เรือนรักภุมราช ตอนที่ 7


              “วันก่อนพวกบ่าวว่าเมียคุณพี่ซุบซิบกันว่าจะให้คุณพี่รับอีราตรีเป็นเมีย” ทัศนาดักถามภุมราชทันทีที่ลงจากรถม้าเพื่อกลับขึ้นเรือน อย่างไร้ความอดทน
             “อย่าเรียกแม่ราตรีว่าอี แม่ของราตรี เป็นหลานสะใภ้พระยา”
             แต่ทัศนาแบะปากน่าเกลียด “คุณพี่นี่แปลกคน ไม่เอานางชีฝรั่งเป็นเมีย ก็เอาแม่ม่ายลูกติด ช่างน่าขำ ชะรอยจะโดนทำสเน่ห์”
             “นั่นมันเรื่องของข้า ถ้าเจ้ายังสามหาวไม่เลือกที่ เจ้าคงต้องกลับไปอยู่กับแม่เลี้ยงไม่วันไหนก็วันหนึ่ง”
             ทัศนาหน้าเสีย แต่ยังอุตส่าห์รายงาน “เดี๋ยวหัวค่ำนี้เมียเอกพระยาวชิรชาจะแวะมาหาคุณหญิงศรี จะได้รู้กันเสียทีว่าราตรีเคยคบชู้สู่ชายจนต้องถูกระเห็จออกมา คุณพี่จะได้รู้ว่าคิดอุ้มชูงูพิษอยู่”
             อลิซาเบธมาได้ยินเข้าพอดีจึงทักขึ้นอย่างเหลืออด “มันเรื่องของคุณรึ คุณทัศนา” ผู้ที่ควรหวงแหนภุมราชควรเป็นเธอ ไม่ใช่สตรีไหนในบ้าน “แม่ราตรีเคยทำอะไรให้คุณ คุณถึงจงเกลียดจงชังนัก แม่ราตรีมาบ้านนี้อย่างแม่ม่ายไร้ที่พึ่ง หวังร่มเงาคุณหญิง ไม่ได้แสร้งมาเป็นสาวไร้เดียงสาเพื่อจงใจมาเป็นนายเสียหน่อย คุณทัศนาควรจะเห็นใจเขา”
             “พวกเข้ารีตชาวฝรั่งแล้วอย่างเจ้า จะรู้อะไรเรื่องเจ้านายชาวสยาม” ทัศนาพาลเถียงออกอื่น
ภุมราชเข้ามาจับมืออลิซาเบธ “อลิซาเบธ อย่าสนใจทัศนาเลย ฉันกำลังไปหาพอดี”
            “ไม่ต้องไปดอกค่ะ คุณแม่เรียกดิฉันมาพบเมียพระยาวชิรชา คุณแม่ท่านทราบว่าดิฉันอยากรู้เรื่องแม่ราตรี” อลิซาเบธมองหน้าภุมราชอย่างขอลุแก่โทษ “หาใช่อยากรู้เพราะราตรีจะเป็นเมียคุณ แต่เพราะดิฉันอยากรู้เรื่องเวลาตกฟากพ่อมนูญ จะได้รู้อายุแน่ชัด ยายเผื่อนไม่รู้เห็นเรื่องนี้เลย”


             “ฉันรักอลิซ เรื่องวันก่อนฉันขอโทษ” ภุมราชเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “เรื่องแม่ราตรี ฉันไม่...”
             แต่เธอยกนิ้วแตะปากเขาให้หยุดพูด “ดิฉันเข้าใจคุณที่สุดเช่นกันค่ะ ดิฉันไม่ข้องแวะเรื่องส่วนตัวของคุณเพราะรู้ดีว่าตัวเองบกพร่อง และถ้าแม่ราตรีได้รับความเมตตาจากคุณ ไม่ต้องสนใจคำพูดของดิฉัน พ่อมนูญคงสบายไปด้วย ดิฉันอยากเห็นทุกคนมีความรักและมีความสุข แต่คุณต้องชำระจิตให้สะอาดและเข้าใจความรักเสียใหม่หากจะยังคิดแบบบุรุษชาวสยามดังเก่าก่อน”
             ทัศนาน้ำตาตกในกับความรักของคนทั้งคู่ตรงหน้า ใบหน้างามเริ่มบึ้งตึง เมื่อความหวังที่จะเห็นความใยดีจากภุมราชนั้นว่างเปล่า เธอมองตามผัวเมียที่ขึ้นเรือนใหญ่ไปด้วยกันอย่างเจ็บปวด คุณหญิงศรีไม่ได้เรียกคนนอกอย่างเธอไปฟัง แต่การทำทีขึ้นไปร่วมรับประทานอาหารโดยอ้างความเหงา คุณหญิงเห็นใจเสมอ



             เมียอดีตพระยาวชิรชา หรือคุณชื่น อ่อนวัยกว่าคุณหญิงศรีไม่มากนัก เค้าความงามยังพอหลงเหลือ นางมิใช่เมียเอกแต่เพราะคุณหญิงในพระยาเสียไปหายปีแล้ว จึงพลอยเสมือนเมียเอกไป และยิ่งมีลูกชายให้พระยาถึงสามคน ทรัพย์สมบัติเล็กน้อยที่ทางการไม่ยึดไปหมดหลังจากพระยาโดนอาญาว่ากบฏแผ่นดินจึงยังตกเป็นของนาง
              คุณชื่นพูดคุยกับคุณหญิงศรีและบุตรชายทั้งสองอย่างนบนอบแม้จะไม่มักจี่นัก ชื่นกราบขออภัยคุณหญิงที่ไม่เคยได้มาส่งข่าว เพราะเรื่องเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน พอสิ้นบุญพระยาวชิรชาก็ต้องหอบพาลูกไปอยู่บ้านเดิม และที่กลับเพิ่งเข้าพระนคร เพื่อนำลูกชายไปฝากฝังกับคุณหลวงลูกน้องที่ยังพอภักดีกันยู่ ส่วนบ้านเดิมชื่นได้ให้ฝรั่งเช่า ไปตั้งแต่ครั้งท่านสิ้นไปเนื่องจากความฝืดเคือง
             “แล้วเมียอื่นกับบ่าว ไปอยู่ไหนกัน” ธมราชถามอย่างเห็นใจ
             “พวกเมียอื่นๆ ก็หอบลูกกลับบ้านกันไป บ่าวก็แยกย้ายกลับบ้านนอก ที่เหลือให้ดิฉันเลี้ยงก็ไม่กี่คนค่ะ”
             คุณหญิงศรีขยับจากเอกเอนกายเป็นนั่ง “ที่ฉันเรียกเจ้ามานี่ นอกจากอยากรู้ความเป็นอยู่แล้ว ฉันจะไต่ถามเรื่องแม่ราตรีที่เขาว่าเป็นเมียคนหนึ่งของเจ้าคุณด้วย อีเผื่อนมันพาแม่ราตรีกับพ่อมนูญมานี่”


