เรือนรักภุมราช ตอนที่ 10

                 “เฮ่อ ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้เลยนะอีใบจิก ทำไมเอ็งไม่ห้ามแม่ราตรีเขา” โสภิตอาภาเอ่ยเมื่อได้ยินใบจิกเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เธอไม่ได้มาที่นี่หลาย กว่าจะได้มีโอกาสมาหาอีกก็เมื่อมนูญหายป่วยเริ่มวิ่งเล่นได้เหมือนเดิมแล้ว “ปล่อยให้ไปตบหน้าพี่ภุมราชเข้าก็ต้องเจอเป็นแบบนี้ คนในบ้านตบเจ้าบ้าน ต่อให้เรื่องสมเหตุก็เป็นการไม่ควร”
                ราตรีได้แต่รู้สึกผิดแม้โสภิตอาภาจะเข้าใจว่าแม่หวงลูกก็อาจรุนแรงได้
                “เอ๊ะ นั่นขวดอะไร” โสภิตอาภาชี้ไปที่ขวดยาสีดำๆ บนหิ้ง แล้วเขย่งขาขึ้นหยิบ “อ๋อ เจ้านี่เอง พอดีเลยกำลังต้องการ”
                ราตรีเห็นโสภิตอาภาแล้วตกใจตาลีตาเหลือก ยื้อจากมืออย่างว่องไว
                “โอ๊ย ขอใช้นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ” โสภิตอาภาโวยยกนิ้วเท้าให้ดู “สะดุดกราบเรือเมื่อครู่ ขอใส่แผลหน่อย”
                แต่ราตรีทำท่าขนลุก โสภิตอาภาถึงเข้าใจ “ยานี้มันก็ต้องแสบสิ ไม่ต้องห่วงน่า แสบแค่นี้ทนได้ เอามานี่” ขวดยาถูกแย่งคืน
                ราตรีมองด้วยความแปลกใจที่โสภิตอาภากล้าใช้ ‘ยาพิษ’ราดลงแผลที่นิ้วก้อยแล้วร้องเสียงดังทั้งเจ็บแสบทั้งขัน
                “โอ๊ย แส้บ แสบ อีใบจิกเอาพัดมาวีให้ข้าหน่อย”
                ใบจิกพัดไปขำไป ครู่เดียวก็หายแสบ โสภิตอาภาชมฝรั่งเปาะ “พวกฝรั่งนี่มันก้าวล้ำพวกเราชาวสยามเสียจริง ยามันแต่ละตัว ฉมังนัก ยาแก้ปวดกินถึงก็หายปวด ยาแผลใส่แล้วไม่เป็นหนอง วันก่อนท่านชายปวดเศียร แล้วกินอะไรไม่รู้ไปเม็ดหนึ่ง ครู่เดียวก็หาย ฉันล่ะทึ่งจริง ใครให้ยานี้มาล่ะราตรี”
                ราตรีเพิ่งรู้ว่านี่เป็นยาจริงๆ ภุมราชไม่ได้แกล้ง !
                “อ๋อ สงสัยวันที่ฉันชวนทำบ้านบนต้นไม้จนเสี้ยนไม้หมากตำมือนั่นเอง พี่ภุมราชล่ะสิ”
                ราตรีพยักหน้า คนึงถึงวันนั้นที่เอะอะกับเขาจนเขาลงเรือนไปทั้งเปียกปอนแล้วให้อายใจนัก
                เมื่อหมดเรื่องสนทนาใบจิกจึงพาทั้งหมดมาหาที่เล่นใหม่ ซึ่งเป็นลานทรายที่เพิ่งถมขึ้นมาห่างไกลคนในบ้านที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครพูดจากับราตรีหรือเล่นหัวกับมนูญแล้ว แต่ในไม่ช้าลานนี้คงจะถูกสร้างเป็นคอกม้า ตอนนี้รอให้ช่างก่อ ช่างไม้มาขึ้นโครงและรอชาวบ้านทำหลังคาอยู่


