใสแบบนี้จะไปรอดหรือเปล่า มันมีชนิดอื่นอีกมากมายที่สดใส แต่เราตัดสินใจหยิบหล่อนติดมือมาด้วยเหตุผลเดียว หล่อนตัวเล็ก ๆ แห้งเหี่ยวน่าสงสาร สงสัยว่ามันคงจะตาย เลยเอามาลองเลี้ยงดู ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองก้อเลี้ยงไม่เป็นหรอก ประสบการณ์ไม่มี แต่หล่อนน่าสงสารมาก



ช่อดอกที่ติดมาตอนซื้อจะมีลักษณะเป็นแบบนี้ค่ะ ด้วยความที่ลำต้นและใบดูเซอร์ ส่วนดอกก้อไร้ความน่าสนใจในสายตาสมาคมชมรมชาวหอมากซะจนถึงขนาดถามว่าซื้อมาหาพระแสงอะไร? เราตอบว่าซื้อมาติดขอนไม้แล้วจะเอาไปปาหัวชาวบ้านเล่นมั๊ง? โห? ถามมาได้? เราหวังกระชากเรทติ้งกลับคืนมาให้น้องช้างดำ จึงบอกหน้าตาเฉยว่าเนี๊ยะเป็นไม้หายากในลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย ของดีมักจะออกดูเซอร์ ๆ เหมือนของเก่า ๆ อย่างไหยุคโบราณจะดูเซอร์ ๆ ไม่โมเดิร์นเหมือนไหสมัยใหม่ แต่เขาเรียกกันว่าสังคโลกแท้ ๆ ไม่สามารถประเมินราคาได้ประมาณนั้น หากเลี้ยงช้างดำตัวนี้ได้ผิวพรรณดีจะมีมูลค่าหลักหมื่น ในประเทศไทยมีไม่เกิน 50 ต้น (ที่จตุจักรห้อยขายเป็นราวกุนเชียงเลย โม้ไปเหอะพวกนี้ไม่รู้เรื่องหรอก) ทันทีที่พูดจบช้างดำของเราดูดีขึ้นมาทันตาเห็น กลายเป็นช้างสังคโลกประจำหอพักเราไปแล้นนนน ป่านนี้เอาไปโม้กันถึงเชียงใหม่แล้วมั๊ง และเรายังบอกว่ามีช้างอีกหลายชนิดที่เข้าข่ายนี้ เช่น ช้างพัง จะมีความเป็นสังคโลกคือความเก๋าที่ติดอันดับท็อปเท็นของโลก ซึ่งสีของดอกจะอันลิมิต คือสีของดอกจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ (เชื่อกันยกหอเลย) แต่เราไม่ได้บอกว่าช้างพังที่ว่ามันคือพังพินาศสันตะโร เราว่าคงอีกไม่นานความลับต้องแตก วันนั้นเราคงได้เจอช้างพังเป็นรายแรกแหละ ดอกของช้างดำมีขนาดเล็กมาก ๆ แทบจะแยกไม่ออกได้ด้วยสายตา แต่เจอเลนส์ขยายเข้าไปทำให้มองดีไซด์กลีบดอกของหล่อนได้ชัดเจนขึ้น แม้ว่าดอกของหล่อนไม่ค่อยเป็นที่เตะตาเหมือนช้างการ์ตูน ช้างพลาย ช้างเผือก ช้างส้ม และช้างกระ แต่ก้อมีความน่ารักอยู่ในตัว ดอกของหล่อนแม้จะเล็ก แต่บานทน บานอึด บานน๊านนาน บานได้เป็นเดือนค่ะ



ปัจจุบันมีสัญญานของรากกำลังเริ่มเดินแล้วเท่าที่เล็ง ๆ มุด ๆ ดูแล้วเอาไฟฉายส่อง พบว่ามีรากให้เห็นประมาณ 3 เส้น รากของช้างดำไม่เล็กค่ะ ส่วนต้นเล็กที่เป็นเบบี๋ติดมาที่โคนต้นด้านล่างและใบของต้นใหญ่ยังคงรักษาความเซอร์ได้คงเส้นคงวาเหมือนเดิม มีแขกขาประจำที่ไม่ได้รับเชิญตัวกลมคล้ายเต่าทอง เจ้าตัวนี้ชอบมาเกาะอยู่ที่กิ่งดอกเป็นประจำ ตัวของเค๊าจะมีสีน้ำตาล เราใช้เล็บเขี่ยมันลงไปที่พื้นเบื้องล่างสูง 6 ชั้น พบใยขาว ๆ ตรงที่มันเกาะอยู่ แต่พอรุ่งเช้ามันก้อมาอีก ไม่รู้มันปีนขึ้นมาได้ยังไง เอากะมันสิ






