space
space
space
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
13 มิถุนายน 2551
space
space
space

มะพร้าวนาฬิเกร์ ต้นเดียวโนเน





สระนาฬิเกร์



“เอ่ย น้องเอย มะพร้าวนาฬิเกร์
ต้นเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง
กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึงได้แต่ผู้พ้นบุญเอย”






ค่ายธรรมบุตร
(เรื่องที่ ๑๕)

เรื่อง มะพร้าวนาฬิเกร์

อธิบายแก่สมาชิกพุทธสมาคม ฯ ประชุมและพักแรมอยู่ที่ค่ายธรรมบุตร
สนทนาระหว่างพักการประชุมที่ลานหญ้า บน เขื่อนสระนาฬิเกร์, ในสวนโมกขพลาราม
(ตัดตอนบางส่วน)

๒๑ ธันวาคม ๒๕๑๑

มะพร้าวนาฬิเกร์ นี้หมายถึงมะพร้าว. นาฬิเกร์ ก็แปลว่า มะพร้าว,
ต้นเดี่ยวโนเน ก็หมายความว่า ต้นเดี่ยว ไม่มีคู่เปรียบ.
อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง หรืออยู่นอกทะเลขี้ผึ้ง
ภาษาเมืองนี้ถ้าเขาว่าไปทะเล เขาว่าไปนอกเล
ไปนอกเล ก็หมายความว่า ไปที่ทะเล อยู่นอกเลขี้ผึ้ง
ก็หมายความว่าอยู่ที่ทะเลขี้ผึ้งนั่นเอง,
หรืออยู่กลางทะเลขี้ผึ้งนี้ก็ยิ่งชัดใหญ่ ;
เป็นมะพร้าวที่อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง ลองคิดดูซิว่า ทะเลขี้ผึ้งมันเป็นอย่างไร.
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง หมายความว่า ที่นั่นไม่มีอะไรกระทำได้, ไม่มีอะไร effect ได้,
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง กลางทะเลขี้ผึ้งนั้น.

ทางเมืองชุมพรร้องว่า คงถึงสักวันหนึ่งเอย.
ชุมพรไปไกลกว่าเพื่อน คนแก่ ๆ ร้องอย่างนี้ว่า คงถึงสักวันหนึ่งเอย.
แถวไชยามักจะร้องว่า ต้นเดี่ยวเปลี่ยวลิงโลดเอย
อยู่นั้นแหละ จะถึงหรือไม่ถึงก็มีอยู่อย่างนั้น.
บางคนจะร้องว่าถึงได้แต่ผู้มีบุญเอยก็มี, มีบุญมากพอ จึงจะไปถึง.

นี้หมายความว่า มีอะไรอยู่สิ่งหนึ่ง ซึ่งอะไรทำไม่ได้
อะไรจะไปกระทำมันไม่ได้,
มันอยู่กลางทะเลขี้ผึ้งเสียด้วย.
ตกมาสมัยนี้เราเลยคิดว่า มันคงจะสูญไปหมด คือไม่มีใครร้องอีกต่อไป,
พอคนรุ่นแก่ ๆ นี้ตายหมด เ
ด็กรุ่นหลังก็ไม่ร้อง จึงได้ สร้างสระนี้เป็นที่ระลึกแก่ความเอาจริงเอาจังในทางธรรมของปู่ย่าตายาย
คือมะพร้าวนาฬิเกร์.

แล้วมีบทร้องว่า :
ส้มซ่า ลูกดกหราร่า ร่มฟ้าร่มดิน
กาไหนหาญเจาะ เราะ(คือกระรอก)ไหนหาญกิน
ร่มฟ้าร่มดิน ร่มหัวคนทั้งเมืองเอย.

"ร่มหัวคนทั้งเมืองเอย" นี้หมายถึงธรรมะ,
ธรรมะนี้ลูกดกแน่นขนัดไปหมด จนร่มฟ้าร่มดิน ;
ไม่มีความทุกข์หรือความชั่ว อะไรจะไปแตะต้องธรรมะได้ ;
กาไหนกล้าเจาะ เราะไหนกล้ากิน ร่มหัวคนทั้งเมือง อย่างนี้.

