เรือนรักภุมราช ตอนที่ 3


              “อะไรกันนมอิ่ม นมจะเลี้ยงใครก็เลี้ยงไปซี อย่ามาพูดให้ฉันหรือพี่ธมราชคิดเอาเมียตกยากใครมาเป็นเมีย” ภุมราชรูปงามสูงใหญ่ แต่ตาดุเหมือนเสือส่ายหน้ามุ่ยๆ ไปมาทั้งขำทั้งรำคาญ “หรือนมจะไปถามพี่ธมราชดูเอง ได้ข่าวว่าแม่เรือนแหวนติดภาระเลี้ยงแฝดเปี่ยมกับป้อง อยากหาคนดูแลผัวอยู่ ตัวฉันมีเมียคนเดียวพอแล้ว มันคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันไม่หาญเทียบกับพ่อหรือปู่หรือบรรพบุรุษคนไหนๆ บนแผ่นดินสยาม”


              “พ่อเจ้าก็พูดอย่างนี้ตอนอยู่กับข้าใหม่ๆ แต่อยู่ไปก็มีเป็นสิบ” คุณหญิงศรีหรือแม่ใหญ่ที่นั่งฟังอยู่เริ่มเอ่ยขัด “ดังนั้นเจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไรไป แล้วนี่แม่อลิซาเบธอยู่ไหน ไม่มาดูแลเจ้า หรือเอาแต่อ่านเรื่องพระคริสต์เล่มหนาๆ นั่น”


              “ก็นมอิ่มบอกว่าจะหาเมียให้กระผม เลยขอราชการลับกับแม่อิ่มก่อนขอรับคุณแม่” เสียงแก้ตัวจริงจัง


              “นมมิได้หมายความอย่างนั้นเจ้าค่ะ แค่ขอห้องหับ...” อิ่มก็เริ่มงงเอง ว่าสิ่งใดที่นางขอให้ราตรีกันแน่ และคงเพราะพวกบ่าวรอบๆ ตัวบอกว่าคุณภุมราชอาจชอบความงามของราตรี นางจึงถึงกับเสนอยกราตรีให้


              คุณหญิงศรีจึงขัดอีกครั้งด้วยความอยากรู้ “ไหนอีอิ่ม เอ็งเล่าเรื่องแม่ราตรีให้ละเอียดอีกหน่อยซิ ดูเอ็งจะพูดถึงหลายครั้งแล้วเหลือเกิน ดูห่วงใยเหลือ พวกบ่าวมันก็ว่างามนัก แม่เป็นใครกัน”


              อิ่มจึงต้องให้คนไปตามเผื่อนมาและเล่าเรื่องของราตรีที่เวียนวนเหมือนพายเรือในอ่าง ภุมราชรับฟังอย่างขอไปที แต่คุณหญิงกลับหน้านิ่วคิ้วขมวด จากเอนนอนสบายๆ กลับลุกขึ้นนั่งอย่างกังวล


              “อีอิ่ม อีเผื่อน นี่เอ็งจะบอกว่าเอ็งเอาเมียเล็กๆ ของพระยามาเป็นบ่าวในเรือนไปหลายวันแล้วรึ ? ”


               อิ่มเริ่มนั่งไม่ติด เผื่อนก็เช่นกันได้แต่ระล่ำระลักแก้ตัว “ก็บ่าวไม่รู้จะพาไปพึ่งใครนี่เจ้าคะ เลยต้องให้แม่อิ่มมาขอใบบุญคุณหญิงศรีเจ้าค่ะ ทางโน้นไล่มา บ่าวก็ห่วงเต็มทีขนาดอยู่ในเรือ ใครก็ไม่รู้จ้องแต่แม่ราตรีจนบ่าวแทบไม่กล้าหลับตา กลัวใครจะฉุดไปทั้งแม่ทั้งลูก”
 
              “คงจะเป็นแม่ลูกอ่อนที่งามเอามาก” ภุมราชเอ่ยประชดๆ นึกถึงเรือนแหวนพี่สะใภ้คนงามของพี่ชายที่หลังจากเพิ่งกำเนิดลูกแฝดไปก็กลายร่างจากสาวงามเป็นใครอีกคน แต่สายตาเขายังจดจ่อกับกระดาษแผ่นใหญ่ๆ ที่มีแต่รอยดินสอหรือถ่านสีดำแหลมๆ ขีดเขียนเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ เต็มหน้า


              “เจ้าอย่ามาพูดล้อเลียนนะ ภุมราช” คุณศรีไม่เห็นขำ “พระยาวชิรชาสืบสายเดียวกับพ่อเจ้า แม้ไม่ไกล้นัก แต่ก็มีศักดิ์เป็นปู่เล็กของเจ้า ถ้าคำกล่าวหาแม่ราตรีไม่ใช่ความจริง เด็กมนูญนั่นก็มีศักดิ์เป็นอาเจ้า”


              “คุณแม่ขอรับ อย่าลืมว่าเจ้าพระยาวชิรชาโดนอาญาแผ่นดินถอดบรรดาศักดิ์ไปก่อนตาย ผู้คนก็ยังเรียกว่าพระยาอยู่ได้ กระผมเป็นข้าแผ่นดิน จึงไม่อาจนับญาติกับคนแบบนั้น และยายเผื่อนก็ว่า แม่ราตรีนั่นก็คบชู้สู่ชาย ชีวิตจะจบลงที่ระกำลำบากหน่อยจะเป็นไร”


