เรือนรักภุมราช ตอนที่ ๙ (ชิชะ... ราตรี เจ้าบังอาจหยามเกียรติคุณภุมราช !!!)

            เผื่อนนอนไม่ขยับบนที่นอนมาหลายวัน ยาหมอบ้าน ยาฝรั่งที่ถูกกรอกปากก็ให้แค่นางหลับลง อิ่มกระซิบบอกราตรีว่าเผื่อนอาจอยู่ได้ไม่ถึงหน้าน้ำหลาก คำของอิ่มให้ราตรีนิ่งอึ้งหดหู่ไปหลายวัน เผื่อนรู้สึกตัวเมื่อไหร่ก็เรียกแต่ราตรีกับมนูญ ห่วงเหมือนลูกหลานแท้ๆ
             บางคราวนางพูดได้ ก็พกเพ้อไปถึงเรื่องวัยเด็ก ราตรีอยากพูดอะไรเสียจริงก็ตอนนี้ แต่ทำได้เพียงร้องไห้กระซิกๆ ให้นางลูบผมปลอบใจ และพามนูญมานอนข้างๆ ให้นางลูบหัวเล่นจนหลับบางครั้ง


             อิ่มมองด้วยทั้งปลงในสังขารและเวทนา
            ราตรีหายไปจากเรือนอลิซาเบธ ลงจากเรือนริมน้ำก็มาอยู่ดูแลเผื่อนทั้งกลางวันกลางคืนเหมือนญาติสนิทคนหนึ่ง เผื่อนเพ้อถึงลำดวน ให้ราตรียิ่งใจหาย
            ใกล้สองยาม เผื่อนจึงนอนหลับ ราตรีจำต้องกลับเรือนตัวเอง เพราะคืนก่อนมนูญโยเยกลางดึกจนใบจิกร้องโยเยตามด้วย คืนเดือนหงายแท้ๆ แต่เพราะใกล้ฤดูน้ำหลาก จึงมีเค้าฝนมึดครึ้ม
             ตอนลงจากเรือนนมอิ่ม ราตรีไม่นึกกลัว จึงไม่คิดถือคบเทียน แต่พอใกล้เรือนริมน้ำ ความรู้สึกบางอย่างให้คิดว่ามีสายตาเฝ้ามองอีกตามเคย จึงรีบเร่งฝีเท้า อารามรีบร้อนทำให้ล้มลงก้นกระแทก
            แล้วเงาร่างประหลาดเหมือนคนตัวใหญ่ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ต้องเป็นผีสางตนที่ราตรีฝันร้ายและเห็นบ่อยๆ ตนนั้น มันจะเอื้อมมือมาฉุดเธอขึ้น แต่ราตรีถดหนีทิศตรงกันข้าม กำลังท้อใจว่าจะโดนผีบีบคอแน่ๆ ร่างนั้นก็หยุดเอาเฉยๆ


              “หยุดก่อน ยายเผื่อนไม่สบายรึ” แล้วร่างนั้นก็ย่างสามขุม เข้ามา “มือไม้เจ้าหายดีหรือยัง ขอข้าดูหน่อย”


              ราตรีเอามือป้องคอตัวเอง กลัวผีขย้ำคอ หลับตาปี๋ จนได้ยินเสียง “พลั่ก”


              ก็ลืมตาดู เห็นผีวิ่งหายไปไวๆ ตรงหน้าเป็นใบจิกนั่นเองในมือถือท่อนไม้ยืนจังก้า หายตะลึงเข้าก็กรีดเสียงร้องให้คนนมาช่วย


               “ผีๆ ผีๆ ผีหลอก ช่วยด้วยๆ”


               ราตรีตัวสั่นกอดขาใบจิกแน่นเอี๊ยด จนไม่ยอมปล่อย เสียงเอะอะทำให้มนูญร้องจ้าขึ้นบนเรือน พวกบ่าวไพร่ในบ้านลงวิ่งมาดู แขกยามหน้าบ้านสองคนถือดาบมาค้นๆ ทัศนากับภุมราชวิ่งลงมาดูก่อนนายๆ บนเรือน
              “ผีเผอที่ไหน เห็นจริงรึ อีใบจิก” ภุมราชดูราตรีนั่งบนพื้นดินกอดขาใบจิกแน่น ปล่อยให้คนอื่นช่วยดูมนูญ
              “จริงสิเจ้าคะคุณภุมราช นี่ใบจิกตีหลังมันด้วยไม้นี่เจ้าค่ะ ดังปั๊ก” ใบจิกระล่ำระลักอธิบาย ตัวสั่นพอๆ กับราตรี
              “ฮึ อีใบจิก ผีที่ไหนจะยืนให้มึงทุบหลัง” ทัศนาเอ่ยเยาะๆ “น่าจะเป็นคนนี่แหละ มาดักรอพบใครหรือเปล่าหนอ”
   
              “พวกเจ้าลงมาเดินเล่นดึกๆ ดื่นๆ ทำไม” ภุมราชถามราตรี


               แต่ใบจิกที่ควรตอบแทนกลับมัวแต่สงสัยว่าทัศนาว่าใครดักพบใคร จึงหาได้ตอบภุมราชไม่ว่าเผื่อนป่วย เสียงคนมารายงานเสียก่อนว่าพบรอยเท้าเลอะโคลนตรงท่าน้ำ “สงสัยจะเป็นโจรขอรับ พวกในตลาดเขาว่ามีโจรป่ามาอาศัยวัดใกล้ๆ นี่ขึ้นมาทุกบ้าน ไม่คิดว่ามันจะหาญกล้ามาถึงนี่ขอรับ พวกกระผมผิดเองที่ชะล่าใจให้เฝ้าทางนี้”
               “เฮอะ แล้วบังเอิญแม่ราตรีมาพบโจรนี่รึ” ทัศนาเริ่มขู่เข็ญราตรีเหมือนรู้อะไรดี “ราตรีเจ้าบอกมาดีๆ ว่าเจ้าพบใคร อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้”
               ราตรีลุกขึ้นเกาะแขนใบจิก ที่ได้แต่งงกับเรื่องที่เกิดขึ้น


               ภุมราชปรามทัศนา “กลับเรือนเถอะทัศนา ราตรีจะพบใครก็เรื่องของเขา แต่ถ้านัดแนะโจรมาขึ้นบ้านฉัน จะได้เห็นดีกัน ต่อไปแขกยามต้องมาเฝ้าท่าน้ำนี้ด้วย”
               ใบจิกจูงมือราตรีที่ยังน้ำตานองหน้า “กลัวเหรอราตรี ใบจิกก็กลัว ตัวมันดำใหญ่ ข้าคิดแต่ว่าเป็นผี ไม่นึกว่าเป็นโจร” คำของใบจิกยิ่งทำให้ราตรีน้ำตาไหล เธอก็มั่นใจแล้วเช่นกันว่านั่นไม่ใช่ผี คนนั้นมีตัวตนและรู้จักเธอดี