นี่ ปู่ ย่า ตา ยาย เขาไม่มีอะไรพิเศษเหมือนพวกเรา แต่เขามีอย่างนี้ ;
เขานึกถึงแต่สิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งดีที่สุด ซึ่งเลิศที่สุดอยู่เสมอ ;
มันจึงออกมาในรูปนี้ แล้วแสดงความสูงในทางจิตใจ ;
นี่เรียกว่าเรื่องฝ่ายธรรมะนั้นสูง.
เรื่องสอนศีลธรรมทั่ว ๆ ไปนั้นก็มีมาก จำไม่ค่อยได้ และไม่ค่อยได้จำด้วย.


ในบทกล่อมลูก มีอะไรที่น่าสนใจอยู่อีกมาก เกี่ยวกับทะเลขี้ผึ้งนี้มีตั้ง ๒ บท อีกบทหนึ่งว่า :
"ดอกมะลิ บานเหมือนจะผลิอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง" อย่างนี้ก็มี ;
นี่เรียกว่าคิดถึงทะเลขี้ผึ้ง. พวกเรานี้เรียนนักธรรมโท หรือเปรียญ ๙ ประโยค ;
เมื่อคนแก่ ๆ พูดอย่างนี้ก็ตีความไม่ถูก.
เคยถามพวกเปรียญ ๙ ประโยค หรือนักธรรมเอกให้อธิบาย ;
ก็ไม่ทราบ, ไม่รู้ว่าอะไร ทะเลขี้ผึ้ง.

นิพพานคือต้นมะพร้าวไปอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง,
กลางทะเลขี้ผึ้งนี้คือวัฏฏสงสาร.
เรามันสอนกันมาผิด ผิดจากที่ว่านี้,
เราไปสอนกันว่า นิพพานอยู่ฝ่ายหนึ่ง วัฏฏสงสารอยู่ฝ่ายหนึ่ง ตรงกันข้ามเลย.
โลกิยะกับโลกกุตตระต้องแยกกันอยู่คนละทิศ ละทางเหมือนฟ้ากับดิน ;
สอนกันอยู่แต่อย่างนี้ในโรงเรียนเดี๋ยวนี้.
เรื่องโลกกับโลกุตตระแยกออกไปจากกันเลย,
ไปอยู่ตรงกันข้ามคนละข้างคนละฝ่ายเสียด้วย.
แต่คำสอนโน้นว่า : อยู่ที่กลางทะเลขี้ผึ้งนั่นเอง ;
เหมือนกับพวกเซ็นพูดว่า จุดเย็นที่สุดนั้น อยู่กลางเตาหลอมอย่างนั้นแหละ.

ข้อนี้พากันลืมเสีย ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า : มีทุกข์ที่ไหน ต้องดับทุกข์ที่นั่น,
มีความทุกข์งอกขึ้นมาที่ตรงไหน ต้องดับความทุกข์ที่ตรงนั้น.
ฉะนั้น นิพพานคือดับทุกข์ที่สุด มันก็ต้องอยู่ที่กลาง ที่มีทุกข์ที่สุดนั้นแหละ,
อยู่ที่ตรงจุดที่มีทุกข์ที่สุดนั่นแหละ, คือทะเลขี้ผึ้ง.

ทะเลขี้ผึ้ง มีความหมายเป็นวัฏฏสงสาร หรือสังสารวัฏฏ์.
ทีนี้สังสารวัฏฏ์มันแยกออกได้เป็น ๒ ความหมาย :
คือ ดีกับชั่ว บุญกับบาป กุศลกับอกุศล อะไรทำนองนี้ เป็นสอง ๆ อย่างนี้.
ถ้าบุญก็ปรุงแต่งไปทางเวียนว่ายดี, บาปก็ปรุงแต่งไปในทางให้เวียนว่ายชั่ว,
ทั้งบุญและทั้งบาปก็ปรุงแต่งไปทางเวียนว่ายทั้งนั้น.
วัฏฏสงสารก็เต็มไปด้วยบุญและบาป สองอย่างเท่านั้น ; ก็เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่น.