             “มันอยู่นี่หรือเจ้าคะ” ชื่นถามเหมือนถามถึงบ่าวไพร่ แล้วตามด้วยเสียงเยาะเย้ยแปลกใจ “แม่ลำดวนเขาไม่มารับลูกสาวไปดอกหรือ เห็นแม่มันหนีไปก่อน”
              “กระผมดูคุณชื่นจะไม่ใยดีราตรีเลยนะขอรับ” ภุมราชทนไม่ไหวจริงๆ “แม่อลิซ เมียกระผมเขาอยากรู้ว่าพ่อมนูญตกฟากตอนไหน”
              ชื่นเริ่มใช้คำอ่อนลง “ดิฉันไม่รู้เรื่องเวลาพ่อมนูญเกิด เจ้าคุณพากันไปเที่ยวกลับมาก็มีเด็ก ทั้งเจ้าคุณไม่มีลูกมาตั้งนาน พวกบ่าวก็ยืนยันว่าเห็นแม่ราตรีพบเจอคนแปลกหน้าที่ท่าน้ำดึกๆ ดื่นๆ เสียบ่อย เด็กนั่นอาจลูกชายอื่น ท่านเจ้าคุณหลงแม่ราตรีเลยทำไม่ใส่ใจไต่ถามเรื่องนี้ให้แน่ชัด หนำซ้ำยังรับเด็กนั่นอย่างเต็มใจ ดิฉันไม่ได้เดียดฉันท์เด็ก แต่จะให้เลี้ยงใครที่ดิฉันเองไม่แน่ใจก็คงยาก”
อลิซาเบธหน้าตาหมองลง “เรื่องที่คุณชื่นบอกมีมูลแค่ไหนเจ้าคะ”
              ทัศนาเสริมคำถามอลิซาเบธอย่างไม่เกรง “ฮึ แม่อลิซาเบธคงอยากรู้ให้แน่ชัดว่า ราตรีคบชู้หรือเปล่าน่ะคุณชื่น”
              “ทัศนา นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า กลับไปซะ” คุณหญิงศรีตวาดด้วยความรำคาญ จนทัศนาบีบน้ำตาแล้วลงเรือนไป เรือนแหวนก็ตามไปปลอบใจ
              คุณหญิงศรีมาต่อเรื่องราวว่าถ้านางเป็นแม่ชื่นก็อาจทำอย่างนั้น แต่ตอนนี้แก่ลงนึกเห็นใจเด็ก และพระยาวชิรชาก็ยังใยดีราตรีจนลมหายใจสุดท้าย แสดงว่าท่านรักของท่าน ควรให้โอกาสราตรี


               อลิซาเบธได้ฟังแล้วยิ้มออกด้วยความยินดี “ดิฉันคิดว่าแม่ราตรีไม่น่าจะทำเยี่ยงนั้นค่ะคุณแม่ ทั้งหมดอาจเป็นความเข้าใจผิดเพราะแม่ราตรีก็ยังเด็กอาจไม่รู้ความอะไร”
               คุณหญิงรับปากกับชื่นที่ดูจะขัดใจเล็กน้อย “ลูกสะใภ้ข้าพูดจริง บ้านนี้จะดูแลแม่ราตรีเอง หากทำผิดในบ้านข้า ข้าจะเฆี่ยนเอง” คุณหญิงศรีให้คำมั่นแล้วให้คนไปตามราตรีกับเผื่อน
               ไม่นานสองแม่ลูกก็มานั่งลงตรงหน้าคุณหญิง ราตรีไม่คิดชำเลืองไปทางภุมราช แต่เพราะเขานั่งใกล้คุณหญิง จึงต้องประสานสายตากับเขาจนได้ เขาจ้องเธออยู่ แววตาคมกริบเขาหาได้บอกความอุ่นใจแก่เธอแม้แต่น้อย วันนี้ผู้คนจะซักเธอเรื่องอะไรอีกหนอ แต่เมื่อเห็นชื่นกับบ่าวที่ตามมา ราตรีตกใจกว่าเดิมจนต้องกอดมนูญกระเถิบหาเผื่อนที่ตะลึงกลัวพอกัน อลิซาเบธคงรู้ จึงช่วยคลายความกลัวให้


               “คุณชื่นมาเยี่ยมคุณหญิงท่าน ไม่ได้มาพาตัวเจ้ากลับดอกราตรี”
               ราตรีกับเผื่อนหมอบนิ่งสนิท ชื่นมองหน้าคนทั้งคู่อย่างใคร่รู้ แต่คุณหญิงถามขัดเสียก่อน
               “พ่อมนูญโตขึ้น มีเค้าเจ้าคุณบ้างหรือเปล่า แม่ชื่น”
                ชื่นมองหน้าเด็ก “ดิฉันไม่รู้ได้ ดูจะเหมือนแม่ราตรีคนเดียวนี่เจ้าคะ”
                อาจเพราะความไร้เดียงสาของเด็ก ชื่นถึงเริ่มหันไปถามคนสนิทที่มาด้วยถึงเดือนที่น่าจะเป็นปีเกิดของมนูญ พอได้ความก็บอกอลิซาเบธ แล้วถึงเริ่มถามราตรี
               “แม่เอ็งหนีหายไปไหน ทำไมไม่มารับเจ้าไป นี่อีเผื่อนพาเอ็งมานี่หรือ มีบุญนะเอ็ง ใด้ร่มเงาคุณหญิงศรีท่าน” เพราะเผื่อนและราตรีเงียบกริบ ชื่นจึงได้ที “อยู่ที่โน่น ทำชั่วก็ไม่มีใครจับเจ้าคาหนังคาเขา แต่ที่นี่เอ็งจะทำตัวอย่างนั้นไม่ได้ หัวเอ็งกุดแน่”
               ชื่นไม่ไว้หน้าราตรีแม้แต่น้อย และดูอยากให้ใครอื่รมั่นใจว่ามนูญไม่ใช่เลือดเนื้อพระยา อลิซาเบธเห็นใจมนูญที่มองทุกคนอย่างไม่เข้าใจ ทั้งแม่ก็กอดตัวไว้เสียแน่น