               เรื่องโจรขึ้นมาจากท่าน้ำถูกกล่าวขวัญกันอื้ออึง แม้ใบจิกจะไม่เห็นหน้าแต่ก็ยืนยันว่าโจรน่ากลัวสูงใหญ่เครารกรุงรังตรงตามที่ผู้คนพูดถึงแถวตลาด แต่คนของทัศนาสองสามคนกลับทำยิ้มเยาะว่า โจรถูกอ้างตัวมาแก้ขัดให้คู่รักที่คบหากันมายาวนาน
              ราตรีฟังแล้วทั้งกลัวทั้งยิ่งกลัดกลุ้ม ว้าวุ่นใจ ว่านำความสงบมาสู่บ้านเขา ไฉนที่ภุมราชไม่ชอบใจอยู่แล้วจะให้อภัย เขาทำเหมือนเชื่อทัศนา แม้แวะผ่านตอนเธอเล่นกับมนูญ ก็กลับทักทายแต่มนูญกับใบจิก ใบจิกเองก็ดูไม่นึกเกรงขามเขาเหมือนคนอื่นๆ
              โสภิตอาภามาหา ราตรีก็ไม่กะจิตกะร่วมวง ไม่อยากทำตัวให้ภุมราชรังเกียจตำหนิอีกต่อไป ตอนหลังๆ โสภิตอาภาจึงไปเล่นน้ำกับเปี่ยมและป้อง และบรรดาพี่เลี้ยงที่ดูแลอยู่
              “ข้าเอามนูญไปเล่นด้วยได้มั้ยราตรี มีคนอยู่เยอะแยะ ไม่จมน้ำดอก เด็กลงน้ำเร็วก็ว่ายเป็นเร็ว ดูป้องกะเปี่ยมซี ไม่ทันสามขวบก็ลอยตัวได้สบายแล้ว น้าราตรีน้า... ช่วงนี้น้ำเยอะ เดี๋ยวแล้งมาน้ำในคลองก็ขอดเหลือแต่โคลน”
             ราตรีส่ายหน้าท่าเดียว เธอก็อยากให้มนูญไม่กลัวน้ำ แต่ตอนนี้มนูญยังเห่อเดิน หากวันไหนมนูญติดใจและรู้ว่าลงน้ำแล้วสนุก ก็คงหาทางเดินไปที่ท่าน้ำเสียงเองทุกครั้งที่มีโอกาสจนอาจจมน้ำยามลับตาคนได้ เพราะมนูญไม่ได้มีพี่เลี้ยงเฝ้าตลอดเวลาเหมือนเปี่ยมกับป้อง


               โสภิตอาภายอมแพ้ เดินไปที่ท่าน้ำหงอยๆ แต่พอพบคนอื่นกระโดดน้ำเล่น ก็ลืมเพื่อน...
ราตรีปล่อยให้ใบจิกเล่นกับมนูญที่ลานดอกปีบ เธอเองแวะไปดูเผื่อนตอนบ่ายตามเคย ตั้งแต่เผื่อนรู้เรื่องผีร้ายนั้นเข้าก็เอาแต่ถามไถ่ซ้ำๆ และย้ำให้เธอไปทำบุญครั้งใหญ่ให้ถึงวัดถึงเจ้า แม้นมอิ่มจะบอกว่าไม่ใช่ผี แต่เป็นโจรร้าย เผื่อนก็หาเชื่อฟังไม่
                ราตรีอยู่กรอกป้อนยาหม้อที่เผื่อนกลืนแทบไม่ลง บางทีก็ไหลออกสิ้น กว่าจะหมดถ้วย ก็ถึงเวลานอนของมนูญ ราตรีวิ่งกลับไปที่ลานดอกปีบ พบเพียงใบจิกนั่งสานปลาตะเพียน
               ใบจิกมองหาข้างหลังราตรี “ไหนมนูญล่ะราตรี หลับที่เรือนนมอิ่มเหรอ”
               ราตรีส่ายหน้าตกใจ ใบจิกลุกขึ้นพร่วด “ฮ้า เมื่อสักพักมานี่พอใบจิกขึ้นไปเอามีดพร้าตัดทางมะพร้าว ลงมาก็ไม่เจอมนูญนึกว่าราตรีมารับไปแล้ว”


               ราตรีเขย่าไหล่ใบจิกแรงๆ ด้วยความโกรธ แล้วเริ่มวิ่งไปทางโน้นทางนี้ตามหา ใบจิกตะโกนเรียกชื่อมนูญไปทั่ว ราตรีวิ่งไปที่สะพานตรงเชิงบันไดเรือนอลิซาเบธ เพราะมนูญชอบวิ่งไปดูปลาหางนกยูงที่นั่น ราตรีมองลงใต้สะพานนั่นพร้อมสวดมนต์ภาวนาในใจ น้ำนั่นลึกเกินตัวมนูญ ถ้า...


               อลิซาเบธเห็นเข้าก็ลงมาไต่ถาม พอทุกคนบนเรือนรู้เรื่องก็ช่วยกันตามหา แต่ไร้วี่แววจนราตรีร้องไห้ ใบจิกก็พลอยโฮตามเสียงดัง


               “ไปที่ท่าน้ำใหญ่หรือยัง ?”
               อลิซาเบธเอ่ยหน้าซีดเซียว แล้วพึมพำถ้อยคำสวดมนต์อธิษฐานขอพรพระเจ้าเสียงดังอย่างไม่เกรงบ่าวไพร่ วิ่งนำทุกคนไปที่ท่าน้ำ
              ราตรีแทบจะเป็นลมล้มพับ ถ้ามนูญไปถึงท่าน้ำนั่นแล้ว คง... ใบจิกกอดเอวราตรีด้วยอารมณ์หวาดกลัวไม่ต่างกัน ที่ท่าน้ำคงไม่มีใครอยู่เพราะทุกคนคงเลิกเล่นน้ำไปนานแล้ว แต่ปรากฏว่าผู้คนยังอยู่ที่นั่น เล่นน้ำอย่างสนุกสนานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


             “พ่อมนูญอยู่นั่น !”