"เอื้องเงิน" (Dendrobium draconis) ตอนที่ได้มาครั้งแรกหล่อนมีหน้าตาแบบนี้ แต่คนขายได้แพ็คลงกระถางพลาสติกทรงสูงมาให้ ปัจจุบันเราแปะติดขอนไม้เรียบร้อยแล้วนะคะ หล่อนมีช่อดอกมาให้เห็นตั้งแต่ตอนเปิดกล่อง ลำต้นจะเป็นสีต้ำตาล ยังมีความสดที่ใบและลำต้นอยู่ หล่อนมีกลิ่นหอมเล็ก ๆ แต่ต้องเอาจมูกยื่นไปดมจึงจะได้กลิ่นนะคะ



ดอกของหล่อนมีดีไซด์ประมาณนี้ สีขาวสะอาดตาค่ะ หล่อนบ๊านบานกันเต็มที่แล้ว บานหลายกิ่ง และดอกของหล่อนถือว่าบานทน บานอึด บานน๊านนาน บานเกือบสองเดือน ทั้งที่เราพ่นน้ำโดนดอกทุกวันเลย ปัจจุบันพบสัญญานที่ดีของการเจริญเติบโตแล้วค่ะ












"กุหลาบเหลืองโคราช" (Aerides houlletiana) เราได้มาทั้งหมด 3 ต้น มาถึงก้อจับกองไว้ในกระเช้าไม้ ปัจจุบันแปะติดขอนไม้หมดแล้วนะคะ มาใหม่ ๆ ใบเธอดูแห้งเหี่ยวพิกลอีกเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นที่เราจะตั้งชื่อว่าเหี่ยวฟ้าได้ ได้แต่ลุ้นว่าจะรอดหรือเปล่านะคะ แต่เราก้อเห็นตุ่มเล็ก ๆ คือตาดอกขึ้นอยู่จิ๋วเดียว และต่อมาตาดอกมันก้อโตขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนต้นที่สองมีเห็นตาดอกแทงตามขึ้นมาติด ๆ และต้นที่สองมีถึง 2 ช่อดอกนะคะ สำหรับต้นที่สามยังไม่พบการเปลี่ยนแปลง


มาดูวิวัฒนาการของกุหลาบเหลืองโคราชกันค่ะ ตาดอกของแต่ละต้นมีแนวโน้มไปในทางที่ดีคือเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เราได้แต่ลุ้นว่าช่อดอกจะยาวสักแค่ไหน สุดท้ายก้อได้แค่ 8 ดอกเองอ่ะค่ะ แหมคิดว่าจะย๊าวยาวนะคะ







ตามนิสัยของหล่อนจะให้ดอก เมย.-พค. แต่ของเราบ๊านบานในช่วงปลาย กพ.ตั้งแต่ช่อเริ่มแทงจนกลายเป็นช่อดอกใช้เวลาประมาณเดือนเศษจึงจะเริ่มบาน และสุดท้ายหล่อนก้อบานให้เห็นแล้วค่ะ



ตั้งแต่หล่อนเกิดช่อดอกจนเป็นดอกตูม ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะเริ่มบาน ซึ่งหล่อนจะบานได้ประมาณ.......วัน และแม้ว่าช่อดอกจะบานแล้ว ปัจจุบันรากเดินย๊าวยาวแล้วค่ะ



ดอกของหล่อนที่ได้ไม่กระชากเรทติ้งเท่าที่ควร ถึงขนาดสมาคมชมรมชาวหอบอกว่าผิดหวังเล็ก ๆ แต่ก้อยังรู้สึกดีที่ได้เห็นดอกไม้แบบป่า ๆ ลุงหนวดบอกว่ากล้วยมาจากป่าจะให้ช่อยาว ได้สีเหลืองที่สวย และดอกดี ต้องเป็นที่คัดพันธุ์แล้วจึงจะได้สวยแบบนั้น แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเรา แค่เห็นหล่อนมีรากเดินก้อพอใจแล้ว