               “คุณชื่นจะขู่แม่ราตรีมากไปแล้ว เรื่องทุกอย่างไม่มีมูลแน่ชัด” แล้วอลิซาเบธร้องบอกราตรีเบาๆ “เจ้าอยู่ให้คนถามเสียให้กระจ่าง ข้าจะเอามนูญไปส่งที่เรือนเจ้าให้ก่อน คงง่วงเต็มที”
               ราตรีปล่อยมนูญไป แต่ยังต้องคอยหลบสายตาอยากรู้แกมอิจฉาของชื่นที่เห็นว่าทุกคนเห็นใจราตรี และราวกับยังจะมีเรือนตัวเอง
               “ข้าดีใจด้วย ที่เอ็งได้สุขสบาย แต่อย่าทำตัวแบบเดิม มากรักเหมือนแม่เจ้า” เสียงเยาะๆ ของชื่น ไม่รื่นหูใคร แต่นางไม่สนใจ ทำทีกล่าวให้ทุกคนรู้ไปถึงอดีตของลำดวน “แม่เอ็งม่ายได้ไม่นาน ก็ขึ้นเรือนเจ้าคุณ รักชอบกันเร็วขนาดถึงกับฝากฝังยกลูกสาวให้ พอเจ้าคุณตายก็มาหนีหาย อย่าทำเหมือนแม่เอ็งแล้วกัน ที่ผ่านมาแล้วให้ผ่านไป”



               ราตรีเริ่มจ้องมองชื่นอย่างเคืองขุ่นและไม่เข้าใจ เผื่อนก็งุนงงว่าชื่นพยายามพูดบอกสิ่งใดกันแน่
               ภุมราชที่เงียบมานาน เริ่มขยับกาย ความที่ได้จากชื่นก็หาได้น่าเชื่อไปกว่าคำเผื่อนไม่ จึงเรียกหาคนให้พาชื่นไปพัก คุณหญิงศรี ภุมราชและธมราช ยังคงนั่งตรวจตราราตรีอยู่
             “ข้านึกว่าจะรู้ความมากขึ้น แต่ก็เท่าเดิม แม่ชื่นก็รังแต่จะอคติแม่นี่” คุณหญิงศรีบ่น “แต่ข้าว่า พอแม่ชื่นเห็นพ่อมนูญชัดๆ ดูจะใจอ่อนลง อาจเห็นเค้าพระยาจากหน้าพ่อมนูญก็ได้ แต่ศัตรูที่ไหนจะยอมรับศัตรู”
             “แล้วเจ้าพบคนแปลกหน้า ตามคำของคุณชื่นเขาหรือเปล่า” ภุมราชถามพลางจ้องราตรีเขม็ง พิศเหงื่อเม็ดโป้งๆ ที่ผุดขึ้นตามหน้าคนถูกถาม “ใบหน้าเจ้าบอกข้าว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง”
              คุณหญิงตะลึงในคำของบุตรชาย จนต้องเค้นถามเจ้าตัวอีก “บอกความจริงข้ามา พ่อมนูญลูกพระยาหรือไม่”



              ราตรีพยักหน้าอย่างมั่นคง เธอต้องบอกคนอีกกี่ร้อยพันครั้งว่ามนูญเป็นลูกชายพระยาวชิรชาจริงๆ
              คุณหญิงรำคาญนัก “เอ๊ะ แม่ราตรีนี่ยังไง เจ้าพบคนแปลกหน้าจริง แต่ยืนยันว่ามนูญเป็นลูก หรือเจ้าจะบอกว่า เจ้าคบชู้สู่ชาย แต่เจ้าพ่อมนูญไม่ใช่ลูกชู้สิ”
               ราตรีส่ายหน้าสับสน ถ้าไม่กลัวบาปจะไปตกที่มนูญเธออยากตัดปัญหาว่าคบชู้ตามคำคนจริง อย่างน้อยภุมราชจะได้มั่นใจและชังเธอได้อย่างภาคภูมิ แต่พูดอย่างนั้นไปเท่ากับให้ร้ายมนูญ เธอทำไม่ลง
               ธมราชผู้ใจเย็นพยายามสงบความสั่นกลัวของราตรี “ถ้าไม่คบชู้จริง เจ้าจะแสดงท่าทีหวั่นกลัวไปใย นี่เจ้าทำเหมือนคนโกหก เจ้าพบคนแปลกหน้าที่ท่าน้ำนั่นหรือไม่”
              ราตรีหันไปมองเผื่อนอย่างขอแรงช่วยเหลือ เผื่อนอ้อมแอ้ม “บ่าวว่าเป็นการเข้าใจผิดเจ้าค่ะ”


              คุณหญิงหมดความอดทน โบกมือยุติการสนทนา “อีเผื่อนเอ็งพาแม่ราตรีนี่กลับๆ ไปเสีย ข้ารำคาญเต็มที ข้าไม่เข้าใจมัน แต่มันจะเคยชั่วคบชู้หรือดีมาก่อน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกข้า ข้าคงไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเอ็งกับอีอิ่มก็อุ้มชูมันต่อไป คิดเสียว่าเอาบุญ ข้าเองคงไม่ต้องปกป้องมันเท่าใดนัก มันไม่ใช่ลูกหลานข้าโดยตรง”


             คุณหญิงเดินนำบ่าวกลับเข้าห้อง ราตรีกับเผื่อนหายลงเรือนไป


            ทุกคนที่เหลือบนเรือนจึงแยกย้ายไปท่ามกลางความขบขันของธมราช มีเพียงภุมราชที่ดูจะรู้สึกเจ็บปวดข้างใน เขาห่วงราตรีที่มารดาดูจะทิ้งขว้างเอาวันนี้ แต่ดูราตรีจะด่างพร้อยเกินไปกว่าเป็นแค่หญิงม่ายเสียแล้ว ถ้าเพียงราตรีจะปฏิเสธมั่นคงว่าไม่ได้คบชายคนไหนให้เขาเห็นชัดๆ เขาคงไม่รู้สึกเจ็บและหงุดหงิดในหัวใจแบบนี้
 


             ภุมราชเดินลงจากเรือนไปพร้อมอลิซาเบธ เงียบๆ อลิซาเบธนั้นทั้งรักทั้งสงสารราตรีขึ้นทุกวัน ต่อให้เรื่องไม่ดี เธอก็ทำใจให้รับราตรีโดยไม่ต้องพยายาม แต่ภุมราชกลับตรงกันข้ามที่ต้องพยายามที่จะเลิกคิดถึงราตรี
            “หยุดก่อนอลิซาเบธ นั่นใครกัน”
            “อ๋อ บ่าวคุณชื่นเมื่อครู่ไงเจ้าคะ สงสัยลงมาชมสวน”
            “อืม” ภุมราชยกนิ้วจุ๊ปาก ให้อลิซาเบธเงียบฟังเสียงสองคนนั้น