             ใบจิกร้องด้วยความดีใจวิ่งไปหามนูญที่กำลังนั่งบนสะพานไม้ที่ทอดยื่นยาวลงไปในคลองห้อยขาลงไปในน้ำน่าหวาดเสียว หันมาหัวเราะเอิ้กอ้าก ทุกคนที่ช่วยตามหายิ้มออกหัวเราะตลกขบขันกันด้วยความโล่งใจ ยกเว้นราตรีคนเดียวที่ยังยืนตะลึงดูมนูญนั่งห้อยขาเล็กๆ แกว่งไปมาเล่นน้ำ


             ราตรีแทบไม่กล้าหายใจ น้ำนั่นลึกกว่ามนูญหลายเท่า แม้จะมีใบจิกและโสภิตอาภานั่งอยู่ข้างๆ แต่ถ้ามนูญหล่นลงไปก็จะจมหายทันที แล้วความกลัวก็เป็นจริงเมื่อมนูญก็ถูกใครไม่รู้จับลงน้ำต่อหน้าต่อตาราตรีที่อ้าปากไร้เสียงร้องด้วยความหวาดสุดขีด มือกำแน่นเกร็งจนอลิซาเบธเห็น


             “คุณพี่ เอาลูกเขาขึ้นมาจากน้ำ ราตรีไม่ชอบ เอาขึ้นมาค่ะ !”


              แต่ราตรีเห็นเพียงภุมราชที่ได้ยินเสียงของอลิซาเบธ แล้วยังแกล้งอุ้มมนูญแช่น้ำจนโผล่แค่คอ สายตามองมาทางเธออย่างตลกขบขัน เหมือนไม่สนใจว่าหญิงม่ายลูกติดที่เขารังเกียจจะเป็นห่วงลูกแค่ไหน
              มีอลิซาเบธคนเดียวที่เห็นความขึ้งโกรธในสายตาราตรี ย้ำตะโกนเรียกให้เขาพามนูญขึ้นฝั่ง จนภุมราชยอมอุ้มมนูญที่ยิ้มร่าดีใจมาหาอลิซาเบธกับราตรี
              “จะขี้ขลาดทำไมกัน ลูกเจ้าสนุก ไม่เห็นรึ เอา เอาคืนไปสิ ข้าเองที่อุ้มมาจากลานปีบนั่น เห็นนั่งอยู่คนเดียว”
               แม้เขาจะทำไม่สนใจ แต่ราตรีขบฟันจนสันกรามนูน หน้าตากราดเกรี้ยวใส่เขาเหมือนโกรธกันมาเป็นสิบชาติทำให้เขาไม่อยากเอ่ยอะไรอีก
              ราตรียื่นมือไปรับมนูญ แต่ก็ยังไม่หายเกร็งจนอลิซาเบธต้องอาสาอุ้มเสียเอง
              “เจ้าตกใจอยู่ มา ข้าอุ้มเอง เปียกหน่อยคงไม่เป็นไร ไปมนูญกลับกันเถอะ หนาว”
              อลิซาเบธจะเดินกลับไปแล้ว แต่ราตรียังขยับขาไม่ออก ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจว่าทุกคนยังรื่นเริงไม่เห็นความใจร้ายของภุมราชได้อย่างไร เขาแกล้งแอบพาเด็กแค่ขวบกว่าๆ มาเล่นน้ำ เพราะความจงเกลียดจงชังตัวแม่ หัวใจเขาทำด้วยสิ่งใด ถึงทำกันได้ลงคอเช่นนี้
 
             ภุมราชเห็นใบหน้าราตรีเข้า ก็ทั้งรำคาญทั้งขำราตรี
             “ข้าน่าเอาเจ้าจะลงน้ำด้วย ดูเจ้าจะโกรธจนร้อนไปทั้งหน้า และตา...”


            ราตรีเกลียดคำเยาะนั่นนักจึงก้าวเท้าขึ้นสะพานฟาดมือลงบนหน้าของคนที่ไม่รู้สึกถึงหัวอกคนอื่น
             “เพียะ ! เพียะ !”


              “เป็นบ้าไปแล้วรึ !”


               ความโกรธฉายเต็มหน้าภุมราช คว้ามือที่ตบหน้าเขาไว้แล้วบิดไพล่ไปข้างหลัง ราตรีหายเกร็ง ผลักตัวเขาออกอย่างไม่กลัวเกรง ทั้งตบตีทั้งข่วนเท่าที่จะทำได้ เสียงเรือนแหวนและบ่าวแถบนั้นตะโกนห้ามเสียงขรม


                “อีราตรี หยุดเดี๋ยวนี้นะ !”


                แต่ราตรีเก็บความอัดอั้นไว้นานเกินไป จึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ และกัดแขนเขาทันทีที่ทำได้ จนภุมราชยื้อแขนออกแต่พอเขาปล่อยมือ ราตรีก็โงนเงน หล่นตูมลงน้ำ


                ท่ามกลางสายตาคนมองอย่างไม่เข้าใจ มีเพียงใบจิกที่กระโดดลงไปลากร่างสั่นเทาขึ้นมา ดุราตรีเสียงดังหวาดๆ


                “ราตรีๆ ราตรีตบหน้าคุณภุมราชทำไม กราบขอโทษเดี๋ยวนี้” ใบจิกกดหลังแต่เจ้าตัวได้แต่นั่งดูพื้นดิน
 
               ภุมราชกุมรอยกัดที่แขน “ข้าไม่อยากได้คำขอโทษของคนบ้า อีใบจิก ถ้าไม่อยากเห็นเพื่อนเอ็งถูกข้าเฆี่ยนตาย เอ็งจงพามันออกไปให้พ้นหน้าข้า ข้าไม่ให้มันอยู่ที่นี่อีกต่อไป” เขาลงจากสะพานไม้สั่งให้อลิซาเบธวางเด็กลง อลิซาเบธเห็นความโกรธเขาเข้าก็ไม่กล้าขัดใจ รีบบอกใบจิกพลางลูบไหล่มนูญที่ร้องจ้าอยู่เพราะเสียงตะโกน


              “ใบจิกรีบพามนูญไปเช็ดตัวก่อน นี่เย็นนานแล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย... ”


              อลิซาเบธถูกภุมราชฉุดแขนกลับเข้าเรือนก่อนพูดจบ บ่าวๆ แยกย้ายกันไป บ้างก็มองราตรีอย่างสมเพช บ้างก็สงสารแต่เสียงไล่ไม่ให้ราตรีอยู่ที่ยังดังก้องอยู่ในหูทุกคน จึงไม่มีใครกล้าคิดใส่ใจ ทั้งคนของเรือนแหวนที่ดูจะสมน้ำหน้าราตรีก็ยังยืนเฝ้าอยู่


             ใบจิกอุ้มมนูญ “กลับเถอะราตรี มนูญหนาวจนสั่นแล้ว”


            ราตรีลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง น้ำตายังไหลเรื่อยๆ แม้ตอนที่กลับถึงเรือนจนมนูญเช็ดตัวจนแห้งแล้ว สักครู่ทั้งคู่ก็อยู่ในเสื้อผ้ามิดชิด ราตรีวิ่งไปเรือนอิ่ม ค้นหาเศษสตางค์ในเชี่ยนหมากของเผื่อนมาใส่ถุงที่เอว ก้มกราบเผื่อนที่นอนไม่รู้สึกตัว


              อิ่มรู้เรื่องอะไรบ้างแล้ว แต่ยังคิดอย่างนึกชังน้ำหน้า เพราะอิ่มทั้งรักทั้งเคารพตัวภุมราชจึงพลอยเจ็บใจที่นายถูกหญิงต่ำศักดิ์ว่าตบต่อหน้าคนในบ้าน “ถ้าเป็นเมื่อข้ายังสาว เจ้าถูกเฆี่ยนตายแน่ คุณภุมราชแกเกลียดแล้วเกลียดเลย ถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุข ก็ไปนอนกับแม่ชีที่วัดเอาเอง เสียดายที่กูนึกรัก”


             ราตรีไม่กลัวถูกเฆี่ยน แต่ไปด้วยสงสัยว่าชะรอยบุญที่ส่งให้เธอได้อยู่ที่นี่มันสิ้นสุดแล้ว จึงทำให้เธอไม่สามารถยั้งอารมณ์โกรธน้อยใจจนกลายเป็นความแค้นต้องระบายออกนั่นได้


              เมื่อแสงตะวันเริ่มกลายเป็นสีส้มจ้า ราตรีพร้อมห่อผ้าเล็กๆ ก็ลงมาอยู่หน้าเรือน ราตรีเงยหน้าขึ้นมองเรือนริมน้ำแสนสุขสบายเป็นครั้งสุดท้าย แล้วสงสารมนูญที่จูงอยู่นัก
             “ไปแล้ว ไปให้พ้นนะ สมน้ำหน้า” ทัศนามายืนดู ยิ้มเยาะอย่างสบายอารมณ์ที่ไม่ต้องลงแรงอะไร ราตรีคนงามก็ถูกระเห็จจากที่นี่ “หัวค่ำๆ แบบนี้ ตามโรงน้ำชา โรงเหล้ามีที่ให้พวกแม่ม่ายนอนเยอะแยะ”
             ใบจิกรุนหลังราตรีไม่ให้อยู่ฟังเสียงทัศนา ใบจิกร้องไห้ไปตั้งแต่ตอนป้อนข้าวให้มนูญไปเป็นครั้งสุดท้าย “แอบๆ นอนแล้วค่อยไปพรุ่งนี้เช้าก็ได้กระมังราตรี คงไม่มีใครมาเฆี่ยนหรอก ไปตอนนี้เดี๋ยวตะวันก็ตกดิน ราตรีจะนอนไหน ค่ำๆ นี่พวกโจร พวกเหลือขอเต็มไปหมด”
             แต่ราตรีรู้ว่าต้องไปจากที่นี่ตั้งแต่ร่วงลงไปสัมผัสความเย็นของน้ำนั่นแล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังคำใครไล่ ใบจิกปลดสายสร้อยจากข้อมือ สมบัติชิ้นเดียวที่เคยได้จากคุณหญิงศรีให้ตอนหายจากโรคอีสุกอีไส ยื่นให้มนูญ
             “พ่อมนูญ เอาสร้อยเงินนี่ไปนะฉันอยากช่วยราตรี แต่ฉันมีญาติที่ไหนเล่า แม่บอกก่อนตายว่าตั้งแต่เลิกทาส ญาติที่ข้าพอมีก็แยกย้ายจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ ราตรีไม่น่าตบคุณภุมราชเลย” แม้จะตำหนิ แต่ใบจิกร้องไห้
              คุณหญิงศรีไปพักอยู่กับญาติที่เพิ่งมีหลานกำเนิดลูก จึงไม่เหลือใครบนบ้านใหญ่ให้ราตรีคิดลา แต่มองไปทางเรือนอลิซาเบธอย่างอยากกราบสักครั้ง แต่ก็คงไม่เป็นดั่งหวัง ภุมราชอาจอยู่ที่นั่น เมื่อครู่ภุมราชยังลากแขนอลิซาเบธอย่างแรง เกิดอลิซาเบธเข้าข้างราตรีขึ้นมา จะพากันเดือดร้อนเปล่าๆ
             “หรือไปบ้านคุณโสภิตอาภา ?” ใบจิกยิ้มออก แต่กลับซีดเซียวเหมือนเดิม เมื่อราตรีไม่เห็นตาม “งั้นข้าจะออกไปส่งที่ถนนข้างนอก”


            ทั้งสองคนเดินกันไปเงียบๆ


                “คุณภุมราช บ่าวมาบอกว่าราตรีกับมนูญออกไปแล้ว ใบจิกมันเดินไปส่งที่ถนนเจ้าค่ะ” อลิซาเบธร้อนใจ จนต้องขึ้นเรือนใหญ่มาเว้าวอนเขา “เห็นใจเด็กเถิดนะคะ มันจะดูแลตัวเองยังไง นี่ก็ค่ำเต็มที ให้มันอยู่อีกสักคืน”
              “มันรู้วิธีปกป้องตัวเอง เห็นมันตบหน้าฉันไหม” ภุมราชยังหน้าตาบึ้งตึง “เกิดมายังไม่มีใครเคยตบหน้าฉันสักครั้ง”
             “ราตรีมันตกใจจนไร้สติ แม่แมวหวงลูกมันย่อมสู้เสือได้ค่ะ” อลิซาเบธกอดเข่าเขา “แล้วดิฉันจะยอมนอนกับคุณค่ะ ให้แม่ราตรีอยู่ต่อที่นี่อีกสักคืนนะคะ”
              ถ้าเป็นวันอื่นภุมราชคงหัวใจรัวด้วยความตื่นเต้น แต่วันนี้เขายิ่งโกรธ “อย่าทำให้ฉันทุเรศตัวเองเลยอลิซ อย่าเอาเรื่องนั้นมาต่อรองให้ฉันเห็นใจใคร ฉันจะเอาหน้าไว้ไหน ที่จู่ๆ ก็โดนคนบ้าตบหน้าแล้วไม่ยอมทำสิ่งใด เจ้าออกไปได้แล้ว”
              “คุณคิดถึงแต่เกียรติตัวเอง ไม่เห็นใจคนอื่น” อลิซาเบธร้อง “ตอนคุณพรากฉันจากกลุ่มคนที่มีความเชื่ออย่างฉัน คุณเคยนึกถึงเกียรติฉันบ้างหรือเปล่า”