              “แต่ปู่เล็กเจ้าคนนี้ เคยรับเจ้าจากอู่นอนถัดจากพ่อเจ้าแทนปู่ เจ้ารู้หรือไม่” คุณศรีขัดใจกับความไร้น้ำใจของบุตรชาย “ส่วนเรื่องแม่ราตรีคบชู้นั่น ย่อมเป็นไปได้ยาก เด็กแค่เริ่มสาวแล้วท้องมีลูกทันทีนั้นจะมีปัญญาคบหาใคร ข้าเคยได้ยินว่าปู่เล็กเจ้าหวงยังกับไข่ในหิน ต่อให้เป็นเรื่องจริงก็ถูกพวกเมียใหญ่เฆี่ยนตายไปแล้ว ที่ต้องระเห็จกันคงเพราะปู่เจ้าไร้บำเหน็จบำนาญ ทรัพย์สมบัติไม่น่าจะเหลือพอมาจุนเจือเมียเกือบสิบคนได้ ใครใหญ่กว่าก็ได้ไปครอง” นางพูดยืดยาวอย่างเข้าใจสถานการณ์บ้านนายใหญ่นายโตที่มีลูกเมียมาก “เหมือนกับที่เจ้าได้บ้านหลังนี้และการงานของพ่อทั้งหมดไปครอง ทั้งที่พ่อธมราชเป็นลูกชายคนโต”


              แต่ภุมราชพูดอย่างทรนง “แต่เพราะคุณแม่เป็นเมียเอก มาก่อนใคร และพี่ธมราชยอมแพ้กระผมเอง พี่ธมราชทำอะไรได้นอกจากอ่านหนังสือแต่งเพลงยาวไปวันๆ” แล้วเขาก็สำนึกได้ เสียงอ่อนลง “คุณแม่ขอรับ อย่ามามีปากกับเรื่องพวกนี้เลยขอรับ เราพูดถึงใครก็ไม่รู้” ภุมราชมองออกไปนอกชานเรือน


               “ฟังเจ้าแล้งน้ำใจนะ ภุมราช ข้าเลี้ยงเจ้าให้เป็นแบบนี้หรือ”
 
               บุตรชายปฎิเสธ “กระผมไม่ได้แล้งน้ำใจ กระผมไม่สนว่าเมื่อก่อนคนเป็นเช่นไร แต่คงทำไม่ได้ที่จะเอาหญิงคนไหนก็ได้มาเป็นเมีย ไม่ว่าสูงศักดิ์หรือไพร่ฟ้ามาจากไหน” 
              “ใครจะเหมาะเท่าเมียฝรั่งอย่างแหม่มอลิซ” คุณหญิงเสียดสีบุตรชาย แม้จะนึกเอ็นดูอลิซาเบธอยู่พอตัว


               อิ่มก้มลงหัวแทบติดพื้นร้องขอเสียงพึมพำ “บ่าวขออภัยที่นำเรื่องมาให้ต้องถกเถียงกัน”


              “ไม่เป็นไรนมอิ่ม” แล้วภุมราชก็ม้วนกระดาษทุกแผ่น แล้วเอ่ยอก่อนลงจากเรือนไปยังหลังที่เชื่อมติดกันของพี่ชายกับพี่สะใภ้ “เพราะเรื่องคนในบ้านคุณแม่ตัดสินทุกอย่างอยู่แล้ว จะอุ้มชูลูกเมียใครหรือมีสิ่งใดไหว้วานกระผมก็บอกแจ้งแล้วกัน วันนี้กระผมขอไปเล่นกับหลานก่อน กระผมคิดถึงหลาน”


               คล้อยหลังบุตรชายไปคุณหญิงศรีบ่น “รักหลาน แต่ไม่ยอมมีลูก”


                แล้วคุณหญิงก็เรียกราตรีเข้าไปพบ เห็นสองแม่ลูกเข้าก็ใจอ่อนปวกเปียก เพราะครองไพร่ครองบ่าวมามากมายทำไมถึงจะดูไม่ออกว่าราตรีนัยตาโศกจะเป็นคนประเภทไหน นึกอยากให้ภุมราชกลับมาเห็นราตรีชัดๆ สักครั้ง


               “เจ้ายังเด็กเหลือเกินนะแม่ราตรี ผู้ชายนะผู้ชาย เฮ้อ...” คุณหญิงศรีถอนหายใจ ถามราตรีเพื่อความมั่นใจ “เจ้ายืนยันกับข้าได้ไหมว่าเด็กนี่เป็นลูกพระยาวชิรชา”


               ราตรีพยักหน้ามั่นคง ดวงตาใสซื่อของเธอทำให้นางยิ่งสังเวชใจ เมื่อหวนนึกถึงพระยาแก่เฒ่า หันมาเอ่ยกับเผื่อนและอิ่ม “ข้าเชื่อแววตาของแม่ราตรี แต่เรื่องนี้อาจมีเบื้องหลัง ไว้ข้าจะลองให้คนไปถามๆ ที่บ้านนั่น ข้าคงละเลยเรื่องนี้ไม่ได้ ท่านพระยาถูกญาติโกโหติกาตัดขาดก็จริง แต่พ่อมนูญยังเป็นเด็กก็ควรได้รับความเห็นใจ”