                 โสภิตอาภาบ่นเรื่องต้องไปอยู่ที่อื่นเร็วๆ นี้จนราตรีหมองลงไปอีก
                 “เจ้าอย่าเศร้าไปเลย เวลาฉันว่างฉันก็กลับมา แต่คงไม่เล่นแล้วล่ะ ถึงฉันจะอย่างนี้แต่พอทำงานทำการขึ้นมาฉันจะเป็นอีกคน” โสภิตอาภาชมตัวเอง ก่อนสอนสั่งเรื่องนาย “ราตรีอย่าไปเข้าใกล้คุณพี่ภุมราช ถ้าต้องเจอก็หมอบกราบซะให้เหมือนข้าทาสชาติที่แล้วไปเลย ให้มันรู้ไปว่าคุณจะยังใจร้ายไล่หรือเฆี่ยนได้ลง”
                  ใบจิกรีบสอด “ใบจิกไม่เข้าใจผู้ใหญ่เจ้าค่ะ คุณโสภิต”
                  “ไม่เข้าใจอะไรอีใบจิก เอ็งถามข้า ข้ารู้หมด บางเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่รู้ ข้ายังรู้ได้ ฮ่าฮ่า”
                  “แต่ที่จริงมันเป็นความลับเจ้าค่ะ” ใบจิกหันซ้ายหันขวา “ก็ที่ใบจิกได้มาอยู่เรือนแม่ราตรีไงเจ้าคะ”
                  ราตรีเริ่มตั้งใจฟังด้วย ส่วนโสภิตอาภาให้ความมั่นใจใบจิก “เล่ามาอีใบจิก ไม่มีความลับบนโลกใบนี้ โลกที่มีโสภิตอาภาอยู่ เดี๋ยวข้าจะหาคนช่วยปิดเรื่องที่เอ็งบอกข้า ฮ่าๆ”
                  ใบจิกหัวเราะคิก “ก็วันก่อนที่แม่ราตรีเสี้ยนไม้ตำเอา วันนั้นใบจิกล้างโรงเก็บถ่านอยู่พอดี ก็มีคนมาบอกว่าคุณภุมราชเรียกหา ให้ไปอาบน้ำด่วน ใบจิกตกใจแทบตายนึกว่าคุณภุมราชจะเอาเป็นเมีย !”
                  “ฮ่าฮ่า เอาเอ็งเป็นเมีย ลงไปนอนในโรงถ่าน ไม่สบายตัวกว่ารึ อีใบจิก” โสภิตอาภาขัดด้วยเสียงหัวเราะ
                  “อย่าเพิ่งขัดใบจิกสิเจ้าคะ ถึงใบจิกจะตกใจ แต่ก็ขัดตัวเป็นนานทีเดียวอยู่นานทีเดียว อิอิ”                   ใบจิกทำสายตาเคลิบเคลิ้มจนโสภิตอาภาเคาะกะโหลกทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ แล้วเล่าไปกุมหัวไป “แล้ว... คุณภุมราชก็บอกว่าให้ไปอยู่เรือนริมน้ำกับแม่ราตรีตอนกลางคืน แต่ไม่ให้บอกใครว่าคุณสั่ง กลางวันก็ทำงานอื่นเหมือนเดิม แต่พอหลังๆ คุณก็มาบอกใหม่ว่ากลางวันช่วยดูมนูญ และอย่าปล่อยให้ราตรีทำงานหนัก”
                  “อ๋อ... แสดงว่าคุณพี่เป็นห่วงแม่ราตรีกับพ่อมนูญ” โสภิตอาภาสรุป
                  “เจ้าค่ะ ถึงไม่เข้าใจอย่างไรล่ะ คุณโสภิต ก็คุณภุมราชทำเหมือนเป็นห่วง แต่ก็... เฮ่อ ไม่รู้ ตอนนี้แกไม่ถามเรื่องแม่ราตรีจากใบจิกอีกเลย ใบจิกก็ว่าทุกอย่างไม่น่าต้องเป็นความลับแล้ว นี่ก็รอว่าเผาศพยายเผื่อนเสร็จคุณอลิซาเบธจะพาราตรีไปอยู่ใหน”
                  “ผู้ชายก็คงเป็นอย่างนี้ นึกจะพึงใจก็อยากทำโน่นนี่ให้ พอไม่ถูกใจขึ้นมาก็ไล่” โสภิตอาภาพูดเหมือนผู้ใหญ่จริง “แต่ตอนนั้นคุณพี่ภุมราชอาจรักชอบแม่ราตรีก็ได้ เลยเป็นห่วงเป็นใย”
                  แม้ราตรีจะเข้าใจเสียทีว่าทำใบจิกถึงได้ขึ้นจากโรงถ่านมาอยู่กับเธอ แต่พอเดาออกว่าอาจเพราะเขาห่วงมนูญหรือไม่ก็กลัวเธอคบชู้สู่ชาย พาโจรเข้าบ้าน
                  ราตรีรีบเขียนบนทรายให้โสภิตอาภาอ่าน “คุณภุมราชสงสารมนูญ”
                  โสภิตอาภาอ่านแล้วรำพึง “แหม... อาจเพราะคุณพี่ติดใจเพราะเจ้าเป็นคนงามด้วย”
                  ราตรีรีบเขียนต่ออย่างรวดเร็ว “คุณภุมราชไม่ชอบใจแม่ม่ายลูกติด ว่าน่ารังเกียจ”
                  โสภิตอาภาอ่านแล้วทำหน้าไม่เชื่อ ราตรีชี้ไปที่ชื่อภุมราช แล้วใช้สองมือกดแขนใบจิกให้ดูพร้อมหน้าตาขมึงทึง ใบจิกเป็นคนเดาอากัปกริยานั้น “คุณภุมราชเคยทำร้ายแม่ราตรีด้วย ?”
                  ราตรีพยักหน้า เขียนลงครั้งสุดท้าย “คุณภุมราชเกลียดราตรี”
                  ใบจิกฟังที่โสภิตอาภาอ่านทั้งหมดแล้วรำพึง “เฮ่อ นี่แหละ เห็นไหมเจ้าคะ คุณโสภิตเจ้าขา ใบจิกถึงว่าผู้ใหญ่คิดอะไรไม่รู้ ถ้ารักแล้วทำร้ายทำไม ถ้าเกลียดแล้วทำไมต้องให้ใบจิกแอบช่วยเหลือ นี่พอแม่ราตรีคุมโมโมไม่อยู่ต่อสู้เข้าหน่อย ก็กลัวเสียเกียรติจนไล่แม่ลูกอ่อนดึกๆ ดื่นๆ”
                  ใบจิกรอคำดีๆ จากโสภิตอาภา แต่เจ้าตัวกลับเงียบลงครู่หนึ่งจึงพูดเหมือนเหม่อลอย
                  “ข้าก็เห็นด้วยกับเอ็ง อีใบจิก ผู้ชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ พอคิดถึงก็มาบอกว่ารัก ยอมมาคุยมาเล่นด้วยเป็นวันๆ แล้วเวลาหายๆ ไปไม่ส่งข่าวคราวแปลว่าไม่รักหรือเปล่าไม่รู้ ปล่อยให้ผู้หญิงรอคอย”
                  ใบจิกรีบถาม “ท่านชายฉัตรชัยชัชวาลก็เป็นอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
                  “ใช่ ตรัสว่าข้าปากเสียแค่ไหน ก็บอกว่าไม่มีวันหน่าย นี่ก็มาหายไปตั้งแต่ข้างแรมที่แล้ว” โสภิตอาภาคงคิดถึงหม่อมเจ้าฉัตรชัชวาลจริงๆ หน้าตาหมองลง
                  “อ้าว คุณโสภิตเจ้าขา ก็คนของคุณหญิงบอกว่าพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระประชวร พวกข้ารับใช้บางคนไม่ออกจากวังสวนดุสิตเป็นเดือนๆ คุณหญิงศรีก็ต้องเข้าไปถามข่าวคราวจากพวกในวังออกบ่อย คุณภุมราช คุณธมราชยังไม่ค่อยกลับเรือนเลย บางวันก็กลับเมื่อมืดค่ำไปแล้ว แล้วท่านชายรับใช้ชิดใกล้ขนาดนั้นจะว่างมาเล่นกับคุณโสภิตหรือเจ้าคะ”
                  “ข้ารู้...”
                  ราตรีมองโสภิตอาภาอย่างแปลกใจ ถ้าโสภิตอาภารู้แล้วทำไมยังทำเหมือนเจ็บปวดที่ท่านชายไม่มาหา และเธอยังจำได้ที่เจ้าตัวทำท่ารังเกียจรังงอนท่านชายไข่ปอกนักหนา ทำไมถึงมาทำท่าคิดถึงเช่นนี้


                  ชะรอยโสภิตอาภาก็เป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว จึงเข้าใจยากพอกัน มีแต่เธอกับใบจิกที่ยังเป็นเด็ก...



                  “พวกเด็กที่ไหนมาเล่นตรงนี้ ออกไปให้พ้นๆ เขาจะก่อโครงเรือนคอกม้ากันแล้ว” คนดูแลคอกม้าและรถม้าของภุมราชมาตะโกนทำลายความเงียบไล่ทุกคน
                  โสภิตอาภาเริ่มคลายหมองกลับมาฉอดๆ ใส่ช่างพวกนั้น “เชอะ หวงจริง ขอเล่นอีกสักวัน พ่อจะมาทำคอกม้าเอาวันนี้ ไปก็ได้ !”
                   “อ้าว คุณโสภิตอาภาเองดอกหรือขอรับ กระผมขออภัยขอรับ” นายช่างเลิกทำหน้าดู ยิ้มประหลกๆ แทน
                   “เชอะ ทำงานกันไปเถอะย่ะ” โสภิตอาภากฉุดแขนราตรีกับใบจิออกจากตรงนั้น “ไป ราตรี ฉันกับอีใบจิกจะสอนให้แม่รู้จักเสน่ห์ของสายวารี ท่านชายไข่ปอกเสด็จมาเมื่อไหร่จะพานั่งเรือพายเรือได้ให้ได้ ฉันจะไม่ชวนเล่นไร้สารอีก”
                   ทั้งสามดรุณหายลับไปก่อนที่ร่างภุมราชที่เห็นไกลๆ จะมาถึง