            คนอาวุโสธกว่าเริ่มคุยบางเรื่อง ‘อีราตรีมันสวยกว่าเมื่อก่อนอีกนะอีบัว ที่นี่คงเลี้ยงดี เมื่อก่อนมันผอมแห้งเหมือนลูกหมาผอม คุณชื่นมองตาขวางเชียว ไม่รู้จะจงชังอะไรนักหนากับคนใบ้บื้อ’
           ‘นั่นสิ ข้าล่ะสงสารพ่อมนูญ ใครจะว่าแม่ราตรียังไง แต่พ่อมนูญนั่นก็มีเค้าเจ้าคุณไม่น้อย เห็นลักยิ้มหรือเปล่า ข้างเดียวเหมือนกับเจ้าคุณ แม่ราตรีกะแม่ลำดวนมีลักยิ้มซะที่ไหน หรือว่าชู้แม่ราตรีก็บังเอิญมีลักยิ้มด้วย หรือถูกผีดึงแก้มให้ ฮ่าฮ่า’
            ‘เฮ่อ ข้าก็ว่าลูกเจ้าคุณนั่นแหละ แต่มรดกแค่นั้นกำจัดมารได้ก็กำจัด’
            ‘เรื่องของเจ้านาย อย่าไปพูดเลย ตอนนี้แม่ลูกนั่นมีบุญกว่าเราเสียอีก คุณภุมราชลูกชายหญิงศรีดูอีราตรีตาเป็นมันเชียว ทั้งที่เมียตัวเองสวยยังกะนางฟ้านั่งอยู่แท้ๆ’
             ภุมราชเกือบถอยกลับ เมื่อตัวเองโดนบ่าวชาวบ้านว่าเอาเสียแรง แต่อลิซาเบธยิ้มฉุดแขนให้เขาฟังต่ออีกคน
            ‘ผู้ชายก็เหมือนกันทั้งนั้น ไม่รู้จักพอ เห็นหญิงงามก็จะเอาเป็นของเอง ไม่ใยดีว่าจะเลี้ยงดูได้ตลอดรอดฝั่ง คนเป็นนายแทนที่จะปกป้องคนในบ้าน กลับคอยย่ำยีเสียเอง ข้าภาวนาว่าอีราตรีอย่ามาซวยซ้ำที่นี่’
            ‘แต่ก็สงสารเจ้าคุณเรา ตอนมีเงินทองเมียรักเชื่อฟัง ก่อนตาย...’



             อลิซาเบธฉุดแขนภุมราชออกจากตรงนั้น “พอเถิดค่ะ อย่าแอบฟังเขาต่ออีกเลย”
             “แต่เจ้าหูผึ่งกว่าข้าอีกนะ นางฟ้า...” เขาล้อเลียนชื่อเรียกอลิซาเบธจากบ่าวนั่น
             “คุณพี่คะ” อลิซาเบธเรียกเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน “คุณพี่ชอบแม่ราตรีหรือเปล่า หรือว่าชังนางโดยแท้ ที่นางเป็นม่าย แถมมีภูมิหลังไม่งามอีก”
             “ข้าชอบนาง แต่...”
              “ดิฉันเข้าใจค่ะ แต่อย่ามองย้อนอดีตนะคะ ดิฉันไม่อาจหาทางสืบเสาะเรื่องแม่ราตรี แต่ว่าเรื่องนี้มีข้อข้องใจมากมาย ให้ชวนคิดหนัก แต่เป็นการเสียเวลาที่จะรื้อฟื้น”
             “อลิซาเบธจะให้ฉันทำอย่างไร”
             “เลิกคิดเรื่องอดีต ปล่อยให้แม่ราตรีได้มีชีวิตใหม่ ดูนางมีความสุขที่จะได้เป็นแค่บ่าวของนมอิ่ม ถ้าคุณเห็นใครพึงใจนาง ก็ให้นางมีเหย้ามีเรือนไป แต่ถ้าคุณคิดชอบเสียเองก็อย่าเอาตัวมาเป็นสมบัติด้วยความเกลียดชัง”
             “ข้าไม่ได้เกลียดชังใคร” ภุมราชปฏิเสธ
             “แต่ไม่เปิดหัวใจที่จะรัก คุณอายที่จะบอกใครๆ ว่าพึงใจหญิงม่ายลูกติด มีประวัติไม่ดี แทนที่จะเลือกสาวสวยมีตระกูลอย่างทัศนา”
            “อลิซาเบธ...” ภุมราชตะลึงที่ราตรีรู้ทันทุกอย่าง
            “ค่ะ ดิฉันดูออก” อลิซาเบธแตะที่หัวใจเขา “คุณพี่จะเอาราตรีมาเป็นสมบัติตัวเองย่อมได้เจ้าค่ะ แต่ฉันไม่คิดช่วยคุณอย่างวันก่อนได้อีกแล้ว”
            “อลิซาเบธทำเหมือน ขับไล่ไสส่งฉัน หรือพวกนางฟ้าเขาทำกันอย่างนี้กับผัวตัวเอง”



            อลิซาเบธเดินขึ้นเรือน มองเขายืนที่เชิงบันได้ขั้นแรก “แล้วแต่คุณจะคิดจะว่าค่ะ”
            นางฟ้าขึ้นเรือนไปต่อหน้าต่อตา ภุมราช  ทิ้งให้คนยืนเคว้งคว้าง เขาเคยทั้งใช้กำลังทั้งออดอ้อนที่จะร่วมเตียงกับอลิซาเบธ แต่เขาทำได้ไม่กี่ครั้ง แม้อลิซาเบธก็จำยอมโดยดี แต่เขามีความสุขอิ่มเอมอยู่คนเดียว ดื่นขึ้นมาเห็นเมียพึมพำบทสวดมนต์สารภาพบาปที่ไม่สามารถรักษาพรมจรรย์ได้ตามที่เคยตั้งมั่นไว้ตั้งแต่เยาว์ แล้วให้เขาท้อใจ




              พระจันทร์กลมโตสีเหลืองจ้า ชวนมองยิ่งนัก มนูญหลับไปแล้วตั้งแต่คนของอลิซาเบธพามาจากเรือนคุณหญิง ราตรีเดินลงจากเรือนริมน้ำจึงทรุดนั่งลงบนเชิงบันไดใกล้อ่างล้างเท้าอย่างเหนื่อยอ่อน ความจริงที่รุมเร้าอยู่ข้างในล้วนอธิบายไม่ได้ แม้จะใช้ภาษาพูดอย่างใครอื่นเป็นก็อาจไม่เฉลยได้ทั้งหมด คิดถึงลำดวนเสียจนรู้สึกสิ้นปัญญา แล้วน้ำตาก็ไหลตามเคย