               “อย่าเอาเรื่องมาปะปนกัน”
               “ดิฉันขอให้ราตรีอยู่อีกสักคืนนะคะ แล้วพรุ่งนี้ดิฉันจะให้คนเอามันไปทำงานเป็นคนใช้ที่โบสถ์ แล้วมันจะไม่มีวันมาให้คุณเห็นหน้าอีก” เมื่อเห็นเขาเมินเฉย อลิซาเบธจึงเริ่มหยุดร้องขอ “หรือฉันจะวิ่งตามมันออกไป แล้วขึ้นรถลากไปถึงบ้านท่านบาทหลวง และฉันก็อยู่ที่นั่นโดยไม่ต้องย้อนกลับมาให้คุณเสียเกียรติอีกเลย”


                “อลิซา อย่าทำให้ฉันโกรธอีกคน”
                “คำขู่ของคุณทำให้ดิฉันมั่นใจว่า กำลังทำสิ่งที่ถูก”
                อลิซาเบธเดินออกจากห้องเขาอย่างเฉยชา แต่พอลงจากเรือนไป เขาวิ่งมาตะโกน
               “ใครก็ได้ไปตามอีราตรีกลับมา ค่อยให้มันไปพรุ่งนี้ กูกลัวลูกมันถูกหมากัดตาย”


               อลิซาเบธอาสาวิ่งไปที่ประตูรั้วเอง พบใบจิกยังยืนน้ำตานองหน้ากับราตรี “คุณอลิซาเบธ ใบจิกจำได้ว่าตรงโน้นมีเพิงโรงฝิ่น ใบจิกกลัวแม่ราตรีถูกฉุดเจ้าค่ะ พ่อมนูญก็ไม่ยอมเดิน ไม่รู้จะอุ้มกันไหวหรือเปล่า อือๆ ราตรีไม่น่าตบตีคุณภุมราชเลยเจ้าค่ะ”
               “คุณภุมราชให้อยู่ต่ออีกคืน พรุ่งนี้ค่อยไป” อลิซาเบธเรียกราตรีอย่างเวทนา
               มนูญกำลังร้องไห้อย่างหนัก ราตรีก็ร้องไห้หนักพอกัน ทั้งคู่ยอมเดินตามอลิซาเบธกลับเข้าเขตบ้านภุมราช
               “โธ่เอ๊ย มนูญเอ๋ย” อลิซาเบธเอามนูญมาอุ้มเอง “กลับเรือนเจ้าก่อนนะราตรี พรุ่งนี้ข้าจะพาไปส่งที่โบสถ์ ที่นั่นเขายินดีอุปถัมภ์คนไร้ที่พึ่ง”



             ใบจิกจูงมือราตรีกลับอย่างดีใจ แต่บ่าวอีกสองคนของอลิซาเบธดูจะยังรังเกียจรังงอนไม่น้อยที่ราตรีทำให้นายตนเดือดร้อนกันทั้งผัวทั้งเมีย
             เมื่อเลยเรือนใหญ่ อลิซาเบธบ่น “มนูญตัวร้อนล่ะราตรี สงสัยเพราะเล่นน้ำ แล้วนี่มาโดนน้ำค้างอีก”
             ราตรีพยักหน้าหงึกหงักกับเริ่มรู้ตัวว่าไม่น่าจะรีบด่วนตัดสินใจพามนูญออกไป ให้กราบกรานคนที่นี่ หรือโดนเฆี่ยน หรือต้องนอนในกองขี้เถ้าดีกว่าปล่อยให้มนูญออกไปเจ็บป่วย เมื่อหัวค่ำเธอคิดอะไรไม่ออกนอกจากออกจากที่นี่เสีย
             อลิซาเบธไปส่งมนูญถึงเรือนริมน้ำ ราตรีกลับขึ้นเรือนอย่างคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้มานั่งอยู่ตรงนี้อีก มนูญหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แล้วใบจิกผล็อยหลับข้างๆ มนูญ



              อลิซาเบธยังไม่ยอมกลับ แต่ลงไปนั่งเหม่อมองท้องฟ้าตรงแคร่นั่งหัวบันไดหน้าเรือน ราตรีเดินตามไปนั่งข้างๆ “เจ้าเจ็บแค้นคุณภุมราชเอามากเลยหรือราตรีถึงได้ตบตีเขาอย่างไม่เกรง เขาไม่ได้แกล้งลูกเจ้า คุณภุมราชรักทารก รักเด็กตัวเล็กๆ พวกบนเรือนบอกว่าตอนเล่นน้ำเขาดูแลพ่อมนูญมากกว่าหลานเองเสียอีก พวกนั้นมันถึงโกรธราตรีไปด้วยแล้ว”


             ราตรีกราบเท้าขอโทษอลิซาเบธ


             “หากเจ้ามีโอกาส พบเจอเขาก็กราบขอโทษเขาเสีย ผู้ชายเจ็บตัว เขาไม่แยแสเท่าถูกหยามเกียรติ จู่ๆ ก็ถูกหญิงตบตีต่อหน้าคน หากเขาไม่ไล่เจ้าไป เขาจะครองบ้านต่ออย่างไร เจ้าเขียนหนังสือได้นี่ เขียนขอโทษได้ไหม”


             ความนิ่งงันของราตรี ทำให้อลิซาเบธเปลี่ยนเรื่องคุย “อยากรู้เรื่องข้ามั้ยราตรี เรื่องที่ข้าเป็นลูกฝรั่ง”
              “แม่ฉันเป็นไพร่ขี้ริ้วขี้เหร่ ถูกนำมาทิ้งไว้ตั้งแต่ยังเด็กที่หน้าวัดจึงโตมากับแม่ชี พอเป็นสาวหน่อยก็เป็นที่รังเกียจของผู้คนเพราะเป็นเด็กสติไม่ดี เหลือขอขี้ขโมย ถูกแม่ชีเฆี่ยนสอนจนหลังลายก็บ่อย คงเพราะไม่มีใครรักหรือเอาใจใส่จึงเป็นแบบนั้น”