                    ภุมราชมาทันเพียงเห็นหลังเด็กสาวสามคน กับข้อความบนพื้นติดๆ กัน เขาจำลายมือได้ว่าของใคร นี่คงเป็นลายมือราตรีเขียนบอกโสภิตอาภา เขาอ่านด้วยความประหลาดใจ
                  'คุณภุมราชสงสารมนูญ'
                  'คุณภุมราชไม่ชอบใจแม่ม่ายลูกติด ว่าน่ารังเกียจ'
                  'คุณภุมราชเกลียดราตรี'
                  สามดรุณีคุยเรื่องใดกัน ราตรีถึงต้องเขียนถึงเขาเช่นนี้ อยากจับมาบีบคอเสียจริง เขาเอาไม่เขี่ยๆ ลบรอยเขียนด้วยเกรงว่าบ่าวจะมาเห็น แต่ประโยคกลาง“คุณภุมราชไม่ชอบใจแม่ม่ายลูกติด ว่าน่ารังเกียจ”ทำให้เขาย้อนหันไปมองพฤติกรรมที่ล่วงผ่าน เขามีส่วนกระทำให้ราตรีหรือแม้กระทั่งอลิซาเบธ รับรู้ความคิดบางส่วนของเขาเรื่องนี้ผิดไปจริง แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด
                 ‘เข้าใจผิดไปเองทุกอย่างนี่เอง ถึงได้โมโหกราดเกรี้ยวใส่กันนัก นึกว่าตัวเองฉลาดหรือไร’
                 เมื่อช่างไม้เริ่มลงมือวัดขนาดและขุดหลุมเตรียมขึ้นโครงก่อสร้างรับม้าที่จะส่งมาเร็วๆ นี้ ไปได้ครึ่งทาง ภุมราชก็เดินอ้อมไปยังหลังเรือนใหญ่ที่มีดงดอกรักและพุ่มราตรีเต็มไปหมด เมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นที่วิ่งเล่นของเขาและน้องๆ ตามบิดา ตอนนี้กลับมีดอกรักขึ้นหนาแน่นกว่า
สามดรุณมาหาที่เล่นใหม่อยู่นี่เอง เขาเงี่ยหูฟัง


                 “ใบจิกเก็บดอกรักไปให้พวกที่ทำพวงมาลัยที่เรือนคุณอลิซาเบธดีกว่า มันตูมกำลังดี ไม่บานเสียทีเดียว”
                 ราตรีกับโสภิตอาภาเออออทันที ขมีขมันช่วยกันเก็บ มนูญอยู่บนหลังราตรี กอดคอจนเสื้อเก่าๆ ของราตรีรั้งไปข้างหลัง เขาเห็นผิวหน้าท้องขาวนวลเนียนโชว์ต่อสายตา ดูราตรีจะไม่ระมัดระวังเมื่ออยู่กับคนวัยเดียวกัน ภุมราชยืนอกสั่นไพล่นึกไปถึงวันที่เขาเห็นเธอเล่นกับยายเผื่อนจนผ้าผ่อนหลุดลุ่ยแล้วให้ยิ้มออกมา
                 นึกหวั่นใจขึ้นมา ว่าถ้าราตรีหายออกจากบ้านไปเมื่อวันก่อน ป่านนี้จะไปตกทุกข์อยู่ที่ไหน เขาลืมเคียดแค้นเรื่องถูกตบหน้า ละสายตาจากราตรี เดินกลับไปหาอลิซาเบธ


                 เขาอยากบอกให้อลิซาเบธสั่งให้ราตรีอยู่ที่นี่ อย่าให้ไปไหน แต่ไม่ทันได้พูดสิ่งใด อลิซาเบธบอกข่าวเสียก่อน
                 “ท่านบาทหลวงเจ็บหนัก คงส่งราตรีกับลูกไปอยู่ด้วยไม่ได้ ให้ราตรีอยู่ที่นี่ต่อสักระยะนะคะ ดิฉันสงสาร ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครชอบมันอย่างเมื่อก่อน มาที่นี่คนก็กันไม่ให้พบดิฉัน คุณแม่ก็เคืองว่ามันใจกระด้าง ส่วนแม่เรือนแหวนกับทัศนายิ่งแล้วใหญ่ ถ้าผลักได้คงผลัก นมอิ่มก็มึนชาใส่เพราะยายเผื่อนก็ไม่อยู่ด้วยเสียแล้ว”
                 “ก็ตามแต่จะจัดการ ฉันยกราตรีให้เป็นสมบัติเมียฉันแล้วนี่” ภุมราชทั้งโล่งใจทั้งรู้สึกประหลาดเหมือนดีใจ แต่ยังพูดถึงดังประชด “ก็เห็นเล่นกันดีกับอีใบจิก คุณโสภิต ตรงแถวคอกม้า ไม่เห็นจะทุกข์ใจ”
                  “ราตรียังเด็ก ทุกข์ง่ายก็หายง่าย ว่าแต่คุณพี่มานี่เพราะเหตุใดคะ ไหนว่าจะดูคอกม้า”
                  “ก็...” ภุมราชอึกอัก แต่ไม่นานก็นึกเรื่องที่จำเป็นต้องบอกได้จริงว่ามีสาส์นสั่งจากในกรมให้เขาเตรียมการออกไปหัวเมือง เพื่อการขยับขยายสร้างถนนหนทางไกลจากพระนครและคงต้องค้างเสียหลายคืน




                  “จะไปเที่ยวชมตลาดกันหรือว่านั่งแหมะอยู่นี้ งั้นฉันจะพามนูญกับใบจิกไปกันเอง แม่รออยู่นี่แล้วกัน”
                  โสภิตอาภาเป็นคนแบกมนูญขึ้นจากเรือที่จอดสนิทเสียเอง เพราะขัดใจราตรีที่รูปร่างสูงสง่ากว่ากว่าใคร แต่กลับมีท่าทางเงอะๆ งะๆ ขึ้นจากเรืออย่างเก้ๆ กังๆ ขึ้นมาแล้วก็ยังนั่งเขาอ่อนอยู่สะพานไม้พักหนึ่ง จนใบจิกผูกเรือเสร็จแล้วก็ยังไม่ลุก ใบจิกเอายาหอมให้ดมๆ
                  แม้ฉัตรชัยชัชวาล โสภิตอาภากับใบจิกจะทั้งบังคับทั้งปลอบให้ราตรีกล้านั่งเรือ และใบจิกทั้งกราบทั้งฉุกเล่นน้ำจนเกือบหายจากการกลัวน้ำบ้างแล้ว และพอประคองตัวเองในน้ำได้แล้ว แต่ราตรีก็ยังเข่าอ่อนอยู่ทุกครั้งเมื่อต้องลงเรือลงน้ำ ที่นั่งมาเมื่อครู่ก็โดนโสภิตอาภาแกล้งทำเรืองโคงเคลงจนยิ่ง กลัวผิดกับใบจิกและมนูญที่เอาแต่หัวเราะสนุกสนาน
                  “สมัยก่อนตลาดนี้ยังมีแม่ค้าไม่กี่เจ้าเลย เอ็งจำได้ไหมอีใบจิก มาตอนนี้ข้าวของเต็มไปหมด” โสภิตอาภาชี้เพิงที่มีเข่งปลาทะเลสดตาแป๋วให้มนูญดู
                  “ใช่เจ้าค่ะ เมื่อก่อนอิฉันตามแม่ครัวมา ตอนนั้นยังกลัวเจ๊กขายถ่าน เพราะเขาว่าหน้าดำอย่างอิฉันระวังคนจะคิดว่าเป็นถ่าน เผลอหยิบโยนใส่เตาไฟ”
                  “ฮ่าฮ่า แต่ตอนนี้เจ้าไม่ดำอย่างเมื่อก่อนนัก อีกหน่อยแผลเป็นจางลง เอ็งคงมีผัวเหมือนใครเขานั่นแหละ”
                  ใบจิกอายม้วนต้วนชวนขัน โสภิตอาภาชวนกันดูส้มสูกลูกไม้ป่าแปลกๆ ไปฝากมารดา มนูญจึงลงจากไหล่มาอยู่ที่ราตรี
                  “ซื้อนี่ให้น้องชายสิจ๊ะ น้องสาวคนสวย” แขกยื่นของเล่นสีแสบตาให้ราตรี
                  “นี่ลูกเขาดอกจ้ะ ไม่ใช่น้อง” ใบจิกรีบแก้ 
                  แต่แขกหาเชื่อไม่ “อีนี้กลัวจีบหรือจ๊ะนาย ไม่จีบลูกนายๆ ดอกจ้ะ ไม่ต้องกลัว แต่งามมากนะจ๊ะ”
                  ราตรีได้แต่ยิ้มขำๆ ให้กับแขกเครารกๆ หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มนั่นทำให้แขกมองจนตาแทบไม่กะพริบ จนโสภิตอาภากลับมาพร้อมชะลอมผลไม้ พลอยช่วยดูของเล่นให้มนูญด้วย