               “ร่ำอีกแล้วหรือแม่ราตรี ช่วงที่แม่ราตรีขึ้นไปรับใช้ใกลชิดเจ้าคุณ ข้าก็ไม่ได้ตามขึ้นไปเสียด้วย ไม่งั้นข้าคงช่วยอธิบายอะไรได้ นี่พูดอะไรออกไปผู้คนก็จับได้ว่าข้าไม่รู้จริง เฮ้อ” เผื่อนนอนไม่หลับเช่นกัน จงนั่งแหมะลงข้างๆ “แล้วทำไมแม่ราตรีไม่ยืนยันให้ชัดว่าไม่เคยคบคนแปลกหน้าที่ไหนล่ะ ?”
              ราตรีเด็ดดอกหญ้าใส่มือ พลิกมันไปมาอย่างเหม่อลอย แล้วมองหน้าเผื่อนอย่างไม่แน่ใจ
              หน้าตาเผื่อนปรากฏริ้วรอยความกังวลเด่นชัด “ชะ อุย แม่ราตรีทำราวที่คุณชื่นพูดเป็นความจริง แม่ราตรีคบชู้สู่ชายจริงรึ ? ” แต่ราตรีส่ายหน้ามั่นคง พยายามสื่อบางอย่าง เผื่อนพยายามเดาต่อ “หรือว่า แม่ราตรีแค่พบคนอื่นที่ไม่ใช่ชายชู้ ผู้คนเลยเข้าใจผิด ตามที่คุณหญิงถามๆ น่ะ ?”


             เท่านั้นเอง ราตรีพยักหน้าขึ้นลง เผื่อนตบอกผาง “ญาติรึ ญาติแม่ลำดวน ?”


             ราตรีส่ายหน้า ขยับตัวอย่างอึดอัด จนเผื่อนลืมตัวโมโหตวาดอย่างไม่เกรงใจ “โฮ้ย โน่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่ แม่ราตรีพบผีสางหรือไร หา”
              แล้วคนแก่อย่างเผื่อนที่เคี้ยวหมากช่ำชองมานานหลายทษศวรรษ ถึงกับเกือบสำลักทำหมากหลุดลงคอ เมื่อเห็นราตรีพยักหน้าว่าเห็นผีจริงๆ พร้อมชี้นิ้วไปรอบตัวแล้วห่อไหล่เหมือนกลัว


              “เฮ้ย นี่แม่ราตรีเห็นผีสางจริงรึ” เรื่องผีที่เผื่อนเชื่อมานานว่ามีจริงและหน้าตามั่นใจของราตรี ทำให้นางขยับตัวด้วยความกลัว ไหนจะที่แม่ราตรีลุกขึ้นยืนแล้วชี้อกตัวเองทำมือแบๆ เหนือหัวเข่า ดั่งบอกว่าเห็นมาตั้งแต่เด็กอีก


               “เป็นผีที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก โฮ้ย อกอีเผื่อนจะแตกตาย ถึงว่า ผีมันคงเรียกแม่ราตรีมาริมน้ำ” เผื่อนรำพึงคนเดียวเสียงดังสนั่น “ผีร้ายตามติดแม่ราตรี เพื่อจองล้างจองผลาญนี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว”
               เผื่อนคิดว่าตัวเองทะลุปรุโปร่งทุกอย่างตามความคิดความเชื่อของตัวเอง นึกถึงความสมัยเด็กที่พ่อแม่นางเคยบอกว่าคนที่มีเคราะห์กรรมจากอดีตอาจส่งผลเป็นผีสางตามมารังควาญเอาชีวิตได้ จึงแนะราตรีอย่างมั่นใจว่าการบอกใครๆ ว่าผู้ที่ราตรีพบเป็นผีสางคงหาใครเชื่อไม่ได้ ราตรีต้องแก้ชะตาเอาเองโดยต้องมีการทำบุญทำทาน แผ่เมตตาไล่ผีร้ายครั้งใหญ่
               ราตรีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แม้เคยคิดว่าเป็นผีอย่างหญิงชรา แต่ครั้งล่าสุด ผีนั่นคุยได้ราวกับคน จะบอกเผื่อนได้อย่างไรกัน



             เสียงพึมพำของเผื่อนพร่ำบอกให้ราตรีไปนอนเร็วๆ เพื่อตื่นมาทำกับข้าวกับปลาทำบุญตักบาตรวันรุ่งอรุณ ยังก้องอยู่ในหูของทัศนาอย่างชัดเจนพอๆ กับเสียงพูดของเผื่อนตั้งแต่ลงจากเรือนทุกอย่าง
             ทัศนาบอกบ่าวที่ยืนใกล้ๆ อย่างสบายใจ ที่เข้าใจเรื่องทุกอย่างเสียที ว่าทำไมราตรีถึงอ้อมแอ้มนักเรื่องชายชู้ ทุกอย่างคงเป็นความจริงตามชื่นเล่าเป็นแน่แท้ “อีราตรีหลอกได้แต่ยายเผื่อนโง่เท่านั้นแหละ เชอะ มีที่ไหนอ้างผีสางตามรังควาญ ทั้งๆ ที่คบชู้สู่ชายมานานนม กลับตีหน้าไร้เดียงสาให้คนสงสาร นี่คงแสร้งทำให้อีเผื่อนเข้าใจแล้วช่วยสื่อกับคุณหญิงศรีนี่เอง”


            “นั่นสิเจ้าคะ ถ้าคุณทัศนาไม่ชวนจวบแอบตามอีราตรีมาเฝ้าดูจนเมื่อยขาอย่างนี้ เราคงไม่รู้ความกัน จวบมีบุญจริงๆ ที่ได้เป็นคนของคุณ” จวบประจบแล้วถามย้ำ มองซ้ายขวาฝ่าความมืดรอบๆ ตัวด้วยความกลัว เพราะทั้งคู่ยืนแอบฟังเผื่อนกับราตรีตรงหลังพุ่มพู่ระหงห่างจากลานเชิงบันไดไม่ไกลนัก
            “แต่ถ้าเป็นผีจริงขึ้นมา มันก็น่ากลัวนะเจ้าคะ อีราตรีมันอาจเลี้ยงผี”


