มาเก๊า - กวางเจา - จูไห่(2)

12 - กันยายน - 2551


.....คืนที่ผ่านมาเราพักที่ Beverly Plaza Hotel

.....วันนี้ต้องตื่นเช้าหน่อยเพราะว่าคณะเราต้องเดินทางผ่านด่านไปจีน(แผ่นดินใหญ่)เมืองจูไห่ ผ่านประตูพรมแดนระหว่างจีนและโปตุเกส(มาเก๊า) ซึ่งใช้เป็นด่านพรมแดนสู่ประเทศจีนสร้างในปี ค.ศ. 1849

.....พอมาถึงด่านเราก็หิ้วกระเป๋าของตัวเองไปต่อแถวที่ช่วงตรวจคนเข้าเมือง ถึงแถวจะยาวแต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการผ่านด่านฝั่งมาเก๊ามาได้ แต่ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิค ต่อจากโอลิมปิคในการเข้าเมืองจีนเลยค่อนข้างเข้มงวดอยู่ กระเป๋าของเรารวมทั้งเครื่องมืออิเล็กทรอนิคต่างๆ
ต้องผ่านการเอ็กซเรย์อย่างละเอียดเหมือนในสนามบินเลยค่ะ ...
บริเวณนี้เค้าห้ามถ่ายภาพ
...

.....หลังจากคณะเราผ่านพิธีการเข้าเมืองมาครบแล้ว ก็ออกเดินทางต่อเพื่อไปทานอาหารกลางวันก่อนเลย ตอนนี้เข้ามาอยู่ฝั่งเมืองจีนแล้ว สบายใจหน่อย อยากได้น้ำเปล่าก็มีน้ำเปล่าให้ อยากได้น้ำแข็ง ก็มีน้ำแข็ง สบายมาก ผิดกับที่มาเก๊า มีแต่น้ำร้อน กะ น้ำชา น้ำเปล่าหายากต้องถือเข้าไปเอง ถ้าไกด์แบกมาเป็นลังแจกจะโวยวาย โล้งเล้งกันน่าดู
..... ประสบการณ์จากที่แรกเราเลยถือน้ำของใครของมันเข้าภัตตาคารเค้า ปลอดภัยกว่า

..... การบริการในห้องอาหารก็ต่างกันค่ะ เข้ามาทางฝั่งจีนแล้วพนักงานเค้าก็จะดูเด็กๆ ที่มาเก๊าบางร้านพนักงานบริการอายุมากแล้ว แล้วก็ไม่ค่อยสนใจง้อลูกค้าเท่าไหร่ ตักข้าวให้เราแต่ละทีเหมือนตักอาหารเลี้ยงสัตว์ยังไง ยังงั้น บอกว่าจะตักเองก็ทำหน้าบึ้งใส่อีก แต่พอข้ามมาจีนบรรยากาศก็จะเปลี่ยนไป เค้าให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวอย่างเรามากขึ้น ถึงจะหน้าบึ้งเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าไม่ค่อยดูแลเรื่องกลิ่นตัวกันบ้างน้า...หน้าตาท่าทางออกจะดูดี หน้ารัก แต่เวลาเสิร์ฟอาหารนี่ผงะเลย

..... แล้วการทานอาหารกลางวันก็ผ่านพ้นไป เริ่มออกเดินทางสู่กวางเจาต่อ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง มีจุดที่แวะให้เราเข้าห้องน้ำ 1 จุด บนทางด่วน(อยู่ระหว่างกลางเส้นทางการเดินทางของ 2 เมืองนี้ จูไห่ – กวางเจา)



..... เข้ามาในเขตจีน เรามีไกด์คนใหม่ ชื่อ “โทนี่” ซึ่งพี่เต่า หัวหน้าทัวร์ของเราล้อแกว่า ไม่ต้องแปลกใจหากทริปหน้าคุณมาเมืองจีนแล้วได้เจอไกด์ชื่อ “โทนี่” อีก เพราะไม่รู้เป็นไง 9 ใน 10 คน ที่เป็นไกด์จะชื่อ โทนี่

