มีการศึกษา (Education) ไม่ได้แปลว่า มีความรู้ (Knowledge)
กระดาษหนึ่งแผ่น..ไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้น การเรียนรู้..ไม่ได้มีอยู่แต่ในห้องเรียน
การต่อยอดจากสิ่งที่ดี ย่อมได้สิ่งที่ดีกว่า
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
6 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
08-ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ..แม่รักเธอ ตอนจบ

โดย.. "ธีรวุฒิ"
ruetaisuk@hotmail.com


ประมาณสองสัปดาห์หลังจากนั้น งานซ่อมแซมตกแต่งบ้านพักของผมที่รีสอร์ท ก็เสร็จสิ้นลง หมายความว่า ผมต้องจากสถานที่แห่งนี้ เพื่อไปยังสถานที่แห่งอื่นต่อไป ตามความต้องการของลูกค้ารายต่อไป ไม่ว่าจะใต้สุด เหนือสุด หรือสุดชายแดนตะวันออก ก็ไปมาจนทั่ว

แม้จะเป็นเวลาอันน้อยนิด ที่เธอได้รับความเห็นใจ จากเพื่อนต่างชนิดของเธอ เธอก็คงจะได้รับความสุขบ้าง ไม่มากก็น้อย

ก่อนที่ผมจะจากที่นี่ไป ผมมีความรู้สึก เป็นห่วงพวงมณีและลูกน้อย ชีวิตของเธอเริ่มนับเวลาถอยหลังแล้ว พวงมณีไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ที่ต้องต่อสู้นั้น ไม่ใช่เพื่อชีวิตที่ดีกว่า แต่เป็นชีวิตที่ให้สามารถดำรงอยู่เท่านั้น ชีวิตของเธอใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

เพราะทันทีที่ผมส่งมอบงาน หน่วยปรับปรุงพื้นที่ ก็จะเข้ามาจัดตกแต่งภูมิทัศน์ใหม่ อย่างแรกเลยก็คือ พวงมณีและลูกๆ ของเธอ ก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในที่เดิมได้ ดินต้องถูกถม โพลงที่เธอขุดไว้ เพื่อได้อาศัยความอบอุ่นของไอดินใต้ถุนบ้าน ก็จะต้องถูกถมไปด้วย

และที่สำคัญเหนืออื่นใด "ต้องไม่มีหมาอยู่ที่นั่น" เพราะสถานที่แห่งนี้ เอาไว้สำหรับรับรองแขกพิเศษ และบุคคลสำคัญของโครงการเท่านั้น ไม่มีที่สำหรับหมาจรจัดอย่างแน่นอน นอกเสียจากหมาที่มีเจ้าของเป็นผู้มาพักอาศัย ณ ที่นี่ ซึ่งก็เหมือนกับพวงมณีที่เคยมากับเจ้าของ แต่สุดท้ายก็โดนทิ้งให้ต้องอยู่อย่างเดียวดาย จนได้มาพบกับหมาอันธพาล หลังอานหางดาบ และให้กำเนิดทายาทตัวน้อยๆ ออกมาถึงสี่ตัว แล้วเดินจากไป โดยไม่ใยดีต่อความรับผิดชอบ กับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

วันสุดท้ายก่อนที่ผมจะกลับ ก็ได้พบกับภาพสะเทือนใจ และประทับใจไปพร้อมๆ กัน จนไม่สามารถจะอยู่นิ่งได้ ต้องจับปากกามาเขียนเรื่องราว มาฝากกันอ่าน จะเพื่ออะไรก็สุดแล้วแต่เถิด อย่างน้อย ก็ทำให้เราได้รับรู้ ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของคำว่า "แม่" ไม่ว่าจะเป็นแม่คน หรือแม่หมา มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ "ทั้งชีวิตแม่ ทำทุกอย่างและเสียสละเพื่อลูกได้"

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...

รุ่งเช้าของวันที่ 17 พฤษภาคม 2549 หลังจากผม กลับจากทานอาหารกลางวันข้างนอก ผมเห็นมอเตอร์ไซค์ พร้อมผู้หญิงอีกสองคน กำลังอุ้มลูกหมา หนึ่งในสี่ตัวซึ่งเป็นลูกของพวงมณี และกำลังเดินจะไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน

ผมถามว่า "จะเอาลูกหมาไปไหนครับ"

"พิมพ์" หนึ่งในสองคนนั้น บอกว่า "จะนำไปให้คนที่มีใจโอบอ้อมอารีย์เลี้ยง มันอยู่ที่นี่ไม่ได้ เป็นคำสั่งของนาย ว่าต้องไม่มีหมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ต้องเอาไปไว้ที่บ้านพักก่อน เพื่อหาคนรักหมา ที่จะรับไปเลี้ยงต่อไป"

เธอพูดพร้อมกับสีหน้าที่หนักใจพอสมควร ผมเข้าใจ เพราะลำพังเงินเดือนของพิมพ์ ถ้าจะให้มารับภาระค่าอาหารหมาอีก 5 ตัว เห็นถ้าจะทำไม่ได้ ไหนจะไม่มีเวลา เพราะต้องไปทำงานอีก

ผมหันมาถามเพื่อนร่วมงานว่า "มีใครสนใจ จะเอาลูกหมาที่น่ารักเหล่านี้ ไปเลี้ยงบ้าง?"