                 พลันก็มีเสียงทักทายเยาะเย้ยขึ้น...


                 “มายั่วผู้ชายกันถึงตลาดเลยนะอีราตรี เลือกหนีตามไปสักคนสิ” ทัศนากับบ่าวสองคนมายืนเอาเสียใกล้ ทักทายราตรีอย่างมะนาวไม่มีน้ำ “หน้าด้านจริง คุณพี่ภุมราชไล่ไปแล้วก็ไม่ยอมไปหน ไม่ใช่ญาติเสียหน่อยแล้วยังมาอยู่บ้านเขา”
                 “คุณทัศนา !” โสภิตอาภาเรียกอย่างเหลืออด “คุณพี่ภุมราชไล่เพราะโกรธ ไม่ได้ไล่เพราะเห็นราตรีเป็นคนนอกเรือน ถ้าไล่เพราะเป็นคนนอกเรือน คุณพี่คงไล่คุณทัศนาก่อนใครเจ้าค่ะ มาอยู่อย่างนายทั้งที่ไม่ได้สืบเชื้อเดียวกัน งานการอะไรก็ไม่ช่วยเสียหน่อย หลานเองก็ไม่ยอมช่วยเลี้ยง”


                 “คุณโสภิต เกี่ยวอะไรกับคุณ ?”


                 “ไม่เกี่ยว แต่เถียงแทนคนใบ้เท่านั้นเอง ราตรีไม่ได้มายั่วชายที่ไหน ฉันลากมาเป็นเพื่อนซื้อข้าวของเพราะไม่อยากพาบ่าวที่บ้านมา ขี้เกียจอวดแม่ค้าว่าเป็นนายมาซื้อของกับบ่าว เชอะ”
                 “ไม่รู้สิเจ้าคะ เห็นอีราตรีชะม้อยชะม้ายชายตาไปทั่ว” ทัศนาไม่ลดละ
                 “พูดไม่ได้ ก็ต้องยิ้ม จะให้บึ้งตึงหรือกระไร อีกอย่างนะเจ้าคะ ราตรีเขาไม่จำเป็นต้องหาผัวที่ไหนอีก ขนาดมีลูกแล้วนั่งเฉยๆ ผู้ชายก็วิ่งเข้ามา คุณทัศนานั่นแหละต้องพยายามเพราะปูนนี้แล้วยังหามีใครหันแลไม่ ยิ้มให้ชาวบ้านชาวช่องเสียมั่ง เผื่อใครจะคิดเอาทำเมีย”


                 “คุณโสภิต พูดดั่งคนปากตลาด”


                 “ก็อยู่ในตลาด” โสภิตอาภาชาเฉยกับคำด่าว่า
       
                  ทัศนาหน้าคว่ำ หันมองไปทางพ่อค้าแขก จะตวาดให้ดังถ้าหากแอบมองเธออย่างที่มองราตรี แต่หาได้เป็นเช่นคิดไม่ แขกหลบหน้า ทำทีขัดไม้ถูไม้เหมือนหวาดกลัวที่จะเห็นหน้าเธอ ทัศนาหงุดหงิดนัก
                  “พวกนิยมแต่ความสวย ไม่รู้แยกแยะผู้ดีกับไพร่” แล้วก็กระทืบเท้า เดินนำบ่าวที่ยังเหล่ตาเมียงมองพ่อค้าแขกหล่อเหลาจนตาแทบหลุด
                 แขกมองตามหลังทัศนาแล้วพึมพำอย่างคะนองปากกับพ่อค้าข้างๆ “ตลาดนี้มีทั้งลูกเจ้า ลูกนางงิ้วมาดูชมนะนาย ช่างน่าทำมาค้าเสียจริงๆ อาบังชอบนะนาย” 
                 โสภิตอาภากับใบจิกหัวเราะคิกคัก เพราะมั่นใจว่าแขกไม่มีวันเห็นราตรีหน้าตาสวยเกลี้ยงเกลาหรือใบจิกหน้าปรุแผลหรือคนหน้าตาธรรมดาแบบเธอเป็นลูกนางงิ้ว เท่ากับทัศนาแน่ๆ 
                 ทั้งสามเลือกของเล่นให้มนูญ และตะกร้าหวายไปฝากนมอิ่มได้ครู่เดียว ก็มีเสียงคนกรีดเสียงร้องไห้โหยหวนมาจากต้นทางเข้าตลาด ความดังชัดๆ เข้า ทุกคนก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน แม้แต่แขก เจ๊ก ที่เป็นพ่อค้าอยู่แถบนั้น พ่อค้าแม่ค้าพร้อมใจกันนั่งลงคุกเข้าประนมมือเงยหน้ามองเบื้องสูง คร่ำครวญร้องไห้เสียงขรมไปทั่ว บางคนทิ้งตะกร้าจับจ่ายข้าวของลงเกลือกกลิ้งกับพื้น


                 “พระพุทธเจ้าหลวง สวรรคตแล้ว ข้าแผ่นดินจะอยู่อย่างไรกันเจ้าข้า...”