            “อีจวบ อีโง่” ทัศนาตวาด “แล้วเอ็งจะพูดถึงทำไม”
            ทัศนาทิ้งให้จวบยืนอกสั่นขวัญแขวน ตัวเองวิ่งลิ่วออกจากตรงนั้น แม้จะนึกขยาดตามที่จวบพูด แต่ทุกอย่างที่รับรู้ก็ดูจะทำให้กำจัดราตรีออกจากความเห็นใจของภุมราชและคุณหญิงศรีได้




               “ราตรีตักบาตรเหรอจ๊ะ” เสียงที่ทักทายดังขึ้นมาแต่ไกลหลังจากพระภิกษุผ่านพ้น ทำราตรีที่ตัวสั่นเทาเพราะยืนที่ท่าน้ำตักบาตร ค่อยคลายสงบลง ราตรีกับเผื่อนและนมอิ่มลุกมาตักบาตรหลายวันแล้วแต่อาการกลัวท่าน้ำของราตรีไม่เคยจาง
              “คุณโสภิตอาภา...” นมอิ่มนั่งคุกเข่าลูบมือลูบไม้ลูกสาวเจ้านายตรงข้ามฝั่งคลอง “พายเรืองเองมานี่แต่เช้าเทียว คุณแม่สบายดีนะเจ้าคะ ไม่รู้ได้ปลาเค็มที่อิฉันฝากไปหรือไม่”
             “ได้สิ แต่ฉันเสกให้มันฟื้นปล่อยลงทะเลหมดแล้ว” โสภิตอาภาขำหน้าตานมอิ่ม “ไหนลูกราตรี ขอดูหน่อย ฉันเอาของเล่นมาให้ ซื้อจากแพเจ๊กเมื่อเช้า เป็นรถม้า นี่ไง”
            ราตรีจูงมือโสภิตอาภา ไปเรือน พอเห็นหน้ามนูญเข้าผู้มาเยี่ยมก็โวย
            “ฉันอยากมีลูกอย่างพ่อมนูญบ้าง น่ารักเหมือนตุ๊กตา นี่ถ้าเป็นผู้หญิงจะจับแต่งตัวให้สนุกไปเลยเนอะราตรีเนอะ” ราตรีหันซ้ายหันขวา “แล้วไหนพ่อล่ะ ราตรี”


             ราตรีส่ายหน้า ชี้ขึ้นสวรรค์ คนช่างถามทำหน้าเศร้าพองาม “อ๋อ ตายแล้วเหรอ เฮ่อ เศร้าใจ แต่ตายไปก็ดี เจ้าจะได้กลับมาเป็นเด็กอีก เป็นเมียไม่สนุกหรอก พี่สาวฉันเพิ่งออกเรือนไปกลับมาหน้าบึ้งงอนผัวทุกวัน ชวนเล่นก็เล่นไม่ได้แล้ว”
              โสภิตอาภามองทั่วเรือน ชวนราตรีเล่นน้ำ แต่เผื่อนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความขี้เล่นสนุกของลูกสาวนายรุ่นใหม่บอกเรื่องกลัวน้ำให้รู้ โสภิตอาภาเลยชวนเก็บมะม่วง
             “นี่มันแก่จัด เก็บได้แล้วนะนมอิ่ม ปล่อยไว้นานกว่าก็นกกาจิกเน่าหมด” โสภิตอาภาปีนขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งโจงกระเบนอย่างคล่องแคล่ว “ขึ้นมาสิราตรี อย่าบอกนะว่าปีนไม่เป็น”


             ราตรีมองเพื่อนใหม่อย่างนิยมด ลูกเจ้านายบ้านโน้นทำไมถึงได้แก่นและรู้มากทุกเรื่อง ราตรีไม่เคยได้เล่นสนุกอย่างนี้ ลำดวนตีทุกครั้งที่เธอออกไปไหนกลับมาพร้อมร่องรอยถูกล้อเลียนจนร้องไห้เนื้อตัวมอมแมม
              “ขึ้นมาๆ นี่รู้หรือเปล่าว่าโจงกระเบนน่ะทำให้ทำอะไรได้หลายอย่างเหมือนผู้ชาย ข้าไม่เคยนึกอยากนุงซิ่นตามพวกคนสมัยใหม่”
             เผื่อนยืนจับมือมนูญมองหน้าราตรีอย่างอ่อนใจในความก๋ากันของโสภิตอาภา แต่ราตรียิ้มกว้าง อยากรู้จริงๆ ว่าบนต้นไม้สูงเป็นอย่างไร จึงปีนเก้ๆ กังๆ ตามขึ้นไปอีกคน
            “แม่ราตรีแขนยาวกว่า เก็บลูกนั้นเลย” โสภิตอาภาชี้ๆ
             ราตรียิ้มแก้มแทบปริ ถ้ามันสนุกอย่างนี้ เธอน่าจะปีนเล่นตั้งนานแล้ว อยากให้เผื่อนส่งมนูญขึ้นมาด้วย แต่เผื่อนส่ายหน้าอย่างระอา
             “เล่นกันไปเถิดเจ้าค่ะเผื่อนเก็บมะม่วงใส่ชะลอมเอง” เผื่อนกับพวกในครัวอีกคนได้ยินเสียงจากต้นมะม่วงจึงมาเก็บด้วย “ขอลูกที่พอทำเป็นยำหรือแกงได้ไปทำอาหารหน่อยก็ดีนะคะ คุณโสภิตอาภา”



              สองลิงสาวบนต้นไม้ก็เก็บให้เอาเป็นเอาตาย แต่เมื่อเริ่มเบื่อจึงคิดลง
             “นั่นใคร ทัศนาหรือเปล่า แต่งหน้ายังกะนางงิ้ว แล้วคุณพี่ภุมราชจะกล้าเอาขึ้นเตียงเรอะ” โสภิตอาภาสะกิดถามราตรี ที่ได้แต่พยักหน้า “คราวก่อนแม่นี่เคยล้อว่าฉันตัวดำเหมือนถ่าน ตอนคุณพี่ภุมราชสอนฉันว่ายน้ำ เชอะอิจฉาล่ะซี คุณพี่บอกฉันด้วยว่าฉันเป็นสาวเมื่อไหร่ จะมีหนุ่มๆ มาล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ฉันโตช้าเท่านั้นเอง คนอื่นอายุสิบสี่มีผัวได้ แต่สำหรับฉันอาจต้องรอถึงยี่สิบห้า”