                คุณหญิงแจงอย่างมีน้ำใจ แต่ราตรีเริ่มฉายแววตาหวั่นใจ ไม่นึกอยากให้ตัวเองหรือมนูญไปเกี่ยวข้องกับบ้านเก่านั้นอีก อยากเป็นแค่ข้าในเรือนนางอิ่ม แต่พอมองพ่อมนูญ ก็จำต้องกราบขอบคุณคุณศรีด้วยความจำยอม คุณหญิงยังมองครุ่นคิด


               “แต่ข้าจะยกเรือนให้เจ้าไม่ได้ เจ้าไม่ใช่ญาติสนิทโดยตรง อีกอย่าง... ลูกข้าก็คงไม่คิดมีเมียเพิ่ม ตอนนี้เจ้าอยู่เรือนแม่อิ่มไปก่อน” คุณหญิงตวัดสายตาไปทางอิ่ม “เดี๋ยวอีอิ่มมันก็ตายแล้ว”


               อิ่มสะดุ้งเฮือก แต่ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งในอก ที่เมื่อครู่สองแม่ลูกผู้ไม่ค่อยลงรอยกันจบเรื่องโต้เถียงที่นางสร้างขึ้นได้ นางรับปากกับเจ้านาย “บ่าวจะรับผิดชอบดูแลแม่ราตรีเองเจ้าค่ะ ต่อไปจะไม่มากวนเรื่องนี้อีก”


               แล้วนางก็จูงพยุงมือเผื่อนเดินนำราตรีกับมนูญกลับเรือน แม้จะช่วยราตรีได้ไม่มาก แต่ได้แจ้งให้นายทราบอย่างเป็นทางการว่ามีราตรีมาอยู่ในบ้านก็ทำให้หายกังวัลเรื่องความไม่เหมาะสมได้


               เมื่อหลานชายฝาแฝดหลับไปตอนบ่าย ภุมราชมองไปทางเรือนไม้สีขาวของอลิซาเบธซึ่งแม้จะอยู่ไกลจากเรือนใหญ่พอดู แต่ไม่เคยหน่ายที่จะเดินไปที่นั่น แค่แฝงรอยรำคาญที่ต้องผ่านเรือนเล็กสมัยใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นให้ทัศนาซึ่งเป็นน้องสาวร่วมบิดาของเรือนแหวนพี่สะใภ้ เบื่อสายตาตัดพ้อของทัศนา ที่ดูจะครุ่นคิดแต่เรื่องที่เขาปฏิเสธการรับนางเป็นเมียแต่ไปสนใจสตรีเชื้อฝรั่งเข้ารีตอย่างอลิซาเบธ ซึ่งบรรดาลูกพระยาคนอื่นๆ ไม่เคยคิดทำกัน แม้เขาจะแสดงท่าทีหลายครั้งว่าไม่ชอบทัศนาและอยู่กับอลิซาเบธอย่างออกหน้าออกตา แต่ทัศนาหาได้เปลี่ยนความคิดไม่


              “หลานชายคุณพี่คงหลับแล้ว คุณพี่จะไม่แวะขึ้นเรือนทัศหน่อยหรือคะ”
              ทัศนานุ่งโจงกระเบนสวมเสื้อไม่ต่างจากสาวทันสมัยตามนายๆ สาวที่เขาเห็นบ่อยๆ ในรั้วในวัง แต่กระนั้นก็ดูตลกไม่น้อยในสายตาเขา


              “ฉันมีธุระกับอลิซาเบธ เจ้ามีอะไรหรือทัศนา”


              “อลิซาเบธมีอะไรดีนัก คุณพี่ภุมราชถึงไปมีธุระกับมันทุกวัน”


               “อลิซเป็นเมียฉัน”


             เขาดูหญิงที่ขึ้นว่างามพร้อมไร้ที่ติแล้วอยากย้อนเวลาได้ ยกเลิกการอุปการะทัศนาไว้ในบ้านนี้ เธอตำตัวเหมือนเมียไปทุกที แต่ทุกอย่างได้แต่อยู่ในใจ เป็นเรื่องน่าขำและอาจถูกเหยียดหยามไปถึงเชิงชายถ้าเขาบ่นว่าเบื่อหน่ายการมีสาวสวยไว้ในบ้านเสียตั้งแต่พ้นเบญจเพสมาไม่กี่ปี เขาจำต้องใช้ความดุเข้าข่ม


               “อย่าล่วงเกินเมียฉันให้ได้ยินอีก เป็นผู้หญิงควรจะสงวนท่าทีและความในใจให้มาก”


               “ดิฉันขอโทษค่ะ” ทัศนาหน้าเสีย “ดิฉันคิดถึงคุณพี่ คุณพี่ไม่แวะมาหาเลยตั้งแต่ข้างแรม” ทัศนาตัดพ้อราวตัวเองเป็นเมียภุมราชด้วย
                “เจ้าสนใจจะไปเป็นนางข้าหลวงในวังหรือไม่ คุณแม่ใหญ่ส่งเข้าไปได้ ที่นั่นมีสาววัยเดียวกับเจ้าเยอะแยะ เจ้าจะได้ไม่เหงา”


