มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 มกราคม 2555
 

หลงหลงจัง...ลูกกระติ๊ดขี้หมู


: เข้าหน้าสารบัญหลักเพื่อดูทุกหัวข้อ..."คลิ๊กที่นี่"

บทความแนะนำ : ประสบการณ์ผ่านเต้า (ตัวเอง)..."คลิ๊กที่นี่"

บทความแนะนำ : สวนหย่อมลอยฟ้าราคาประหยัด..."คลิ๊กที่นี่"

บทความแนะนำ : สวนกล้วยลอยฟ้าบนอาคารสูง 6 ชั้น..."คลิ๊กที่นี่"







…Scaly-breasted Munia…
...น้องหลงหลงจัง...ของขวัญจากท้องฟ้า...












“ของขวัญจากธรรมชาติ... Eurasian Tree Sparrow" เรามีรังที่หอพักเป็นของตัวเองอีกแล้ว (รังแรกเป็นของ Scaly-breasted Munia ) เราไม่รู้สึกท้อแท้อะไรที่รังหน้าใหม่ของเราดูเหมือนจะลดเกรดลงเรื่อย ๆ เลยต้องใช้ชื่อภาษาอังกฤษเพื่อให้ดูอินเตอร์ (ฮา) ครั้งที่แล้วรังอยู่มุมขวามือของโครงอลูมิเนียม ตัวรังเบียดเข้ามาในระเบียง มีเพดานระเบียงเป็นหลังคากันแดดกันฝน ครั้งนี้ลักษณะตำแหน่งการวางของรังไม่แตกต่างกัน เพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งมาที่มุมซ้ายของโครงอลูมิเนียมแทน รังแรกที่เกิดเป็นต้นไม้จริงอยู่ในช่วงพองฟูของสวนหย่อมลอยฟ้า ด้วยเพราะปัญหาบางอย่างต้นไม้จริงบนโครงอลูมิเนียมจึงถูกรื้อถอนออกไป ครั้งนี้ไม้ที่เลื้อยอยู่บนโครงจึงเป็นของเทียม รังนกในครั้งนี้อยู่ตรงกับประตูระเบียงพอดี บังเอิญว่ามีไม้เลื้อยบังไว้ ปากรังหันออกไปนอกอาคาร ทำให้ลดความกดดันในการเผชิญหน้าได้ในระดับหนึ่ง










กรณีรังอยู่มุมขวาของโครงอลูมิเนียมจะมีผนังห้องบังไว้และไม่ตรงกับตำแหน่งประตู เวลาแอบดูจะไปทางด้านซ้ายของระเบียงคือประตูนั่นเอง แต่ครั้งนี้รังอยู่มุมซ้าย เราต้องย้ายไปแอบดูที่ด้านขวาของระเบียงแทน เป็นการดูผ่านช่องหน้าต่างทางเตียงนอน แม้ว่าจะเป็นเจ้าของห้องก้อต้องเจียมตัวในฐานะผู้อาศัย เคยเผชิญหน้ากันแบบไม่ตั้งใจ ท่านตกใจบินหายไปตั้งหลักในอากาศ ส่วนเราวิ่งหนีเข้ามาตั้งหลักในห้อง นึกในใจแล้วตรูจะวิ่งทำไมฟะ? การตากผ้าที่ระเบียงและรดน้ำต้นไม้ต้องทำในช่วงกลางคืน เพราะกลางวันท่านจะบิน-เข้าออกรังตลอดเวลา ไม่ควรไปเสนอหน้าให้ท่านเห็น ไม่งั้นมีฉุนนะคะ











หน้ากล้องอยู่ห่างจากตัวนกไม่เกิน 2 เมตร แน่นอนว่ามันต้องได้ยินเสียงชัตเตอร์ มันพยายามที่จะมองหาเสียงว่ามาจากทางไหน? ซึ่งภาพส่วนใหญ่ออกมาดูเหมือนมองมาทางต้นเสียงได้ถูกต้อง เป็นการถ่ายผ่านช่องหน้าต่างที่มีผ้าม่านบังไว้ นักถ่ายภาพที่มีความใส่ใจต่อธรรมชาติควรจะต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรถ่าย? เมื่อไหร่ควรหลีกเลี่ยง? ถ้ามันเห็นเราจะบินเลี้ยวหายไปในอากาศทันที แบบนี้ทำให้นกเสียเวลาในการป้อนอาหาร ลูกที่อยู่ในรังรออาหารอยู่ ยิ่งถ้าเราเข้าไปทำให้เขาเห็นตัวบ่อย ๆ จนมันรู้สึกไม่ไว้ใจ อาจทำให้ทิ้งรังไปในที่สุด หรืออาจโดนมันด่าเป็นภาษานก ดังนั้นโปรดคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของนกด้วย