เงียบ.. ไม่มีคำตอบ ซึ่งผมก็เข้าใจดี ทุกคนไม่ได้อยู่ที่บ้านเป็นประจำ เช่นเดียวกับตัวผม สรุปแล้วก็คือ แม้แต่ผมเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน ผมจึงถามพิมพ์ว่า

"ที่จังหวัดนี้ เขาไม่มีที่รับซื้อ เพื่อนำไปขายบ้างหรือ?"

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้เอาตัวเลขมา เพื่อให้เขาอยากมีรายได้เพิ่ม แต่เพียงเพื่อ อยากให้หมาเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะถ้ามันมีเจ้าของที่รักมัน แม้แค่ชั่วยามก็ยังดี ดีกว่าที่มันจะตายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ (จริงๆ แล้วถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ คงไม่ยากนัก อุ้มไปที่ร้านขายสุนัข คงจะได้ราคาพอสมควร เพราะลักษณะหน่วยก้าน ของลูกหมาหลังอานหางดาบ ก็มีราคาเป็นตัวเลขอยู่ในระดับต้นๆ ของหมาไทยเลยทีเดียว ยกเว้น..พวงมณี ที่แก่เกินแกง คงไม่มีใครต้องการมันแล้ว)

คำแนะนำของผม ตกไปโดยปริยาย มันเกิดขึ้นไม่ได้จริง

ทันใดนั้น พวงมณีวิ่งพรวดมาจากไหนไม่ทันเห็น ตรงมาที่พิมพ์ ซึ่งกำลังอุ้มลูกน้อยของมันอยู่ ท่าทางเหนื่อยหอบจากการวิ่งมาไกล มันคงจะได้ยิน เสียงร้องให้ช่วยของลูกน้อย
มันเดินวนไปวนมาลุกลี้ลุกลน ในใจก็คงคิดว่า จะช่วยลูกได้อย่างไร?

พวงมณีไม่ใช่หมาที่ดุร้าย ที่จะกระโดดเข้าใส่ เธอแหงนหน้ามองพิมพ์ ด้วยใบหน้าที่สลด สายตาวิงวอน ส่งเสียงร้องอย่างสุภาพ นี่ถ้ารู้ภาษาหมา ก็อยากจะแปลว่า
"ได้โปรดเถิด อย่าเอาลูกฉันไปเลย เราอยู่ด้วยกัน 5 ชีวิต ตอนนี้ก็เหลือแค่ 4 เท่านั้น ไม่รู้ว่าลูกฉันหายไปไหน 1 ตัว"

หลังจากดูท่าแล้ว การขอร้องคงจะไม่ได้ผล มันจึงวิ่งไปหาเพื่อนของผมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ใช้เท้าทั้งสองข้างยกขึ้นตะกายที่ขา เพื่อขอร้องให้เขาช่วยเหลือ เพื่อนๆ ถึงกับอึ้ง พูดได้คำเดียวว่า "สงสาร" แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ ได้แต่ลูบที่หัวของมันไปมาเพื่อปลอบใจ

ระหว่างที่มันสาระวนอยู่กับผมและเพื่อนๆ อยู่นั้น พิมพ์สบโอกาส ก็รีบสตาร์ตรถมอเตอร์ไซค์ออกไป มันผละจากเรา และรีบวิ่งตามออกไปทันที อย่างสุดชีวิต แต่ก็หาทันไม่ แรงหมาหรือจะสู้แรงเครื่องยนต์

ผมคิดว่ามันจะหยุด แต่ที่ไหนได้... มันยังคงวิ่งตาม แต่ก็ดูห่างไกลไปทุกที มันวิ่งไปจนสุดเขตรีสอร์ท ยืนมองดูหน้าป้อมยามหน้าโครงการ ซึ่งมีถนนใหญ่กั้นอยู่ และมีหมาอันตพาลอยู่แถวนั้นหลายตัว มันคงคิดได้ว่า ถ้ายังขืนตามไป มีหวังโดนพวกหมานักเลงโตแถวนั้น ขย้ำไม่เหลือแน่ๆ แล้วลูกที่เหลือจะทำยังไง คิดอย่างนั้นแล้ว คงหมดปัญญาและกำลัง ที่จะวิ่งตามต่อไปได้อีก ตอนนี้พลังงานภายในตัว ก็แทบหมดสิ้น ใจเจียนจะขาดรอนๆ



ผมยังคงอยู่ที่นั่นเหมือนเดิม คอยดูลูกของมันที่เหลืออยู่อีก 2 ตัว ที่ซ่อนอยู่ในโพลงใต้ถุนบ้าน คล้ายกับแม่มันคงสั่งไว้ ว่าให้รออยู่ที่นี่นะ อย่าออกมา ..ประมาณนั้น

คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมเหลือลูกหมาอยู่ 2 ตัว มันน่าจะเหลือ 3 ตัว ความจริงก็คือว่า เมื่อเช้านี้พิมพ์มาเอาไปแล้วตัวหนึ่ง ตอนที่แม่ของมันออกไปหาอาหาร ส่วนตัวที่มันวิ่งตามนั้น เป็นตัวที่ 2

ถึงแม้ว่าจำเป็นต้องออกไปหาอาหาร แต่พวงมณีก็คอยเงี่ยหู ฟังเสียงลูกของมันด้วยความเป็นห่วง มันวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อหวังจะมาปกป้อง ลูกที่เหลือของมันอีก 3 ตัว (หลังจากที่พิมพ์แอบมาเอาไปแล้วตัวหนึ่ง) แต่ในที่สุดแล้ว มันก็ไม่สามารถที่จะทำได้

พิมพ์เล่าให้พวกเราฟังว่า เมื่อก่อนมันจะไปแถวคลับเฮ้าส์เป็นประจำ มันจะกินเศษอาหารให้มากที่สุด เท่าที่จะหาได้ และจะเคี้ยวให้น้อยที่สุด เพื่อจะวิ่งกลับมาคะย่อน เอาอาหารออกจากปาก ให้ลูกๆ ของมันได้กิน โดยจะทำแบบนี้อยู่ 2-3 เที่ยว เท่าที่มันรู้ว่า ลูกของมันจะมีอาหารเพียงพอ

จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ลูกๆ ของมันอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ต่างจากตัวมันที่สารรูปดูไม่จืด แต่เดี๋ยวนี้ มันไม่ค่อยได้ไปหาอาหาร แถวคลับฮ้าส์อีกแล้ว เพราะเมื่อสามวันก่อนนี้เอง มันเห็นเพื่อนหมา ที่อยู่ต่างก๊วนต่างโซนกับมัน ที่มักจะไปหาอาหารที่นั่นเหมือนกัน หลังจากกินกระดูกไก่ไปได้ไม่นาน ก็ชักแหงกๆ ไปต่อหน้าต่อตา (โดนยาเบื่อ ตามแผนกำจัดหมาจรจัด)

ด้วยสัญชาตญาน มันรู้ทันทีเลยว่า อาหารที่นั่นไม่ปลอดภัย สำหรับชีวิตมันและลูกๆ อีกต่อไป จึงไม่ยอมไปที่นั่นอีก นอกจากจะจำเป็นสุดๆ ซึ่งมันจะคอยดูตัวอื่นๆ ก่อน ด้วยความระมัดระวัง


สักครู่ต่อมา พิมพ์กับเพื่อน ย้อนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับ มอเตอร์ไซต์ชนิดพ่วงข้าง (แต่พิมพ์เรียกว่า มอ’ไซต์สามล้อ) ตามคำแนะนำปนขอร้อง ของผมและเพื่อน ว่าขอให้เอาพวงมณีไปด้วย

เพราะเดิมทีพิมพ์คิดจะเอาแต่ลูกๆ ของมันทั้งสี่ตัวไป เพราะยังพอจะหาคนอุปการะได้อยู่ แม้จะดูยากเย็นสักหน่อยก็ตาม แต่หมาแก่อย่างพวงมณีนั้น คงหมดสิทธิ์โดยสิ้นเชิง และอีกประการหนึ่งคือ ลำพังเจ้าตัวเล็กๆ ทั้งสี่ ก็เป็นปัญหาหนัก สำหรับพิมพ์อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ผมเข้าใจดี

มาคราวนี้ พิมพ์มาในมาดใหม่ ไม่หักดิบเหมือนคราวก่อน คงเห็นภาพสะเทือนใจ และมีความรู้สึกเหมือนกับผมและเพื่อน ครั้งนี้พิมพ์เอาขนมขบเคี้ยวมาด้วย

พวงมณีเห็นพิมพ์ยืนอยู่ มันวิ่งออกมา แล้วทำท่าเหมือนอยากจะบอกอะไรสักอย่าง แล้ววิ่งกลับไปที่ปากโพรงที่มันซ่อนอยู่ แล้ววิ่งกลับมาที่พิมพ์อีก เหมือนจะขอร้อง

พิมพ์โยนอาหารให้มัน มันเมินหน้าหนี มันหันไปกินทราย (ที่ช่างก่อสร้างเทกองไว้แถวนั้น) ถ้ามันพูดได้ มันคงอยากจะบอกว่า "ไม่ต้องเอาอาหารมาให้ฉันหรอก ขอเพียงแต่อย่าเอาลูกๆ ของฉันไปเลย แม้ว่าฉันจะหิวจนใกล้ตาย ฉันก็จะขอกินทราย เพียงให้มีชีวิตอยู่ เพื่อปกป้องลูกของฉันจะดีกว่า..."

