ห่างหายไปพักใหญ่ๆ ค่ะกับการเขียนบล๊อก จำได้บล๊อกสุดท้ายเขียนเรื่องครบ
รอบวันเกิด 1 ขวบของพอลล่า(ตอนนั้นกำลังท้องนีลส์อยู่) ตอนนี้พอลล่า 3 ขวบ
กว่าแล้วเพิ่งจะได้กลับมาเขียน ไม่ค่อยนานเลยเน๊อะ 2 ปีกว่าๆ เอ๊ง แฮร่ๆ .. แล้ว
ตอนนั้นที่อัพบล๊อกครั้งสุดท้ายยังอยู่ที่เบลเยียม ส่วนตอนนี้อัพอีกทีย้ายข้ามทวีป
มาอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณะรัฐประชาชนจีน (ใส่ซะเต็มยศ) .. สาเหตุที่ย้ายก็
เหมือนเคยค่ะ ย้ายตามสามี ปะป๊าย้ายไปไหน พวกเราสี่แม่-ลูกก็จะย้ายตามไป
ด้วย เราจะไม่แยกจากกัน ^_^
ณ วันนี้ วันที่เขียนบันทึก (10/08/2013) ครอบครัวเรามาอยู่เซี่ยงไฮ้ได้สาม
สัปดาห์นิดๆ แล้ว มาอยู่ในเมืองใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขาดอยู่
อย่าง คือ ไม่มีสนามหญ้าให้สามเด็กวิ่งเล่น (เพราะเราอยู่ serviced
apartment) แต่ว่าก็มีสวนสาธารณะอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ทเม้นท์ เดินประมาณ
10 นาที ยังไม่เคยพาลูกไปเลยค่ะ รอวีคเอนด์ไหนอากาศดีๆ แล้วจะพาลูกไป
คือ ต้องให้ปะป๊าสามเด็กไปด้วย เมืองใหญ่นะ เหมือนกรุงเทพฯ อ่ะ รถเยอะ ข้าม
ถนนต้องระมัดระวังสุดๆ รถไม่หยุดให้คนเหมือนที่เบลเยียม คนต้องระวังรถเอง
แล้วไหนจะมีเลนจักรยานกะมอเตอร์ไซค์ อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ติดไฟแดงอยู่แต่
หลายคันก็ไม่หยุด ขับฝ่าไปหน้าตาเฉย มาแรกๆ นี่หงุดหงิดมากกกกกกกก เกือบ
เปิดปากแฉ่งไปหลายทีแล้ว (แต่มาคิดอีกที แฉ่งไป เค้าก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ก็เลย
สงบปาก สงบคำ ได้แต่ทัมใจ) นี่ยังไม่นับรวมที่ต้องแบกลูกข้ามสะพานลอยอีก
ถ้าไม่เอาปะป๊าเค้าไปด้วยก็ งานหนัก ค่ะ
อยู่เมืองจีนนี่มีเรื่องเล่าเยอะมาก ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน ก็
เป็นธรรมดา ย้ายจากประเทศหนึ่งมาอยู่อีกประเทศหนึ่งย่อมต้องมีความแตกต่าง
เรื่องของวัตนธรรมและสังคม ทำให้เราต้องนำทักษะเรื่องการปรับตัวออกมาใช้
(แม๊ะ มาเป็นหลักการ) โดยเฉพาะสามเด็ก แบร๊ท-พอลล่า-นีลส์ ต้องปรับตัวเข้า
กับวัตนธรรมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่และสังคมใหม่ แต่เด็กนะ เหมือนอย่าง
ที่เค้าว่ากัน เด็กมักปรับตัวได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ อันนี้แม่เห็นด้วย แล้วต้องถือเป็น
ความโชคดีของสามเด็กที่ได้มีโอกาสย้ายไปอยู่ประเทศนั้น ประเทศนี้ ได้เรียนรู้
หลายๆ วัตนธรรม ได้มีประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายแล้วยังได้ภาษาเพิ่มขึ่นอีก
ด้วย ณ ปัจจุบันนี้ สามเด็กเป็นเด็กดัชท์-ไทย ต่อไปก็จะได้ในส่วนของภาษา
อังกฤษและภาษาจีน ได้เรียนรู้ถึงสี่ภาษา ถือเป็นกำไรชีวิตนะลูกนะ
ผมชื่อ แบร๊ท คร้าบ ปีนี้ห้าขวบแล้วคร้าบ
ส่วนหนูชื่อ พอลล่า ค่ะ หนู สามขวบแล้วนะคะ
ส่วนผมน้องนุชสุดท้อง ชื่อ นีลส์ คร้าบ สองขวบคร้าบ
วิวช่วงพลบค่ำ ถ่ายจากระเบียงอพาร์ทเม้นท์
ภาพนี้ถ่ายบนสะพานข้ามถนน Zhaojiabang ตึกที่เห็นข้างหน้า(มองไปตรงๆ)
คือ ห้างสรรพสินค้าโอเรียนท์ หรือ Orient Shopping Mall ถัดมาอีกนิดที่
หลังคากลมๆ อันนี้ คือ Grand Gateway 66 Shopping Mall เป็นแหล่งรวมของ
ไฮแบรนด์ ซุปเปอร์แบรนด์ทั้งหลาย เหมือนพารากอนบ้านเราอ่ะค่ะ ข้างในทั้ง
ใหญ่ ทั้งสวยแต่คนล้านแปดค่ะคุณ อย่าได้ไปช่วงเสาร์-อาทิตย์นะคะ ร้านอาหาร
บนชั้น 5 นี่เต็มหมด ต้องรอคิวอย่างเดียวค่ะ ส่วนตึกขาวๆ ทางขวามือ อันนี้ก็ห้าง
สรรพสินค้าอีกเหมือนกัน ชื่อว่า Shanghai 600 จริงๆ มีห้างสรรพสินค้าเยอะกว่า
นี้แต่ถ่ายมาไม่หมด ได้มาแค่รูปเดียวค่ะวันนั้น อากาศร้อน 42 องศา เด็กยังเจ็ต
แลคด้วยเลยง๊องแง๊ง อารมณ์เสีย แม่เลยต้องเอากล้องลงเก็บกระเป๋าแล้วมาดี
ลกับเด็กแทน ตรงนี้เป็นแยกใหญ่ ข้างล่างใต้ดินก็เป็นส่วนตัดของรถไฟฟ้าใต้ดิน
หรือ เมโทร สาย1 และสาย9 ที่ไหนมีห้างฯ ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า ที่นั่นคน
จะเยอะเป็นพิเศษ แล้วตรงนี้เป็น commercial centre ของเซี่ยงไฮ้ด้วย ร้านรวง
จะเยอะแยะเต็มไปหมด ถนน Zhaojiabang เองก็ได้ชื่อว่าเป็นถนนแห่งไอที จะมี
ร้านขายพวกอุปกรณ์ไอทีอยู่เพียบ ถ้าอากาศดีๆ บวกรองเท้าดีๆ ใส่สบายๆ ซักคู่
นะ เดินดูนู่น ดูนี่ได้ทั้งวันเลย อิชั้นเน้นดูค่ะ ไม่เน้นซื้อ คริ คริ (แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์
