เรือนรักภุมราช ตอนที่ 6


            คุณหญิงศรี เรือนแหวน อิ่ม และบ่าวๆ แต่งกายพร้อมออกนอกบ้านยืนออกันอยู่เต็มท่าน้ำ เตรียมตัวไปงานสำคัญพร้อมๆ กัน เรือแจว เรือเก๋ง มาจอดรอคึกคักชวนตื่นเต้นไม่ต่างจากวันที่มีชาวบ้านหรือเจ๊กเอาผักปลาอาหารมาส่ง น้ำเปี่ยมฝั่งกระทบเรือเคลงโคลงไปมาพาริ้วดอกสีแดงๆ ที่ร่วงหล่นจากต้นจิกใกล้สะพานไม้กระเพื่อมขึ้นลงเหมือนถูกแกล้ง
          “ทัศนาไปไหน ทำไมไม่มาด้วยกัน” คุณหญิงนั่งในเก๋งเรือแล้วตะโกนถามลูกสะใภ้ “จะได้ช่วยกันดูพ่อป้องพ่อเปี่ยม ตอนพวกบ่าวไปช่วยงานครัวคุณหญิงพิมพ์ระพีเธอ คนเรือนโน้นไม่มากอย่างเมื่อก่อน แม่เรือนแหวนเองต้องขึ้นบนเรือน”
          “แม่ทัศนาไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ” เรือนแหวนตอบตะกุกตะกัก เพราะรู้ดีว่าน้องสาวตัวเองขี้เกียจไปร่วมงานพิธีโสกันต์พระราชทานให้หลานพระยาวิวัฒนา ทัศนาว่าเป็นงานของคนแก่ๆ มากกว่าหนุ่มสาว
          “คนบ้านข้าพึ่งพาได้น้อยลง ไม่เหมือนอย่างก่อน ไม่ขี้เกียจสันหลังยาวก็กลัวนั่งเรือ” คุณหญิงประชดประชันทั้งทัศนาและราตรี ดึงผ้าม่านกันน้ำกระเด็นลง แล้วสั่งให้เรือออกไป
          “ทีแม่อลิซาเบธ ไม่ยอมไปช่วยงาน คุณแม่กลับไม่ว่าสักคำ” เรือนแหวนซึ่งนั่งข้างหลัง กระซิบบ่นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ให้ธมราชฟัง
          “ก็ทัศนายังโสด คุณแม่อยากให้ไปพบปะผูคน เผื่อจะมีใครหมายตา คุณแม่กลัวทัศนาเป็นสาวทึนทึก”
          “คุณพี่คิดว่าน้องสาวดิฉันจะยังมีใจให้ใครไปกว่าน้องชายคุณอีกหรือเจ้าคะ”
          “นี่แม่เรือนแหวน หัดเปิดตารับความเสียบ้าง คุณภุมราชไม่ชอบแม่ทัศนา”
          “ฮึ ปฏิเสธแม่ทัศนา แต่ไปมองอีนางราตรีนั่น” เรือนแหวนพูดอย่างเหยียดหยาม “มาจากไหนก็ไม่รู้”
          “ก็ใครเล่าจะไม่มองแม่ราตรี” ธมราชแก้ให้น้องชาย แต่สายตากลับเหมือนแก้ให้ตัวเอง
          “นี่คุณพี่ ก็แอบมองมันด้วยอีกคนหรือไร ดิฉันไม่ยอมนะคะ แล้วที่คุณพี่ไปยุ่งหลานสาวของหมื่นพินิจ มีมูลแค่ไหน”
          “มีที่ไหนกัน” ธมราชหัวเราะกลบเกลื่อน พาลูกชายฝาแฝดไปนั่งใกล้คุณหญิงศรี ทิ้งให้เมียนั่งกระเง้ากระงอด คุณหญิงได้ยินทุกคำ เลยสอนสั่งอย่างตรงไปตรงมา
          “แม่เรือนแหวน แม่เป็นเมียแต่งนะ อย่าใช้อารมณ์ขี้หึงไร้เหตุผลแน่ชัด ถ้ามันเป็นความจริงก็จัดการไปตามความจริง เอาทุกอย่างให้อยู่ในอำนาจ อย่าทำมาถามกระเง้ากระงอดถามน่ารำคาญเหมือนเด็ก กริยาแบบนั้นให้พวกเมียบ่าวมันทำกัน”
          เรือนแหวนคลายเดือด แต่ธมราชหายใจไม่ทั่วท้อง คุณหญิงยังสั่งสอนต่อ “นี่ไปช่วยงานบุญ ต้องเบิกบานเข้าไว้ อย่าอมทุกข์ตัวเองไปขึ้นเรือนคนอื่น เจ้าดูแม่อลิซาเบธเป็นตัวอย่าง อายุน้อยกว่าเจ้า ลูกเต้าก็ไม่มีมัดใจผัว นอนก็ไม่นอนด้วย แต่เอาผัวเอาคนอยู่หมัด นั่นถ้ากล้าอีกหน่อยทั้งข้าทั้งบ่าวในบ้านอาจต้องไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ตามแม่ไปแล้ว”
          ลูกสะใภ้ยิ่งขุ่นข้างในเข้าไปอีกเมื่อถูกเปรียบเทียบกับคู่สะใภ้ แต่ธมราชหัวเราะจนเรือโคลงที่คุณหญิงกล้าพูดดังๆ ว่า อลิซาเบธไม่ยอมนอนกับบุตรชายผู้งามพร้อมของตัวเอง เขาทั้งสงสัยทั้งสงสารน้องชายผู้มั่นคงในความรักแล้วยังต้องพบเจอคนรักแบบนั้น
 