พิมพ์ เพื่อน และผม หันมามองหน้ากัน พูดอะไรไม่ออก มันรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมา (จนจะจากโลกนี้ไปแล้ว) ยังไม่เคยเห็นหมาที่ไหนกินทราย
แต่สำหรับพวงมณี ผมคิดว่าในยามที่มันคายอาหารให้ลูกจนหมด ยามตัวเองหิวจนแทบสิ้นใจ คงต้องหัดกินอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัว จนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว (แม้แต่คนกินดิน ก็ยังเคยมีให้เห็น)

ผมคิดว่า ถ้าใครได้มาเห็นภาพเช่นนี้ คงจะมีความรู้สึก ไม่ต่างไปจากพวกเรา
"มันยิ่งใหญ่มากครับ... ความรักของแม่ มันยิ่งใหญ่จริงๆ ไม่เว้นแม้แต่แม่หมา"

มันวิ่งไปที่ปากโพรง เดินวนไปวนมา เหมือนคอยจะกันพวกเรา พิมพ์ไม่ละความพยายาม เธอโยนอาหารไปให้มันที่ปากโพรง กลิ่นอาหารคงจะยวนใจบรรดาลูกๆ ของมันอย่างมาก พวกมันจึงพยายามจะออกมา แต่พวงมณีก็พยายามกั้นลูกๆ ของมันเอาไว้ แต่ก็เขี่ยอาหารลงไปในโพรง เพื่อให้ลูกๆ ของมันได้กิน

พิมพ์เห็นว่า มันเริ่มให้ความวางใจในระดับหนึ่งแล้ว ก็เริ่มโยนอาหารเพิ่มให้มันอีก จนเกือบจะหมดถุง เรายืนคุยกันเพื่อรอจังหวะเวลาสักครู่หนึ่ง

ที่จริงแล้ว เราไม่ได้คิดไกลไปถึงว่า จะรอคอยเพื่อหาจังหวะ ที่จะฉวยเอาตัวลูกหมาเท่านั้น แต่การรอคอยของพวกเรา เป็นการรอเพื่อการตัดสินใจของแม่หมาตัวหนึ่ง มันช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ



สักครู่หนึ่ง พวงมณีเรียกลูกๆ ของมันออกมาจากโพรง เดินมาที่สนามหญ้า ห่างจากจุดกำบังไปเล็กน้อย เพื่อที่จะให้พิมพ์และเพื่อน เข้าไปอุ้มลูกๆ ของมันออกมาได้ ส่วนตัวมันเองนั้น ยืนหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เอาหน้าไปแอบกับพุ่มไม้ข้างๆ นั้น

เพื่อนผมบอกว่า มันคงตัดสินใจแล้วล่ะ จึงยอมเรียกลูกๆ ของมัน ออกมาจากที่ซ่อน มันคงทราบด้วยสัญชาติญาณว่า ถ้ามันให้ลูกของมันไป ลูกมันคงไม่อดตายแน่ และคงจะมีชีวิตที่ดีกว่าแน่นอน จึงตัดสินใจด้วยความเจ็บปวด และมันคงไม่อยากเห็นภาพ ตอนที่ลูกของมันทั้งหมดต้องจากไป มันจึงเมินหน้าไปเสีย ซึ่งผมก็มีความเห็นคล้อยตามนั้น

ในที่สุด พิมพ์และเพื่อน ได้อุ้มลูกหมาทั้งหมด ขึ้นมอเตอร์ไซต์สามล้อ ถึงกระนั้นก็ตาม พวงมณีก็กระโดดพรวด ตามมาที่รถอย่างรวดเร็ว (ถึงมันจะตัดสินใจแล้ว แต่ก็คงยังทำใจไม่ได้)

ผมและเพื่อนสบโอกาส จึงอุ้มมันใส่รถพ่วงข้าง ไปพร้อมกับลูกของมันด้วย ตามข้อตกลงของผมกับพิมพ์ก่อนหน้าแล้ว ขอขอบคุณพิมพ์ น้ำใจของคุณช่างงดงามจริงๆ



เห็นมั๊ยครับ.. ความรักของแม่ แม้แต่เป็นหมาก็ยิ่งใหญ่เหลือเกิน อย่างน้อยผมอยากให้ข้อความเหล่านี้ ซึ่งถ่ายทอดมาจากความเป็นจริง ที่ผมได้พบเห็นมากับตาตัวเอง ได้มีโอกาสผ่านสายตาของ "คุณแม่มือใหม่หัดขับ" ทั้งหลาย ที่เมื่อประสบอุบัติเหตุทางความรัก หรือจะอะไรก็ตาม แล้วทิ้งลูกในไส้ของตน ไว้ในถังขยะได้ลงคอ มันน่าอายหมายิ่งนัก

ผมอยากจะเรียกแม่ประเภทนี้ว่า "แม่หมาหมา" แต่ก็คิดว่า ยังไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก คงต้องวานคุณผู้อ่านทุกท่าน ช่วยกันตั้งชื่อ แม่ประเภทนี้ให้ผมด้วยก็แล้วกัน





ขออนุญาตเพิ่มเติมด้วยเรื่องจากฟอร์เวิร์ดเมล์

ก่อนที่จะอัพบล๊อกตอนจบของเรื่องนี้ ผมได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ฉบับหนึ่ง เปิดดูแล้วให้เป็นที่รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก ซึ่งช่างบังเอิญเหลือเกิน ที่ภาพในเมล์ดังกล่าว มาตรงกับบทสรุปของเรื่องนี้