                 ใบจิกได้ยินเข้าก็เข้าใจ เริ่มนั่งลงคุกเข่าร่ำไห้เช่นกัน แต่โสภิตอาภาฉุดแขนให้ลุกขึ้น


                 “อีใบจิก ข้าต้องกลับบ้านด่วน ป่านนี้คุณแม่คงตามให้ควั่กแล้ว ข้าต้องตามคุณแม่เข้าวังสวนดุสิต”
                  จริงตามคำของโสภิตอาภา เพราะที่ท่าเรือหลังวัด บ่าวของเธอกำลังจอดเรือมารอรับตัวไปอย่างรีบเร่ง ทิ้งให้ราตรีและมนูญนั่งเรือที่มีใบจิกพายคนเดียว ใบจิกร่ำไปพายไปจนมนูญเงียบกริบด้วยความไม่เข้าใจ
                 แค่เห็นต้นจิกรำไรโดยไม่ทันถึงท่าน้ำหลังบ้าน ราตรีก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญไม่ต่างจากผู้คนในตลาด บ่าวไพร่บ้านภุมราชก็ส่งเสียงโศกาพอกัน นมอิ่มและคนเฒ่าคนแก่คงขึ้นเรือนไปหาคุณหญิง ต่างคงจะปลอบใจกันและกัน ใบจิกถูกเรียกเข้าโรงถ่าน
                 บ่าวที่รู้การอยู่บ้างเริ่มสั่งให้ทุกคนเริ่มหาผ้าสีดำเพื่อแต่งไว้ทุกข์แก่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ใบจิกจึงทำหน้าที่ช่วยบ่าวชายขนถ่านเข้าลานหน้าครัว ตั้งหม้อต้มน้ำย้อมผ้า จนหน้าตาดำมันและกลับไปมอมเหมือนเดิม



                วันต่อมาคุณหญิงศรี เรือนแหวน และทัศนา ตามธมราชเข้าร่วมพิธีสักการะพระศพในวัง แต่ภุมราชนั้นไปราชการหัวเมืองเสียก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว คงอยู่ระหว่างเดินทางกลับเพื่ออย่างน้อยก็ให้ทันพิธี อลิซาเบธไม่สามารถร่วมงานเช่นนี้ได้ตามเคย ปิดเรือนสวดอธิษฐานอยู่คนเดียวไล่บ่าวทุกคนให้มาช่วยงานนมอิ่ม
                 ราตรีเศร้าใจหดหู่ไม่ต่างกัน แม้ไม่ได้ช่วยงานสิ่งใดนัก เพราะทุกคนอยู่ในภาวะเศร้าหมองไม่อาจมัวมาสื่อความกับคนที่พูดไม่ได้ แต่ราตรีก็ยังได้ช่วยดูแลเปี่ยมกับป้อง เพราะพวกพี่เลี้ยงของคู่แฝดต่างก็อยู่ในอารมณ์เศร้าโศกลืมโกรธเคืองหรือรังเกียจราตรี ปล่อยให้เปี่ยมกับป้องเล่นกับมนูญ และบางครั้งถึงกับวานให้ราตรีเฝ้าแฝดจนหลับ
                 ข้าแผ่นดินสยามไม่ว่าชนชั้น ศาสนาใดล้วนตกอยู่ในภาวะเศร้าหมอง และหวนคิดถึงคุณประโยชน์ที่พระพุทธเจ้าหลวงได้ประทานต่อแผ่นดิน ยังผลให้ความโกรธเคืองขัดใจกันระหว่างผู้คนจางลง


                พระราชพิธีสักการะศพยังคงดำเนินโดยให้จะมีการเก็บพระศพไว้ถึงหนึ่งปีเพื่อให้เจ้าฟ้าฯ และข้าแผ่นดินสยาม ณ แดนไกล ได้กลับมาสักการะเท่าเทียมกันกับชาวพระนคร ประชาชนยังตกอยู่ในภาวะซึมโศก และพร้อมใจกันแต่งกายชุดดำกันทั้งสยามจนกว่าจะถึงวันถวายพระเพลิงศพ ทุกมุมในบ้านภุมราชก็ยังตกอยู่ในความเงียบเชียบ ไม่มีเสียงบ่าวร้องเพลงยาวเมื่อนายไม่อยู่ เด็กๆ ส่งเสียงเอะอะเพียงนิดก็ถูกดุให้หยุด
                  บ้านไม้บนต้นมะม่วงถูกปล่อยให้ร้าง โสภิตอาภาหายไปตั้งแต่เสด็จสู่สวรรคาลัยของพระพุทธเจ้าหลวง ใบจิกไปจมเจ่าอยู่กับกองถ่าน กลับมาให้ราตรีกับเมนูญเห็นหน้าก็ยามค่ำคืนด้วยใบหน้าเหนื่อล้าเศร้าหมอง
                   ทัศนาเก็บตัวอยู่ในบ้านเลิกเกรี้ยวกราดผู้คน ส่วนอลิซาเบธกับเรือนแหวนก็ช่วยงานคุณหญิงศรีต้อนรับแขกนายจากหัวเมืองซึ่งพากันเดินทางมาไกลแสนไกล เพื่อเข้าร่วมระลึกต่อพระเจ้าแผ่นดิน และพักอยู่บนเรือนใหญ่ เป็นเหตุให้พี่เลี้ยงของเปี่ยมป้องต้องร้องขอให้ราตรีที่เต็มใจช่วยดูแลแทน
                   แขกเมืองเริ่มทะยอยกลับไป แต่ราตรีก็ยังอยู่เล่นหน้าชานเรือนของเรือนใหญ่จนกระทั่งป้องกับเปี่ยมหลับ ราตรีจึงแบกมนูญกลับเรือนริมน้ำ
                   เหตุการณ์เป็นเช่นนี้จนเรือนแหวนต้องเริ่มมองราตรีใหม่ เพราะรู้เรื่องภุมราชตัดขาดราตรีไปแล้ว ลูกชายฝาแฝดเธอก็ติดราตรี เพราะราตรีพูดไม่ได้จึงพยายามเอาใจเด็กทุกอย่าง ไม่คิดกวนมารดาแม้แต่น้อย แม้เรือนแหวนจะไม่คิดเอ่ยขอบใจราตรีแต่การยอมให้ราตรีขึ้นเรือนให้เด็กสามคนชิดเชื้อกัน ราตรีก็เห็นเป็นบุญคุณล้นเหลือ


                 ครั้งหนึ่งเรือนแหวนจ้องมองมนูญด้วยความใคร่รู้


                “วันที่ข้าเข้าไปสักการะพระศพในพระบรมหาราชวัง ข้าเห็นลูกชายของพระยาวชิรชา ฉันว่าพ่อมนูญก็มีเค้าหน้าไปทางนั้น แสดงว่าพ่อมนูญที่ก็คงมีศักดิ์เป็นปู่ของลูกข้า แต่ข้าก็แปลกใจที่ได้ยินคนที่ตามลูกชายท่านมาคุยกับต้นห้องคุณแม่บอกว่าเจ้าไม่ได้เป็นเมียพระยาเสียหน่อย”


                 ราตรีได้แต่ยกมือไหว้เรือนแหวนแล้วนั่งก้มหน้าชิดอกตามเคย


                 เรือนแหวนบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้านี่จะไม่ชวนให้ข้าหมั่นไส้ได้อย่างไร ชอบทำตัวเหมือนสาวไร้เดียงสา แต่บางทีก็อย่างทัศนาว่า เจ้าทำเหมือนมีลับลมคมในเหมือนคนผ่านโลกมาร้อยปี”                 