การบันทึกภาพ Eurasian Tree Sparrow ในครั้งนี้ เราได้บันทึกไว้ตอนที่ลูกนกเกิดเรียบร้อยแล้ว ส่วนในช่วงสร้างรังและกกไข่ไม่มีการบันทึกภาพเก็บไว้ เพราะตำแหน่งที่ถ่ายค่อนข้างลำบาก ภาพทั้งหมดของ Sparrow เป็นการถ่ายในวันหยุดสุดสัปดาห์เพียงวันเดียว เราสามารถพบเห็น Eurasian Tree Sparrow ได้แทบทุกหลังคาเรือน จนมันกลายเป็นนกที่ไม่น่าสนใจ แต่แอ็คชั่นของมันในเบรคนี้ สำหรับเรามองว่าไม่กระจอกเลย









“ของขวัญจากฟ้า...Scaly-breasted Munia" ในช่วงเช้าวันเดียวกับที่ถ่ายกระจอกตามภาพที่เสนอในช่วงบนแล้ว เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายเราเห็นกระติ๊ดขี้หมูอีกคู่หนึ่งมาป้วนเปี้ยนที่โครงอลูมิเนียมตรงกลางด้านล่าง ทั้งคู่มีท่าทางแปลก ๆ เหมือนมีจุดมุ่งหมายบางอย่างที่เราไม่รู้? ถึงขนาดก้าวล้ำเข้ามาในเขตชั้นในที่วางกระถางเฟิร์น ปกตินกจะอยู่บริเวณโครงนอกอาคารหรือริมขอบระเบียงเท่านั้น แต่ไม่ถึงกับเดินไปทั่วจุดที่ตั้งกระถางเฟิร์นตลอดแนว เพียงแค่วนเวียนอยู่พิกัดช่วงกลางของจุดที่ปลูกเฟิร์นเท่านั้น เราไม่เห็นอะไรผิดปกติมากกว่านี้ วันเดียวกันและเวลาเดียวกันที่โครงด้านบน เรายังเห็นพ่อแม่ของกระจอกบินเข้าออกเป็นระยะ ๆ กลายเป็น 2 คู่ สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

วันแรก...ช่วงบ่าย









รุ่งเช้าเราเห็นกระติ๊ดขี้หมูคู่เดิมมาวนเวียนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมอีกแล้ว ตัวหนึ่งก้มลงไปในกระถางพลาสติกสีเขียว มันวนเวียนอยู่บริเวณใกล้เคียงเหมือนเมื่อวันวานตอนเย็น จากนั้นบินหายไปแล้วก้อมาอีก จังหวะหนึ่งเรามองไปที่โครงด้านบน เห็นพ่อแม่ของกระจอกบินออกไปหาอาหารอีกครั้ง ขณะที่กระติ๊ดขี้หมูคู่นี้บินออกไปเกือบจะพร้อม ๆ กัน เข้าทางเราไม่อยู่ทั้งสองยี่ห้อ จึงเดินออกไปดูทำให้แปลกใจ เพราะพบลูกนก 1 ตัว อยู่ในกระถางพลาสติกสี่เหลี่ยมสีเขียว ซึ่งเป็นกระถางเปล่าปักอยู่นอกอาคาร ดูจากสภาพแวดล้อมแล้วท่าทางจะอยู่ลำบาก พื้นที่ก้นกระถางแคบและขาดหลังคากำบังช่วงบน

วันที่ 2 ...ช่วงเช้า





ลูกนกมาจากไหน? ถ้าเป็นลูกกระจอกตกลงมาจากรัง พ่อแม่กระจอกต้องเป็นฝ่ายมาดูแล แต่กลายเป็นพ่อแม่ของกระติ๊ดขี้หมูมาดูและป้อนอาหารแทน เราแหงนขึ้นไปดูอีก 3 ชั้นที่อยู่ถัดขึ้นไป เห็นแต่ผนังอาคารเรียบ ๆ อาจมีรังอยู่ภายในระเบียงชั้นใดชั้นหนึ่ง แล้วลูกนกพลัดตกลงมาใส่กระถางสีเขียวของเราที่อยู่ชั้น 6 พอดี กระถางสี่เหลี่ยมมีรัศมีเพียงแค่ 7 ซม. มหัศจรรย์ของขวัญจากฟากฟ้า อะไรมันจะเป๊ะขนาดนั้น? วันนี้เราไปทำงานท่ามกลางความมึนงง?