"ไอยเรศ" (Rhynchostylis retusa) เราได้มาต้นเดียว ใบของหล่อนก้อเหี๊ยวเหี่ยว พวกเราจึงเรียกหล่อนว่า "เหี่ยวฟ้า" จากรูปดูเหมือนไม่เหี่ยวมาก เข้าใจว่าเป็นการถ่ายระยะไกลจึงเห็นไม่ชัด เราก้อเลยอยากบอกว่าหากใครมีปัญหาที่สภาพผิวใบหน้า ให้ถ่ายในระยะไกล อย่าไปเล็งระยะใกล้ที่ใบหน้านะคะ การถ่ายระยะไกลจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ (หากรีทัชไม่เป็น..ฮา) แต่ตอนซื้อน้องเหี่ยวฟ้าได้ตาดอกซ้าย-ขวามาเรียบร้อยแล้ว เป็นตุ่มเล็ก ๆ อยู่ใต้โคนใบล่างสุด เราเอามาใส่กระถางพลาสติกรองด้วยสีดากะกาบมะพร้าวไว้ชั่วคราว เพราะยังหาขอนไม้ไม่ได้





มาดูการเจริญเติบโตของตาดอกเป็นระยะ ๆ กันบ้างค่ะ ซึ่งเราพบว่าตาดอกด้านหนึ่งไม่โตขึ้น สังเกตุเห็นว่าหัวของตาดอกมันบี้ไป แต่ตาดอกอีกข้างมีวิวัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้แต่ลุ้นระทึกต่อไปว่าช่อดอกจะยาวสักแค่ไหนนะคะ





จากที่หล่อนอยู่ในกระถางพลาสติกขนาดเล็ก แทนที่ช่อดอกของหล่อนจะแหงนหน้าขึ้นชี้ฟ้า แต่สุดท้ายหล่อนเอาหัวคะมำลงกระถางค่ะ แล้วไปชนที่รากแก่ ๆ ของหล่อน ซึ่งเราก้อเข้าใจว่าสุดท้ายหล่อนจะดิ้นรนเอาตัวรอดผ่านไปได้ หล่อนต้องมีวิธีหลบหลีกเหมือนคนนะคะ แต่คงหลีกเลี่ยงกระถางใบเล็ก ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าหล่อนยาวอ้อมผ่านรากลงไปได้ แต่คงไม่สามารถยาวทะลุลงในกระถางแล้วเอาช่อมุดลงไปในกาบมะพร้าวได้นะคะ เมื่อช่อดอกวิ่งลงล่างแบบนี้คงไม่เลี้ยวย้อนศรขึ้นชี้ฟ้ามังคะ เราก้อเลยต้องรีบไปหาขอนไม้มาติดตั้งใหม่ เว้นพื้นที่ให้หล่อนย๊าวยาวได้ต่อไปค่ะ



ช่อดอกพบความช้ำในบางส่วนเล็กน้อย คงเป็นเพราะหล่อนยาวลงมาแล้วชนรากแก่ ๆ จากนั้นก้อเบี่ยงตัวยาวผ่านต่อลงมาได้ และคงเกิดความช้ำในช่วงที่เบี่ยงตัว เข้าใจว่าช่อดอกคงครูดกับรากแก่ ๆ เมื่อช่อดอกมีอายุเกือบ 1 เดือน สัญญานที่ดีก้อเกิดขึ้น เพราะมีรากหัวโตงอกขึ้นมาให้เราเห็นแล้วค่ะ จากข้อมูลบอกว่าหล่อนจะให้ดอกประมาณ พค.-มิย. เราเข้าใจว่าประมาณต้นเดือนมีนาคม เราจะได้เห็นหล่อนบ๊านบานแน่นอน



สมาคมชมรมชาวหอหวังดูดอกจากไอยเรศกันมาก ถ้าไม่ขึ้นมาหาก้อจะถาม "น้องไอบานหรือยัง" จากกล้วยป่าที่หามาทดลองเลี้ยง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ออกดอกไปแล้ว เราพบว่าไอยเรศมีอายุของช่อดอกนานที่สุด เกือบสองเดือนแล้วหล่อนก้อยังไม่บาน แต่จากช่อดอกเริ่มแตกให้เห็นเป็นดอกตูม ๆ โผล่ออกมาแล้ว เราดูไม่เป็น แต่คิดว่ามีความหนาแน่นของดอกในระดับหนึ่ง ดอกตูม ๆ เริ่มมีจะงอยออกมา ซึ่งเรามั่นใจว่าอีกไม่เกินสัปดาห์หล่อนบานแน่นอน