               “เรื่องอะไรจะไป ที่นั่นเข้มงวดจะตาย นู่นก็ห้าม นี่ก็ห้าม อยู่ใกล้คุณพี่ดีกว่า ดิฉันรักคุณพี่ คุณพี่ไม่รู้หรือไร” รอยยิ้มบนใบหน้างามระหงของทัศนางามไม่น้อย แต่ความเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจประสาเด็กถูกเลี้ยงมาอย่างลูกเจ้าขุนมูลนายทำให้เขาแทบไม่เคยเห็นเธอยิ้มให้ใคร และเขาก็ไม่ได้รักเธอจึงไม่คิดขอรอยยิ้มอย่างที่ขออลิซาเบธ


               “เจ้ากล้าพูดเรื่องความรักกับผู้ชายก่อนได้อย่างไรกัน ทัศนา หากคิดจะเทียมชายให้เริ่มที่เรื่องอื่น ไม่ใช่ปาวๆ บอกรักใคร ต่อไปอย่ามาเอ่ยให้ใครได้ยินอีก มันไม่งาม ฉันเห็นเจ้าเป็นน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ไปล่ะ”


               ไม่มีใครพูดถึงความรักให้เขารู้จัก แต่ที่แว่วเข้ามาในหูเขาบ่อยๆ ไม่ใช่จากปากทัศนา แต่ยามเห็นเรือนไม้กรอบประตูหน้าต่างสีขาวของอลิซาเบธต่างหาก เขาจึงรีบย่างเท้าออกมาจากเรือนของทัศนา ซึ่งคงกำลังข่มอารมณ์จนหน้าบูดบึ้ง ถ้าอยู่ต่อเขาคงได้ยินเสียงตวาดใส่บ่าว


                ภุมราชเดินเร็ว ฝีเท้ากลับเบาเงียบเชียบ แต่ภาพเคลื่อนไหวไร้เสียงมากระทบสายตาไกลๆ เรียกให้เขาหยุดมองฝ่าแดดยามบ่ายไปยังร่มเงาต้นปีบ คงเป็นสองแม่ลูกที่อิ่มมาพร่ำบ่นเป็นห่วง เด็กน้อยเริ่มเดินคล่องแล้ว วิ่งเข้าหาแม่ที่ยืนรอใต้ต้นปีบ


                “เล่นอะไรกันแม่ลูกตัวปัญหา เงียบสนิทเชียว” เขายิ้มมุมปากนิดหนึ่งเมื่อเห็นเด็ก ก่อนเดินต่อ


               แค่ภุมราชพ้นบันได้ก้าวแรก อลิซาเบธยิ้มให้เขาก่อนเสียงทักเสียอีก“คุณพี่ยิ้มอะไรมา เห็นเด็กบนเรือนวิ่งมาบอกว่ามีเรื่องโต้กะคุณแม่ใหญ่”


               “ฉันยิ้มได้ทุกทีที่เห็นเมียแหละอลิซ”


                เขาจะจูบเมียรัก แต่เจ้าตัวเบี่ยงตัว “กลางวันอยู่ค่ะ พวกเด็กๆ มันจะเอาไปล้อเลียนเอา”


                “ใครบังอาจล้อเลียน” เขามองไปรอบๆ เด็กสาวสองสามคนที่กำลังนั่งล้อมวงช่วยกันร้อยพวงมาลัย เพื่อส่งขึ้นเรือนคุณศรี ก้มหลบหน้าหลบตา แล้วถอยหายไปทีละคน


                “คุณพี่จะฆ่าคนของดิฉันหรือไร” อลิซาเบธดูระเบียงนั่งที่ว่างเปล่า


                ภุมราชเลิกทำหน้าตาดุดัน คว้าตัวอลิซาเบธมากอด “อลิซาเบธจะใจร้ายไปถึงไหน”


                “คุณพี่มีเรื่องจะปรึกษาไม่ใช่หรือคะ” อลิซาเบธแกะมือเขาออก
 
                ภุมราชหมดใจที่จะสนองอารมณ์ตัวเองได้แต่เล่าเรื่องสองแม่ลูกของพระยาวชิรชา อลิซาเบธฟังด้วยความสนใจ แล้วเอ่ยทันทีเมื่อฟังเรื่องจากปากสามีจบ


                “คุณแม่ใหญ่ท่านห่วงถูกแล้วค่ะ แม่ที่ยังเยาวัยต้องมาเป็นม่ายตัวคนเดียว น่าเวทนายิ่งนัก”


                “นี่แม่อลิซก็พลอยชอบแม่ราตรีอะไรนั่นไปด้วยแล้วรึ หรือเจ้าเห็นนางแล้ว”


                 อลิซาเบธพยักหน้า “ค่ะ นางงาม แม้จะมีลูกแล้ว แต่ก็ทรวดทรงเหมือนเด็กวัยสาวทั่วไป สวยกว่าแม่เรือนแหวนหรือแม่ทัศนาเสียอีก และ... แน่นอนสวยกว่าดิฉันอยู่แล้ว”


               “แล้วนางยังให้นมลูก กระเตงลูกที่ร้องกวนโยเยหรือเปล่า ฮ่าฮ่า” ภุมราชเอ่ยขำๆ “ฉันไม่นึกอยากเห็น”


