|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รายละเอียดของศีลข้อที่ 5 ห้ามดื่มสุรา
กลับไปอ่านเรื่องของศีลข้อที่ 1 และทัศนคติของผมต่อการกินเนื้อสัตว์ กลับไปอ่านเรื่องของศีลข้อที่ 2 ห้ามลักขโมย กลับไปอ่านรายละเอียดของศีลข้อที่ 3 เรื่องกาเมสุมิจฉาจาร กลับไปอ่านรายละเอียดของศีลข้อที่ 4 ห้ามพูดโกหก
สุรา มีที่ทำจากแป้ง ทำจากขนม ทำจากข้าวสุก ทำจากแป้งเหล้า ทำจากเครื่องปรุงต่างๆ มีของเผ็ดร้อน เป็นต้น เมรัย มีที่ทำด้วยดอกไม้ ทำด้วยผลไม้ ทำด้วยผลจันทร์ ทำด้วยน้ำอ้อย ทำด้วยเครื่องปรุงทั้งหลาย มีสมอ เป็นต้น
องค์ประกอบของการดื่มสุรา มี 4 ประการดังนี้ 1. เป็นน้ำเมา 2. มีเจตนาจะดื่ม 3. กระทำการดื่ม 4. น้ำเมานั้นล่วงลำคอลงไป เมื่อครบองค์ประกอบ 4 ประการนี้แล้ว ศีลก็ขาด ข้อนี้จะสังเกตได้ว่า แม้ว่าสุราจะยังไม่ทันออกฤทธิ์ ศีลก็ขาดไปแล้วครับ
ผลที่จะได้รับทันทีคือ 1. ทรัพย์ถูกทำลาย 2. เกิดวิวาทบาดหมาง 3. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค 4. เสื่อมเกียรติ 5. หมดยางอาย 6. ปัญญาเสื่อมถอย หรือพิการทางปัญญา
ผลที่จะได้รับในอนาคตในรูปของวิบากกรรมคือ อาจจะได้เกิดในนรก นายนิรยบาลจะกรอกด้วยน้ำทองแดงทำให้ไส้พุงขาดกระจัดกระจาย ตายแล้วก็จะกลับฟื้นขึ้นมาเสวยทุกขเวทนาต่อ หรือเกิดเป็นดิรัจฉาน เปรตวิสัย แต่หากได้เกิดเป็นมนุษย์ อาจจะได้เป็นคนบ้า คนใบ้ เสียจริตผิดจากมนุษย์ทั้งหลาย
รักษาศีลข้อที่ 5 แล้วได้อะไร อาจจะได้เกิดในสุคติภูมิ หรือบนสวรรค์ แต่หากได้เกิดเป็นมนุษย์ จะได้รับผล 35 ประการคือ *รู้กิจการ อดีต อนาคต ปัจจุบัน ได้รวดเร็ว *มีสติตั้งมั่นทุกเมื่อ *มีปัญญาดี มีความรู้มาก *มีแต่ความสุข *มีแต่คนนับถือยำเกรง *มีความขวนขวายน้อย หากินง่าย *มีปัญญามาก *มีปัญญาบันเทิงในธรรม *มีความเห็นถูกทาง *มีศีลบริสุทธิ์ *มีใจละอายแก่บาป* รู้จักกลับบาป *เป็นบัณฑิต *มีความกตัญญู *มีกตเวที *พูดแต่คำสัตย์ *รู้จักเฉลี่ยเจือจาน *ซื่อตรง *ไม่เป็นบ้า *ไม่เป็นใบ้ *ไม่มัวเมา *ไม่ประมาท *ไม่หลงใหล *ไม่หวาดสะดุ้งกลัว *ไม่บ้าน้ำลาย *ไม่งุนงง ไม่เซ่อเซอะ *ไม่มีความแข่งดี *ไม่มีใครริษยา *ไม่ส่อเสียดใคร และไม่มีใครส่อเสียด *ไม่พูดคำหยาบ และไม่มีใครพูดคำหยาบด้วย *ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไร้ประโยชน์ *ไม่เกียจคร้านทุกคืนวัน *ไม่ตระหนี่ *ไม่โกรธง่าย *ฉลาดรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และในสิ่งที่เป็นโทษ
เหตุการณ์ดื่มสุราของภิกษุสมัยพุทธกาล พระสาคตะเดินทางไปตำบลบ้านรั้วงาม ท่ามะม่วง จะถูกพญานาคพ่นพิษใส่ พระสาคตะจึงเข้าเตโชสมาบัติ บัลดาลไฟต้านทานไว้ นาคสู้จนหมดฤทธิ์จึงยอมแพ้ ชาวบ้านรู้ว่าพระสาคตะปราบนาคร้ายได้ จึงเลื่อมใสจะหาของที่ถูกใจมาถวาย ได้ไปสอบถามกับพระรูปอื่นว่า อะไรเป็นของหายากที่ท่านชอบ (สาเหตุที่ไปถามกับพระรูปอื่น คงเพราะเพื่อให้เป็นเซอร์ไพร์แก่พระสาคตะ) แต่พระรูปนั้นไม่ค่อยจะดีนัก ได้บอกไปว่า พระสาคตะท่านชอบสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบ ชาวบ้านจึงหามา เมื่อพระสาคตะผ่านมาชาวบ้านได้นิมนต์พระสาคตะเข้าไปฉันสุรา ในหลายๆครัวเรือนได้นิมนต์ท่านเข้าไปฉันสุราทั้งนั้น