กล้องก็ไม่แน่นะ คิดว่า คงต้องเสียตังค์เข้าซักวัน )
ต้องบอกก่อนว่า เมืองที่เราอยู่ คือ Xujiahui เพราะออฟฟิศที่สามีต้องทำงานอยู่
เมืองนี้ ก็เลยเลือกที่พักที่ใกล้ๆ กะออฟฟิศ ไปง่าย มาสะดวก เดินไปทำงาน
สบายๆ ออกกำลังกายไปในตัว แต่ช่วงหน้าร้อนนี่เดินไม่สบายเลย เหงื่อเปียกซก
ทั้งตัว นึกสภาพฝรั่งตัวโตๆ ตอนย้ายมา มากับพุงพลุ้ยพลุ้ย แต่หลังจาก เดิน
ไป-กลับออฟฟิศทุกวัน วันละ 20 นาที ท่ามกลางอากาศร้อนๆ 42 องศา เป็น
ระยะเวลา 3 สัปดาห์ ตอนนี้พุงฮียุบไปหลายนิ้ว .. ปีนี้เซี่ยงไฮ้เป็นอะไรที่ร้อน
มาก อุณหภูมิสูงมากกว่า 40 องศา รัฐบาลจีนต้องประกาศสภาวะฉุกเฉิน (อันนี้
คือ จากที่ติดตามข่าวมาอ่ะนะคะ) มีผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อน 10 คน อืม ถือว่า
เยอะนะ แม่ลูกสามอย่างเราก็เลยต้องเลี่ยง ไม่พาสามเด็กออกนอกบ้าน
ตอนกลางวัน จะมีช่วงบ่ายๆ พาเด็กไปเล่นของเล่นที่ Kids club ข้างล่างตึก จะ
ออกจริงๆ ก็ช่วงเย็น ที่อุณหภูมิลดลงมาบ้างแล้ว พาเด็กออกไปเดินดูนู่น ดูนี่ ให้
ได้ออกกำลังขา พอเหนื่อยก็พากลับเข้าบ้าน ชีวิตมีความสุขไปอีกแบบ ในแบบ
ฉบับของคนเมือง
แต่ช่วงนี้ สี่คนแม่-ลูก ไม่ได้ออกบ้านมาหลายวันแล้วค่ะเพราะพี่ใหญ่ของเราไม่
สบาย มีอาการหูชั้นกลางอักเสบและเท้าแพลง (แหม รับโชคสองชั้นเลยนะลูก)
-- คือ อาการหูอักเสบนี่แบร๊ทเป็นมาตลอด เป็นบ่อยมาก เป็นๆ หายๆ ไม่หาย
ขาดซักที แอนไทไบโอทิกก็รับมาแล้วหลายตัว แรงขึ้นเรื่อยๆ ไปหาคุณหมอครั้ง
ล่าสุด(ที่ United Family Hospital) คุณหมอเปลี่ยนแอนไทไบโอทิกมาเป็นอีก
ชนิดหนึ่งแล้วลดจำนวนครั้งที่จะรับประทานยาลงแต่เพิ่มปริมาณยาให้เยอะขึ้น
แอนไทไบโอทิกแบบซองขนาด 50 mg. จำนวน 4 ซอง ผสมกับน้ำ ดื่มวันละ 1
ครั้ง กลิ่นยาฉุนมาก รสชาติแย่สุดๆ เด็กกินไปสองครั้งแรก อาเจียนไม่เป็นท่า
เสียยาทิ้งไปเปล่าๆ 8 ซอง ต้องโร่กลับไปโรงพยาบาลเพื่อขอยาอีกรอบ หาซื้อ
ตามร้านขายยาทั่วไปไม่ได้ ต้องซื้อที่โรงพยาบาลและต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์
เท่านั้น ฮืม ลูกอิชั้น ฮีเป็นคนที่มีประสบการณ์สุดๆ ในหลายๆ เรื่องค่ะคนนี้ ..