               “ดิฉันก็ไม่อยากให้คุณพี่เห็นค่ะ” อลิซาเบธเอ่ยเสียงเรียบๆ แม้จะแฝงรอยยิ้มขำ “ชีวิตนี้ขอคนเขม่นใส่แค่เรือนแหวนกับทัศนาก็พอแล้ว คนที่สามสี่ห้ามาอีกดิฉันคงต้องแดดิ้นตาย”
 
                “แม่เรือนแหวนเขาจะเขม่นเจ้าทำไม เขาเมียพี่ธมราชโน่น สวนทัศนาเป็นใครไม่รู้ ฉันไม่คิดเป็นอื่นแน่ ฉันไม่มองใครแค่ความงาม อลิซาเบธก็รู้นี่ใครๆ ก็ว่าเจ้าไม่สวยตามแบบชาวสยามสู้เรือนแหวนหรือทัศนา แต่ฉันก็รักกว่าใคร และไม่คิดมีเมียอีก แม้อลิซาเบธแทบไม่หลับนอนกับฉันเลย” ตอนท้ายสายตาเขาตัดพ้อ


                “โปรดอย่าติดิฉันเรื่องหลับนอน”


               “แต่ฉันรักเมียฉันนี่” เขาแตะปลายคางนวลเนียน


               “เล่าเรื่องงานโยธา เรื่องงานในวัง หรือกลับไปพูดเรื่องแม่ราตรีนั่นเถิด ดูจะน่าสนใจกว่ามาก” อลิซาเบธชะโงกหน้าดูเงาร่มไม้กะเวลา “แต่... ถ้าไม่มีสิ่งใดแล้ว คุณคงต้องกลับไป ดิฉันมีธุระ”
 
               “อลิซาเบธเป็นเมียฉันนะ” ภุมราชทั้งน้อยใจทั้งเริ่มเคืองที่เขาไม่เคยเอาชนะเมียได้ “เมียชาติไหนๆ ก็ไม่มีใครอ้างธุระเพื่อไล่ผัวออกไป”


               “ดิฉันไม่ได้ไล่” เธอเอ่ยอย่างใจเย็นต่ออารมณ์เดือดของสามี “นั่นไงธุระดิฉันมาแล้ว”


              เด็กชายน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากเตาะแตะมาหาอลิซาเบธอย่างคุ้นเคย มีบ่าวสองคนมาส่งแล้วนั่งดูอยู่ใกล้ๆ


              “ลูกใคร” ภุมราชมองเด็กงุนงง “ฉันไม่เคยเห็น หรือลูกหลานพระยาวิวัฒนา ฝั่งคลองโน้น ?”


               “ไม่ใช่เจ้าค่ะ นี่คือพ่อมนูญลูกชายแม่ราตรีค่ะ น่าชังมั้ยคะ” อลิซาเบธอุ้มเด็กขึ้นมา “ดิฉันบอกให้แม่ราตรีพาพ่อมนูญมาหาวันเว้นวัน”
 


              “นี่รึ พ่อมนูญ” ภุมราชจ้องมองเด็กเพื่อหาเค้าพระยาวชิรชา แต่เขาไม่แน่ใจ แล้วจ้องบ่าวผิวคล้ำสองคนอย่างคาดคะเนว่าคนไหนคือแม่เด็ก แต่บ่าวรายงานเสียก่อนว่าราตรีปวดแขนปวดไหล่เพราะต้องขนน้ำจากท่า จนต้องอยู่ประคบแขนที่เรือน


              “แม่ราตรีก็ไม่ค่อยกล้ามาหรอก คงเกรงดิฉัน ทั้งที่แค่ช่วยฝึกพูดให้เด็กเท่านั้นเอง”


             “ทำไมต้องฝึก ป้องกับเปี่ยมสองคนโน่นก็พูดได้โดยฉันไม่เคยรู้ว่าต้องฝึกต้องหัด แล้วนี่แม่เขาทำเองไม่เป็นรึ” ภุมราชขยี้ผมเด็กน้อยขำๆ “จะพูดไม่ได้รึ ไอ้หนู”


               “คุณนี่ช่างไม่รู้กระไร แม่ราตรีน่ะเป็นคนใบ้ แล้วลูกจะพูดตามได้อย่างไรกัน”


              “ใบ้... ฉันไม่รู้ว่านางเป็นใบ้ !” ภุมราชขำไปใหญ่ ที่เจ้าของบ้านอย่างเขาต้องมานั่งฟังเรื่องแปลกๆ ของหญิงที่ชื่อราตรีซึ่งล้วนน่าขำมากกว่าน่าสนใจ “นี่แม่อลิซกำลังบอกว่า เมียสุดท้องคนงามของพระยาวชิรชาปู่เล็กฉันเป็นใบ้รึ ช่างน่าขำ ฮ่าฮ่า ”


               คุณพี่ไร้น้ำใจ ไม่ใช่เรื่องชวนหัวร่อ” อลิซาเบธติเขาแล้วชวนเด็กน้อยพูดคำว่า ‘แม่’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอยยิ้มรื่นเริงของอลิซาเบธทำเขาอยากซื้อหาเด็กแบบนี้ให้เมียรัก


               “เราเองน่าจะมีลูกแบบนี้ได้นะ อลิซาเบธ ลูกสาวลูกชายของเราจะสวยกว่าเด็กมนูญนี่เสียอีก” เขากระซิบ “เพียง...”
 