..... โทนี่พูดภาษาไทยได้ชัดมาก ยอมรับเลย และอาจจะเป็นได้ว่าแกประกอบอาชีพนี้มานานหลายปี แกเลยสามารถใช้และเข้าใจคำศัพท์ หรือสำนวนไทยที่เราคิดไม่ถึงว่าแกจะใช้ แถมแกยังมีมุกเล็กๆ น้อยๆ ให้เราหัวเราะได้
อย่างเช่น ตอนแกเล่าว่า มณฑลกว่างตง(กวางตุ้ง)เนี่ยะ เป็นเมืองที่กินทุกอย่าง ยกเว้นอะไรที่มีกระดูกสันหลังชี้ฟ้า(ซึ่งก็คือมนุษย์เรานี่แหละ) แกว่าเวลาเราทำของตกที่กวางตุ้ง อย่าก้มเก็บ เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังเราขนาดกับพื้นโลก เดี๋ยวโดนจับไปกิน ให้นั่งลงไปเก็บให้รักษาทิศทางของกระดูกสันหลังให้ชี้ฟ้าไว้ เนื่องจากกวางตุ้งเป็นเมืองที่นิยมชมชอบในเรื่องของอาหารการกินมาก ทำให้มีร้านอาหารมากมาย ชาวเมืองจะไม่นิยมเรื่องการตกแต่งบ้านหรือแฟชั่นเครื่องแต่งกายเหมือนเมืองอื่น ใครเป็นนักชิมก็มาเมืองนี้เลย รับรองว่าจะเป็นคนที่มีความสุขมากทีเดียวหละ

..... แล้วแกยังอธิบายอีกหลายเมือง แต่ที่สะดุดหูแล้วจำได้อีกเมืองคือ เมืองลิ่วโจว แกว่า เป็นเมืองที่มีไม้ดีๆ สำหรับทำโรงศพที่ดีที่สุด จนคนจีนบอกว่าถ้าตาย จะขอไปตายที่ลิ่วโจว แล้วที่เมืองนี้ก็ยังมีของที่ระลึกทำจากไม้เป็นโลงศพขนาดเล็กไว้จำหน่ายมากมาย

ที่เค้านิยมนำไปเป็นของฝากก็เพราะว่า “โรงศพ” ในภาษาจีน ใช้คำว่า “กวน ไฉ”

คำว่า กวน จะมีเสียงที่เหมือนกับคำว่า กวน ที่แปลว่า ข้าราชการ(อาชีพนี้มีเกียรติมากในจีน)
คำว่า “ไฉ” ออกเสียงเหมือนคำว่า ไฉ ที่แปลว่าโชคลาบ
.... แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเกิดอุ๋มได้มีโอกาสไปเที่ยวลิ่วโจว แล้วคิดซื้อโรงศพเล็กๆ นั่นมาฝากคนที่เมืองไทยจะโดนอะไรบ้าง .... แล้วแต่วิจารณญาณในการเลือกซื้อของฝากแล้วกันนะคะ

..... แล้วหลังจากที่เราฟังโทนี่เล่าเรื่องเมืองจีนไปหลายเรื่อง เราก็เดินทางมาถึงเมืองกวางเจาจนได้ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของเราวันนี้เป็น “สวนสัตว์ฉางหลงค่ะ” เป็นสวนสัตว์ที่รัฐบาลจีนรับรองมาตรฐาน 5A ถ้าเข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนกับโรงแรมที่เค้านับเป็นดาวกัน แต่สถานที่ท่องเที่ยวในจีนเค้าให้เป็น เอ ได้ 5 เอ แสดงว่าสุดยอดแล้ว เพราะว่าสถานที่ท่องเที่ยวใจจีนส่วนมากจะได้ประมาณ 3 เอ

..... เป็นสวนสัตว์เปิดที่ขึ้นชื่อว่ามีเสือขาวเยอะที่สุดในโลก ปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ จะมีอยู่ 2 ส่วนค่ะ ส่วนแรกจะให้นั่งรถชม หลังจากนั่งรถแล้ว ก็ถึงส่วนที่เดินชมบ้าง