จนท่านเมาไม่ได้สติ ล้มกลิ้งอยู่หน้าประตูเมืองโกสัมพี ขณะนั้น พระพุทธองค์เสด็จมาถึง เห็นพระสาคตะนอนอยู่ จึงทรงให้หมู่ภิกษุช่วยกันหามพระสาคตะไปสู่อาราม ให้นอนหันศีรษะไปทางพระพุทธเจ้า แต่พระสาคตะได้พลิกกลับเอาเท้าไปทางพระพุทธองค์ พระพุทธองค์รับสั่งถามพวกภิกษุว่า ภิกษุทั้งหลาย แต่เดิมพระสาคตะมีความเคารพยำเกรงในพระตถาคตหรือไม่ ใช่พระพุทธเจ้าข้า แล้วในตอนนี้ พระสาคตะยังมีความเคารพยำเกรงในพระตถาคตอยู่หรือไม่ ข้อนั้นไม่เลยพระเจ้าข้า "ภิกษุทั้งหลาย! สาคตะได้ต่อสู้จนชนะนาคร้าย ที่ท่ามะม่วงมามิใช่หรือ ? "ชนะมาแล้วพระพุทธเจ้าข้า" "ภิกษุทั้งหลาย! แล้วเดี๋ยวนี้สาคตะจะสู้แม้เพียงกับงูน้ำได้หรือไม่ ?" "ไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า" "ภิกษุทั้งหลาย! น้ำที่คนดื่มเข้าไปแล้วทำให้ขาดสตินั้น สมควรจะดื่มหรือไม่ ?" "ไม่ควรดื่ม พระพุทธเจ้าข้า"
ทรงตำหนิการกระทำของพระสาคตะ แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามมิให้ภิกษุดื่มสุราและเมรัย หากภิกษุดื่มเป็นอาบัติปาจิตตีย์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน.
อย่างไรก็ดี อาบัติปาจิตตีย์ ก็คืออาบัติอย่างเบาอย่างหนึ่ง ไม่ใช่อาบัติอย่างหนักถึงขั้นต้องสึก ดังนั้น ข่าวการจับพระที่ดื่มเหล้าให้สึกนั้น จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องครับ แต่อย่างไรก็ดี พระที่สึกนั้นยังมีสิทธิ์กลับมาบวชใหม่ได้อีกครับ
Create Date : 30 ตุลาคม 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 17:37:53 น. |
Counter : 1746 Pageviews. |
|
![](../images/bg-follower.png) |
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 30 ตุลาคม 2551 20:47:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดนย์ 31 ตุลาคม 2551 1:42:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: อัสติสะ 1 พฤศจิกายน 2551 18:29:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟิล์มจร้า IP: 171.99.98.148 18 พฤศจิกายน 2555 22:37:11 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นครราชสีมา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]
![](../images/butt-follow.png)
|
รูปภาพทั้งหมดในนี้ สามารถนำไปใช้ได้ฟรีนะครับ แต่ไม่ควรลบสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของในรูปออกไป รูปใดไม่มีสัญลักษณ์ อยากให้ช่วยอ้างอิง จาก sompop.bloggang.com ด้วยครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
คำว่า "ศีลธรรม" ในความเข้าใจของผม คงแยกออกเป็น
"ศีล" ผมคิดว่าหมายถึงเส้น ที่แบ่งระหว่างกุศลและอกุศลเอาไว้อย่างชัดเจน เป็นเส้นคมๆ มีอยู่แล้วในธรรมชาติ พระพุทธองค์กล่าวถึงศีลตามความเป็นจริง โดยมิได้กล่าวให้เส้นนั้นใกล้เกินจริงเพื่อความเคร่ง หรือกล่าวให้ไกลเกินจริงเพื่อความหย่อน เพราะการกล่าวให้ความจริงเคลื่อนไปจะเป็นการมุสา และการได้รับรู้ระดับของศีลตามความเป็นจริง ผู้เคร่งประสงค์ที่จะเคร่งมากหรือน้อยก็เป็นความคิดส่วนตัวของผู้นั้นครับ
ส่วน "ธรรม" ผมคิดว่าเป็นเรื่องของระดับ คือ เมื่อผิดศีลแล้วมีระดับความบาปมากน้อยเพียงไร คือ อยู่ไกลเส้นไปมากเท่าไร