              อลิซาเบธกระเถิบตัวห่าง “ท่านบอกให้คุณธมราชกับเรือนแหวนรีบๆ มีเพิ่มซีคะ หรือไม่ท่านก็หาเมียใหม่ แล้วดิฉันจะช่วยเลี้ยง ชาวสยามทำแบบนี้กันทั้งนั้น” รอยยิ้มให้ผัวรักนั้นอ่อนโยนแบบเดียวกับที่ยิ้มให้มนูญตัวน้อย แต่มันดูห่างเหินผิดจากผัวเมียทั่วไปเหลือคณานับ


              ภุมราชฟังแล้วอ่อนใจนัก “ถ้าเจ้าชอบเด็กนี่ ก็ลองขอเด็กนี่มาเป็นลูกเจ้านะอลิซาเบธ ถ้าแม่ราตรีไม่ยอมก็บอก ฉันจะจัดการให้” แล้วก็เดินดุ่มลงจากเรือนอลิซาเบธไปอย่างผิดหวัง อลิซาเบธไม่นิยมความเชื่องมงายของชาวสยามแต่กลับส่งเสริมให้เขามีเมียอีกคน


             เผลอมองไปทางเรือนทัศนาที่ดูเฝ้ารอเขาอย่างไม่เข้าใจฟ้าลิขิต


             “แม่ราตรี ไม่ต้องไปขนน้ำเองแล้วล่ะ ให้พวกบ่าวมันขนมาให้” อิ่มเพิ่งรู้เรื่องราตรีกลัวการลงอาบน้ำที่ท่าน้ำ ต้องขนน้ำมาอาบเองที่ลานหลังเรือนจนเป็นเหตุให้ปวดเมื่อยไปทั้งตัว เผื่อนเป็นคนแก้ขอสงสัยตามเคย
 
             “ตอนเด็กๆ แม่ราตรีเกือบจมน้ำตายเพราะไม่มีใครเห็น แล้วแม่ราตรีก็ไม่เข้าใกล้น้ำอีก เคยมีพวกสาวๆ บ้านโน้นแกล้งพาลงน้ำก็ตกใจจนป่วย”


             “แม่ราตรีนี่จะอยู่อย่างบ่าวคงยากจริง” อิ่มรำพึงแล้วโน้มตัวกระซิบกระซาบราวจะพูดเรื่องไม่งาม “ความจริงคุณภุมราชเธอน่าลองจะเอาเป็นเมีย ถึงจะเคยเป็นเมียใครก็ไม่เห็นแปลก ขึ้นว่างามเสียอย่าง และสวยๆ อย่างนี้อาจหลงจนโงหัวไม่ขึ้นก็ได้ ยิ่งคนเขาว่าแม่ม่ายสเน่ห์แรงนะอีเผื่อน”


               เผื่อนส่ายหน้าไม่เห็นตามนัก “ข้าว่าแม่ราตรีสวย แต่เรื่องน่าสเน่หายังห่างไกลนัก แม่อิ่มดูนั่น”


               ราตรีกำลังสานนกเล่นด้วยใบมะพร้าวกองใหญ่อย่างตั้งใจให้มนูญที่ได้ของเล่นมาก็โยนๆ อย่างไม่แยแสนัก มีแต่คนทำที่ดูจะมีความสุข ชูนกไปมาในอากาศกับแขวนปลาตะเพียนไปทั่วบ้านราวกับจะเล่นเสียเอง


              อิ่มมองหน่ายๆ “เฮ้อ คุณภุมราชช่างเลือกเห็นเข้าคงขำกลิ้ง ว่าเราจะเอาแม่ม่ายติดของเล่นมาให้เป็นเมียอีก”


              “แล้วคุณธมราชล่ะ อีข้างล่างมันบอกว่าคุณเรือนแหวนเอาแต่เลี้ยงลูก จนคุณธมราชเริ่มไปแวะเวียนลูกสาวบ้านอื่น คุณธมราชอาจสนใจแม่ราตรีก็ได้”


              “อย่ามาพูดไปนะยายเผื่อน กูเองก็กลัวว่าคุณธมราชจะมาสนนายเอ็งอยู่ แต่แม่ราตรีนี่น่าจะดีเกินคุณธมราช ไม่ชั่วแต่คุณเรือนแหวนเธอจะขึ้หึงและคุณธมราชเจ้าชู้ประตูดินแล้ว ไหนจะเรื่องคุณภุมราชเป็นเจ้าของบ้านนี้ ถ้าต้องอยู่ที่นี่ตกเป็นสมบัติของคุณภุมราชดูจะช้ำใจน้อยกว่า เพราะคุณอลิซาเบธก็ดูจะชอบพอแม่ราตรี”


              เผื่อนเข้าใจทะลุประโปร่ง แล้วกระย่องกระแย่งหอบที่นอนหมอนมุ้งชุดใหม่ส่งให้ราตรี “คุณหญิงฝากมาให้พ่อมนูญ และบอกว่าอย่าแวะเวียนไปที่พวกบ่าวชายมันอยู่ คุณหญิงท่านเป็นห่วง กลัวใครจะฉุด”


               ราตรีพยักหน้า แล้วชี้ชวนให้มนูญดูผ้าสีสวย มนูญพูดคำแปลกๆ ให้เธอตื่นเต้นครู่หนึ่งก็หลับไป