หลังเลิกงานเมื่อกลับไปถึงห้อง คงจะเป็นช่วงหยุดป้อนอาหารแล้วจึงไม่พบพ่อแม่ของกระติ๊ดขี้หมูอีก เราคาดเดาสถานการณ์ไม่ถูกว่าพ่อแม่กระติ๊ดจะกลับมาอีกหรือไม่? รอจนพลบค่ำจึงออกไปสำรวจลูกนกอย่างละเอียด มดกำลังเดินพาเหรดไปที่ปากกระถางสีเขียว เราปัดขบวนพาเหรดมดออกจนหมด ตัดสินใจเปลี่ยนกระถางใหม่ ใช้เศษกิ่งไม้ที่พ่อแม่นกกระจกทำร่วงบนต้นเฟิร์นรองพื้นไว้แล้วบุด้วยทิชชูฉีกเป็นชิ้น ๆ จากนั้นเทลูกนกใส่ลงในรังใหม่ ไม่มีการสัมผัสตัวลูกนก เพราะไม่แน่ใจว่าขามันหักหรือเปล่า?

วันที่ 2...ช่วงพลบค่ำ









ปัญหาสำหรับการเปลี่ยนรังใหม่ในคืนนี้ คือไม่มีการเอาอะไรมาคลุมหรือปิดที่ปากรังเพื่อกันลมให้ลูกนก แต่อย่างน้อยที่สุดลูกนกไม่ต้องตากน้ำค้าง เพราะรังใหม่เคลื่อนย้ายเข้ามาในเขตระเบียงแล้ว สาเหตุที่เราไม่เอาอะไรปิดปากรังเพื่อกันลม เพราะตลอดเวลาเราไม่ได้ยินเสียงเบบี๋ร้อง ก่อนหน้าที่เราเห็นพ่อแม่กระติ๊ดวนเวียนมาดู เราไม่รู้เลยว่ามีลูกนกอยู่ในกระถาง สาเหตุเพราะไม่ได้ยินเสียงลูกนกตัวนี้ร้องนั่นเอง เรากังวลว่าหากเอาอะไรบังไว้ที่ปากกระถาง แม่นกอาจไม่เห็นลูกนก ตรงนี้เราอาจคิดเว่อร์ไป มีการนำไม้เลื้อยพลาสติกล้อมไว้ที่ขอบปากรังนิดหนึ่ง พร้อมเทคแคร์ดูแลเบบี๋ด้วยการติดตั้งยากันยุงตราห่านฟ้าไว้ที่ด้านล่างของพื้นในเขตระเบียง (ฮา)

วันที่ 2...ช่วงพลบค่ำ







เช้ารุ่งขึ้นดูเหมือนลูกนกจะสุขสบายในบ้านหลังใหม่ กว้างขวางกว่าบ้านรังเดิม เบบี๋นอนดิ้นมาก เมื่อคืนออกมาดูทีไรตำแหน่งที่นอนต่างกันทุกครั้ง กระถางสี่เหลี่ยมสีเขียวเดิมที่มันตกลงมาอยู่ในครั้งแรกนั้น ถูกเลื่อนจากตรงกลางโครงอลูมิเนียม (ตำแหน่งเดิม) เข้ามาใกล้ ๆ รังใหม่ เอาเฟิร์นเจ้าฟ้าไปตั้งที่ด้านนอกระเบียง 1 กระถาง เพื่อสร้างบรรยากาศโดยรอบรังใหม่ มีเวลาเหลือไม่มากต้องไปทำงานแล้ว ถ้าแม่กระติ๊ดไม่มาในช่วงนี้ เราจะไม่มีโอกาสรู้เลยว่าวันนี้แม่กระติ๊ดพบลูกหรือเปล่า? ลูกนกจะได้กินอาหารจากแม่นกหรือไม่? นั่นจะทำให้เราตัดสินใจยากว่าจะทำยังไงต่อไปกับเบบี๋ดี?