.....พอชมสัตว์กันจนจุใจแล้ว ก็กลับมายังจุดนัดหมายกัน แต่เนื่องจากว่าคณะนี้ทำเวลาได้ดี พี่เต่าใจดี เลยแวะให้เข้าไปชอปปิงที่ Outlet กันประมาณ 30 นาที เวลาแค่นี้ แต่ละคนก็ได้ของมาเต็มมือ พอดีมาถูกเวลา เค้าจัดโปรโมชั่นอำลาหน้าร้อน สินค้าลดราคาเพียบ บอสสินี่ เหลือไม่ถึง 50% ก็มี พวกที่ซื้อ บอสสินี่มาจาก เซนาโด้ 89 HKD มาเจอเสื้อแบบเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ขายแค่ 48 หยวน พากันเซ้งไปเป็นแถว

.....แต่คณะนี้ของเราค่อนข้างแปลกแฮะ ผู้หญิงไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ผู้ชายซื้อดะไปซะทุกอย่าง อาจจะเป็นได้ว่า เสื้อผ้าผู้หญิงแบบมันแปลกๆ (เข้าใจว่ามันเป็นดีไซน์ แต่มันคงไม่เหมาะกับบ้านเรานะ) บางชิ้นหยิบขึ้นมายังแอบงงว่า ใส่ยังไงหว่า แต่ผู้ชายจะยืนพื้นเป็นพวกเสื้อโปโล เสื้อยืดคอกลม

..... ออกจาก Outlet ก็ไปทานข้าว(อีกแล้ว) อาหารเยอะเหมือนทุกมือ จนนึกเสียดายมัน เพราะกินไม่เคยหมดกันซักมื้อ

..... หลังจากอิ่มแล้วพากันตั้งแถวเข้าห้องน้ำก่อน เกือบมีมวยไทย – จีน เพราะว่าฝ่ายไทยเข้าแถวรอเข้าห้องน้ำอย่างเรียบร้อย คุยกันจุ๊กจิ๊กตามประสา แต่ไม่รู้สาวจีนโผล่มาจากไหน เข้ามาแทรกแถวเฉยเลย เอะอะโวยวายกันพักใหญ่ ตอนแรกเจ้าหล่อนเข้ามาคนเดียว ก็ไม่กลัวกันหรอก แต่สักพักเพื่อนๆ แม่คุณก็ตามเข้ามาอีก 2-3 คน คราวนี้ ฝ่ายไทยเลยรักกัน รอให้เข้ากันครบทุกคนแล้วค่อยออกมาจากห้องน้ำพร้อมกัน

..... จากนั้นก็เดินทางกลับไปชมการแสดงละครสัตว์กัน











..... ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ค่ะ แล้วก็เลือกถ่ายแบบที่น่าจะชัด(ประสิทธิภาพกล้องมันจำกัด) แล้วการแสดงบางอย่างมันก็ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาด้วยภาพถ่ายได้ เลยเริ่มตั้งหน้าตั้งตาดูอย่างเดียวดีกว่า มัวพะวงกับการถ่ายภาพแล้วเหมือนมันไม่ต่อเนื่อง เลยมีภาพมาแค่เนี้ยะ แต่อยากบอกว่าสนุก แล้วก็รู้สึกว่าคุ้มค่ามากเลยค่ะ

.....กลับเข้าพักที่โรงแรม Canton Hotel กวางเจา หลับสบายเชียวแหละ


13 – กันยายน – 2551


..... วันนี้ตื่นสายได้ค่ะ ตอนเช้ามีแต่รายการชอปปิ้งที่ถนนคนเดินปักกิ่ง ที่สามารถเดินจากที่โรงแรมที่พักได้ ก็ออกไปเดินเล่นกับเค้าด้วย กะว่าจะ ไปเก็บภาพมาฝากกันค่ะ พอดีว่าใกล้ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เค้าเลยมีการประดับประดาโคมไฟ พอตอนกลางคืนเปิดไฟคงสวยดี ตอนกลางวันเห็นแต่สีสันจัดจ้าน แต่ไปๆ มาๆ มีหน้าที่ช่วยน้องเค้าต่อราคาสินค้า เลยไม่ได้รูปอะไรมาเท่าไหร่ แต่ต่อของก็สนุกดี เช่นเคยอุ๋มไม่ได้อะไรติดมือมาสักกะอย่าง