            .....
           “ไม่อยู่กันอย่างนี้ ก็เงียบไปทั้งเรือน ข้าเองก็อยากไปงานโกนจุก เป็นโกฏิปีแล้วที่ข้าไม่ได้ช่วยงานแบบนั้น” เผื่อนบ่นเสียดาย ดูเรือเก๋งที่ไปจอดฝั่งคลองเยื้องๆ ลิบ ผู้คนทะยอยขึ้นท่าโน้น “เราตามไปดีมั้ยแม่ราตรี นี่ข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้าอยากพบอีจีบเพื่อนข้าเต็มที ข่าวว่ามันป่วยหนักแต่ยังไม่ตาย”
           แต่ราตรีมองแม่น้ำกับเรือขยาดๆ
           “เออๆ ข้าพูดเล่นๆ เท่านั้นแหละ วันก่อนที่แม่นั่งแหมะบนโคลนเรือนยังทำข้าอายไม่หาย เหมือนเด็กกะเหรี่ยงภูดอยมาเจอน้ำ” แต่เผื่อนยังไม่วายมีความหวัง “หรือไปขอขึ้นรถม้าคุณภุมราชไป เห็นอีเด็กคุณแกบอกว่าคุณภุมราชจะไปทางรถม้าเพื่อแวะเอาของที่ร้านเจ๊กให้พระยาวิวัฒนา อิอิ แต่คงจะให้บ่าวนั่งไปด้วยดอก”
           ราตรียิ้มขำ ผลักเบาๆ ให้เผื่อนเดินลงบันไดไปเรือนอลิซาเบธเพื่อใต่ถามดู แต่เผื่อนไม่ไม่อยากทิ้งให้ราตรีอยู่กับมนูญแค่สองคน แต่ราตรีรู้ว่านางอยากไปจึงยังผลักนางแรงให้เดินไปบ้านอลิซาเบธ เมื่อเผื่อนไม่ขยับจึงจี้เอว จนนางร้องกรี๊ดโวยวายเหมือนเด็ก ราตรีเริ่มสนุกผู้คนเงียบเชียบแบบนี้ทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่บนเรือนพ่อตัวเองเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กน้อย มนูญได้ยินเข้าก็นึกว่าทั้งคู่เล่นสนุก จึงจี้เอวเผื่อนด้วย
          เผื่อนทั้งตกใจทั้งขำป้องกันตัวพัลวัน มือไม้ดึงผ้าผ่อนคาดอกของราตรีหลุดต่ำลงไป ไหนเลยราตรีจะมัวอาย เพราะเผื่อนเห็นเธอแก้ผ้าในเรือนมาตั้งแต่เด็ก แถมยังอยู่บนเรือนมิดชิด จึงพลอยเล่นหนักขึ้นเหมือนสมัยเป็นเด็กถึงขั้นดึงหางโจงกระเบนเผื่อน มนูญกระโดดขึ้นลงหัวเราะชอบใจที่แม่กับยายเผื่อนเล่นด้วยเสียงดัง
           ...
           “เล่นอะไรกัน !?” เสียงห้าวดังขึ้นมาจากบันได้ขั้นสุดท้ายบนเรือน ภุมราชยืนดูราตรีที่กายท่อนบนเกือบเปลือยด้วยความหลงไหลแม้จะมีเสียงเผื่อนจุ๊ปากให้มนูญหยุดทึ้งหางกระเบน
           “คุณภุมราช อิอิ ก็แม่ราตรีมันจี้เอวอิฉัน อิฉันก็บ้าจี้ตาม พ่อมนูญก็นึกว่าเล่น”
           ภุมราชฟังเผื่อนแต่สายตาหาจ้องนางไม่ เขาจ้องราตรีที่นั่งอายแก้มแดงแจ๋ กายไม่ไหวติงมือกุมไว้กับอกหมิ่นเหม่อย่างไม่รู้จะแต่งกลับให้เหมือนเดิมต่อหน้าชายที่ยืนอยู่ได้อย่างไร เขาอยากสั่งให้เธอดึงมือออกเสียจริง
           “ไม่มีใครอยู่ที่เรือน ข้ามาหาอลิซาเบธ นึกว่าเมียข้ามาเล่นกับมนูญ”
           “อ๋อ คุณอลิซาเบธขึ้นจัดหนังสือให้คุณหญิงบนเรือนนี่เจ้าคะ คุณไม่เห็นได้อย่างไร”
           ภุมราชแก้ตัวพัลวัน แต่กลับห้วนเสียจนเหมือนตะคอก “ใครจะเห็นเสียทุกเรื่อง”
           ที่เขาขึ้นเรือนมา เพราะได้ยินเสียงมนูญ เสียงหัวเราะสนุกสนานของเด็กกับคนแก่ทำให้เขาครึ้มใจถือวิสาสะคิดว่าทุกพื้นที่ของเรือนเสมือนของตัวเอง แค่เชิงบันไดก็เห็นหญิงชรากับราตรียื้อเสื้อผ้ากันอยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงกันทั้งคู่ เขาไม่โง่เสียเวลาดูเผื่อน จับจ้องผิวพรรณนวลเปลือยของราตรีเสียจนเพลิน
           “คุณภุมราชนั่งก่อนสิเจ้าคะ” เผื่อนกระวีกระวาดกระชับผ้าคล่องแคล่ว บอกมนูญให้นั่งลงแล้วนางจะไปยกน้ำยกท่าให้นาย นึกขัดใจราตรีที่นั่งนิ่งเหมือน ‘คนใบ้’
           “ไม่ล่ะ ข้าไม่นึกอยากนั่งดูแม่ม่ายที่ไหนเล่นจนผ้าหลุดลุ่ยผมยุ่งเหมือนเด็ก”
           ราตรีไม่ใช่เด็กแล้ว สายตาเมื่อครู่เขาไม่ได้พร่าเลือน แต่อยู่ต่อเขาอาจกระชากคนที่เพิ่ง ‘เล่นเหมือนเด็ก’ เข้าห้องใดห้องหนึ่งไป ‘ทำสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน’ เขาลงจากเรือนอย่างรวดเร็ว
           เผื่อนหัวเราะชอบอกชอบใจเมื่อเจ้านายพ้นไป “ฮ่าฮ่า ไม่อยากดูแม่ม่ายก็ดูหญิงแก่อายุ 70 ตายยากอย่างอิฉันไหมเจ้าคะ คุณภุมราชเจ้าขา ฮ่าฮ่า”
          เสียงหัวเราะของเผื่อนทำให้ราตรีมั่นใจเสียทีว่าเขาหายไปแล้วจริง ขยับกาย ขยับผ้าแถบคาดอก เสียดายเสื้อผ้าที่สวมง่ายๆ ถูกทิ้งไว้ที่บ้านเก่าเสียมาก แต่ถึงมีเธอก็คงไม่กล้าใช้มัน ต้องแต่งตัวผ้าคาดอกนุ่งโจงกระเบนเหมือนคนอื่น เสื้อผ้าตามสมัยเธอเก็บไว้ตามจำเป็นเท่านั้น
          “จะอายคุณเธอ ทำไมนักหนาแม่ราตรี ลูกเต้าก็มีแล้ว” เผื่อนมองราตรีอย่างระอาและไม่เข้าใจที่คาดผ้ากลับให้เหมือนเดิมอย่างเงอะงะ เพราะสายตาระแวงมองตรงหัวบันได ว่าจะมีบุรุษโผล่มาอีกหรือไม่ “ไม่มีใครเขาอยากดูนักดอก นมต้มก็ใหญ่กว่าฝาครอบขนมครกหน่อยนึง แม่เนี่ยแปลกแม่ม่าย ฮ่าฮ่า ถ้าไม่กระเตงพ่อมนูญให้เห็นข้าต้องคิดว่าแม่เป็นเด็กเพิ่งสาวแน่”