วันที่ 3...ช่วงเช้า





โชคดีที่เรารออยู่ไม่นาน พ่อแม่ของเจ้าตัวน้อยก้อมา เราไม่รู้ว่าพ่อแม่นกคิดยังไงกับรังที่เปลี่ยนไป แต่อาการหวาดระแวงแทบไม่มีให้เห็นเลย ช่วงเวลาแบบนี้เราต้องลดความอยากรู้อยากเห็นลง อยู่ให้ห่างมันมากที่สุด ไม่งั้นโอกาสที่จะทิ้งรังมีสูงมาก แม่กระติ๊ดเข้าไปหาลูกได้ถูกจุดพร้อมป้อนอาหารให้ลูกทันที สักพักพ่อกระติ๊ดก้อบินตามมาด้วยเหมือนกัน เช้านี้แม่กระติ๊ดเดินเล่นบนกระถางเฟิร์นของเราอยู่นานอย่างย่ามใจ เออนะ? ไปทำงานอย่างสบายใจได้แล้ว ลงเอยด้วยดีแบบนี้เราไม่มีอะไรที่ต้องยุ่งยากใจอีก

วันที่ 3...ช่วงเช้า













ตอนเย็นหลังเลิกงาน เรารีบกลับไปซุ่มดู ไม่เห็นพ่อแม่กระติ๊ดเหมือนเคย มันอาจกลับไปอยู่รังเดิมที่มีลูกตัวอื่น แต่ลูกกระติ๊ดหลงรังตัวนี้ยังคงอยู่กับเรา รอจนพลบค่ำจึงยกกระถางใหม่เข้ามาทำความสะอาดในห้อง เป็นที่น่ายินดีเห็นขี้ของเบบี๋เต็มไปหมด ขี้มากแสดงว่าแม่มาป้อนให้กินมาก กรณีนี้หากแม่นกไม่กลับมาป้อนอาหารให้จะกลายเป็นงานใหญ่สำหรับเรา เพราะลูกนกต้องกินอาหารทั้งวัน แต่เราต้องไปทำงาน

วันที่ 3...ช่วงพลบค่ำ



คืนนี้เราจับตัวลูกกะติ๊ดออกมาจากรัง เพื่อแปลี่ยนทิชชูใหม่ จะได้ไม่หมักหมมและติดเชื้อ เราขออาหารแมวจากคนในออฟฟิตติดมาด้วย นำมาผสมน้ำเดือดแช่ทิ้งไว้ บดให้เละ ๆ ลองป้อนให้ลูกนก 2 คำ กินแป๊บเดียวขี้แตกทันที คือเราไม่จำเป็นต้องให้อาหารลูกนกหรอก เพราะแม่นกให้อาหารตลอดวันแล้ว แต่คืนนี้มีโอกาสจึงทดลองป้อนดู เพราะประสบการณ์ที่สมเหตุสมผลแบบนี้อาจจะหาไม่ได้อีกแล้ว ลูกนกหลงรังตัวนี้พอจะกินอาหารเองได้บ้าง สังเกตุจากการที่จิกอาหารในมือเรา ไม่รอให้ป้อนเข้าปากอย่างเดียว

วันที่ 3...ช่วงพลบค่ำ









คืนนี้ได้สัมผัสตัวลูกนก สำรวจดูในลักษณะที่ดูไม่เป็นหรอกค่ะ แต่เข้าใจว่าขาของเบบี๋น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะสามารถยืนทรงตัวได้ดี แต่การเดินยังอยู่ในระดับกระเตาะกระแตะ จะถอยหลังหนีเมื่อเอามือเข้าไปใกล้ แต่ถ้าเรานั่งมองเฉย ๆ ไม่ไปรบกวน ลูกนกจะหลับ โชคดีที่ลูกนกมีขนขึ้นตั้งแต่หล่นมาจากฟ้าแล้ว ดังนั้นการกกด้วยไฟจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และนั่นทำให้ลูกนกตัวนี้มีโอกาสรอดมากขึ้น เพราะระดับอุณหภูมิมีความจำเป็นต่อลูกนก อีกทั้งแม่นกไม่มากกลูกที่รังใหม่ มันยุ่งยากถ้าเราจะไปซื้อไฟมาอบในห้อง ตอนเช้าต้องรีบเอาลูกนกออกไปไว้ที่ระเบียง เรากังวลว่าถ้าเอาลูกนกไปไว้ที่เดิมทันบ้างไม่ทันบ้าง มันจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่นิ่ง อาจทำให้แม่นกไม่กลับมาเลี้ยงลูกอีกเลย