.....ตอนบ่ายก็ออกเดินทางจากเมืองกวางเจา กลับไปเมืองจูไห่ แวะพักเข้าห้องน้ำที่เดิมกับตอนขามาระหว่างทางโทนี่ก็เล่าเรือง เมืองจูไห่ ว่าเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ 1 ใน 5 ของประเทศจีน“จูไห่” ได้รับการยกย่องจากสหประชาชาติให้เป็น “เมืองมหัศจรรย์ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” (Amazing City in China) ของที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ ไข่มุกค่ะ เหมือนชื่อเมืองเลย
คำว่าจู แปลว่า ไข่มุก
ส่วนไห่ แปลว่า ทะเล

.....แล้วอุ๋มก็ได้ของฝากชินแรก นั่นก็คือ “ครีมไข่มุก” มีส่วนผสมของสมุนไพรจีนกับมุกผงค่ะ

.....ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเวลาเรามาทัวร์ประเทศจีน ไม่ว่ากับบริษัททัวร์ไหน เราต้องได้แวะที่ร้านยาแผนโบราณของจีนเสมอ เพราะว่ารัฐบาลเค้ากำหนด(น่าจะเป็นข้อบังคับ)ให้ไกด์จัดโปรแกรมว่าต้องแวะค่ะ แล้วคนไทยส่วนใหญ่ก็จะซื้อ เป่าฟูหลิน หรือที่คนไทยเรารู้จักว่า “บัวหิมะ” ซึ่งมีสรรพคุณแก้อาการแผลพวก น้ำร้อนลวก, ไฟไหม้ อะไรพวกเนี้ยะค่ะ

.....พอเราเข้าไปในร้านก็จะมีพนักงานต้อนพวกเราเข้าไปในห้องที่จัดเหมือนห้องประชุมเล็กๆ มีเก้าอีเรียงไว้เป็นแถวๆ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดภาษาไทยได้มาบรรยายสรรพคุณยาต่างๆ หลังจากนั้น เค้าก็จะโชว์เอามือลูบโซ่ร้อนๆ ที่เผาไฟจนแดง จากนั้นก็ทาด้วย เป่าฟูหลิน ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วเช็ดออก ก็จะทำให้ไม่เป็นแผล พุพอง จากนั้นก็จะมีหมอชาวจีนเข้ามาให้บริการตรวจร่างกายโดยวิธีจับชีพจร เค้าเรียกว่า “จับแมะ” แล้วเค้าอาจจะบอกว่าเราเป็นโรคนั้น โรคนี้ ให้เรากินยาตัวไหนถึงจะดี ... ก็จะขายสินค้านั่นแหละค่ะ แต่ยาจีนพวกนี้ส่วนใหญ่ราคาจะแพงมาก

.....ออกจากร้านขายยามาได้เราก็ไปชม ไปถ่ายรูปกับ “หวีหนี” สาวงามกลางทะเลสัญลักษณ์ของเมืองจูไห่

.....มีนิทานเล่าเกี่ยวกับ “หวีหนี” เมื่อนานมาแล้ว มีมังกรหนุ่ม แสนร้ายกาจคึกคะนอง ก่อกวนชาวบ้าน จะทำให้น้ำท่วมหมู่บ้าน หวีหนี เลยออกมาขอร้อง และชูลูกแก้ว ทำให้มังกรหนุ่มกลัวแล้วหายตัวไป จึงไม่เกิดน้ำท่วม เลยสร้างรูปปั้นของหวีหนีชูลูกแก้วไว้ เป็นสัญลักษณ์ และอาจจะตั้งไว้ขู่เจ้ามังกรหนุ่มนั่นด้วย ... ไม่รู้ทำไมมังกรนั่นกลัวลูกแล้วเนาะ ...คงคล้ายๆ เรื่องเล่าเกี่ยวกับนางเมขลาบ้านเรานะมั้ง