               โสภิตอาภาเล่าหน้าตาย แต่ราตรีหยุดขำเมื่อได้ยินชื่อภุมราช


              “เจ้าไม่ชอบคุณพี่เหรอ ถึงได้ทำหน้าไม่ดี อืม เจ้าอย่าถือสาผู้ชาย พวกเขาปฏิบัติแปลกๆ ต่อคนสวยๆ พี่เขยฉันเคยแกล้งคว่ำเรือเพื่อให้พี่สาวตกใจแล้วแกจะได้เป็นคนช่วย แต่ที่ไหนได้ พี่สาวฉันต้องแบกแกขึ้นฝั่ง สองสามวันต่อมาถึงได้แต่งงานทันที แปลกไหม”


              ราตรีจึงต้องยิ้มอีกจนได้


              “เจ้านี่มีสเน่ห์เวลายิ้ม ผู้ชายเห็นเจ้าเข้า คงทำทุกอย่างเพื่อจะได้ยลรอยยิ้มเจ้าไปนานๆ”
              ราตรีไม่เชื่อ ภุมราชยังทำเธอน้ำตาตกไปหลายครั้ง
              โสภิตอาภาคุยได้ร่าเริงตลอดเวลา แต่พอเห็นทัศนาเดินมาใกล้ก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์
             “อยากเล่นอะไรสนุกมั้ยราตรี”


             ราตรีไม่ทันรับปาก มะม่วงยังไม่สุกดี ใกล้มือ ก็ถูกเด็ดแล้วปาออกไป โดนหัวทัศนาสองสามลูกติดกัน
              “ใครแกล้งกู” ทัศนาหันซ้ายขวาหาที่มา พอได้ยินเสียงคิกคักก็ตะโกนด่า “อีไพร่ตัวไหนบนต้นนั่นปาหัวกู”
             นมอิ่มนั่งเงียบกริบ เผื่อนทำเล่นกับมนูญเฉย เสียงเล็กๆ ของโสภิตอาภาแว่วมา “สงสารมะม่วงจริง เมื่อครู่ฉันทำหลุดมือ ไม่รู้โดนหัวหมาหรือเปล่า”
             ราตรีกลัวทัศนาจนยิ้มไม่ออก
             “อีราตรี เอ็งเหรอ ลงมาข้าจะตบ”
             “แม่ราตรีพูดได้ตอนไหน” โสภิตอาภารายงานตัว “คุณพี่ทัศนาเจ้าขา อิฉันเองเจ้าค่า นังไพร่โสภิตอาภารวีวรรณ ลูกสาวคนเล็กของหม่อมราชวงศ์หญิงพิมพ์รพีรวีรรณที่ลดตัวมาแต่งงานกับสามัญชนจนได้ลูกออกมาเป็นลิงทะโมนนี่แหละ”
              ชื่อยาวๆ ไม่น่าจะเป็นของเล่น ทำราตรีอ้าปากค้าง แต่ทัศนาไม่เห็นจะสนใจ
             “คุณโสภิตอาภา อีราตรีมันใช้ให้แกล้งฉันหรือเจ้าคะ”
             “ไม่มีใครอยากแกล้ง ฉันบอกแล้ว ฉันทำมะม่วงหลุดมือ ไปโดนหัวคุณพี่เหรอ ฉันขอโทษ”
              ราตรีโล่งใจนึกว่าเรื่องจบ แต่โสภิตอาภากลับขอโทษอย่างอื่น
              “ขอโทษเจ้าค่า มะม่วงจ๋า ต่อไปจะไม่ปาอีก นมอิ่มจ๋า ไปดูมะม่วงหน่อยมันแตกหรือเปล่า”


            บ่าวที่เก็บมะม่วงกับเผื่อนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ในความช่างเจรจาแก่นแก้วของโสภิตอาภา
            แต่ทัศนาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “คุณโสภิตอาภา หาเรื่องฉันก่อนนะเจ้าคะ”
           “มีอะไรกัน เสียงดังเชียว” อลิซาเบธเห็นพ่อมนูญบนสนามหญ้าใกล้ๆ จึงแวะมาระหว่างไปเรือนคุณหญิง เห็นทะโมนบนต้นไม้ก็ตกใจ “ราตรี เจ้าขึ้นไปทำไม ลงมาเดี๋ยวนี้ ต๊าย นั่นคุณโสภิตอาภาก็อยู่ด้วย ลงมาทั้งคู่เลย ฉันจะหยิกให้เขียวเชียว”
             ทัศนาฟ้องเยาะๆ “อีราตรีชวนคุณโสภิตอาภาปาหัวฉันนะแม่อลิซ ต้องให้คุณหญิงทำโทษ”
โสภิตอาภาลงมาถึงพื้นก่อน ขัดทันที “อะไรกันคุณพี่ทัศนาคะ ฉันปาคนเดียว ใยแม่ราตรีจึงได้ความดีไปเข้าตัวด้วย ฉันไม่ยอม”



             ราตรีลงมานั่งคุกเข่า เรื่องสนุกจริงๆ มักอยู่ไม่นาน เธอมองหน้าอลิซาเบธที่ดุโสภิตอาภา
             “คุณโสภิตอาภาใยแก่นเช่นนี้ กล้าแกล้ง ก็ต้องกล้าขอโทษเขา”
             “ก็ฉันขอโทษมะม่วงแล้วนี่เจ้าคะ” โสภิตอาภาตลกหน้าตาย แต่จำต้องยอม “ก็ได้ๆฉันขอโทษที่ทำมะม่วงผู้น่ารักตกใส่หัวหยิกหยอยของคุณพี่ทัศนาผู้งามดั่งนางเอกงิ้วในท้องพระโรงฮ่องเต้แห่งเมืองจีน”
              บ่าวของอลิซาเบธหัวเราะก๊ากจนทัศนาขยับมือ แต่อลิซาเบธไม่ขำ
              “เจ้าว่าไง แม่ทัศนาพอใจหรือไม่”
              “อีราตรีต้องกราบขอโทษข้าด้วย” ทัศนายืนยัน


               ราตรีงุนงง แต่โสภิตอาภายังขำได้อีก “คุณพี่โดนมะม่วงสองลูกแค่นี้ ก็เป็นศพแล้วเหรอเจ้าคะ” แล้วโสภิตอาภาก็ป้องปากตะโกน “เจ้าข้าเอ๊ย ขอเชิญมารดน้ำ มากราบศพพูดได้”
              “โสภิตอาภา คุณเล่นมากไปแล้ว” อลิซาเบธดุคนก่อเรื่อง “แม่ทัศนา เรื่องนี้ราตรีไม่เกี่ยว จะให้กราบเจ้าได้อย่างไร”
             “ข้าจะฟ้องคุณหญิง”
             “อย่าเอาเรื่องแค่นี้ขึ้นเรือน”
             แต่ทัศนาจะไปท่าเดียว จนภุมราชเดินมา “แม่ทัศนา คุณโสภิตอาภาเขาอยากเล่นกับเจ้า แต่คงแรงไปหน่อยอย่าถึงกับฟ้องคุณแม่เลยทัศนา”
              เขาปรายตามองสองลิงทะโมน “ฉันเป็นพยานได้ว่า สองชะนีนี่ ชะนีโสภิตคนเดียวที่ปาเจ้า ราตรีไม่เกี่ยว ฉันแอบดูตั้งนานแล้วล่ะ สงสัยว่าจะได้ดูใครขาหักเพราะตกจากต้นมะม่วงก่อนกันน่ะ”