                 แต่เมื่อเห็นป้องกับเปี่ยมแย่งกันปีนขึ้นหลังราตรีอย่างมีความสุขแล้วก็อ่อนใจ เปลี่ยนไปออกปากเรื่องให้ราตรีหยิบเสื้อผ้าของคู่แฝดที่ใส่ไม่ได้แล้วไปให้มนูญ “สมัยนี้ผู้คนเขาแต่งเหมือนๆ กัน ไม่แบ่งเจ้าแบ่งนายนักแล้ว เจ้าเลือกหยิบไปดู”
                 ราตรีไหว้ขอบคุณอีกครั้ง เรือนแหวนก็ปล่อยให้เด็กๆ เล่นกันต่อ ตัวขอเข้าไปฟากเรือนคุณหญิงเพื่อปรึกษาเรื่องช่วยดูแลงานเรือน เพื่อการรองรับญาติต่างเมืองในอีกหลายเดือนข้างหน้าระหว่างพิธีพระราชทานเพลิงศพฯ


                  พ้นร่างเรือนแหวนไป ราตรีก็กลายเป็นเครื่องเล่นให้เด็กๆ ทั้งสามคนปีนป่ายกันสนุกสนาน


อ่านต่อใน ความคิดเห็นที่ 1 (เพื่อจบบที่ 10)




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2553
2 comments
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 12:31:36 น.
Counter : 290 Pageviews.

 

                  ภุมราชลงจากรถม้าอย่างจิตใจไม่ต่างจากวันแรกที่เขาต้องรีบกลับจากหัวเมืองเพื่อเข้าร่วมพิธีรดน้ำพระศพฯ พวกข้าราชการในสังกัดกรมเดียวกันต่างก็ไม่กะจิตกะใจทำงานกันนัก แม้จะสิ้นพระเจ้าแผ่นดินไป แต่พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่คือแรงใจให้ยังคงต้องทดแทนคุณแผ่นดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
                 วาดเท้าตรงรี่ไปยังเรือนอลิซาเบธเช่นทุกคราว เห็นวับวอมแวมของแสงเทียนที่ถูกจุดขึ้นข้างๆ พระคัมภีร์คริสเตียน ก็ให้กลุ้มใจและท้อใจในความรักของตนกว่าวันใหนๆ แต่เขายังตัดสินใจเดินขึ้นไป
                 อลิซาเบธเอ่ยทักก่อนเสียงนุ่มนวล “คุณพี่ภุมราช ไม่ไปพักผ่อนเลยหรือคะ หรือที่กรมมีเรื่องให้ต้องคิด”
                 “ข้าอยากอยู่กับเมียนี่” เขานั่งลงชิดใกล้ กุมมือเมียมาแนบแก้ม
                 แต่อลิซาเบธดึงมือกลับชวนหาเรื่องคุย “เรื่องงานในกรมคุณพี่คงวุ่นน่าดู การผลัดเปลี่ยนพระเจ้าแผ่นดินแห่งสยาม คงต้องหมายถึงการเปลี่ยนอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่โบสถ์ปรารภกันว่าพระราชวังอาจเปลี่ยนเช่นกัน”
                 “งานแผ่นดินก็ยังอยู่ในหพระบรมมหาราชวัง แต่พระราชวังที่ประทับอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่พวกฝรั่งจะรู้ไปกว่าชาวสยามได้เช่นไร”
                 “พวกฝรั่งไม่รู้เองค่ะ ล้วนมาจากปากชาวสยามแท้ๆ”
                 “เราอย่าคุยเรื่องนี้เลยอลิซ เราเป็นผัวเมียกันหาใช่ข้าในกรมไม่ ฉันทุกข์ใจเรื่องพระเจ้าแผ่นดินสววรคต กับปัญหาการขยายหนทางสู่หัวเมืองอาจหยุดชะงักเพราะการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน”
                  “เพราะชาวสยามยึดมั่นในพระเจ้าแผ่นดินมากเกินไป เมื่อสิ้นรัชกาลทุกอย่างจึงพลอยชะงักงันง่ายดาย  ระบบการงานจะดีได้เช่นไร เมื่อขุนนางต้องฟังความจากคนที่มีโอกาสเพ็ดทูลพระเจ้าแผ่นดินมากกว่าผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่และชำนาญงานโดยแท้จริง”


                 ภุมราชแตะปากเมียรักให้หยุด “หยุดเจรจา... อลิซ เจ้าไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมด”


                “ไม่รู้แต่เดาได้ง่ายดายเจ้าค่ะ ชาวสยามไม่ได้ฟังตามตำแหน่งตามกระทรวงกัน เมื่อมีการเปลี่ยนแผ่นดินข้าแผ่นดินต้องหันไปฟังความของผู้ที่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ มันจะไม่เสียงานเสียการได้อย่างไรล่ะคะคุณพี่ และการกระทำเยี่ยงนี้ย่อมไม่ต่างจากชาวสยามไม่รู้จักโต ทุกอย่างต้องขึ้นกับพ่อของแผ่นดิน ไม่มีหลักทำงานที่เป็นแก่นสาร”