วันที่ 3...ช่วงพลบค่ำ







เหนือก้นรังใหม่ขึ้นไปเล็กน้อย นำช็อคกันมดมาขีดเพิ่มเติมให้มันหนาขึ้นกว่าวันแรก เพราะมดเป็นศัตรูสำคัญกับลูกนกมาก จัดการเปลี่ยนกระดาษทิชชูใหม่ (ฉีกเป็นชิ้น ๆ) จับลูกนกใส่ลงไป จากนั้นเอาไปไว้ที่ตำแหน่งเดิม เปลี่ยนรังใหม่ย้ายตำแหน่งใหม่ แม่นกยังไม่ว่าเลย นี่แค่เปลี่ยนกระดาษทิชชูรองรังคงจะไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้รอติดตามผลจะมีปฏิกิริยาจากแม่นกกระติ๊ดว่าจะเป็นยังไงบ้าง?

วันที่ 3...ช่วงพลบค่ำ





เช้ารุ่งขึ้นเป็นครั้งแรกที่เราได้ยินลูกนกโวยวายเสียงดังมาก จากที่ไม่เคยได้ยินเสียงเลย แม่นกเข้าไปให้อาหารในรังอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งให้นานกว่า 2 วันแรกที่ผ่านมา ถือว่าปฏิบัติการเปลี่ยนรัง, ย้ายรัง และเปลี่ยนทิชชูรองรังของแต่ละครั้งประสบความนำเร็จอย่างงดงาม ทุกอย่างง่ายกว่าที่คิดเอาไว้ และเช้าวันนี้สังเกตุเห็นพ่อและแม่ช่วยกันเข้าไปให้อาหารในรังใหม่ทั้งคู่ ปกติจะเห็นแค่ตัวเดียวที่เป็นผู้ให้อาหารค่ะ

วันที่ 4...ช่วงเช้า









หลังเลิกงานในช่วงพลบค่ำของวันที่ 4 พบว่าขนของลูกนกมีความแตกต่างจากคืนที่ 3 ชัดเจนมาก ช่วงเวลานี้คงจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราเปลี่ยนแค่กระดาษทิชชูรองรังให้ตามปกติ จากนั้นนำลูกนกใส่ลงไปในรังตามเดิม คืนนี้ใช้เวลาให้น้อยที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนและป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดกับลูกนกว่าตอนเช้าแม่หน้าตาอีกแบบหนึ่ง? ตกเย็นแม่มีหน้าตาอีกแบบหนึ่ง? กลัวจะเป็นปมด้อยของมันในอนาคตนะคะ (ฮา)

วันที่ 4...ช่วงพลบค่ำ





เช้าวันนี้ดูลูกนกคึกคักเป็นพิเศษ แววตาสดใส ลุกขึ้นมาเดินกระย่องกระแย่งและไซร้ขนอยู่นาน ปกติที่ผ่านมาจะค่อนข้างนิ่ง ส่วนตอนเย็นของวันนี้ไม่มีการเปลี่ยนกระดาษทิชชูรองรัง และงดบันทึกภาพตอนพลบค่ำ ทั้งนี้เพื่อลดระยะในการใกล้ชิดกับคนลงค่ะ การสัมผัสตัวนกไม่มีผลต่อกลิ่นที่จะติดตัวลูกนกที่เป็นสาเหตุทำให้แม่นกทิ้งรัง แต่การที่จะสัมผัสลูกนกต้องจำเป็นจริง ๆ เช่น ลูกนกตกจากรัง, ช่วยเหลือนกที่บาดเจ็บ เป็นต้น หากแม่นกช่วยไม่ได้ก้อเป็นหน้าที่ของเรา กรณีแม่นกช่วยได้ไม่ควรเข้าไปเสนอหน้านะคะ แต่ถ้าทุกคนคิดว่าจับลูกนกได้ เพราะกลิ่นคนไม่ติดตัวลูกนก แล้วดันอยากจะเห็นเห็นลูกนกที่อยู่ในรังบนต้นไม้ พากันปีนขึ้นไปแล้วจับลูกนกมาถ่ายภาพ จากนั้นเอาใส่กลับไปในรังตามเดิม แบบนี้คนมีจิตใต้สำนึกที่ดีเขาไม่ทำกันนะคะ?