             “เจ้าค่ะ งั้นทัศนายกโทษให้ถ้าคุณพี่ขอร้อง” ทัศนาเกาะแขนภุมราช “ไปดูพ่อป้องกับพ่อเปี่ยมมั้ยเจ้าคะ ฉันจะไปหาพอดี”
             โสภิตอาภาเกาะแขนท้วงหน้าตายทันควัน “คุณพี่ภุมราชเจ้าคะ มะม่วงฉันเจ็บอยู่ คุณพี่พอจะเยียวยามันได้มั้ยเจ้าคะ”


             ภุมราชชื่นชมอลิซาเบธจริงที่ไม่ขำออกมากับคำตลกหน้าตายของทะโมนตรงหน้า ทัศนาเห็นความสนิทสนมแล้วให้ยิ่งเคืองจนต้องสะบัดหน้าหนีกลับ
            “คุณโสภิตอาภาขอรับ หม่อมเจ้าฉัตรชัยชัชวาลฝากถามว่าเมื่อไหร่จะแวะไปแถวตำหนักให้ยลเพื่อคลายคิดถึง”
             คนอื่นงุนงงแต่โสภิตอาภาหน้าตาบึ้งตึง “อย่ามาพูดถึงตาเจ๊กหน้าไข่ปอกนั่นให้ได้ยินนะคุณพี่ภุมราช”
            “อ้าว คู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่เด็ก ทำไมถึงไม่อยากได้ยิน” ภุมราชแสร้งบอกอลิซาเบธ “คุณโสภิตอาภาเป็นพระคู่หมั้นของหม่อมเจ้าฉัตรชัยชัชวาล แต่คงอีกนานเพราะพระคู่หมั้นอายุสิบห้ายังทำตัวเหมือเด็กเจ็บขวบ ฮ่าฮ่า”
             เผื่อนกับนมอิ่มหัวเราะเมื่อโสภิตอาภาหน้าบึ้ง แต่ราตรีรอคอยว่าโสภิตอาภาจะค้านอย่างไรมากกว่า และจริงตามคิด เพื่อนใหม่เธอบ่น “เชอะ ฉันไม่นึกรัก เจ้าคุณพ่ออยากได้ลูกเขยก็คงเข้าพิธีแต่งเอง”



             ภุมราชถอนหายใจ “เฮ่อ เมื่อไหร่เจ้าจะเป็นสาว เห็นตอนเจ็ดขวบเป็นอย่างไร ตอนนี้เป็นอย่างนั้น ดูคนอื่นเสียมั่ง เขามีลูกมีผัวกันตั้งแต่สิบสามสิบสี่”
             ราตรีอุ้มมนูญขึ้นเอวถอยออกจากที่นั่นทันที
             โสภิตอาภาวิ่งตามไวๆ “ไปแล้วค่ะ คุณพี่ คุณอลิซาเบธ ฉันจะเล่นกับพ่อมนูญ


             อลิซาเบธส่ายหน้าระอา “แม่ราตรีจะมีความสุขเสียหน่อย คุณไม่น่าใจร้ายไปตอกย้ำเรื่องเก่า ดิฉันบอกให้ลืมอดีตไปเมื่อคืนก่อนไงเจ้าคะ”
            “มีความสุขพอแล้วกระมัง แม่อลิซาเบธ ไม่เห็นหน้าแม่สองคนนี่ตอนอยู่บบนต้นไม้ ปากฉีกกันถึงหู”
            “นิยมแอบดูคนอื่น ไม่งามนะเจ้าคะ”
             “ไม่มีใครอยากดูลิงดูค่าง” ภุมราชปฏิเสธ แล้วโอบไหล่เมียมาจากตรงนั้น แต่ในใจกลับตรงกันข้ามภาพรอยยิ้มบริสุทธิ์ของราตรียังอยู่ในห้วงมโน ราตรีเต็มสาวแค่กายให้คนหลงใหล แต่เนื้อแท้กลับยังเป็นเด็กไม่ต่างจากโสภิตอาภา ถ้ามีพ่อแม่ดูแลคงไม่ตกเป็นเมียใครโดยง่าย


            เสียงอลิซาเบธพึมพำเบาหวิว เมื่อเห็นราตรีตบมือเปาะแปะตามเพลงเห่เรือที่โสภิตอาภาร้องให้ฟัง ตรงลานใต้ต้นปีบ “ดิฉันไม่อยากคาดเดาว่า พระยาวชิรชาอาจใช้กำลังบังคับขืนใจราตรีจนตั้งท้อง แต่ใครจะหาเรื่องหาความได้ นอกจากยอมรับชะตา แม่ราตรีถึงแปลกอย่างนี้ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสาวหรือเด็ก เมื่อแก่เฒ่าขึ้น คุณพี่อย่าทำตัวอย่างพระยานั่นนะเจ้าคะ มันเป็นบาป”


              ภุมราชสะอึก เพราะนานครั้งจะได้ยินอลิซาเบธจะพูดแง่ให้ร้ายคนอื่น แม้เขาจะมั่นใจและเห็นตามไม่น้อย
              “เราจะไม่พูดเรื่องในอดีตไม่ใช่หรืออลิซาเบธ”



โปรดติดตามตอนต่อไป






 

Create Date : 03 สิงหาคม 2553
3 comments
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 20:51:08 น.
Counter : 302 Pageviews.

 

คุณภุมราชนี่เล่นตัวจัง... หมั่นไส้มาก
อยากให้มาเร็วกว่านี้จังค่ะ อยากรู้ต่อเร็วๆ (กดดันคนเขียน...)

ขอบคุณนะคะ

 

โดย: Assawat IP: 183.89.205.240 4 สิงหาคม 2553 8:30:27 น.  

 

เห็นเหมือนข้างบน หมั่นไส้มากคะ อิอิ

 

โดย: sakeena IP: 115.87.111.21 4 สิงหาคม 2553 16:33:00 น.  

 

สนุกจังค่ะ

 

โดย: mimi IP: 61.7.170.137 8 สิงหาคม 2553 16:32:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
3 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.