              ราตรีนั่งกอดขาอลิซาเบธอย่างเห็นใจ ไม่อยากฟังแต่คนเล่ายังเล่าต่อ


              “มาวันหนึ่งมีฝรั่งอเมริกันเข้าไปในวัดประกาศเรื่องพระเจ้าด้วยภาษาผิดๆ ถูกๆ จึงทำให้คนในวัดเข้าใจผิดคิดว่าฝรั่งหมิ่นสงฆ์องค์เจ้า ฝรั่งจึงถูกเด็กวัดและชีรุมทำร้ายร่างกายด้วยความโกรธ จนทุกคนคิดว่าเขาตายแล้วจึงลากฝรั่งนั่นออกไปทิ้งหนองน้ำหลังวัดใกล้ป่าช้า แม่ข้าที่แอบดูอยู่จึงวิ่งตามไป แม่เฝ้าศพนั่นอยู่นานด้วยความกลัว แต่พอแน่ใจว่าไม่ตายแม่จึงได้ช่วยขึ้นมาจากหนองน้ำนั่น ตั้งแต่นั้นแม่กับฝรั่งนั่นก็ไม่เคยแยกจากกันอีกเลย  เขากลายเป็นพ่อฉัน และเพราะพ่อเคยเสียคนรักพร้อมลูกในท้องไป ดังนั้นเมื่อแต่งงานกันแล้วพ่อจึงรักแม่มากกว่าสิ่งใด แม้แม่ฉันไม่ได้ต้องตาบุรุษไหนอย่างใครอื่น”


                 ราตรีนั่งฟังอลิซาเบธแล้วเริ่มยิ้มตามเรื่องเล่าอย่างยินดี


                 “เรื่องแม่กับพ่อข้า... เป็นความรักที่น่าชื่นชม ทั้งสองได้พระพรจากพระเจ้า” อลิซาเบธยิ้มให้ดวงดาว “แม่ใบแครักห่วงฉันมาก แม่แทบไม่เคยห่างเพราะแม่ไม่เคยมีแม่ แต่พ่ออยากให้ฉันผิดจากแม่และไม่อยู่หลังบุรุษเหมือนสตรีทั่วไปในสยาม ฉันเองไม่เคยคิดชอบบุรุษสยามคนไหน แต่พอพบคุณภุมราชเข้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สายตาเขาทำให้ฉันหลงรัก และก็ยอมมาอยู่ที่นี่ พ่อไม่พอใจนัก เขารู้นิสัยเจ้านายชายชาวสยาม แต่พ่อก็ตามใจฉัน แม่เองก็ชื่นชมคุณภุมราช ตอนนี้พวกเขาวางใจในตัวฉัน ออกจากพระนครไปมีส่วนในพันธะกิจของพระเจ้าช่วยเหลือคนตกยากในแผ่นดินสยาม”


                  อลิซาเบธเงยหน้ามองท้องนภาอีกครั้งก่อนมาสบตาราตรี “คุณภุมราชไม่เหมือนบุรุษอื่น เขาเป็นคนมีน้ำใจนะราตรี แต่บางทีที่เขาแสดงออกกับเจ้าอาจเป็นส่วนที่ฉันเองไม่อาจรู้ได้” แล้วอลิซาเบธก็ลุกขึ้น “เจ้าขึ้นเรือนไป พรุ่งนี้ฉันจะมารับแต่เช้า”



                 ร่างของอลิซาเบธเดินออกจากเรือนริมน้ำ พร้อมบ่าวอีกสองคน ผ่านเงาของภุมราชที่มาตามหาอลิซาเบธ แต่พอได้ยินทั้งสองสนทนาทำให้เขาแอบฟังเรื่องราวทั้งหมด ภุมราชไม่เคยรู้เรื่องใดๆ ของอลิซาเบธนัก แค่เห็นความฉลาด มั่นคง และเข้มแข็งเหนือสตรีใด เรื่องทั้งหมดที่ได้ยินเธอเล่าราตรีมีแต่จะทำให้นึกรักเธอมากขึ้น และที่ทำให้เขาลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจเกือบสิ้น คือ


                 ‘...สายตาเขาทำให้ข้าหลงรัก และก็ยอมมาอยู่ที่นี่’


                 เขาไม่เคยรู้ว่าอลิซาเบธรักเขาตั้งแต่แรกเห็นเหมือนที่เขาก็รักเธอ
                 ภุมราชเดินตามเมียรักด้วยความปลาบปลื้มใจต่อเรื่องที่ได้ยิน จนถึงเรือนอลิซาเบธก็ให้ถอนใจดังๆ ทำไมความรักของเขากับอลิซาเบธจึงแปลกประหลาดจากคู่ผัวเมียอื่น เจอกันเมื่ออาทิตย์พ้นฟ้า มอบรอยยิ้มให้แก่กัน แล้วลาจากเมื่ออาทิตย์ลาลับ เขานึกถึงสัญญาที่อลิซาเบธบอกว่าจะนอนกับเขาถ้าให้ราตรีอยู่เรือนอีกคืน
                 แต่เขาละอายต่อตัวเอง ที่จะได้เธอมาด้วยอำนาจต่อรองแบบทุกครั้ง จึงถอยหลังกลับดั่งหลายๆ คืนที่เขาคิดถึงอลิซาเบธแล้วมายืนอยู่หน้าบ้าน ให้เมียรักเห็นใจ แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้เสียทุกคราว


                 แต่คืนนี้ผิดไป อลิซาเบธมายืนอยู่ตรงบันได


                 “คุณพี่ภุมราช ฉันนึกว่าคุณพี่จะอยู่เรือนใหญ่” อลิซาเบธเรียกเขา “ดึกแล้ว คุณพี่ค้างที่นี่เถิด”


                อลิซาเบธลงมาจูงมือภุมราชขึ้นเรือน เปิดประตูห้อง ปล่อยให้เขานั่งลงบนเตียงนอน
                “อลิซาเบธไม่ต้องเอาใจฉันขนาดนี้ก็ได้ ฉันชินแล้ว ข่มใจได้”
                “ไม่เป็นไรค่ะ” อลิซาเบธเปลื้องผ้า แล้วคุกเข่าลงข้างๆ ยิ้มให้เขา “คุณพี่ทำตามสัญญานี่คะ”


                 “อลิซรักฉันตั้งแต่แรกเห็นจริงหรือ” ภุมราชยกนิ้วแตะริมฝีปากสีชมพูอ่อนบางของเมียรัก ก่อนโอบเข้าหาตัวเองทั้งร่างอ่อนนุ่ม หัวใจเขาเต้นท่วงทำนองอ่อนหวาน เมื่ออลิซาเบธตอบกลับ


                “จริงค่ะ แต่...”