ในเมล์นั้นไม่ได้มีข้อความอะไร มีแต่ภาพ ภาพ แล้วก็ภาพ ซึ่งดูจากหน้าตาของคนในภาพ ผมก็ยังรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยว่า ไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดในประเทศไทย (แต่ข่าวทำนองนี้ ก็ใช่ว่าเมืองไทยจะไม่มี) ผมคงไม่อธิบายอะไรไปมากกว่านี้ ให้ดูภาพเองดีกว่า

ขอขอบคุณ "น้องหมอคนสวย" ที่ฟอร์เวิร์ดเมล์นี้มาให้นะครับ

ฟอร์เวิร์ดเมล์นี้ชื่อหัวข้อว่า "แม่ใจยักษ์"














หมายเหตุ : ภาพประกอบบางส่วนจากอินเทอร์เน็ต


Create Date : 06 มิถุนายน 2551
Last Update : 31 มกราคม 2552 16:19:08 น. 19 comments
Counter : 2781 Pageviews.

 
เศร้าแต่เช้าเลยค่ะ น่าสงสารจัง


โดย: แม่มินมิน (nardlada ) วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:11:28:09 น.  

 
ครู โอพีมาหวัดดีจ๊ะ คิดถึงค่ะ ภาพเห็นแล้วพูดไม่ออก ไว้เสาร์อาทิตย์จะมาคุยด้วยนานๆจ้ะวันนี้ โอยาซึมิ จ๊ะ


โดย: Opey วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:13:00:53 น.  

 
อ่านแล้วทะเทือนใจค่ะ
สัญชาตญาณความเป็นแม่ของพวงมณีช่างสูงส่งจริง ๆ
เข้ามาอ่านเมื่อวานก็แอบคิดเปรียบเทียบกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่พร้อมจะรับผิดชอบทั้งหลาย
คิดอยากจะพูดเหมือนครูเอกนี่หละค่ะว่าเป็นแม่แบบนี้ช่าง "อายหมามัน"
แต่ก็เกรงใจ มาอ่านวันนี้ครูเอกพูดได้ตรงใจและแรงกว่าอีกค่ะ

....................
"คุณแม่มือใหม่หัดขับ" ทั้งหลาย ที่เมื่อประสบอุบัติเหตุทางความรัก หรือจะอะไรก็ตาม แล้วทิ้งลูกในไส้ของตน ไว้ในถังขยะได้ลงคอ มันน่าอายหมายิ่งนัก
.....................

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆที่เล่าสู่กันฟังค่ะ
หวังให้เรื่องนี้เป็นอุธาหรณ์ แก่คนที่กำลังจะเป็นแม่
จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ ในเมื่อรักสนุก
ก็ควรที่จะรักการรับผิดชอบด้วย สังคมจะตราหน้ายังไงก็ตาม
ตัวเองควรจะยืดอกยอมรับผลที่ตัวเองทำอย่างคนมีศักดิ์ศรี
และทรนงองอาจ จะน่าสรรเสริญกว่าเยอะเลยค่ะ

และขอให้เรื่องนี้เป็นอุธาหรณ์แก่คนที่เลี้ยงหมาด้วยว่า
เมื่อเอาเขามาเลี้ยงแล้วก็ควรจะเลี้ยงไปจนกว่าเขาจะตาย
ไม่ใช่เห็นตอนเด็ก ๆเขาน่ารักก็อยากเลี้ยงแต่พอโตขึ้น
กลับเห็นเป็นภาระแล้วเอาไปปล่อยทิ้งไว้
แบบนี้ก็ใจร้ายไม่แพ้พวกที่ทิ้งลูกตัวเองเหมือนกันนะคะ


โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:14:23:21 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกว่า หมาบางตัวยังมีสำนึกมากกว่าแม่บางคนซะอีก โชคดีจังที่เด็กไม่ตาย

และดูรูปและแอบสงสัยว่า คนที่มีลูกแฝด 2 เวลาให้นมต้องทำแบบในรูปเหรอคะ (ดูวุ่นวายจริง)

แล้วจะแวะมาอ่านบ่อยๆ นะคะ


โดย: mawantha วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:15:02:53 น.  

 
อ่านเรื่องที่ครูเอกนำมาลง แล้วสะเทือนใจจริงๆค่ะ
ตัวเองมีประสบการณ์ในการหาบ้านใหม่ให้น้องหมาค่ะ
แม่หมาเค้าเป็นหมาจรจัด มาคลอดลูก 7 ตัว ตรงไซต์งานก่อสร้างข้างๆอพาร์ทเม้นท์ที่เคยอยู่

คนงานก่อสร้างก็ไม่สนใจอยู่แล้วค่ะ แม่หมาก็ไม่ค่อยอยู่ดูแล ทั้งๆที่พวกเราชาวหอเอาข้าว เอาไก่มาให้กินตลอดที่เค้าท้อง จนคลอด
สถานที่ที่ลูกหมาคลอดก็อันตรายมากๆค่ะ เป็นห้องปูนมีแต่ผงฝุ่นปูน แล้วก็ของมีคมทั้งนั้น