              เพราะข่มตาหลับต่อไม่ลงราตรีจึงลงจากเรือน ไปสูดกลิ่นดอกแก้ว แล้วมองไปทางเรือนอลิซาเบธที่มีแสงเทียนวอมแวม เจ้าของบ้านคงอ่านตำราหนาๆ ที่เธอเคยเห็นตอนที่พามนูญไปที่นั่นครั้งแรก อยากรู้นักว่ามีสิ่งใดในกระดาษพวกนั้น เคยสงสัยมาตั้งแต่เห็นคุณๆ ลูกชายพระยาวชิรชาเปิดตำราพวกนั้นเพื่ออวดเด็กไม่รู้สาในเรือน


              แสงจันทร์กระจ่างชวนให้ย่างเท้าต่อไป จนเกือบพ้นเรือนอลิซาเบธ ก็ได้ยินเสียงห้าวๆ ทุ้มๆ สั่งบ่าวเรื่องให้ตัดไม้ใหญ่ที่จะล้มโค่นใส่เรือนทัศนา จนบ่าวหายไปแล้ว เจ้าของเสียงยังคงยืนที่เดิมหันมายังจุดในเงามืดที่เธอยืนอยู่


              “นั่นใครกัน ออกมาให้ข้าเห็น ?”


               เสียงตะคอกทำราตรีหายใจไม่ทั่วท้อง กำลังคิดว่าจะวิ่งหนี แต่เสียงของทัศนาแว่วมาเสียก่อน


              “คงไม่มีอะไรดอกค่ะ คุณพี่ภุมราช พวกบ่าวมันขี้เกียจทำงานกลางแดดเลยมาเก็บกวาดกันกลางคืน สักวันโดนงูเงี้ยวเขี้ยวขอขึ้นมาคงได้เข็ดกัน”


               “ข้าเข้าใจละ แม่ทัศนาขึ้นเรือนไปเถิด”


               คงเป็นภุมราชนั่นเองที่ยืนจ้องมาทางเธออยู่ ความมืดทำให้ไม่เห็นกันและกัน เมื่อเขาเดินหายไป เธอจึงรีบเดินหนีจากที่นั่น เริ่มเข้าใจว่าทัศนาที่เคยได้ยินชื่อคงเป็นเมียภุมราชอีกคน



                ด้วยจิตใจคิดเรื่องอื่นและสับสนกับพุ่มต้นพิกุลและพุ่มไม้ที่ดูคล้ายๆ ภายใต้แสงจากคบไต้ไกลๆ เพียงเล็กน้อยยามค่ำคืนทำให้เลี้ยวพลาดไปออกทางสู่ท่าน้ำที่เธอไม่เคยนึกอยากเฉียด พอจะถอยกลับก็ชนเข้าใครคนหนึ่งซึ่งยืนซ่อนตัวอยู่ตรงเงามืดต้นอโศกขวางทางอย่างจงใจอยู่


               ร่างนั้นพูดเสียงเบาแต่แฝงแหบห้าว “เจ้าสบายดีไหม ราตรี”


               ราตรีอกสั่นขวัญแขวน แต่มีแรงพอพยักหน้า


              “มนูญก็สบายดีซีนะ ข้าเสียใจที่ไปไม่ทันตอนเจ้ากับยายเผื่อนออกจากบ้านพระยาวชิรชา” ร่างนั้นหมุนตัวมองไปทางบ้านเรือนข้างหลัง “ข้าเพิ่งรู้ว่ายายเผื่อนพาเจ้ามาที่นี่ พวกเขาเมตตาเจ้าดีหรือเปล่า”


              ราตรีเริ่มมีสติ มองหาอาวุธ แต่พบเพียงเศษไม้ยาวแค่แขน จึงก้มลงคว้ามันไว้เป็นที่พึ่ง


             “ข้าไม่ทำอะไรเจ้า ต่อไปข้าจะมาหาเจ้าอีก” ร่างนั้นขยับเข้ามา แล้วลูบแก้มเธอ “ตั้งแต่พ่อมนูญเกิด ข้าก็ไม่เคยเห็นเจ้าอีกเลย เจ้าโตและงามขึ้นทุกที ข้าห่วงเจ้าจริง”


              ราตรีปัดมือที่ลูบแก้มแล้วถือโอกาสฟาดไม้ลง แต่ชายคนนั้นกลับรับแล้วยึดคว้ามันไว้ได้อย่างง่ายดาย เขาหัวเราะเบาๆ แล้วจากไปในความมืดอย่างคล่องแคล่วเหมือนล่องหนได้



              เธอวิ่งกระหืดกระหอบกลับทางเดิม เกือบถึงเรือนอลิซาเบธ ก็ชนเข้ากับใครอีกครั้ง หัวใจคงหยุดเต้นไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงหัวเราะน่าฟังดังขึ้นเสียก่อน


             “นี่ข้าเองนะแม่ราตรี ข้ากำลังจะไปหาเจ้า เจ้าวิ่งหนีอะไรมา”


              อลิซาเบธกับคนใช้สองคนนั่นเอง ราตรีถึงหายใจทั่วท้อง ทรุดเข่าลงนั่งขอโทษแม้จะหอบตัวโยน ส่ายหน้าว่าไม่ได้เจอสิ่งใด