เหมือนกับขี้ผึ้งในกรณีหนึ่งมันเหลวเป็นน้ำ, ในกรณีหนึ่งมันแข็งเป็นดิน,
ขี้ผึ้งมีได้ทั้งความเหลวและความแข็ง ;

ฉะนั้น เขาจึงเอามาเปรียบเป็นความหมายของสังสารวัฏฏ์
ซึ่งบางขณะเป็นบุญ, บางขณะเป็นบาป,
แต่ก็ปรากฏว่าเป็นคลื่นของสังสารวัฏฏ์ทั้งนั้น.
สังสารวัฏฏ์จึงเปรียบเหมือนทะเลขี้ผึ้ง เดี๋ยวเหลวเดี๋ยวแข็ง, เดี๋ยวเหลวเดี๋ยวแข็ง.
ที่ตรงไหนมีความทุกข์, ตรงนั้นดับทุกข์. จุดที่ร้อนที่สุด,
ที่ทุกข์ที่สุดนั้นจะมีนิพพานที่นั่น ;
ฉะนั้นจึงพูดว่า อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง.

ถ้าพูดว่า อยู่นอกทะเลขี้ผึ้ง
มันจะไปในทำนองว่า ไปอยู่เสียคนละส่วนกับทะเลขี้ผึ้ง อยู่นอกออกไปอีก,
นี้เป็นทะเลขี้ผึ้ง แล้วอยู่นอกออกไปอีก.
คำพูดที่ว่า นิพพานอยู่ฝั่งโน้น โลกอยู่ฝั่งนี้ก็มีเหมือนกัน นี้เป็นคำพูดภาษาคน,
ภาษาตื้น ๆ. ถ้าภาษาธรรมะแล้วมันต้องอยู่ตรงจุดนั้นแหละ,
มีความทุกข์ที่ไหน ก็มีความดับทุกข์ที่นั่น,
มีความทุกข์ที่ไหน นิพพานก็อยู่ที่นั่น,
นี้จึงว่าอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง.

ทั้งทะเลขี้ผึ้ง ทั้งต้นมะพร้าวมันก็อยู่ในเรา ;
เพราะว่าเดี๋ยวเราก็เป็นสังสารวัฏฏ์ เดี๋ยวเราก็ไม่มีสังสารวัฏฏ์ คือหยุดหรือสงบไปพักหนึ่ง.
ทั้งมะพร้าวนาฬิเกร์ ทั้งทะเลขี้ผึ้ง มันก็ล้วนแต่อยู่ที่ในเรา
อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
โลกก็ดี เหตุให้เกิดโลกก็ดี ความดับสนิทแห่งโลกก็ดี
ทางให้ถึงความดับสนิทแห่งโลกก็ดีอยู่ในเรา
ที่มีร่างกายยาววาหนึ่ง มีสัญญาและใจนี้.
สังสารวัฏฏ์ก็อยู่ในเรา, นิพพานก็อยู่ในเรา.

ทีนี้เรามองนอกตัวเราเรื่อย จึงไม่มีวันที่จะรู้จัก แม้แต่สังสารวัฏฏ์,
จึงไม่มีวันที่จะรู้จัก แม้กระทั่งนิพพาน.
ฉะนั้น ฮวงโปจึงล้อเอาว่า โอ๊ย ! มันอยู่ที่หน้าผากแล้วโว้ย คนโง่ ๆ,
ดูให้ดี มันอยู่ที่หน้าผากนั่น.
หาวิธีอะไรที่มองให้เห็นหน้าผาก ถ้าไม่อาศัยกระจกเงา
เราจะต้องมองเข้าไปข้างใน, มองเข้าไปข้างใน, มองเข้าไปข้างในเรื่อย.
เรามันเคยชินกัน แต่มองออกไปข้างนอกเรื่อย
แล้วไม่มองเข้าไปในตัวปัญหาคือความทุกข์ คอยแต่จะหลีกจะหนีจะหลบ ;

จึงทำไว้ให้ดูนี่ว่า มะพร้าวนาฬิเกร์อยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง,
จึงเรียกมานั่งดูกันตรงนี้ ว่ามันอยู่กลางทะเลขี้ผึ้ง
สมมติสระนี้เป็นทะเลขี้ผึ้งและต้นมะพร้าวนั้นคือมะพร้าวนาฬิเกร์.
สำหรับตอนเย็น ๆ จะได้มานั่งดูรำพึงไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ จนกว่าจะถึงวันหนึ่งมันเกิดฟลุกขึ้นมา
มันมองเห็น ก็เกิดรู้สึกขึ้นมาซึมซาบในที่สุด.