ตอนที่คลอดออกมาเลยต้องรีบประกาศหาบ้านให้เค้าค่ะ โชคดีมีคุณพ่อ คุณแม่ใจดีมารับไปเลี้ยงในเวลาอันสั้น เพราะไม่อย่างนั้นชีวิตลูกหมาทุกตัวจะโดนรถคนงานก่อสร้างทับเละแน่ๆค่ะ

ช่วงเวลาที่มีคนมารับลูกหมาไป จนเหลือตัวสุด3 ท้าย ก็พอสะดวกแอบขึ้นมาเลี้ยงบนอพาร์ทเม้นท์ อันมีพื้นที่เล็กเท่ารูหนูค่ะ รอคนมารับ
ตอนนั้น ไม่ต้องกระดิกตัวออกไปไหนเลยค่ะครูเอก
กินก็ไม่ได้กิน นอนก็หลับๆตื่นๆ กลัวลูกหมาร้อง ถ้าร้องก็ร้องกันหมด เดี๋ยวเดือดร้อนคนอื่นจะเอาไปร้องเรียนได้

ช่วงเวลา เช้า กลางวัน เย็น จะพาลูกหมาลงไปกินนมแม่ค่ะ จะวิ่งไปตามหาแม่เค้า แล้วต้องคุมให้แม่นอนให้นมลูกก่อนที่แม่จะลุกไป

เวลาจะกินข้าวของตัวเอง ต้องรอแก๊งค์ลูกหมาหลับ แล้วรีบทำเวลาให้เร็วที่สุด ภายใน 10 นาทีวิ่งไปซื้อข้าว ซื้อนมที่ 7-Eleven ค่ะ

ทีนี้มาถึงตัวสุดท้ายค่ะ ครูเอก
เหลือตัวสุดท้ายแล้ว ดูแลง่ายหน่อย พามากินนมแม่สบายค่ะ

แต่มีอยู่ครั้งนึง ตอนที่วิ่งออกไปซื้อข้าวที่ 7-Eleven ให้ตัวเองกินตอนดึก (4 ทุ่ม ลูกหมาหลับแล้ว) เจอแม่หมาด้วยค่ะ เค้าได้กลิ่นลูกเค้า เค้าวิ่งมาสกัดขาเรา แล้วก็วิ่งตามไป 7-Eleven ด้วย

รู้สึกแปลกใจมาก ว่าปกติใครๆก็ลงความเห็นว่า แม่ตัวนี้ไม่รักลูกเลย ไม่ดูแลลูกด้วย วันๆไม่เคยอยู่ให้นมลูก ทั้งๆที่พวกเราหาข้าวหาอาหารทุกอย่างมาให้กินถึงที่ แล้วทำไมวันนี้เกิดหวงลูกขึ้นมา

บอกเค้าว่า ลูกหนู มีคนใจดีเอาไปเลี้ยงให้นะลูก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เค้ารักหมากันทุกคน
เชื่อใจนะ

ระหว่างที่รอคนมารับตัวสุดท้าย ที่เป็นตัวเมีย เค้าบอกว่า ที่บ้านที่อ่างทองเค้าน้ำท่วม รับไปตอนนี้เกรงว่าลูกหมาจะตกบ้าน จมน้ำตายซะเปล่าๆเลยฝากไว้ก่อน

ตัวเองอยู่อพาร์ทเม้นท์ค่ะครูเอก เห็นจะรับฝากนานไม่ได้ เลยต้องตัดสินใจเด็ดขาด เลี้ยงไว้เอง แล้วก็ย้ายออกจากอพาร์ทเม้นท์นั้น มาอยู่บ้านทันทีเลยค่ะ

เลยกลายเป็น 'แม่' มาตั้งแต่บัดนั้นเลยค่ะ
ทุกวันนี้ ก็จะพา ลูกหมาตัวนั้น ไปเยี่ยม แม่เค้าที่อพาร์ทเม้นท์เดิมทุกๆเดือนเลยค่ะ

พอครบสามเดือนหลังจากคลอด ยังต้องกลับไปทำหมันให้แม่หมาอีกด้วยค่ะ การเกิดมาเป็นลูกหมาแบบไม่มีสกุล นี่เป็นชีวิตที่ลำบาก สาหัสมากจริงๆค่ะ

แม่เค้าคลอดมาครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว
ทุกวันนี้ ถือว่าแม่เค้าให้ของขวัญที่มีค่าที่สุด กับบ้านเราค่ะ ครูเอก

เล่ามาซะยาวเชียว เพราะบล็อคนี้ทำให้นึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาน่ะค่ะ

ครูเอกว่างๆ ก็ขอเชิญไปชมภาพลูกหมาทั้ง 7 (สมัยโน้นน) ได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ แจกฟรีลูกหมาน่ารักอวบอ้วนปุกปุย






โดย: Shallow Grave วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:16:14:33 น.  

 
อ่านเรื่องของพวงมณีแล้วมาเห็นภาพแม่คนที่ทำ
กับลูกได้ลงคอขนาดนั้นแล้ว คงไม่มีคำไหนจะบอก
นอกจากว่า อายหมามั่งนะ สัญชาติญาณความเป็นแม่ที่
คุณมีมันสู้หมาไม่ได้เลย

ความรักของแม่นั้น ยิ่งใหญ่เหลือเกินค่ะ อ่านแล้ว
สะเทือนใจจังเลย


โดย: บัวริมบึง วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:17:58:07 น.  