           “คุณพี่ไปไหนมา ดิฉันหาเสียแทบแย่”  อลิซาเบธงงหนัก ที่ภุมราชออกมาจากห้องตำราเก่าแก่ก่อนแล้วหายลับไป จนเธอถึงเรือนแล้วนานนมเขาก็ยังไม่กลับ จนพบอีกทีก็อยู่ในสภาพเลิ่กลั่ก เหงื่อแตกซิก “ร้อนหรือคะ”
          กริยาอลิซาเบธพัดวีเอาใจ ทำให้ภุมราชรู้สึกผิดที่ภาพราตรียังติดตาอยู่ ชะรอยเขาจะลุ่มหลงแม่ม่ายหนักกว่าเดิมไปแล้วจริงเพราะรำคาญความช่างซักช่างรู้ของอลิซาเบธ แต่อลิซาเบธรู้ว่าควรเงียบตอนไหนเสมอ จึงปล่อยให้เขาเย็นลงอย่างไม่ไต่ถามสิ่งใด
          “เจ้าจะไปรวมงานงานโสกันต์ บ้านโน้นหรือไม่ ใกล้เวลาแขกผู้ใหญ่มาแล้วกระมัง”
          “คงไม่ได้ค่ะ ดิฉันเสียใจจริงที่ไม่อาจรวมงานที่เต็มไปด้วยความเชื่ออย่างนั้น”
          “อืม ข้าเข้าใจ แต่เจ้าควรจะออกไปไหนมาไหนเสียบ้าง อุดอู้อยู่แต่ที่นี่” ภุมราชพยายามเอาใจอลิซาเบธกลบความคิดเห็นแก่ตัวของตัวเองข้างใน
          “แปลกจริงที่วันนี้ผัวดิฉัน อยากให้ดิฉันออกข้างนอก” อลิซาเบธแปลกใจโดยแท้ หาได้ประชดไม่ “มีไม่กี่ที่ที่ดิฉันอยากไป แต่นี่ไม่ใช่วันอาทิตย์ คุณให้ดิฉันไปเยี่ยมบาทหลวงกับพวกที่รับใช้พระเจ้าที่โบสถ์ได้มั้ยคะ”
          “ฮ่าฮ่า ได้สิ แต่คงไปกับเจ้าไม่ได้” ภุมราชหอมแก้มเมียรัก “ไว้ไปวันพรุ่งแล้วกันนะอลิซาเบธ”
          “วันนี้แหละค่ะ วันอื่นคุณก็อาจเปลี่ยนใจ จะลองชวนราตรีไป พ่อมนูญคงอยู่กับยายเผื่อนได้ พวกในครัวเหลืออีกสองสามคน คงไม่มีใครปล่อยให้ลูกเขาตกน้ำตกท่าไปดอก”
          อลิซาเบธเรียกคนให้ไปตามราตรี เจ้าตัวรีบเดินแกมวิ่งมาหา มัวแต่ตื่นเต้นรถม้าที่รออยู่หน้าเรือน เพราะราตรีไม่เคยโดยสารมันสักครั้ง โดยไม่สนใจภุมราชที่ยังไม่ลืมภาพติดตา ส่วนอลิซาเบธดูราตรีในเสื้อแขนกระบอกเก่าสวมทับผ้าแถบคาดอกแล้วส่ายหน้า
           “อย่าให้ราตรีแต่งตัวแบบนี้เลยเจ้าค่ะ ดิฉันอายบาทหลวงว่าต้องอยู่แบบเป็นเจ้าเป็นนายต่างชั้นนัก เราทุกคนล้วนเป็นบุตรแห่งอัมบราฮัมเหมือนๆ กันค่ะ คุณภุมราช”
          “ฉันก็ว่าอย่างนั้น แล้วจะทำอย่างไร”
          อลิซาเบธจูงนางขึ้นเรือนคว้าเสื้อลูกไม้สีขาว ให้ราตรีสวม ครู่เดียวก็มายืนที่เดิม
          “สวยไหมเจ้าคะ คุณพี่” อลิซาเบธให้ภุมราชดูราตรี “ตัวนี้ฉันสวมไม่ลง แต่แม่ราตรีใส่ได้สบาย อาหารบ้านคุณพี่คงไม่ถูกปากแม่ราตรีเท่าไหร่กระมัง”
          “ก็เหมือนเดิม... ข้าคงดูคนงามไม่เป็น” ภุมราชกำลังกล่าวเท็จ ราตรีสวยผุดผาดชวนมองแบบชาวสยามแท้ๆ ต่างลิบลับกับความสวยชวนมองแบบเลือดผสมฝรั่งอย่างอลิซาเบธ เขาประคองเมียรักขึ้นรถม้าก่อน ตามด้วยมองดูราตรีที่ดูจะตื่นรถม้าเอาหนัก
          “เหยียบตรงนี้ก่อน แล้วขึ้นไป” เขาชี้ให้ดูตรงที่เหยียบ แล้วพยุงเธอตามอลิซาเบธ แล้วเขากระโดดขึ้นนั่งตรงกันข้าม
          ราตรีนั่งยิ้มให้อลิซาเบธอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอเคยนั่งรถลากด้วยคน มีไม่กี่ครั้งที่ได้นั่งรถแบบเจ้านายจริงๆ  อย่างรถม้า อลิซาเบธชี้ให้เหลียวดูตามถนนหนทาง รถจักรยาน รถราง และฟังเรื่องรถที่จะวิ่งได้เร็วน่ากลัวกว่านี้จากปากภุมราชที่กำลังเล่าเมียรัก
           ภุมราชนั่งหุบปาก หาได้เห่อถนนหนทางที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพราะการเดินทางเข้ามาของชาวยุโรปและพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ ด้วยว่าเขาเห็นมานับร้อยพันครั้งแล้ว เขาสนใจสองสตรีใกล้ตัวกว่าสิ่งใด เขามีบุญโดยแท้ที่มีคนงามสองคนมานั่งอยู่ตรงหน้า แต่ลำเอียงหนักทีเดียวเมื่อเขาคิดว่าทำไมราตรีจึงมาทีหลังอลิซาเบธ และทำไมเขาจึงมาทีหลังพระยาวชิรชา เสื้อลูกไม้มีระบายเหมือนกลีบดอกไม้ซ้อนกันเป็นชั้นช่างเหมาะกับราตรีเสียนี่กระไร
           เขาชำเลืองดูลำแขนโผล่พ้นแขนเสื้อสีอ่อน จนสะดุดรอยช้ำสีม่วงบนมือข้างขวา เขาเกือบแสร้งตะคอกถามว่าไปเล่นซนที่ไหนถึงได้รอยห้อช้ำเช่นนี้ แต่ให้นึกได้ว่า... นี่คงเป็นรอยแรงมือเขาวันนั้น วันที่เขาว้าวุ่นจนแกล้งผู้หญิงจนเหมือนคนโง่บ้าไป ไม่คิดว่าแรงเล่นแค่นั้นจะทำให้สตรีมีรอยช้ำไปขนาดนี้
           เขาคงรู้จักผู้หญิงน้อยจริงๆ เขาพิงพนักที่นั่ง... ยกมือลูบคางอย่างรู้สึกผิด
          สักพักเมื่อรถผ่านถนนที่ไร้สิ่งน่าสนใจ อลิซาเบธก็เห็นข้อมือราตรีเข้า “นี่มือไปโดนอะไรมา ราตรี ?”
          อลิซาเบธจับข้อมือขวาที่มีรอยช้ำหนักขึ้นมาดูชัดๆ “นี่คุณภุมราช ดูนี่... ไม่น่าใช่พ่อมนูญตัวแค่นั้นแน่ ใครทำบอกข้า บ่าวแม่ทัศนาแกล้งเอาหรือไร”
          ราตรีอยากกระโดดลงจากรถให้หายไป เสียดายความสุขบนรถม้าที่เพิ่งผ่านพ้นไป ใยจึงพบแต่เรื่องที่อึดอัดหนักหัวใจ ที่แม้พูดได้ก็คงไม่อาจบอกใคร เธอชำเลืองภุมราชอย่างหวั่นใจ ก่อนพยายามทำทีสงสัยชี้ไปข้างนอกให้อลิซาเบธดูเจ๊กหาบของขายข้างถนน
          “ราตรี เจ้าอย่ากลบเกลื่อน ถ้าเจ้าทะเลาะเบาะแว้งกลับใครจนเจ็บตัว กลับไปนี่ข้าคงต้องสอบถามทุกคนจนได้เรื่อง” อลิซาเบธคาดคั้น “เจ้าทะเลาะกับบ่าวในบ้านใช่หรือไม่”
ราตรีส่ายหน้า โทษตัวเองที่ไม่ได้หาดินสอพองทากลบกันใครสงสัย
          “หาบน้ำขึ้นเรือนกระมัง กลัวท่าน้ำนักนี่” ภุมราชเอ่ยขึ้นมา แม้จะเพื่อขบขันหรือกลบเกลื่อนอะไรบางอย่างก็ตาม อลิซาเบธเห็นราตรีพยักหน้ายืนยันหลายครั้งอย่างมั่นคง