.....บริเวณที่ตั้งของหวีหนีเป็นถนนที่สวยที่สุด เลียบชายหาดค่ะ เค้าเรียกถนนสายนี้ว่า ถนนความรัก (Love Road) โทนี่บอกว่า ถนนนี้ยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ถ้าเริ่มต้นคุยกันตั้งแต่ต้นทาง พอถึงปลายทาง อาจจะคุยกันไปจนถึงเรื่องวางแผนครอบครัว มีลูกกี่คนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว





.....วันนี้อาหารค่ำของเราทานกันที่ภัตตาคารรูปเรือ โทนี่บอกว่าเค้าตั้งฐานอยู่กลางทะเลแบบนี้ ถ้าเป็นเมืองไทย คงฟ้องร้อง ขุดคุ้ยกันน่าดู แต่ที่นี่ ทำได้เพราะเจ้าของรวยมากนั่นเองหละ







*** ออกจะแปลกใจตัวเองนิดหน่อยว่าทำไมเดี๋ยวนี้เขียนอะไรยาวกับเค้าได้ด้วย ***


*** ตอนหน้าจบการเดินทางแล้วค่ะ ***









Create Date : 20 กันยายน 2551
Last Update : 23 มกราคม 2552 11:20:03 น. 6 comments
Counter : 1020 Pageviews.

 
เก็บเรื่องราวต่างๆได้ละเอียดดีจัง...

อย่างพี่ เวลาไปไหน ฟังไกด์พูดอะไร พอลงรถก็ลืมค่ะ กลับมาถึงเมืองไทยหัวกลวงโบ๋

ไม่อยากไปจีนอยู่อย่าง ก็ตรงที่เขาชอบต้อนเราไปซื้อยาจีนทั้งหลายแหล่นี่ละ.เข้าไปแล้ว ปลีกตัวยาก ชิ่งไปไหนก้ไม่ได้

ตกลงน้องอุ๋มได้อะไรมาบ้างมั้ยคะ...เท่าที่อ่านดู รู้สึกว่า เป็นคุณนายทองต่อ อย่างเดียวเลยนิ...


โดย: อัยย์ IP: 202.91.19.204 วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:23:16:42 น.  

 
ขอบคุณที่เข้าไปอ่านครับ

อย่างไรก็ลองติดตามต่อไปนะครับ



โดย: พรเก้าประการ วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:0:10:35 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

หวัดดีสายวันหยุดจ๊ะน้องอุ๋ม ..
วันนี้พี่ตามเข้ามาอ่านตอน 2 ต่อจ๊ะ
น้องอุ๋มเก็บรายละเอียดได้ดีมากเลย .. อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ
เพราะโดยปรกติ .. พี่ก็ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรยาว ๆ เหมือนกัน .. แต่เรื่องของน้องอุ๋มเนี่ย OK นะ อ่านเพลินดี
ว่าแต่พี่โชคดีนะเนี่ยที่น้องอุ๋มไม่มีของฝากจากเมืองลิ่วโจว
มาถึงพี่ .. 555555555
มีความสุข .. รักษาสุขภาพนะจ๊ะ bye .. bye


โดย: เพชรรัตน์ วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:10:00:53 น.  

 
.....เลือกภาพมาลงเพิ่มเติมค่ะ

ภาพนี้บริเวณที่เราไปชม หวีหนี กันค่ะ



โดย: SIMAKHA วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:9:25:59 น.  

 

..... ภัตตาคารรูปเรือค่ะ ...

เหมือนมีเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เดินเข้าร้านเลย

ตอนที่ถ่ายไม่คิดอะไร แต่พอดูไปดูมานั่งอมยิ้มคนเดียวได้ เลยเอามาแบ่งปัน



โดย: SIMAKHA วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:9:29:13 น.  

 
มาอ่านต่อค่ะ
สนุกสนานดีค่ะ เหมือนไปเที่ยวเอง


โดย: ชีวิตมีลีลา วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:19:52:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

SIMAKHA
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




... คนธรรมดา เดินดิน ...

... ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง ...

... จะขอลุกทุกครั้งที่ล้ม ...

*****Color Codes ป้ามด*****

: Users Online
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SIMAKHA's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.