ในสวนโมกข์นี้จึงอยากจะสร้างให้มีอะไรชนิดที่ช่วยสะดุดตา สะดุดใจ
แล้วให้สะดุดเป็นชนวนสำหรับพิจารณา รู้สึกนึกถึงธรรมะ ขึ้นมาได้หลาย ๆ อย่าง รวมทั้งสระนาฬิเกร์นี้ด้วย
เรียกว่าเป็นอุปกรณ์ของมหรสพทางวิญญาณ.


อ้างอิงข้อมูลจาก //www.buddhadasa.com
ภาพประกอบจาก //www.sarakadee.com

ขอขอบคุณและอนุโมทนา คุณอุทัยวรรณ เอกพินิทพิทยา
ผู้อาสาพิมพ์ต้นฉบับเรื่องนี้เพื่อเผยแพร่ในเว็บพุทธทาสศึกษา




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2551
19 comments
Last Update : 19 มิถุนายน 2552 22:38:20 น.
Counter : 5185 Pageviews.

 

สาธุ อนุโมทนา เคยได้ยินแต่มะพร้าวนาฬิเกร์ ไม่เคยได้ยินบทมะลิบานฯ แฮะ

คนแรก เย้ๆ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 13 มิถุนายน 2551 8:12:45 น.  

 

คุณสาวไกด์คุ้น แต่ว่าพี่ไม่คุ้นเลยสำหรับ
มะพร้าวนาฬิเกร์ แปลกดีอ่ะคะ..

ว่าเร็วๆ นี้จะตื่นเช้าไปวัดด้วยล่ะ เพราะว่า
ไม่ค่อยสบายใจเลย เลยอยากเอา
วัด เข้าข่มบ้างนะเนี่ย 55+

 

โดย: JewNid 13 มิถุนายน 2551 8:42:09 น.  

 

ตอนเด็กๆ แม่เคยกล่อมด้วยบทมะพร้าวนาฬิเกร์
เป็นคนใต้ก็ดีงี้แหล่ะ
อิอิ

 

โดย: grappa 13 มิถุนายน 2551 8:42:21 น.  

 

ทะเลขี้ผึ้ง
คนโบราณเข้าใจคิดนะ

=)

 

โดย: hunjang 13 มิถุนายน 2551 8:47:45 น.  

 

จริงๆแล้วมองภาพแล้วคิดไปได้หลายมุมเลยค่ะ

 

โดย: Chulapinan 13 มิถุนายน 2551 8:50:40 น.  

 




ขอบคุณมากค่ะ น้องแข

 

โดย: Sirinut 13 มิถุนายน 2551 8:50:53 น.  

 

สงสัยอยู่นานแล้วว่าเป็นมะพร้าวยังไง

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 13 มิถุนายน 2551 10:30:16 น.  

 

ตอนเด็กๆ ญาติของเพื่อนสนิทแม่เค้าคนใต้น่ะ

ก็เลยได้มีโอกาสได้ฟังบางอย่างมาบ้างหนะแหละ แหะๆ

เพื่อนพี่หลายคนก็คนใต้

ที่จริงน่าจะมีแฟนเป็นคนใต้มากกว่าคนเหนือนะนี่ อาหารใต้ก็ชอบ ทะเลใต้ก็ชอบ เหอๆ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 13 มิถุนายน 2551 23:16:23 น.  

 

คนโบราณเค้าเก่ง....แต่งเพลงสอนธรรมะลูกหลานกันมานานแล้ว....

u'll never walk alone

 

โดย: ทูน่าค่ะ 14 มิถุนายน 2551 16:06:14 น.  

 

ภาพสวยจังเลยค่ะ
โดด..และดูเดียวดายจัง

ขอบคุณมากค่ะ..สำหรับคำอวยพร..
จากน้องสาวแสนดีของพี่แคทเสมอ


ใครนะช่างทำร้ายใจที่แสนดีนี้ได้
กังฟูเลยดีไหมนิ

555555555555555


โลกนี้ก้มีอะไรสับสนวุ่นวายแบบนี้เสมอค่ะ
อย่าคิดอะไรมากมานะค่ะ
เดี๋ยวไม่สบายนะค่ะคนดี
นอนหลับฝันดีนะค่ะ
จุ๊บบบบบบบบบบบบบบบ

 

โดย: catt.&.cattleya.. 15 มิถุนายน 2551 21:42:38 น.  