          “โธ่ แล้วเจ้าเกี่ยวด้วยข้อมือหรือไร คราวหน้าไหว้วานคนตัวใหญ่สักหน่อยไม่ดีกว่าดอกหรือ นี่ถ้าไม่กลัวน้ำ ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวขนาดนี้ เฮ่อ ไอ้ข้าก็นึกไปว่าโดนใครใจยักษ์แกล้งเอา แล้วนี่ทาหยูกยาอะไรหรือยัง”
           ราตรียิ้มยกมือประนมขอบคุณอลิซาเบธ แล้วชี้ให้ดูส่วนดอกไม้ที่ทางการปลูกเพื่อปรับปรุงทัศนียภาพ
          ภุมราชคงกลายเป็นตัวยั่วเสียงหัวเราะในโรงกลอนไป ถ้าปล่อยให้ราตรีแสร้งเออออไปกับเรื่องโกหกเพื่อทำให้อลิซาเบธเลิกเป็นห่วง หรืออาจไม่กล้าบอกใครๆ ว่าเขาเป็นคนทำ แต่เขาคงนอนหลับตาไม่ลงถ้าต้องปล่อยให้สตรีอ่อนแอกว่าสร้างเรื่องโกหกเพื่อปกป้องเขา
          “ไหนอลิซาเบธว่าคนใบ้ไม่โกหก นี่รู้หรือเปล่าว่าราตรีกำลังโกหกเราอยู่”
          “คะ ?” อลิซาเบธฉงนใจ “ราตรีโกหกอะไรได้”
          ภุมราชยิ้ม “ก็ฉันเองที่เป็นคนล้อแม่ราตรีจนมือช้ำนั่น วันที่เขาเอาหัดนวดฉันน่ะ คนอะไรทำอะไม่เป็นสักอย่าง ฮึ” เสียงเหมือนไร้รอยรู้สึกผิดและยังเห็นขำ ทำให้อลิซาเบธครางอย่างโกรธแทน
         “คุณภุมราช คุณทำอย่างนี้กับผู้หญิงหรือเจ้าคะ ถึงว่า... แม่ราตรีถึงได้อ้ำอึ้งนัก” อลิซาเบธเริ่มโกรธ ถามราตรีเสียงเข้ม “ทำไมเจ้าไม่บอกข้า”
         ราตรีบิดนิ้วจนจะขดได้เหมือนเชือก เป็นวันที่โชคร้ายมากกว่าโชคดีเสียแล้ว ถ้าผัวเมียที่รักกันต้องมาโต้เถียงกันเพราะตนเอง จะหาทางบอกกล่าวอย่างไรได้นอกจากอึดอัดจนน้ำตาต้องไหลอีก ทัศนียภาพข้างนอกไม่น่าสนใจอีกแต่น้อย ที่รองเท้าข้างล่างน่าดูชมกว่าแม้ต้องฝ่าม่านน้ำตาจนทุกอย่างมัวไปหมด
          “ราตรี” อลิซาเบธเรียกเสียงเข้ม “ข้าขอโทษแทนผัวข้า ผู้ชายก็เป็นเช่นนี้ ข้าเสียใจจริงๆ ที่ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ เจ้ารู้ไหมแม้แต่ตัวข้าเองไม่เคยโดนใครรังแก ยังอยากโบยบินออกไปทุกวัน ข้าขอโทษ”
          ภุมราชหน้าตาเริ่มไม่ดี “อลิซาเบธ... ข้ารักเจ้า ข้าไม่เคยคิดทำอะไรร้ายแรงต่อเจ้าเสียหน่อย”
         “คุณอย่าทำให้ดิฉันรู้สึกอับอายต่อแม่ราตรี ถึงแม้คุณจะเกลียดแต่คุณก็ไม่ควรทำร้ายแม่ราตรีนะคะ”
          สายตาอลิซาเบธทำเขาตกใจไม่น้อยทีเดียว “อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ไป ฉันรักอลิซาเบธ และฉันก็ขอโทษแม่ราตรีแล้ว จริงมั้ยแม่ราตรี”
         ใบหน้านองน้ำตาของราตรียืนยันกับอลิซาเบธ อลิซาเบธยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ราตรี หลับตาสวดอะไรบางอย่างมุมมิบแล้วสงบอารมณ์พูดปลอบใจราตรี “เช็ดน้ำตาซะ เราจะลืมเรื่องนี้ แต่ถ้าวันไหนเจ้าถูกผัวข้าทำร้ายอีก ให้รีบบอก ข้าจะพาเจ้ากับลูกหนีไปอยู่ที่อื่นเอง และต่อไปนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้คุณภุมราช เขาเกลียดเขาชังก็อยู่ให้ห่างเสีย”
          ภุมราชใจหายวูบ อลิซาเบธโกรธ แล้วราตรีก็คงไม่คิดใกล้ชิดเขาอีกเป็นแน่
          “อลิซาเบธ ฉันขอโทษ วันนั้นข้าแค่นึกอย่างล้อที่ราตรีมันขี้อายข้านักก็เท่านั้นเอง แม่ม่ายที่ไหนเขา...”
          “หยุดเจรจาเถิดคุณภุมราช แม่ราตรีเพิ่งจะครบ ๑๕ เองนะคะ” อลิซาเบธยกมือกุมปากเขา เอ่ยวาจาหน้าเคร่ง “มันทั้งน่าขันและน่ารังเกียจนัก หากคุณคิดว่าหญิงม่ายลูกติดต้องกล้าหาญชาญชัยเสียทุกเรื่อง หรือจะต้องตีหน้าชอบใจเมื่อเห็นบุรุษ คุณคิดผิดเจ้าค่ะ หญิงม่ายเป็นผู้น่าสงสาร เป็นคนที่ผู้คนควรให้ความเมตตา ไม่ใช่กลายเป็นของเล่นใหบุรุษผู้เข้มแข็งคอยแต่จะจ้องจับผิดหรือหาเศษหาเลยกับพวกนาง”
          “เอเมน...” ภุมราชรีบเอ่ยคำประหลาดแปลกหูราตรี แต่อลิซาเบธกลับหันหน้าหนีเขาเมื่อได้ยินคำนั้น
          แม้ราตรีจะงุนงงกับคำว่าเอเมน หรือคำพูดยาวๆ ของอลิซาเบธ แต่ตอนนี้เริ่มพอเข้าใจเครือๆ ว่าทำไมภุมราชถึงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกับเธอ เขารังเกียจการเป็นม่ายนี่เอง ราตรีสัญญากับตัวเองว่าต่อไปจะคอยหลบหน้าเขาเอง ไม่น่าจะยากไปกว่าการหยุดขึ้นเรือนอลิซาเบธ เขาจะเมตตามนูญหรือไม่คงต้องปล่อยไปตามยถา
          ภุมราชโล่งในอกนี่ดูอลิซาเบธจะหยุดคาใจ แม้จะคาดโทษเขาไว้เสียแรง แต่ราตรีที่มองออกไปข้างนอก ไม่คอยแอบเหลือบดูเขากับอลิซาเบธอย่างครั้งไหนๆ ทำให้เขารู้สึกแห้งแล้งยิ่งนัก
เขาให้คนขับม้าส่งหน้าประตูโบสถ์ที่ปิดประตูใหญ่อยู่ เปิดเพียงช่องเล็กๆ พอคนไทยและฝรั่งตัวใหญ่เข้าออกสวนกันได้ แต่พอทั้งสองลับหายเข้าประตูไป เขาขอคนเฝ้าประตูเปิดให้เขาวิ่งเข้าไปด้วย
          “คุณ... จะไม่ให้ฉันไปเยี่ยมท่านบาทหลวงหรือเจ้าคะ”
          “เอ่อ... ข้าขอไปด้วย ข้าไม่ได้พบท่านเสียนาน” เขากลัวอลิซาเบธจะฝากฝังราตรีไว้กับใครที่นี่เสีย เขาเคยมาสะบาโตกับอลิซาเบธครั้งเดียวยังจำได้ดีว่ามีถุงรับบริจาคสำหรับหญิงม่ายและบุตรหญิงม่ายเป็นการพิเศษ
          “แล้วคุณจะไปทันงานโสกันต์หรือเจ้าคะ นี่ก็เลยเวลาไปโข”
          “ช่างมัน ข้าไม่ไปสักคน เด็กนั่นก็ยังได้ตัดจุกอยู่ดี” ภุมราชเหลือบมองราตรีว่าจะขำหรือไม่ แต่ราตรีไม่สนใจแม้แต่น้อย เงยหน้าดูไม้กางเขนเล็กๆ หน้าโบสถ์ด้วยความสนใจ
          อลิซาเบธแม้จะอยากอยู่คุยกับบาทหลวงและภริยาแค่ไหน ก็ไม่กล้าอยู่นาน เพียงไต่ถามความเจ็บปวดและการประกาศพระคำพระเจ้าให้ผู้เชื่อใหม่ไม่นานก็ต้องขอลากลับ อลิซาเบธจำต้องไปร่วมงานที่เต็มไปด้วยความเชื่อล้วนผิดจากคำของพระคริสต์ พอมีโชคอยู่ที่ได้ดูป้องกับเปี่ยมแทนเรือนแหวนที่กำลังได้เบิกบานใจที่ผู้คนต่างคิดว่าได้เป็นสะใภ้เอกของคุณหญิง