              “เจอผีรึ ถ้าผีจริงก็น่ากลัวอยู่ แต่ถ้าไม่ใช่ผีจะน่ากลัวกว่าไปอีก ถึงจะเป็นบ้านรั้วรอบขอบชิด แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยทุกหย่อมหญ้า เจ้าอย่ามาเดินเล่นดึกดื่นคนเดียว” อลิซาเบธให้ราตรีหอบจนซาจึงพูดธุระ “นี่ฉันเพิ่งมาจากเรือนใหญ่ ฉันอยากรับมนูญเป็นลูก เจ้าจะว่าอะไรหรือไม่ ฉันขอความสมัครใจ”


              คนของอลิซาเบธถือคบไต้ช่วยเสริม “คุณอลิซรักลูกเจ้า แล้วตัวเจ้าเองอยู่แบบนี้พ่อมนูญคงไปไม่ถึงไหน ถ้าอยู่กับคุณอลิซพ่อมนูญจะได้ร่ำได้เรียนนะแม่ราตรี”


               ราตรีตาเบิ่งโต จนอลิซาเบธสงสาร


                "อย่าเพิ่งตกใจ ค่อยๆ คิดก็ได้ แต่คุณภุมราชอนุญาตให้พาลูกเจ้าขึ้นไปเล่นบนเรือนกับหลานแฝดได้ คุณแม่ใหญ่ยังบอกว่ามนูญเป็นอาของคุณภุมราชนี่”


                ราตรีนิ่งเงียบ แต่อลิซาเบธเข้าใจว่าราตรีเกรงใจจึงหยุดการสนทนาเยื้องย่างจากไป ราตรีหอบร่างเหนื่อยอ่อนไปนั่งลงตรงบันไดขึ้นเรือน แม้เรื่องมนูญจะน่ากังวลแต่ชายแปลกหน้าที่เพิ่งพบในเงามืดทำให้หนาวเยือกไปถึงหัวใจ เธอพบชายคนนี้ไปเป็นสิบๆ ครั้งแล้ว ตอนเด็กนึกว่าเป็นฝันร้าย ลำดวนก็ปลอบๆ ไปว่าอาจเป็นผีร้าย แต่ระยะหลังเขาไม่ได้มาในความฝัน ภาพและเสียงเขาชัดขึ้นทุกที เหมือนเขาจะติดตามไปทุกหนแห่งมาตั้งแต่เด็ก


                ราตรีขึ้นไปนอนกอดมนูญอย่างหวังพึ่งพิงความอบอุ่น แต่เสียงแกรกกรากนอกเรือนแว่วมาหน่อยเดียวก็ทำผวา ผีร้ายตนนั้นจะมาเอาเธอกับมนูญไปตอนไหนก็ได้ เพิงพักของนมอิ่มไม่ได้มิดชิดเลย พระพุทธรูปเหนือหัวนอนก็ดูจะเมินเฉยกับความกลัว ถ้าไม่น่าอายเธอจะหอบมนูญไปนอนกับอิ่มหรือเผื่อน


               สงสัยว่าลำดวนอาจไม่ได้หนีไปไหนแต่ผีร้ายตนนี้เองที่เองลักตัวไป ให้ราตรีครุ่นคิดถึงมารดาผู้สาบสูญอย่างห่วงใย ภาวนาว่าถ้ามารดากลับมานางคงรู้ว่าเธอกับมนูญอยู่ที่นี่ จนหลับไปเมื่อใกล้สาง


               เช้ารุ่งราตรีตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยอ่อน ปวดเนื้อปวดตัว และเริ่มมีอาการรุมๆ ด้วยพิษไข้จนไร้แม้แรงอุ้มมนูญไปอาบน้ำ เผื่อนมาลูบๆ คลำด้วยความห่วงหา
 


              “สงสัยแม่ราตรีจะป่วยเสียแล้ว เมื่อคืนลงไปตากน้ำค้างเสียดึกเชียว”


               นางเรียกคนในเรือนของอิ่มพามนูญไปช่วยอาบน้ำ พอความรู้ไปถึงหูอลิซาเบธ เธอจึงมาเยือนราตรีถึงเรือน “ให้มนูญไปอยู่กับฉันสักพักนะราตรี กลัวเด็กจะติดไข้ และเจ้าเองจะได้พักผ่อนเต็มที่ ไว้หายแล้วฉันจะพามาคืน”


              ราตรีไร้แรงค้าน แม้เริ่มห่วงต่อท่าทีที่อลิซาเบธจะเป็นห่วงเป็นใยมนูญมากขึ้นทุกที สักวันมนูญอาจหลุดลอยจากมือเธอไปเป็นลูกเจ้านายโดยแท้ เธอมองหาเผื่อน แต่นางก็กลับกราบขอบคุณแทบเท้าอลิซาเบธ แล้วหาหยูกยาป้อนเจ้านายเก่าอย่างเธอที่ตอนนี้ลดตัวมาชิดกันไม่ต่างจากลูกหลานที่ขาดกันไม่ได้


              อิ่มกลัวโรคระบาดยิ่งนัก วิ่งไปขอยาฝรั่งจากเรือนคุณหญิงศรี ราตรีดื่มๆ กลืนๆ ทุกอย่างตามแต่ใครจะบอก แต่ร่างกายกลับทำได้แค่นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

จบตอนที่ 3




Create Date : 17 มิถุนายน 2553
Last Update : 17 มิถุนายน 2553 23:23:39 น. 0 comments
Counter : 261 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
17 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.