วันที่ 5...ช่วงเช้า











วันที่ 6 เรางดบันทึกภาพในตอนเช้า แต่พบว่าพ่อแม่นกมาให้อาหารตามปกติ ตกตอนเย็นหลังเลิกงานกลับมาเปลี่ยนทิชชูรองรัง หลังจากที่เว้นการเปลี่ยนมา 1 คืน มีขนงอกมากขึ้น โดยเฉพาะที่ลำคอและตามลำตัวด้านใน เราจึงบันทึกภาพเก็บความเปลี่ยนแปลงไว้ เราตั้งชื่อลูกนกตัวนี้ว่า "น้องหลงหลงจัง" เราค่อนข้างมั่นใจว่าน้องหลงหลงจังน่าจะยังไม่อยู่ในช่วงพร้อมหัดบิน เพราะลักษณะขนด้านในลำตัวยังขึ้นไม่เต็มที่ เราเห็นลักษณะของนกที่พร้อมหัดบินมีขนพองฟูมากกว่านี้ หรือเราดูผิดไปก้อไม่รู้เหมือนกัน ถึงเวลาจับน้องหลงหลงจังมาเป็นนางแบบกันแล้ว เราไม่คิดว่านี่เป็นจะเป็นการบันทึกภาพครั้งสุดท้ายของน้องหลงหลงจัง

วันที่ 6...ช่วงพลบค่ำ
Portrait...Nong Long Long Jung (Scaly-breasted Munia)















พรุ่งนี้จะครบ 8 วัน ที่หลงหลงจังได้มาอาศัยอยู่ที่ระเบียงของเรา ตรงกับวันอาทิตย์พอดี เราจะมีเวลาบันทึกภาพน้องหลงหลงจังกับพ่อแม่กระติ๊ดตลอดวัน อาจบันทึกพฤติกรรมของพวกมันมากกว่าการให้อาหารเพียงอย่างเดียว เพราะหลงหลงจังเริ่มแข็งแรงแล้ว อุปกรณ์พลางสายตาเพื่อถ่ายผ่านประตูพร้อมสำหรับวันรุ่งขึ้น แต่หลงหลงจังกลับหายไปในวันที่ 7 เราไม่รู้ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เพราะต้องไปทำงาน แต่ตอนเช้าเรายังเห็นพ่อแม่มาให้อาหารอยู่ กระถางเฟิร์นทั้งหมดถูกรื้อออกตลอดแนว เผื่อมันตกลงไปในหลุมเฟิร์น เรารู้สึกว่าบางอย่างในชีวิตประจำวันขาดหายไป

น่ารักขนาดนี้...จะไม่คิดถึงได้ยังไงกัน



ทุกวันนี้เรายังสงสัยอยู่ว่าหลงหลงยังหายไปไหน? ในกลุ่มคนส่วนใหญ่จะบอกว่าหลงหลงจังน่าจะตายไปแล้ว ล่าสุดพอจะกระโดดโลดเต้นได้บ้าง อาจตะกายออกจากรังไม้ ด้วยพ่อแม่บินไปมาไม่ได้ดูแลในระยะใกล้ชิด อาจตกลงไปเบื้องล่างด้วยความสูงของตึก 6 สั้น ดังนั้นโอกาสที่จะรอดยากมาก เพราะยังไม่อยู่ในภาวะแม้แต่จะหัดบิน แต่กลุ่มคนโลกสวยจะบอกว่าพ่อแม่มาช่วยกันคาบไปอยู่กับลูกตัวอื่น ๆ ในรัง (ฮา) เพราะตอนนี้หลงหลงจังพอจะแข็งแรงแล้ว กลุ่มสุดท้ายบอกว่าอาจมีสัตว์บางชนิดมากินหลงหลงจัง แต่เราคิดว่าเหตุผลแรกค่อนข้างใกล้เคียงที่สุดแล้ว

ชอบมาก...หลงหลงจังยิ้มได้ด้วย



ถือเป็นประสบการณ์ตรงที่มีโอกาสเข้าไปช่วยลูกนกด้วยความบังเอิญ จึงมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟัง เผื่อจะเป็นแนวทางในการดูแลลูกนกที่ตกลงมาจากรัง และเป็นการถ่ายนกครั้งแรกที่เราถ่ายออกมาแล้วเอาไปให้หลายคนดู พบว่าทั้งหมดตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร? หมายถึง 3 ภาพในช่วงหลังนี้ ดูทีไรอดขำไม่ได้กับท่าทีของน้องหลงหลงจัง ส่วนใหญ่จะบอกว่าคล้ายน้องหนอน บ้างก้อว่าคล้ายน้องเม่น คงต้องปิดเบรกกันแล้ว ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุขกันทุกคนนะคะ


ขอบคุณ...น้องหลงหลงจัง (Scaly-breasted Munia)



คำศัพท์...สำหรับบทความนี้
Scaly-breasted Munia = นกกระติ๊ดขี้หมู
Eurasian Tree Sparrow = นกกระจอกบ้าน



ขอให้มีความสุข ณ จ้ะ






Create Date : 26 มกราคม 2555
Last Update : 28 มกราคม 2555 12:51:05 น. 2 comments
Counter : 11549 Pageviews.  
 
 
 
 
อยู่คนเดียว ไม่ได้แปลว่า โดดเดี่ยว

และโสด ไม่ได้หมายถึง เหงา

แต่บางที ความเหงา ก็แวะเข้ามาเยือนจ๊ะ



*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*

..HappY BrightDaY..











 
 

โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:15:24:43 น.  

 
 
 
ชอบมากๆที่เอาประสบการณ์ดีๆ มาแชร์ให้อ่าน พอดีมีนกมาทำลังหลังห้องเหมือนกัน สักพักใหญ่ๆแล้ว เห็นมันมาทำรังหลังแอร์เป็นก้อนๆ ก็เลยคิดว่าน่าจะทำบ้านให้มันนะ ก็เลยเอากล่องเคเอฟซีวางตะแครงไว้ แล้วเอารังมันใส่ไว้ให้ด้วยหลังจากนั้นมาเค้าก็มาอยู่เลย เวลาผ่านไปนานมาก เห็นเค้ามาบ้างไม่มาบ้างผ่านไปเป็นปี เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งได้ยินเสียงลูกนกร้องกันหลายตัวเลยชะโงกหน้าไปดู เห็นลูกนก อยู่จริงๆหลายตัวเลย หลังจากนั้นก็เห็นพ่อแม่นก บินมาบ่อยมากเดี๋ยวบินเข้าบินออก แต่ไม่รู้ว่าเป็นนกอะไรไม่เคยเห็น นกกระจอกก็ไม่ใช่ วันนี้เลยมาหาข้อมูล จนเห็นว่ามีคน มีนกมาทำรังเหมือนกัน ก็เลยเข้ามาอ่านเลยรู้ว่า นกตัวนี้ชื่อ นกกระติ๊ดขี้หมู ชื่อไม่ค่อยน่ารัก แต่ตัวมันน่ารักมากๆ ที่บ้านบอกว่ามันไม่ดีนะเดี๋ยวก็มีเชื่อโรค แต่คิดว่าถ้าจะไล่เค้าไปก็ทำไม่ได้ ก็เลยปล่อยให้เค้าอยู่ไป ทุกๆเช้านี่ก็จะร้องเสียงดังมาก ก็รู้สึกว่ามันน่ารักดี ที่คอนโดไม่ให้เลี้ยงสัตว์ แต่มีนกมาอยู่เองก็รู้สึกดี เวลาออกไปหลังห้องนี่ต้องระวังมากๆ ถ้าออกไปเจอกันพอดี นกก็จะตกใจบินหนีกัน วงแตก ส่งเสียงร้องใหญ่ หลังๆมาจะทำตัวเงียบๆ ถ้าอยากดูก็ต้องคลานนนนนออกไปนั่งดู ขอบคุณที่เอาประสบการณืน่ารักๆ มาแชร์ คิดว่าเจ้าหลงหลง คงจะบินเก่งแล้วก็บินตามพ่อแม่ไปอย่างมีความสุขแล้วแน่ๆ^^
 
 

โดย: นามปากกา IP: 124.122.102.81 วันที่: 14 กันยายน 2555 เวลา:23:56:30 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ซาไปรส์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]





Indy Style Indy

เว็บไซด์ขายเสื้อผ้าออนไลน์

สไตล์โบฮีเมียน, ยิปซี ฯลฯ
สำหรับสาวเซอร์ หรือสาวที่มี
เอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
สนใจแวะชมได้นะคะ

"เสื้อผ้าสไตล์โบฮีเมียน
ยิปซี อินเดีย ฯ
เสื้อผ้าแนว ๆ
คลิ๊กที่นี่
"



New Comments
[Add ซาไปรส์'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com