          ส่วนราตรีแม้จะเจอกับเรื่องชวนอึดอัด แต่เมื่อถึงบ้านพระยาวิวัฒนากลับเริ่มรื่นเริงได้อีกครั้ง เธอเขม้นหาใครที่พอจะรู้จักหญิงชราที่ชื่อจีบ แต่ก็หาได้ความไม่ จึงเดินไปแอบดูเด็กผู้หญิงสองคนที่ได้รับพิธีโสกันต์พระราชทาน ทั้งสองคนอยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่สีสวย ลงหน้าลงผิวดินสอพองงามเหมือนเจ้าสาว ผิดเสียแต่ยังเด็กเท่านั้น คงจะเป็นลูกเจ้านายโดยแท้ นั่งตัวตรงงามเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ราตรีอยากให้มนูญเป็นเด็กผู้หญิงได้แต่งตัวสวยน่ารักอย่างนี้เหลือเกิน
         “ได้ของที่ระลึกพระราชทานหรือยังจ๊ะ” สาวน้อยวัยใกล้ราตรีคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย แล้วยื่นถุงผ้าเล็กๆ ให้ ราตรีรับด้วยดีใจ ข้างในคงเป็นเครื่องหอม คิดเอาไปฝากเผื่อนทันที คนให้มองราตรีหัวจรดเท้า “แต่งตัวเสียงาม เจ้ามาจากบ้านไหน ชื่ออะไร”
          ราตรียิ้ม ชี้มือไปทางเรือนคุณหญิงศรีอีกฝั่งคลอง
          “อ๋อ ลูกหลานคุณป้าศรีนี่เอง ญาติคุณพี่ภุมราชแน่ๆ”
           ราตรีส่ายหน้าเกรงๆ
          “ฮ่าฮ่า เจ้าเป็นบ่าวรึ น่าสนใจจริง แต่ทำไมเจ้าต้องแต่งเหมือนนายล่ะ เออ ช่างมันเถอะ ข้าอยู่บ้านนี้ ชื่อโสภิตอาภา จริงๆ ยาวกว่านี้อีกนะ แต่ชื่อยาวเพราะเป็นชื่อประทานน่ะ แต่ชื่อคนประทานสั้นกว่าข้าอีก ฮ่าฮ่า ข้าเป็นเพื่อนคุณพริ้มน้องคุณพี่ภุมราชนั่นแหละ แต่ไม่เคยถูกชะตากัน ทะเลาะกันบ้านแตกทุกที เจ้านี่สวยจริง นี่เจ้ากินอะไรหรือยัง มา มาดูว่าบ้านข้ามีอะไรให้กินบ้าง”
          โสภิตอาภาคงไร้เพื่อนเอามาก คุยจ้อไม่หยุด และเริ่มพอรู้ความว่าเพื่อนเป็นใบ้ก็หยุดถาม พาไปกินของแปลกที่อร่อยทุกอย่าง “กินเยอะๆ เลย นี่อาหารชาววังทั้งนั้น คุณแม่ไม่สั่งบ่าวทำให้สิ้นเปลืองบ่อยๆ ดอก”
ราตรีชิมทุกอย่างที่โสภิตอาภาให้ลอง ทุกอย่างอร่อยจนลืมเรื่องบนรถม้าวันนี้เสียสิ้น เจ้าของบ้านใจดีคุยโน่นนี่ให้ฟังเรื่องต่างๆ เพลินหู ทั้งยังพาไปแอบฟังเจ้านายสาวๆ ที่แต่งตัวกันสวยเต็มยศอวดตลับใส่ขี้ผึ้งทาปากกันบนแคร่ไม้ ใกล้ลานพิธีที่เพิ่งผ่านพ้นไป จนเกือบใกล้เวลากลับ ราตรีจึงจูงมือโสภิตอาภาไปหาอลิซาเบธ อลิซาเบธถึงแนะนำเรื่องราตรีให้โสภิตอาภายิ่งรู้จักกันและยังเชื้อเชิญให้โสภิตอาภาไปเที่ยวที่บ้าน จนภุมราชมาบอกว่าได้เวลากลับ เจ้าของบ้านโดนแยกตัวไปพร้อมสัญญาว่าจะพายเรือไปเยี่ยมราตรีทันที่มีโอกาส
          คุณหญิงศรีกับเรือนแหวนก็ลงมาพอดี ราตรีมือเย็นเฉียบ เมื่อมองไปที่รถม้าแล้วพยายามข่มใจให้กล้าพอที่จะนั่งเรือกลับ อลิซาเบธเข้าใจทันที
         “ราตรีจะกลับทางเรือ ไม่กลัวแล้วดอกหรือ”
         ภุมราชหันขวับ สาดสายตาดุดันใส่ราตรี แต่ราตรีไม่แม้แต่เงยหน้ามอง อลิซาเบธเห็นสายตาผัวเข้าให้เคืองนัก รีบอาสากลับเป็นเพื่อน
         “ฉันกลับด้วยแม่ราตรีแล้วกันค่ะ” มิทันที่ภุมราชจะขัด อลิซาเบธชิงเชื้อเชิญให้คุณหญิงศรีไปนั่งรถม้า “คุณแม่ขา เมื่อครู่ดิฉันนั่งรถผ่าน ถนนหนทางสู่ทางนี้แปลกตาไปมากค่ะ มีรถม้า รถมากกว่าเมื่อก่อน ห้างร้านพวกเจ๊กพวกแขกที่เคยเป็นเพิงตอนนี้ก็กลายเป็นห้องแถวมั่นคงและเยอะขึ้น ผู้คนก็แต่งตัวแปลกตาจนน่าตะลึง ดิฉันอยากให้คุณแม่ลองถนนใหม่ดูบ้างนะคะ แม้จะอ้อมไปโข แต่นี่อากาศก็ไม่ร้อนมาก เดี๋ยวดิฉันกลับเรือนด้วยเรือก็ได้ค่ะ”
           คุณหญิงศรีเห็นตามขึ้นทันที ภุมราชเลยได้แต่หม่นหมองไป มองตามอลิซาเบธและทุกคนแยกจากไป ราตรีเกาะไหล่บ่าวคนหนึ่งลงเรือตัวสั่นเทิ้ม