แต่สุดท้ายก้อพบกับความผิดหวังอย่างแรง ดูเหมือนว่าดอกตูม ๆ ของหล่อนเริ่มมีปัญหาที่ด้านปลายช่อและหัวช่อ หล่อนเริ่มเหี่ยวลงไปทีละนิด ๆ แล้วคืบไปที่บริเวณกลางช่อดอกเรื่อย ๆ เจอหน้าสมาคมชมรมชาวหอได้แต่ตอบว่า กำลังปลุกวิญญานอยู่ มีแนวโน้มว่าจะทำไม่สำเร็จซะด้วย เสียดายกันใหญ่เลย อุตส่าห์รอกันมาเกือบสองเดือนแล้ว สัญญากันไว้ว่าเมื่อไอยเรศช่อนี้บานจะจัดมิตติ้งเล็ก ๆ กันที่ระเบียง ประมาณว่าบ้ากันเข้าไป หาเรื่องกินนะคะ



มาดูชัด ๆ ที่บริเวณปลายช่อ แห้งสนิทไปก่อน ความแห้งเริ่มบานปลายชนิดควบคุมไม่อยู่ไปที่ช่อดอกด้านบนเรื่อย ๆ



ที่บริเวณหัวช่อแห้งสนิทเช่นเดียวกัน และความแห้งเริ่มบานปลายลามลงด้านล่างของช่อดอก เข้าใจว่าอีกไม่นานคงแห้งเหี่ยวสนิทยกช่อเลยนะคะพี่น้อง และไอยเรศช่อแรกของเราช่อนี้คงกลายเป็นตำนานขึ้นหิ้งไปในที่สุด



ปีนี้คงได้เห็นแค่ช่อดอกก่อนบานท้าทายดวงตะวันบนระเบียงของเรา ถึงหล่อนจะไม่สามารถบานได้ชนิดหาสาเหตุไม่พบ แต่ก้อยังได้เห็นวิวัฒนาการของหล่อนตั้งแต่เกิดเป็นตาดอกจนกลายเป็นช่อดอกก่อนที่จะบาน มาถึงวันนี้ใบของหล่อนก้อดูไม่สดใสแม้ว่ารากจะเดินแล้วก้อตาม เราชักไม่แน่ใจว่าอนาคตไอยเรศต้นนี้ของเรา จะหลายเป็นสังคโลกประจำหอพักหรือเปล่า แต่เซียนหอพักหลายคนฟันธงให้เจ็บใจด้วยตั้งฉายาล่วงหน้าไปแล้วว่า “เหี่ยวฟ้าใหญ่” ส่วนช้างดำเรียก “เหี่ยวฟ้าเล็ก” จากนั้นพวกหล่อนก้อเหล่มามองเราแล้วอมยิ่มแถมยักคิ้วหลิ่วตาอีกตังหาก พระเจ้าช่วย? ไม่พูดก้ออ่านสายตาออก อีกหน่อยคงจัดอันดับให้เราเป็นสังคโลกลำดับที่สามประจำหอพักแน่ ๆ เรยยยยยยย โอ๊ว? อนาคตเราจะกลายเป็นวัตถุโบราณที่ประเมินค่าไม่ได้แย๊วววววว



ด้วยสโลแกนประจำตัว ปีหน้าของเราไม่ได้มีแค่ปีนี้เพียงปีเดียว แต่ปีหน้าของเรายังมีอีกเป็นสิบ ๆ ปี ได้แต่คาดหวังว่าหนึ่งในสิบปีต่อ ๆ ไป จะเป็นปีไหนก้อแล้วแต่ เราจะรอหล่อนต่อไป ซึ่งเราหวังว่าหล่อนคงจะไม่กลายเป็นตำนานที่ต้องเก็บขึ้นหิ้งยกต้นนะคะ



เราจะดูแลหล่อนและบำรุงหล่อนอย่างดีต่อไปด้วยความใส่ใจ แม้ว่าจะต้องเห็นแต่ใบของหล่อนทุก ๆ ปีก้อตาม




ขอให้มีความสุข ณ จ้ะ











Create Date : 07 มีนาคม 2551
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2554 1:09:41 น. 8 comments
Counter : 2681 Pageviews.  
 