                 ภุมราชไม่ยอมฟังจนจบ ริมฝีปากเธอถูกจองจำเสียก่อน แค่คำว่ารักจากคนที่รักมันให้ชุ่มชื่นในหัวใจนัก ไหนจะกายหอบอบอวลอวบอิ่มเปลือยเปล่าที่ยินยอมพร้อมใจตามความต้องการเขาอีกเล่า ภุมราชกระซิบคำรักผ่านริมหูอลิซาเบธอย่างไม่รู้สึกหน่าย


                 ผึ้งที่โหยหิวเฝ้าค้นหาน้ำหวานมานานแสนนานไฉนเลยจะแค่ดมดอมดอกไม้แล้วจากไป สัมผัสแนบชิดยั่วเย้าชวนให้ยิ่งลิ้มลองชิมแล้วดื่มด่ำไปนานแสนนาน น้ำผึ้งหวานหอมแห่งความรักของเขามิได้มีให้เก็บเกี่ยวง่ายๆ อย่างทุกวัน แต่กระนั้นเขาก็ยังพยายามตักตวงอย่างทนุถนอม แม้ว่าจะหิวโหยมาอย่างยาวนานแค่ไหน ด้วยว่าดอกไม้นั้นบอบบางและพร้อมจะบอบช้ำคามือและร่วงหายจากชีวิตหากเขาหยาบคายแม้นิดเดียว


                ยามผ่านไปพร้อมเสียงสายลมพาดผ่านหลังคาแล้วตามด้วยสายฝนน้อยๆ นำความหนาวเย็นให้สองกายถวิลมอบความอบอุ่นให้แก่กันจนเป็นหนึ่งเดียว


                อาทิตย์เริ่มไรสาดส่องผ่านริมขอบฟ้า แต่มีเพียงน้อยนิดที่ลอดซี่กรงทะลุเข้ามาในห้องนอนได้ ภุมราชยังไม่อยากลืมตาแต่คลำหาเมียรักใกล้ๆ นี่เขาคงฝันไปอีกแล้ว เพราะไร้ร่างของอลิซาเบธ แต่ลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนเรือนอลิซาเบธจริงๆ เขาเตรียมใจพบภาพเมียรักนั่งคุกเข่าอยู่มุมหนึ่งของห้องสวดถ้อยคำตามพระคัมภีร์เหมือนเพิ่งผ่านการฆ่าคนมา


               แต่หาได้เป็นอย่างนั้นไม่ ไม่มีร่างเมียปรากฏอยู่ อลิซาเบธคงออกจากห้องไปตั้งแต่เช้าตรู่ เขาฉงนใจอยู่ชัาวขณะ


               “ตื่นแล้วหรือคะ” อลิซาเบธข้ามพ้นธรณีห้องมา หน้าตานั้นพยายามแย้มยิ้มเอาใจเขา “ให้ราตรีอยู่ต่ออีกวันนะคะ เมื่อคืนราตรีไม่ได้หลับนอนเลย ตอนยามสองยายเผื่อนเรียกหา พอสามยามยายเผื่อนก็หลับไม่ตื่น แม่ราตรีนอนกอดศพจนย่ำรุ่ง นี่ก็ยังร้องไห้อยู่น่าเวทนานัก เพราะยายเผื่อนเหมือนญาติคนเดียวที่พอรู้ความรู้ใจ เฮ่อ... พ่อมนูญก็ดูจะป่วย ฉันเพิ่งไปดูมา คุณให้สองแม่ลูกนั่นไปวันอื่นนะคะ ฉัน...”


                 อลิซาเบธกราบที่อกเขา เขาไม่ได้ฟังความทั้งหมด เชยคางเมียรัก “ฉันไม่สนเรื่องสองแม่ลูกนั่นอีก ฉันตามใจเมียฉันทุกอย่าง”
                “ฉันรู้ว่าคุณใจดี” อลิซาเบธแบมือให้เขาดูกระดาษในมือ “ราตรีขอโทษคุณ นี่ไงคะ”


                 ‘ราตรีกราบขอโทษ ที่ได้ล่วงเกินคุณภุมราช’


                 ภุมราชชำเลืองกระดาษนั่น ราตรีคงเขียนตามคำบอกของอลิซาเบธ และไม่คิดหยิบมาดู เขายอมทุกอย่างเพียงขอให้รอยยิ้มดีใจนั่นคงอยู่บนใบหน้าเมียนานๆ อลิซาเบธไม่เคยบึ้งตึง แต่ก็ไม่เคยยิ้มทั้งหน้าและตาเพื่อเขาอย่างตอนนี้ เขากอดเมียรักพลางนึกเสียดายที่ค่ำคืนแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วจริง


                 อลิซาเบธผลักตัวเขาออก “ฉันทำตามสัญญาไปแล้วเมื่อคืน คุณพี่ลุกไปอาบน้ำ รับอาหารเช้าดีกว่านะคะ”
              “ไม่...” ภุมราช “เจ้าตามใจคนบาปแต่ใจดีอย่างฉันอีกสักนิดนะ อลิซาเบธ”
               เขาไม่รอฟังเสียงค้าน จนอลิซาเบธจำต้องยอมให้ดอมดม ลิ้มชิมน้ำหวานรับอรุณไป และเขาไม่ยอมออกจากเรือนอลิซาเบธไปทั้งวัน



                   จนบ่ายมาเยือนภุมราชจึงลงจากเรือนอลิซาเบธ เขาตั้งใจไม่หันมองลานดอกปีบที่เคยเห็นราตรีกับมนูญวิ่งเล่นกับใบจิกอยู่ แต่พอพ้นไปเขานึกอยากเห็นขึ้นมา จึงหวนกลับมาดู ไม่มีมนูญหรือใบจิกใกล้ๆ  มีเพียงราตรีนั่งอยู่คนเดียว หลังพิงต้นปีบซบหน้าลงบนหัวเข่าเหมือนไม่อยากพบหน้าใคร
                 อาจเพราะเวลาแห่งความสุขที่อลิซาเบธมอบให้เริ่มจางไป เขาจึงเหมือนหล่นจากสรรค์มาอยู่กับความจริง เมื่อเขานึกถึงข่าวตอนอรุณรุ่งที่อลิซาเบธบอกว่าเผื่อนตายและมนูญกำลังป่วย
                ศพของเผื่อนคงมีใครพาไปไว้ที่วัดแล้ว เพราะเสียงผู้คนกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เผื่อนแค่บ่าวแก่ๆ คนหนึ่ง ไม่ได้เลี้ยงเขามาอย่างนมอิ่ม ดูจะไม่มีใครโศกานัก คงมีแต่ราตรีเท่านั้นที่คะนึงหาไปอีกนาน


                ราตรีคงไม่เหลือใครแล้ว...


               “คุณภุมราชเจ้าคะ” เสียงเรียกจากเกรงๆ ดังขึ้นจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ดึงเขาจากภวังค์
               “มีอะไร เพื่อนมึงตายด้วยแล้วหรือไร ตามึงถึงบวมด้วย” ภุมราชแกล้งดุใบจิกเพื่อซ่อนความในบางอย่าง
                แต่ใบจิกพยายามยิ้มแหยๆ อย่างน่าขัน “ไม่ตายเจ้าค่ะ พ่อมนูญไม่ค่อยสบาย ใบจิกไม่ได้นอนทั้งคืน”
                “แล้วมึงมาบอกกูทำไม ไปหาหยูกยาเด็กที่คุณเรือนแหวนนู่น”
                “ใบจิกไปแล้ว แต่คุณเรือนแหวนว่าไม่มี ใบจิกจะไปหาคุณอลิซาเบธ บ่าวคุณอลิซาเบธไม่ให้ขึ้นเรือนเจ้าค่ะ ใบจิกไม่กล้าไปหาคุณหญิง...”