          ภุมราชจูงมารดาลงจากรถม้าขึ้นเรือน ไม่ทันได้นั่งพัก  ส้มป่อยคนสนิทของคุณหญิงก็รายงานเสียงขรม หัวเราะร่าเหมือนกลับจากดูละคร
         “อิฉันไม่คิดจริงๆ เจ้าค่ะ ว่าชาตินี้จะได้เห็นคนกลัวน้ำกลัวท่าจริงๆ ตอนแรกอิฉันนึกว่ายายเผื่อนมันเล่าเกินจริงที่ว่าแม่ราตรีอุ้มพ่อมนูญนั่งหมอบติดโคลนบนเรือตอนมานี่ครั้งแรก แทนที่จะนั่งปกติดูปลาดูนกอย่างใครเขา”
         “มันร้องไห้น้ำตาไหลลั่นเรือนล่ะซี” คุณหญิงเดา
          ส้มป่อยส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ มันตัวสั่นงกๆ เหมือนไข้จับ เกาะบ่าซุกไหล่อีผันไม่ยอมปล่อย จนอีผันนั่นแหละที่ร้องเพราะเจ็บ แม่ราตรีเลยก้มหน้ามุดพื้นเรือ พอเรืองโคลงหน่อย มันก็ยิ่งสั่นหนักยังกะผีเข้า แรกๆ พวกอิฉันก็ขำเจ้าค่ะ แต่เห็นมันสั่นนานเข้าก็เห็นใจ คุณอลิซาเบธเธอเลยให้นั่งซุกตัก นี่ต้องช่วยกันอุ้มมันออกจากเรือ คุณเรือนแหวนเธอว่า อีบ้านนอกเจ้าค่ะ”
         “บ้านนอกอะไรกัน พวกบ้านนอก มันเล่นน้ำกันโครมคราม” คุณหญิงบ่น แล้วอดเวทนาเรื่องคนกลัวน้ำไม่ได้ “อีราตรีนี้มันแปลกเด็ก แล้วป่านนี้มันผมร่วงโกร๋น จับไข้ตายไปแล้วหรือเปล่าไม่รู้ น้ำกำลังขึ้น เรือโคลงน่ากลัวกว่าตอนฤดูแล้งที่มันมานี่เสียอีก เอ็งเอายาหอมนี่ไปให้มันนะอีส้มป่อย กูกลัวมันตายจริง”
        “เจ้าค่ะ อิฉันว่ากลัวอย่างนี้แก้ยากนะเจ้าค่ะ กลัวผียังสวดมนต์ไล่ได้ แต่กลัวน้ำจะทำยังไง”
        คุณหญิงศรีโบกมือไล่บ่าว ให้เลิกหยุดพูดเรื่องคนกลัวน้ำ แล้วถามลูกชายตัวดี “วันนี้มีคนถามว่า ภุมราชมีเมียงามถึงสองคนเทียวหรือ ข้าล่ะขำนักที่เมียทั้งสองคนไม่ยอมกลับด้วย”
         ภุมราชลุกหนี “กระผมขอไปนอนดีกว่า ขอลาขอรับคุณแม่”
        คุณหญิงค้อนขวับ “นี่ข้าต้องไปประกาศคนหรือเปล่าว่ามีเมียงามสองคน แต่ลูกข้านอนคนเดียว”
        บ่าวหัวเราะคิกคัก แต่เจอสายตาเคืองๆ เขาเข้าเงียบลงทันตา
        ภุมราชไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียง แต่เขาไม่ได้คิดพักผ่อนอย่างที่บอก แสงวอมแวมจากเรือนอลิซาเบธ ชวนให้เขาคิดกลับไปง้องอนอีกหน่อย แต่ความโกลาหลของเรือนริมน้ำ ทำให้เขากับไปแอบดู เสียงเผื่อนบ่นโวยวายที่ราตรีไม่ยอมกลับรถม้าอย่างตอนขาไป อิ่มบ่นว่ากลัวแบบนี้นิมนต์พระมาไล่ผีก็ไม่ได้ และดุพ่อมนูญที่กวนแม่
        จนบ่าวจากครัวคนหนึ่งต้องอุ้มมนูญลงมานั่งปลอบเชิงบันได “โอ๋ แม่ราตรีป่วยนะพ่อมนูญ อย่าร้องกวนแม่ ให้แม่นอนก่อน เดี๋ยวแม่ก็หายแล้วมาสานปลาตะเพียนเล่นเต็มบ้านอีก นี่ไงปลาตะเพียน พ่อมนูญชอบไหม”
        เด็กน้อยพยักหน้า คว้าปลาตะเพียนมาแนบอกครู่เดียวก็ร้องหาราตรีอีก ภุมราชเห็นแล้วอนาถใจตัวเองนัก ที่ทำเรื่องเล่นโง่ๆ โดยไม่คิดไปว่าจะทำให้ใครเดือดร้อนไปขนาดนี้ เขาอยากพามนูญไปเรือนอลิซาเบธ แต่เกรงว่าวันนี้อลิซาเบธจะเหนื่อยเพราะเขาพอแล้ว
        เสียงร้องของมนูญสนิทไปจริง เขาจึงคิดกลับเรือน
        แต่เงาคนเคลื่อนไหววูบๆ ตรงลานต้นอโศก ดึงดูดสายตาคมกริบ “นั่นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้” คงต้องถือไม้ตะพดตลอดเวลาเหมือนคนอื่นๆ เสียที ภุมราชพยายามจับสายตาฝ่าความมืดตรงหน้า แต่หามีอะไรไม่ เดาว่าคงเป็นใครมาเก็บกวาดตอนหัวค่ำๆ อีกตามเคย เขาเดินดุ่มออกจากตรงนั้น