 
 
 
เลี้ยงได้เก่งจริงๆ
 
 

โดย: ช้างเมืองชล IP: 222.123.104.106 วันที่: 16 มีนาคม 2551 เวลา:17:27:36 น.  

 
 
 
ขอชื่นชมจากใจจริงๆ เลี้ยงได้เก่งมาก ถ้าจะกรุณา...ช่วยบอกวิธีเลี้ยงกับมือใหม่ตาดำๆหน่อยเหอะ รอคำตอบน้า...
จาก แม่น้องเบนซ์
brtmcc@hotmail.com
 
 

โดย: ขอทราบวิธีเลี้ยงค่ะ IP: 58.9.220.210 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:19:42:36 น.  

 
 
 
ไม่ได้เลี้ยงเก่งนะคะคุณแม่น้องเบนซ์ ถ้าย้อนไปดูหัวข้อ "กล้วยป่า Ver.1" จะรู้ว่ามันเป็นเหตุการณ์บานปลายที่ทำให้ต้องมาหัดทดลองเลี้ยงกล้วยป่า ในตู้นี้เป็นเหี่ยวฟ้าระดับสังคโลกทั้งหมด ดอกก้อฝ่ออีกต่างหาก ที่ได้ดอกคงเพราะเพิ่งสมบูรณ์มาจากป่า ถ้ารอดไปถึงปีหน้าก้อไม่ได้แปลว่าเลี้ยงเก่ง แต่สภาพแวดล้อมอาจรับมือได้ และถ้าให้ดอกได้ในปีต่อไปก้อคงจะไม่ได้แปลว่าเลี้ยงเก่งอีก อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมเหมาะสมกว่าที่คิดเท่านั้นเองนะคะ

อาจเป็นเพราะเราพอรู้เรื่องถ่ายภาพอยู่บ้าง ทำให้ได้ภาพคมชัดในระดับที่ยอมรับได้ เลยทำให้พวกหล่อนดูดีขึ้นมาบ้างหรือเปล่าคะ

แนะนำไปที่ห้องกล้วยไม้ของพันทิบได้เลยค่ะ ที่นั่นระดับเหนือเซียนหลายท่านให้คำแนะนำที่ดีและถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่จะไม่แนะนำให้ปลูกกล้วยป่า เพราะปัญหาระยะยาวมีมาก ทั้งปัญหาเชิงซ้อน เชิงเดี่ยว และปัญหาเชิงลึก ฯลฯ

ขอบคุณที่สนใจเหี่ยวฟ้าของเรา อีก 2-3 วัน จะเมล์หานะคะ



 
 

โดย: ซาไปรส์ วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:21:36:38 น.  

 
 
 
เก่งจังครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
 
 

โดย: หนึ่งในชาวโลก วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:21:41:49 น.  

 
 
 
...ทั้งเลี้ยงเก่ง แล้วก้อถ่ายรูปก็เก่งอีกต่างหากค่ะ
 
 

โดย: ภัสสรา วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:16:00:47 น.  

 
 
 
ยอมรับในความอดทน รอคอย และพยายามในการเก็บข้อมูลมากที่สุดเลย
 
 

โดย: อุ้ย IP: 202.28.35.2 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:14:40:30 น.  

 
 
 
เพิ่งเข้ามาอ่าน แต่ละเรื่องน่ารักดี ของเราได้มาก็ประมาณนี้ รอดบ้าง ไม่รอดบ้าง แต่ไม่เคยเก็บรายละเอียดได้เยอะขนาดนี้

 
 

โดย: ลูกโมกข์23 IP: 125.25.98.155 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:11:24:29 น.  

 
 
 
ขอบคุณคร่า
 
 

โดย: แม่น้องเบนซ์ IP: 202.29.193.155 วันที่: 5 มีนาคม 2556 เวลา:13:59:16 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ซาไปรส์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]





Indy Style Indy

เว็บไซด์ขายเสื้อผ้าออนไลน์

สไตล์โบฮีเมียน, ยิปซี ฯลฯ
สำหรับสาวเซอร์ หรือสาวที่มี
เอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
สนใจแวะชมได้นะคะ

"เสื้อผ้าสไตล์โบฮีเมียน
ยิปซี อินเดีย ฯ
เสื้อผ้าแนว ๆ
คลิ๊กที่นี่
"



New Comments
[Add ซาไปรส์'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com