                ใบจิกเกาข้อมือ จนภุมราชเห็นว่ามีของหายไป “นี่สร้อยที่คุณหญิงท่านให้มึงไปไหน ขายเล่นถั่วกับพวกในครัวหมดแล้วรึ”
                “เมื่อวานใบจิกถอดให้พ่อมนูญไปเจ้าค่ะ สงสารแม่ลูกมีสตางค์กันน้อยเดียว”
                “เป็นพระเวสสันดรรึ อีใบจิก มึงนี่...”
                 เขาอดขุ่นใจไม่ได้ว่าใบจิกมีของมีค่าติดตัวเพียงน้อยนิดยังอุตส่าห์ยกให้มนูญไป เหมือนตอกย้ำด่าว่าคนที่พร้อมด้วยทรัพย์อย่างเขาที่ใจไม้ไส้ระกำกับสตรีและเด็กน้อย แต่ยังไม่อยากไปหวนคิดเรื่องราตรีอีก ทำท่าจะเดินไป



                ใบจิกจึงอ้อนวอนอีก “คุณภุมราชขอยาจากคุณเรือนแหวนให้หน่อยนะเจ้าคะ วันก่อนคุณเปี่ยมไม่สบาย ยาฝรั่งน่าจะมี”
                “มึงไปบอกคนของคุณเรือนแหวน บอกว่าขอยาให้อามนูญของกู”
                “เจ้าค่ะ”


                ใบจิกวิ่งจี๋ไป แม้คิดในใจว่าตอนไล่ราตรีไปใยไม่คิดว่ามนูญเป็นอาบ้าง


                ภุมราชมองตามหลังใบจิก แล้วกวาดสายตาไปยังลานปีบอีกครั้ง ราตรีหายไปจากลานนั่นแล้ว สายตาสัมผัสความว่างเปล่าแล้วชวนหมองใจว่าต่อไปอลิซาเบธอาจให้ราตรีไปอยู่ที่กับผู้คนชาวคริสต์จริงๆ




             โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป ใกล้จบภาค 1 แร้ว




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2553
6 comments
Last Update : 20 สิงหาคม 2553 10:37:15 น.
Counter : 233 Pageviews.

 

เชอะ ทำเป็นอาย เดียวอดนะ ^____^

โดย: sakeena IP: 124.120.72.67 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:14:04:20 น.

ตอบ ... ภุมราชจะกล้าขึ้นๆ 555+

กุกิ ช่วยกดดันด้วยคนค่า
สนุกค่ะ จนอยากอ่านบ่อยๆ เหอเหอ
โดย: fiona IP: 203.171.197.82 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:20:19:01 น.

ตอบ... อิอิ อีก 4-5 ตอน อาจจบภาค 1 จร้า ขอบคุณแรงใจนะจ๊ะ


เรื่องนี้ท่าจะยาวนะคะ... หรือเปล่า (แอบเดา)
ตั้งแต่อ่านมารู้สึกเหมือนขาดอะไรไป (เป็นความรู้สึกส่วนตัวค่ะ)
อืม...ไม่ทราบว่าพอจะเพิ่มบทความคิดของพระเอกได้มั้ยคะ
อยากให้บรรยายจุดยืนของพระเอกว่าทำไมถึงได้มีเมียเดียวไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นใด ผิดผู้ผิดคน (ในสมัยนั้น) จะได้ทำให้บทพระเอกแน่นขึ้นน่ะค่ะ (เป็นการขอส่วนตัวเช่นกันค่ะ)

โดย: Assawat


ตอบ... ขอบคุณที่แนะนำค่ะ เดี๋ยวจะนำไปพิจารณาตอนรีไรท์ค่ะ


สนุกจังค่ะ
โดย: mimi IP: 61.7.170.137 วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:16:32:35 น.

ตอบ... ขอบคุณค่ะ


ตอบเมนท์จากกระทู้ถนนนักเขียน

ความคิดเห็นที่ 5
ท่านชายอุ้มผู้หญิงต่อหน้าคนอื่น แปลกไปมังคะ
จากคุณ : scottie
เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 23:00:55


ความคิดเห็นที่ 6
อืมมมม นั่นสิ เราก็ว่าเมื่อก่อนถ้าอุ้มกันแบบนี้คงถูกจับแต่งงานกันไปแล้วแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรว่าไงก็ว่าตามกัน รอคุณภุมราชมาเข้าฉากคนเดียวเท่านั้นแหละค่ะ
จากคุณ : Mot_anoy
เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 09:51:13


ตอบ //ต๊าย ลืมคิดไป คนไทยไม่เล่นนอกบ้าน



ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ

 

โดย: ปลายเดือน กันยา 11 สิงหาคม 2553 12:39:18 น.  

 

เมือไหร่จะบอกรัก

 

โดย: sakeena IP: 115.87.88.72 11 สิงหาคม 2553 15:20:20 น.  

 

อืม อ่านตอนนี้แล้วไม่อยากให้ราตรี มาลงเอยกะภุมราชเลย

สงสาร ราตรี ที่คงเป็นได้แค่ ... แล้วก็งโดนรังแก เพราะไม่รัก

แล้วก็สงสารอลิซาเบธด้วย

 

โดย: fiona IP: 202.124.88.18 11 สิงหาคม 2553 15:21:08 น.  

 

ดีจ้าเค้าชื่อจอยนะ

อิๆ หนุกดีจ้าเขียนนิยายคนละแนวกับเราเลยแฮะ

แอดไว้แย้วอิๆ จามาเยี่ยมกานบ่อยๆ เน้อ

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้าเราเป็นเด็กใหม่อิๆ

 

โดย: ใบน้ำ 12 สิงหาคม 2553 18:32:32 น.  

 

วันนี้มาอ่านอย่างละเอียดเลยแฮๆ ชอบคุณกุมราชจางเลย ถึงจะดูโหดๆ ไปหน่อย

 

โดย: ใบน้ำ 14 สิงหาคม 2553 8:52:03 น.  

 

ในสายตาคุณภุมราช...
อลิซาเบท เป็นเมียรัก
แล้วราตรีเป็นอะไร...

รออ่านด้วยความกระวนกระวายค่ะ

 

โดย: Assawat IP: 183.89.188.81 16 สิงหาคม 2553 8:28:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.