               ภุมราชทนฟังต่อไม่ได้ เรียกเสียงเข้ม “อลิซาเบธ ! วาจาเจ้ากำลังจาบจ้วงแผ่นดิน เจ้าเป็นชาวสยามกึ่งหนึ่ง แม้เจ้าจะเข้ารีตไม่เห็นด้วยกับความเชื่อแห่งชาวสยามทั้งมวล เจ้าก็ไม่ควรบังอาจ...”
               “ขออภัยเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายความไปเช่นนั้น พระเจ้าแผ่นดินให้ความค้ำจุนแก่พี่น้องคริสเตียนอย่างดีค่ะ แต่สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริงไม่ใช่หรือคะ ชาวสยามทุกข์โศกจนเสียงานการ บ้างก็กระทำดั่งไม่ดีใจที่ได้พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่”
                “อลิซาเบธ ฉันชื่นชมความเป็นปึกแผ่นของระบบใหม่ๆ ไร้กษัตริย์อย่างประเทศอเมริกาของพ่อตาฉัน แต่ฉันเห็นควรว่าเราหยุดเรื่องนี้เถอะ ชะรอยความคิดอลิซาเบธจะต่างไปจากฉันหลายเรื่อง” ภุมราชพยายามใจเย็น สายตาชำเลืองหนังสือคำสอนเล่มหนา “หรือในนั้นจะพูดถึงการปกครองของชาวสยามไว้ด้วย หืม ?”
                “หาได้กล่าวถึงชาวสยามโดยตรงไม่ แต่ในนี้มีหลักที่เหมาะสมในการปกครองแผ่นดิน หลักที่เหมาะต่อคนทั้งผอง ไม่ว่าชนชั้นใด มีเพียงพระเจ้าเดียว”
                 ภุมราชเอ่ยอย่างเคือง “เห็นทีฉันจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปโบสถ์อีก”
                 แต่อลิซาเบธยิ้มรับ “ไม่เป็นปัญหาค่ะ พระเจ้าอยู่ในใจฉัน และฉันทำใจไว้แล้วว่าความเชื่อของดิฉันไม่ถูกใจคุณพี่”
                 “ข้ายินดีฟังเจ้าทุกเรื่อง แม้แต่ความคิดที่อาจทำให้เจ้าหัวกุดเมื่อมันหลุดเข้าหูข้าแผ่นดินคนอื่น แต่นี่ข้าทนไม่ได้ที่เจ้ากระทำดั่งหมิ่นแผ่นดินสยาม ในยามที่ผู้คนทุกข์โศกเช่นนี้”
                “ฉันเกิดในแผ่นดินสยาม แม่ฉันเป็นชาวสยาม แต่เห็นชาวสยามตกอยู่ในความเชื่องมงาย คนป่วยถูกพาไปสาดน้ำให้ผีออก เอาของสกปรกมาร่ายมนต์แล้วพ่นลงบนผิวจนแผลเน่าเปื่อย แล้วให้อนาถใจค่ะ ว่าความเชื่อเหล่านี้จะหาทางปัดเป่าได้อย่างไร นอกจาก... ”
                 “เข้ารีตอย่างเจ้า !” ภุมราชเอ่ยขัด
                 อลิซาเบธยิ้มอ่อนโยน “คุณพี่กลับขึ้นเรือนไปนอนเถอะเจ้าค่ะ”
                 “ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” ภุมราชไม่สบอารมณ์ทั้งเรื่องที่อลิซาเบธเจรจาดั่งหมิ่นแผ่นดิน และทำเหมือนขับไล่ไส่ส่งยามที่เขาควรจะได้ที่พึ่งยามใจหดหู่เช่นนี้ “คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่”
                 “เชิญคุณพี่ใช้อำนาจขู่เข็ญได้ แต่ฉันไม่เห็นจะพร้อมใจค่ะ” อลิซาเบธยืนกรานอย่างมั่นคง
                 “เมียฉันมีหัวคิดก้าวหน้านัก แต่กลับเพิกเฉยต่อสิ่งที่ทำได้ง่ายดายอย่างการเป็นเมีย ฉันเองพยายามไม่เหมือนชายอื่นในสยาม แต่กลับมาพบเมียที่ไม่เห็นค่าฉัน”
                “ฉันเห็นค่าคุณพี่ แต่หากคุณพี่เห็นว่าฉันบกพร่อง คุณพี่จะประพฤติดั่งบุรุษสยามทั่วไปก็ได้ค่ะ”
                 “ฉันนึกว่าฝรั่งเขาไม่ยอมให้ผัวตัวเองมีเมียอื่นเสียอีก” ภุมราชเริ่มพาล “หรืออลิซาเบธจะรังเกียจฉัน”
                 “ไม่จริงค่ะ ถ้าคุณพี่จะนอนกับฉันเพื่อพิสูจน์ความรัก ดิฉันก็เห็นตามค่ะ”
                 “แล้ว... เจ้าพร้อมใจหรือไม่” ภุมราชหวังเห็นเพียงสีหน้าเอียงอาย หรือ แม้แต่พยักหน้าน้อยๆ แต่หาเป็นเช่นหวังไม่
                 อลิซาเบธปฏิเสธมั่นคง “ไม่เจ้าค่ะ คุณพี่รู้ดีอยู่แล้ว”
                 “มันคงเป็นผลจากกรรมเก่าของฉัน”
                 ภุมราชข่มใจลุกขึ้น ลงจากเรือนไปอย่างไม่เข้าใจความรักระหว่างเขากับอลิซาเบธ เวรกรรมแต่ชาติปางไหน เขาจึงถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ เขารุดหน้ากลับขึ้นเรือนใหญ่อย่างเดียวดาย


                 แต่แว่วเสียงหลานเขาเล่นกันสนุกสนานดังขึ้นมาจากอีกฟากหนึ่ง ให้หัวใจสดชื่นขึ้น แวะไปดูหลานแฝดที่ห่างเหินมานานเกือบเดือนคงจะดี เขาเดินไปยังชานเรือนเชื่อมเรือนพี่ชาย ก็เห็นภาพที่มาแห่งความรื่นเริงของเด็กๆ
                เด็กน้อยสามคน หลานแฝดเขาวัยใกล้ ๓ ขวบ และมนูญวัยขวบกว่า พากันนั่งอยู่บนหลังและเอวของราตรี แล้วทำประหนึ่งนั่งหลังม้าโยกตัวตัวไปมาอย่างสบายอารมณ์ มนูญนั่งอยู่เกือบถึงคอมือขยุ้มผมแม่เหมือนกุมบังเหียน เอวบางๆ ของม้าน้อยจะหักลงต่อหน้าเขาเป็นแน่ถ้าปล่อยไว้
 
               “เปี่ยม ป้อง ลงจากหลังแม่ราตรีเดี๋ยวนี้ !”


               พี่เลี้ยงที่พับผ้าอยู่อีกมุมได้ยินเสียงภุมราชเข้า วิ่งมาอุ้มนายคู่แฝดออกลง ทุกคนยังจำได้ดีเรื่องภุมราชไล่ราตรีออกจากบ้าน แต่เพราะอลิซาเบธขอไว้ ราตรีจึงยังอยู่ที่นี่ได้ เพราะเขาไม่ว่างขึ้นเรือนฝั่งนี้ ทุกคนจึงปล่อยให้ราตรีขึ้นมาเพ่นพ่านโดยลืมนึกถึงความไม่พอใจของเขา


               “แม่ราตรี กลับไปก่อน !” พี่เลี้ยงกระซิบเบาๆ หลังจากราตรีลุกขึ้นนั่งตระหนก


               ราตรีไหว้ภุมราชทีหนึ่ง ลูบผมที่ยังยุ่งเหยิงและลากตัวมนูญมาออกไปด้วยความลนลาน แต่มนูญยังอยากเล่นสนุก จึงไม่ยอมฟังแม่ วิ่งกลับไปกอดเปี่ยมกับป้องเสียแน่น เมื่อราตรีวิ่งไปแกะมือเด็กชายออกเสียงร้องจ้าก็ดังขึ้น เธอชำเลืองมองเขาเกรงๆ


               ภุมราชรีบเอ่ยให้อยู่ต่อ “ให้เล่นก่อนก็ได้ จะรีบไปไหนเอาตอนนี้ ที่ข้าเตือนเพราะเกรงหลังเจ้าจะหัก”


                แล้วเขาก็หนีไปนั่งอีกมุมของเรือน หยิบของเล่นหักๆ ของหลานขึ้นมาซ่อมแซม ทำไม่สนใจราตรี แต่นัยตายังเหลือบมองราตรีที่ยอมปล่อยให้มนูญอยู่เล่นต่อ แต่ไม่ปล่อยให้เด็กคนไหนเล่นปีนป่ายอีก แม้ทุกข์โศกกันทั้งแผ่นดิน แต่ราตรียังงามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และดูจะเป็นสาวเต็มวัยมีน้ำนวลกว่าเดิมเสียอีก เขาอนาถใจจริงๆ เมื่อนึกไปถึงวันพามนูญไปเล่นน้ำจนลืมนึกถึงจิตใจคนกลัวน้ำ


                 ราตรีคงยังคิดว่าเขากลั่นแกล้งด้วยความเกลียดจริง เมื่อเห็นเจ้าตัวกระซิบพี่เลี้ยงให้พาเปี่ยมกับป้องไปนอน แล้วตัวเองแอบอุ้มมนูญลงจากเรือนไปเงียบเชียบ โดยไม่กล้าหันมองมาทางเขา
ภุมราชเดินลงตามไป... รีรอจนราตรีขึ้นไปครู่หนึ่งจึงไปยืนหน้าบันได


                 “นอนๆ พ่อมนูญนอน เอ่ เอ๊”


                 เสียงใบจิกน่าขำนักเมื่อพยายามกล่อมและมนูญดูจะยิ่งโยเย จนใบจิกหุบปากลง เสียงบนบ้านจึงเงียบไป


                  ‘เด็กอยู่กับแม่ใบ้จะชอบเสียงกล่อมได้เช่นไรล่ะอีใบจิก ?’