        เจ้าของบ้านลับหายพ้นไป ร่างที่หมอบติดพื้นดินแน่นิ่งจนเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งเงียบงันก็ลุกขึ้นยืน แต่เงาร่มอโศกก็ยังบดบังให้ทุกอย่างดูมืดมิด เขาชะเง้อมองไปทางเรือนริมน้ำ เสียงร้องของมนูญ และถ้อยคำดุว่าของสองยายทำให้เขาร้อนใจยิ่งนัก ราตรีไม่เคยมีความสุขสบายให้ยาวนานสักที
         เขาแหงนหน้ามองพระจันทร์เต็มดวง ก่นถามตัวเองในใจว่าปล่อยราตรีไว้อย่างนี้หรือพานางกลับไปอยู่ที่ที่มีคนรักแท้รอบๆ ตัวดีหรือไม่
         เสียงน้ำกระทบเปี่ยมฝั่ง ล้อเงาแสงจันทร์ในน้ำให้ขึ้นๆ ลงๆ จนบูดเบี้ยวราวกับจะบอกผู้พบเห็นว่า พระจันทร์ที่เด่นอยู่กลางฟ้านั้นเหนือและงามกว่าเงาที่ตกสะท้อนลงบนน้ำเป็นไหนๆ พระจันทร์ไม่อยากถูกยอมรับว่าบางครั้งภาพลวงน่าชื่นชมกว่าความจริงเป็นไหนๆ