 
นู๋ได้อ่านเรื่องพวงมณีแล้ว นู๋คิดว่านู๋ทำถูกแล้วค่ะ ที่นู๋ไม่ทำร้ายเค้า ครูเอกคงได้อ่านใน blog ของนู๋แล้ว นู๋ตัดสินใจถูกต้อง ที่นู๋รักษาเค้าไว้ เค้าคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดแล้วค่ะ ถ้านู๋ทำลายเค้าตอนนี้นู๋คงจะต้องเสียใจไปอีกนาน แม้เค้าจะไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แต่นู๋คิดว่านู๋สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ค่ะ
ชอบเรื่องราวของพวงมณีจัง ครูเอกเล่าได้ดีมากค่ะ
อ่านแล้วน้ำตาซึม สงสารเค้าจังค่ะ


โดย: น้องนู๋ตาโต IP: 124.120.1.190 วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:8:56:23 น.  

 
อ่านเรื่องพวงมณีแล้วสะเทือนใจมากคะ
ยิ่งมาเห็นเด็กที่ถูกแม่ทิ้งแล้วจะเป็นลมคะ
ขนาดพวงมณีเค้ายังรักลูกตัวเองขนาดนั้น
แล้วทำไมมนุษย์ผู้สูงส่งถึงทิ้งลูกตัวเองได้ลงคอ
เฮ้อ มาบล็อคครูเอกแล้วเศร้าจัง แต่ก็ได้ข้อคิดเยอะ
แยะเลยคะ แล้วจะมาเยี่ยมอีกนะคะ


โดย: เจ้าเตี้ย วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:9:36:30 น.  

 
ครู นู๋โอพีมาขอบคุณที่ครูแสดงความคิดเห็น งง กะเมืองไทยเนอะเป็นสมัย พศ ๒๐๒๑
พม่าต้องยกทัพเข้าตีไทยแน่นอน เพราะคนไปแตกแยก เสียกรุงสองครั้งก็เป็นเหตุกๅรณ??คล้ายกะปัจจุบัน


โดย: Opey วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:10:33:19 น.  

 
น้ำตาซึม..คิดถึงแม่เลยเรา...


โดย: teansri วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:6:51:56 น.  

 
ครู ขอบคุณค่ะที่เป็ฯห่วงปล่อดภัยจ๊ะมีฝนตกลมแรง
แถวโอพีอยู่เจอหางพายุนะคะ เมือไหรครูจะอัพบล็อกใหม่จ๊ะแจ้งด้วยน้าาาาา


โดย: Opey วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:9:14:20 น.  

 
หวัดดีค่ะครูเอก ขอบคุณที่แวะไปทักที่บล็อกนะคะ

ความรู้ excel ที่ครูเอกถ่ายทอด เข้าใจง่ายมากเลยค่ะ เดี๋ยวจะบอกให้พี่สาวอ่านเพิ่มเติมนะคะ


โดย: muffinwafer วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:21:55:45 น.  

 
อ่านแล้ว ร้องไห้อ่ะ....

สงสารหมามากๆๆๆ

มันคงเศร้ามากๆๆๆ ที่ต้องตัดสินใจ

แต่ก็รู้สึกดีมากๆๆค่ะ

ที่จบแบบ...ลูกกะแม่ได้อยู่ด้วยกาน....


โดย: mamomy IP: 118.173.240.20 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:23:04:45 น.  

 
ครูเอกจ๋าเมื่อไหร่เปลียนเรื่องชะทีค่ะมันน่ากลัว
โอพีดูทีไรกลับไปนอนไม่หลับนะจ้าาา
เปลียนเถอะนะจ๊ะ


โดย: Opey วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:12:36:55 น.  

 
อยากมีลูก แต่สงสัยพ่อของลูกยังไม่เกิด อิอิ
เคยไปตามดูต่อรึเปล่าว่าพวงมณีมีลูกครอกใหม่รึยัง
จะได้จับทำหมันให้ซะเลย


โดย: น้องหมอของพี่เอก IP: 203.144.187.18 วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:17:12:51 น.  

 
สวัสดีคะ ครูเอก
แวะมาทักทายช่วงเช้าคะ มีความสุขกับทุกๆๆวันนะ


โดย: เจ้าเตี้ย วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:8:12:05 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ อ่านเรื่องของพวงมณีแล้วซึ้งใจค่ะ แต่คนเป็นแม่บางคนทำไมถึงไม่สามารถทำแบบนี้ได้คะ แม้แต่ลูกตัวเองยังทิ้งลง


โดย: xinru (Twin dolphin ) วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:10:57:21 น.  

 
แวะมาทักทายในวันอาทิตย์ค่ะ
มีความสุขมาก ๆกับการพักผ่อนนะคะ


โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:12:34:15 น.  