 

แจ้งพี่น้องประชาชนทราบ

ตอนนี้คอมเสียและไม่มีเงินจนกว่าจะสิ้นเดือน ขออนุญาตหายหัวชั่วคราว

 

โดย: rebel 16 มิถุนายน 2551 9:13:19 น.  

 

โอ้ งั้นก็ดีเลย เพราะไปเที่ยวเพิ่งกลับแต่กว่าจะอัพบล็ฮกก็คงสิ้นเดือนพอดี อิอิ

 

โดย: juriojung 16 มิถุนายน 2551 12:01:20 น.  

 

#11 ไม่อนุมัติ

=)

 

โดย: hunjang 16 มิถุนายน 2551 13:03:04 น.  

 

...



เรื่องเล่าและภูมิปัญญาอันเก่าแก่ของชาวบ้านนี่ถือเป็นขุมทรัพย์อย่างใหญ่เลยนะครับ



ป.ล. เห็นคอมเม้นท์แรกแล้วนึกว่า คอลัมน์ซ้อเจ็ด
มีแย่งอันดับกันด้วย




 

โดย: The Legendary Midfielder 18 มิถุนายน 2551 16:50:39 น.  

 




วันนี้..วันพระขึ้น15 ค่ำ เดือน
พระจันทร์งามยิ่ง..แม้เมฆบัง
สายฝนฉ่ำอุราอย่าหม่นหมอง
ละกิเลสได้หนึ่งวันใจสุขขี
ถึงจะเพียงน้อยนิดจิตสดใส

ทุกคืนก่อนหลับนอน จงตั้งใจนึกถึง ความดีงาม
หรือบุญกุศล ที่ตัวเราได้สร้างกุศลไว้
แล้วแผ่ส่วนกุศลให้แด่ เจ้ากรรมนายเวร
ผีสางเทวดา มวลหมู่ศัตรูคู่แข่ง คนที่เราเกลียด
และผู้ที่มีพระคุณ..เสมอ

ขอให้มีความสุขและสมหวังในสิ่งคิดทุกคนนะค่ะ
สำหรับมิตรที่ดีเสมอจากมิตรภาพด้วยหัวใจค่ะ

อนุโมทนากัลยณมิตรมีสุขอิ่มบุญทุกคนนะค่ะ



อะไรจะดูดี
แต่ขอให้สุขภาพน้องสาวดูดีเสมอนะค่ะ
มีความสุขนะค่ะ
นอนหลับฝันดีค่ะ

 

โดย: catt.&.cattleya.. 18 มิถุนายน 2551 22:03:23 น.  

 

น้องหมีเข้าแว้ววว

=)

 

โดย: hunjang 19 มิถุนายน 2551 8:39:59 น.  

 

คิดถึงงงงงงงงงงงงง เลยแวะมาเยี่ยมจ้า


จุปิดบล็อกไปนาน งานเยอะมาก


แต่เวลาเชียร์แมนยูทีไร คิดถึงเพื่อนหงส์ทู๊กที

 

โดย: กระจ้อน 19 มิถุนายน 2551 20:24:18 น.  

 

สวัสดีค่าคุณ rebel
เคยได้ยินมะพร้าวนาฬิเกร์ แต่ไม่เคยรู้ความหมาย
วันนี้รู้ทั้งความหมายและเกร็ดธรรมะ
แล้วก็พึ่งเคยจะได้ยินเสียงร้องเป็นครั้งแรกเลยค่ะ

 

โดย: oa (rosebay ) 19 มิถุนายน 2551 21:21:31 น.  

 

เคยได้ยินนะ มะพร้าวนาฬิเกร์ เนี่ย
ก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงเรียกแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
วันนี้ก็เลยได้รู้หละ อิอิ

 

โดย: The White Rider 21 มิถุนายน 2551 0:10:20 น.  


rebel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Five Precepts For Kids

  1. I promise to try not to take the life of any animal, bug, fish or bird.

  2. I promise to try not to take anything which is not given to me.

  3. I promise to try not to be greedy or disrespectful with regard to what I eat, see, feel and listen to.

  4. I promise to try not to lie or speak harmfully to anyone.

  5. I promise to try not to consume any foods, drinks or drugs which make me stupid or crazy.






space
space
[Add rebel's blog to your web]
space
space
space
space
space