        to love somebody??? oh no!!! to be continue!!!





Create Date : 22 กรกฎาคม 2553
Last Update : 22 กรกฎาคม 2553 14:13:42 น. 4 comments
Counter : 395 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ คุณ Assawat แล คุณ fiona ขอบคุณที่ตามอ่าน

ติติงกันได้นะคะ
.................


อิอิ ขอก๊อปเมนท์ ในถนนนักเขียนมาไว้นี้ด้วย เพราะในอนาคตจะลบกระทู้ในห้องถนนนักเขียนน่ะ


ความคิดเห็นที่ 5
อ่านแล้วให้รำคาญแม่ราตรีเป็นอย่างยิ่ง
ดูบุคลิกจะขัดกันอยู่มากทีเดียว
จากคุณ : scottie

ตอบ คุณ scottie กำลังคิดเหมือนคุณภุมราช


ความคิดเห็นที่ 7
คุณภุมราชทำหมาหยอกไก่ได้น่าหมั่นไส้มากค่ะ
มารอตอนต่อด้วยใจจดใจจ่อค่ะ
จากคุณ : Assawat

ตอบ คุณภุมราชเธอหง่าวเต็มทีแล้วค่ะ ราตรีจะเสร็จในไม่ช้านี้ แต่เคยประกาศไว้ว่าจะเมียเดียวเลยต้องไว้ลายอีกหน่อย


ความคิดเห็นที่ 8
เพิ่งสังเกตว่าภุมราชเรียก ธมราชว่าพี่ เท่าที่สังเกตจากเรื่องสี่แผ่นดิน
ลูกที่ไม่ไ้ด้เกิดจากเมียเอก แม้จะอายุมากกว่าก็มักจะเรียกชื่อ
เฉยๆนะคะ เช่น พ่อเพิ่ม แม่พลอย ส่วนลูกเมียเอกก็จะถูกเรียกว่า
คุณนั้น คุณนี้ อันนี้ลองไปเช็คดูอีกทีนะคะ ในนี้นะจะเรียกว่าพ่อธมราช
หรือเรียกชื่อธมราช เฉยๆ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะค่ะ

ปล.ยินดีค่ะ

จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan)

ตอบ ในสี่แผ่นดิน ส่วนตัวปลายเดือนคิดว่าอุ่นไม่ยอมให้ใครเรียกลูกเมียบ่าวว่าคุณเพื่อข่มว่าตนเหนือกว่าค่ะ มิใช่เป็นหลักว่าลูกเมียเอกต้องได้เป็นคุณ และขึ้นกับพ่อด้วยว่า... แยแสลูกๆ ตนแค่ไหน และตอนท้ายอุ่นก็กลับมาให้เกียรติเรียกพลอยว่าคุณพลอยค่ะ

แต่ในเรืองนี้ภุมราชให้เกียรติพี่ชายค่ะ และแม่ของภุมราชก็รักธมราชเหมือนลูก

ขอบพระคุณค่ะ


ความคิดเห็นที่ 9
อยากรู้เรื่องชีวิตราตรีก่อนมาอยู่บ้านนี้มากๆ
จากคุณ : Myguidingstar

ตอบ... ฮันแน่ เย้ เริ่มมีคนอยากรู้แล้ว คนเขียนดีใจๆๆๆๆๆๆ ราตรีมีความลับนะคะ ราตรียังเป็นเด็กก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไรกับความลับก็เลยออกมาเงอะงะหน่อย


ความคิดเห็นที่ 10
อืมๆ
จากคุณ : rainfull

ตอบ ๆมอื


ความคิดเห็นที่ 11
ชอบผู้ชายอย่างภุมราช อ่านยากดีค่ะ
จากคุณ : Mot_anoy

ตอบ คุณภุมราชน่าสงสารนะคะ นี่เมียก็งอน เดี๋ยวราตรีก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ช่วยรักแกต่อไปอีกหน่อย 555+



โดย: ปลายเดือน กันยา วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:16:39 น.  

 
เข้ามาดูทุกวัน วันนี้โชคดีได้อ่าน มนูญเนี่ยเหมือนไม่ใช่ลูกแม่ราตรีเลย ลงชีวิตแม่ราตรีเร็วๆ นะคะ


โดย: พีน่า IP: 111.84.7.247 วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:51:44 น.  

 
ใครมาแอบด฿น้อ


โดย: fiona IP: 202.124.89.32 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:14:36 น.  

 
มาเจอกันช้าไป แต่ ตามอ่าน ใน1 วันถึงตรงนี้แล้ววว

กำลังลุ้นเลยค่ะ ^^


โดย: MyloveisBlue วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:23:17:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.