 
ชอบมากๆ ค่ะ แต่น้ำตาซึมเลยอ่ะ เรื่องนี้พอได้อ่านแล้ว ทำให้มองเห็นภาพ และรับรู้ได้ถึงความรู้สึก ของผู้เขียนไปพร้อมๆกัน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์หากพวกมือใหม่หัดขับจะบังเอิญได้มาอ่านด้วย เฮ้อจะได้ไม่คิดทำร้ายลูกไงคะ เพราะกลัวจะอายความรักที่แม่พวงมณีมีให้ลูกน้อย ส่วนคุณแม่ที่ให้นมลูกพร้อมกัน สองเต้า เห็นแล้วต้องอมยิ้มค่ะ หากเธอมีลูกสามละก็ นู๋ก็คิดว่าเธอสามารถค่ะ เธอจะแปลงร่างเป็นผู้ที่จะวางแผนจัดการ ให้ลูกๆ ได้อิ่มพร้อมๆกันได้อย่างแน่นอน แวะมาทักทายแล้วนะคะ นู๋ตุ๊กจ้า


โดย: นู๋ตุ๊กตา IP: 202.149.25.225 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:21:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ครูเอก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 112 คน [?]




เนื้อหาบทความ ภาพประกอบ ไฟล์ตัวอย่าง ทั้งหมดใน blog นี้ "สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗" อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ได้ โดยต้องระบุแหล่งที่มาของเนื้อหาให้ชัดเจน เพื่อแสดงถึงการรับรู้ในความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ไม่อนุญาตในการนำไปใช้เพื่อการแสวงหาผลกำไรทางธุรกิจ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร

ส่งข้อความหลังไมค์ถึงครูเอก
MSN : ysamroeng@hotmail.com
ชมรมนักเรียนสาธิตเสริมสมอง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
กิตติกรรมประกาศ

ผมใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก โดยมีหนังสือชื่อ "เรียน DBASE III PLUS ด้วยตนเอง" ของ พ.ต.ประพัฒน์ อุทโยภาศ เป็นเสมือนอาจารย์ และมี บร.โรเบิร์ต ปาแนสโต (ซดบ.) เป็นผู้ให้โอกาส และ้คำแนะนำ ถือเป็นก้าวแรก ที่้ผมจับคอมพิวเตอร์ และสนใจเรียนรู้ มาตั้งแต่วันนั้น นอกจากเรื่อง "การเขียนโปรแกรมด้วย Clipper" แล้ว ผมไม่เคย ไปเรียนคอมพิวเตอร์ จากสถาบันใด อาศัยที่เป็น คนชอบอ่านหนังสือ และซื้อหนังสือเยอะมาก บวกกับลงทุน ซื้อเครื่องไว้ใช้งานเอง (เครื่องแรก Intel 386DX-40) จึงได้ฝึกฝน เรียนรู้ ต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้
มีของมาขาย

1. หนังสือ "Excel for HR"


การใช้ไมโครซอฟต์เอ็กเซล ในงาน HR แบบมืออาชีพ พิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นหนังสือที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากงานจริงๆ มาเป็นวัตถุดิบ เป็นหนังสือคอมพิวเตอร์เล่มแรก ที่เขียนขึ้นมาเพื่อ นักบริการทรัพยากรมนุษย์ (HR) โดยเฉพาะ เป็นตัวอย่างของการใช้โปรแกรม MS Excel ในงานประจำวันของ HR หาซื้อได้ที่ ร้านซีเอ็ดบุ๊ค ทุกสาขา, HR Center, ศูนย์หนังสือ สสท., ศูนย์หนังสือจุฬา, Thailand Book Tower, B2S เป็นต้น
หรือสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ 02-347-1066, 081-423-9828
ราคาเล่มละ 200 บาท จัดส่งฟรี

2. CD รวมไฟล์ตัวอย่าง Excel จากงานจริง


มีไฟล์ตัวอย่างมากที่สุด สามารถนำไปใช้งานได้ทันที หรือใช้ศึกษาเทคนิคการเขียนสูตร Excel อัพเดตใหม่ทุกสัปดาห์
ของแท้ไม่มีวางจำหน่ายที่ไหน
สนใจสั่งซื้อโดยตรงที่ 02-347-1066, 081-423-9828
ราคาแผ่นละ 200 บาท ค่าจัดส่งฟรี

หมายเหตุ : ปัจจุบันมีจำหน่ายทั้งสิ้น 3 ชุด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://sites.google.com/site/excel4hr/product
กิจกรรมของพวกเราที่ผ่านมา

โครงการห้องสมุดเพื่อน้อง รร.บ้านซับงูเหลือม จ.ลพบุรี

โครงการห้องสมุดเพื่อคนพิการ มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ ปากเกร็ด
รูปภาพหรือข้อความแสดงความเห็น เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยอิสระ ของบุคคลทั่วไป และถูกส่งขึ้นแสดงในหน้า blog โดยอัตโนมัติ เจ้าของ blog มิได้มีส่วนรู้เห็น หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งไม่จำเป็นต้องร่วมรับผิดชอบ ต่อทุกความคิดเห็นใดๆ
Friends' blogs
[Add ครูเอก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.