ทุกเช้าหลังกินข้าวเสร็จแม่ก็จะไปผสมยามาให้เด็ก กว่าจะกินยาได้นี่มันแบบว่า
หนังชีวิตชัดๆ -- พูดดีๆ ก็แล้ว เกลี้ยกล่อมก็แล้ว บังคับก็แล้ว ไม่เป็นผล ท้ายที่
สุดก็ต้องจับกรอกปาก สงสารลูกมากแต่ก็ต้องทำ กรอกยาก็ไม่ใช่กรอกเสร็จ
แล้วเสร็จเลย กรอกเข้าปากเสร็จก็ต้องบีบปากเด็กไว้เพื่อไม่ให้อาเจียน (คือ ยา
มันแรงมากค่ะ เราว่า จะเด็กหรือผู้ใหญ่กินก็อาเจียนทุกคน) ทรมาณ ทรกรรมกัน
จริงๆ
แต่ก็มีเรื่องขำๆ นะ ล่าสุดเมื่อเช้าเลย แบร๊ทได้ยินเสียงแม่ทำอะไรก๊องแก๊งๆ อยู่
ในครัว เหมือนรู้ว่า แม่กำลังผสมยาให้ตัวเองอยู่ ฮีคลานเข่าค๊า คลานไปหลบในตู้
เก็บกระเป๋าเดินทางเลย (เด็กเดินไม่ได้ เจ็บเท้า เท้าบวมก็เลยต้องคลานเข่า) แม่
ออกมาจากครัวทันเห็นตอนกำลังเอาตัวมุดเข้าไปในตู้พอดี แม๊ะ ก็คิดได้เน๊าะ
ลูกเน๊าะ แต่คิดว่าจะหลบแม่พ้นเหรอ ฮ่าๆๆ (ยิ้มแยกเขี้ยวเป็นแม่ยักษ์ใจร้าย)
เข็นเด็กกลับจากโรงพยาบาลในสภาพที่เห็น
ส่วนเรื่องอาการที่เท้า อันนี้ยังคงหาสาเหตุไม่เจอว่า เด็กไปเหยียบอะไรมา ถาม
เด็กเด็กก็บอกไม่รู้ (แต่แม่คิดว่า คงเหยียบเลโก้ชิ้นเล็กๆ เพราะเหมือนเคยเห็น
แว่บๆ ว่าเด็กบ่นเจ็บเท้าเหยียบเลโก้ เล่นแล้วไม่เก็บก็เป็นเยี่ยงนี้แหล่ะ เลโก้ให้
โทษเลยเห็นมั๊ย!!) คุณหมอจับเอ็กซ์เรย์ กระดูกไม่แตก ไม่หัก ยังเป็นปกติดีแต่
เท้ายังบวมค่ะ บวมมากด้วย เท้าเริ่มบวมตอนที่อาการหูอักเสบกำเริบ มีไข้สูง
40.1 องศา เจอพิษไข้ร่วมด้วยเด็กเลยยิ่งปวดมาก แต่กำลังใจยังดี พอยาออก
ฤทธิ์ ไข้ลด เท้าไม่ปวด เด็กก็ออกเลื้อยเล่นกะน้อง (ยังเดินไม่ได้ไง เลยต้อง
เลื้อยไป) ดีนะอยู่อพาร์ทเม้นท์ ไม่มีบรรได เด็กเลยเลื้อยไปได้ทุกที จะเข้าห้อง
น้ำที ฮีก็เลื้อยไปเอง แม่เสนอจะอุ้มพาไป ฮีก็ปฏิเสธ แม๊ะ หยิ่งจริงๆ วุ้ย (แต่พอ
ไข้กลับมา เท้าปวดเหมือนเดิม ก็ต้องมาง้อขอความช่วยเหลือจากแม่ทุกที ฮ่าๆๆ
กับปะป๊านี่อ้อนกันซะไม่มีอ่ะ
เด็กอยู่ในสภาพนี้มาหลายวันแล้ว
น้องสองคน ขนสารพัดหมอนออกมาต่อแล้วบอกว่า พวกเรากำลังนั่งอยู่บนเครื่องบิน
พอลล่าบอก หนูขับเครื่องบินให้น้องนั่งค่ะ
เครื่องบินของหนูค่ะ .. เอ่อ ขอความกรุณาอย่าสนใจของเล่นที่กระจัดกระจาย
อยู่บนพื้นนะคะ คิดซะว่ามันคือ พร๊อพอย่างหนึ่ง
โห เขียนไป เขียนมา ทำไมมันยาวจังเลยหล่ะนิ ไม่ได้เขียนนาน เม้าท์เมามันส์
เลย .. ช่วงนี้กำลังหาโรงเรียนให้สองเด็ก แบร๊ทกะพอลล่าอยู่ค่ะ มีในใจแล้วสอง
สามที่แต่รอไปดูสถานที่จริงก่อนค่อยตัดสินใจอีกทีว่า จะส่งลูกไปที่ไหน? ใจจริง
อยากได้โรงเรียนแบบ bilingual สองภาษา English-Chinese ได้เรื่องยังไงแล้ว
เดี๋ยวมาบอกเล่ากันนะคะ ไปซะทีหล่ะ เจอกันใหม่บล๊อกหน้าจ้า
เหนื่อยมากครับ ขอพักเอาแรงแป๊บนุง ^-^