                 ภุมราชขำใบจิก เงยหน้ามองแสงดาวสลับชานเรือนริมน้ำ สมบัติส่วนตัวเอง อย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงมายืนอยู่ที่นี่ ตกอยู่ในภวังค์จนหลบไม่ทันเมื่อใบจิกวิ่งรี่ลงมาจากเรือนอย่างรีบร้อน
                 “คุณภุมราช...” ใบจิกตกใจหนัก เพราะเมื่อครู่ราตรีกลับมาหน้าตาซีดเซียวแล้วชี้มือไปทางเรือนใหญ่ให้ดู ราวกับจะบอกว่าพบภุมราชบนเรือน “จะ... จะเอาราตรีไปเฆี่ยนหรือเจ้าคะ”


                 “เป็นบ้าไปอีกคน สมัยนี้เฆี่ยนคนได้ง่ายๆ เสียที่ไหน มันผิดกฏหมาย แล้วนี่มึงจะไปไหนอีใบจิก ดึกเต็มที”
                 ใบจิกงงคำว่ากฏหมาย ก็ทำผิดกันเมื่อไหร่ถูกขู่เฆี่ยนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่กล้าถาม “ก็ยังอยู่นี่เจ้าค่ะ แต่ใบจิกต้องตื่นมาช่วยในครัวตอนย่ำรุ่งเจ้าค่ะ นอนที่นี่ไม่มีคนปลุก แม่ราตรีกับใบจิกขี้เซาไม่ได้ยินเสียงไก่โห่”
                 “แต่กูเคยบอกให้ม-งอยู่นี่ไม่ใช่รึ”
                 “ก็...” ใบจิกอึกอัก ผู้ใหญ่ทำเธอสับสนอีกจนได้ ก็วันก่อนเขาไล่ราตรีออกไป จนใครๆ ก็ไม่นึกเห็นใจแม่ราตรีอีก เธอจะมาอยู่สุขสบายอยู่กับราตรีได้อย่างไร แค่เล่นด้วยผู้คนก็พากันเขม่นเต็มที “แม่ราตรีก็ต้องตื่นไปช่วยครัวบางวันเจ้าค่ะ ก็ช่วงที่มีคนมาพักเรือนใหญ่ไงเจ้าคะ คนเก่าทำกับข้าวกันไม่หวาดไหวดอกเจ้าค่ะ”


                “อืม งั้นก็ไปๆ กูจะกลับเรือนแล้ว”


                ใบจิกวิ่งจี๋ไป ภุมราชจะย้อนกลับเรือนจริง แต่สายลมหนาวพัดโชยมาจากท่าน้ำ ทำให้เขาหยุดกึก หันกลับไปที่เรือนริมน้ำ ราตรียังไม่ดับแสงเทียนในบ้าน


                 บนเรือนที่เงียบเชียบแสงวอมแวมชวนให้ยังจดจ้องอยู่... เขาหันมองไปทางใบจิกที่หายไปอีกครั้ง
                 ขาก้าวพาขาสั่นขึ้นบันไดไป...



โปรดติดตามตอนต่อไป


 

โดย: ปลายเดือน กันยา 16 สิงหาคม 2553 12:32:17 น.  

 

เมนท์ในถนนนักเขียน

ความคิดเห็นที่ 6
อ่านแล้วก็สมน้ำหน้าราตรีค่ะ
คือเธอไม่ประสีประสาเอาเสียเลย
กลัวไปซะหมด แต่ก็บ้าดีเดือด ขัดๆ กันพิกล
สรุปว่าอ่านแล้วไม่เอ็นดูราตรีเลยค่ะ แหะๆ
แต่เทใจให้อลิซาเบธ น่ารักมาก
จากคุณ : scottie
เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 20:44:03

ความคิดเห็นที่ 7

^
^
ถูกแว้ววว เราต้องเทใจให้อลิสสะเบธ
นิยายพีเรียดส่วนใหญ่ ผู้คนมักเทใจให้เมียน้อยมากกว่าเมียหลวง
ซึ่งน่าแปลกมาก
เรื่องนี้ปลายเดือนจะทำให้เมียหลวงโดดเด่น

แต่ในขณะเดียวกัน พระเอกก็หลงเมียน้อยสติไม่สมประกอบและสวย

จากคุณ : ปลายเดือน กันยา
เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 22:24:35

ความคิดเห็นที่ 8

^
^
ตกลงราตรีสติไม่สมประกอบใช่ไหมคะ ฮา
จากคุณ : scottie


ตอบ...ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นไปแล้ว


------------------------------------------
เมนท์ในบล็อกแก็ง ตอนที่แว้วววว
---------------------------------------

เมือไหร่จะบอกรัก

โดย: sakeena IP: 115.87.88.72 วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:15:20:20 น.

ตอบ ตอนหน้าๆๆๆๆๆๆ


อืม อ่านตอนนี้แล้วไม่อยากให้ราตรี มาลงเอยกะภุมราชเลย

สงสาร ราตรี ที่คงเป็นได้แค่ ... แล้วก็งโดนรังแก เพราะไม่รัก

แล้วก็สงสารอลิซาเบธด้วย
โดย: fiona IP: 202.124.88.18 วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:15:21:08 น.

ตอบ...รักคือ ความอดทนทุกอย่าง -*-


ดีจ้าเค้าชื่อจอยนะ
อิๆ หนุกดีจ้าเขียนนิยายคนละแนวกับเราเลยแฮะ
แอดไว้แย้วอิๆ จามาเยี่ยมกานบ่อยๆ เน้อ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้าเราเป็นเด็กใหม่อิๆ
โดย: ใบน้ำ วันที่: 12 สิงหาคม 2553 เวลา:18:32:32 น.

วันนี้มาอ่านอย่างละเอียดเลยแฮๆ ชอบคุณกุมราชจางเลย ถึงจะดูโหดๆ ไปหน่อย

โดย: ใบน้ำ วันที่: 14 สิงหาคม 2553 เวลา:8:52:03 น.

ตอบ หวัดดีจ้า น้องจอยยย เมือ่ไหร่จะลงบท 2 จร๊า อยากรู้หมอภาคิน จะหาน้องสาวยนายเตชินท์เจอยังไง ใครขโมยเด็กปายๆๆ


ในสายตาคุณภุมราช...
อลิซาเบท เป็นเมียรัก
แล้วราตรีเป็นอะไร...
รออ่านด้วยความกระวนกระวายค่ะ
โดย: Assawat IP

ตอบ จะได้คำตอบเร็วๆ นี้ หุหุ

 

โดย: ปลายเดือน กันยา 16 สิงหาคม 2553 12:45:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.