สัปดาห์ที่ผ่านมามีวันหยุดยาวต่อเนื่องกัน 3 วัน ตั้งแต่พฤหัสบดี 19 ถึงเสาร์ 21
กันยายน (ส่วนอาทิตย์ 22 กันยายน ผู้ใหญ่-เด็ก ยังกลับไปทำงาน ไปเรียนตาม
ปกติ หยุดแบบแปลกๆ เน๊าะที่นี่ หยุดถึงแค่วันเสาร์ วันอาทิตย์ต้องกลับไปทำงาน
ต่อ ถ้าเป็นประเทศอื่นคงได้หยุดยาวถึงวันอาทิตย์แล้วเน๊อะ)
นั่นล่ะค่ะ ก็เป็น
วันหยุดเนื่องในเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง (Mid-Autumn
Festival) หรือที่เมืองไทยเรารู้จักกันในนามของ
เทศกาลไหว้พระจันทร์ (Moon
Festival)วันหยุดแบบนี้ พ่อ-แม่-ลูกบ้านนี้จะทำอะไรเสีย นอกจากออกตะลอนทัวร์
เซี่ยงไฮ้ ^_^
อากาศยังดีเลยต้องรีบเที่ยว (ตักตวง ตักตวง) ถ้าเริ่มหนาวพร้อมฝนมาแล้วกลัว
จะติดแงก มีเวลาอยู่เซี่ยงไฮ้แค่อีก 4 เดือนค่ะ เดี๋ยวเที่ยวไม่ทั่ว (แบบว่า งก งก
งก ได้มาอยู่ทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม) ^-^
วันพฤหัสฯ(19 กันยายน 2556)ที่ผ่านมา
เราเลยพาเด็กๆ ไปไหว้พระกันที่วัด
หลงหัว (Longhua Temple) วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา นั่งแท็กซี่ไปประมาณ
5 นาที เราออกกันช่วงบ่ายเพราะอยู่ใกล้บ้านมาก ไม่จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดิน
ทางอีกทั้งสถานที่ที่เราจะไป คือ วัด คนน่าจะน้อยกว่าเมืองโบราณตลาดน้ำ (ที่ไป
มาเมื่ออาทิตย์ก่อน)
ทริปวันนี้เป็นทริปเอาใจผู้ใหญ่ล้วนๆ หัวหน้าคณะทัวร์(คนตัวใหญ่ที่บ้าน) เป็นคน
เสนอไอเดีย เราก็ เอ้า ยังไงก็ได้ ว่าไงว่าตามกัน ขอให้ได้พาเด็กไปปลดปล่อย
พลังนอกบ้านและให้มีรูปติดไม้ติดมือกลับมานี่ก็พอใจแล้ว (จิได้มีเรื่องมาอัพ
บล็อกด้วย อิอิ)
วัดหลงหัวเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดและ
ใหญ่ที่สุดของมหานครเซี่ยงไฮ้ วัดนี้ตั้ง
อยู่ในเขต Xuhui District ไม่ไกลจาก Shanghai Stadium
วัดถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.242 ในยุคสมัยสามก๊ก จากนั้นได้รับความเสีย
หายหลายครั้งอันเนื่องมาจากสงคราม แต่ต่อมาในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิ
Tongzhi และจักรพรรดิ Guangxu แห่งราชวงศ์ชิง (1644-1911) ได้มีการบูรณะ
วัดขึ้นมาใหม่
ประตูทางเข้าวัดหลงหัว
ปกติหากจะเข้าเยี่ยมชมวัดจะมีค่าบริการในการเข้าชม 10 หยวน แต่ในวันที่เราไป
วัดเปิดให้เข้าชมฟรี ไม่ต้องเสียตังค์ โชคดีจริงๆ เลยเรา ^◡^
แต่ก่อนจะเข้าวัด สิ่งแรกที่เราจะเห็นเลยก็คือ
เจดีย์หลงหัว (Longhua Pagoda)
ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด
เจดีย์หลงหัวเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม (รูปแบบราชวงศ์ซ่ง) มีขนาดเจ็ดชั้น (ลดหย่อน
กันขึ้นไป) สูง 40.4 เมตร ตัวเจดีย์ทำจากอิฐและไม้ มีระเบียงและราวบันไดล้อม
รอบทุกชั้นเจดีย์ มีระฆังเล็กแขวนอยู่ทุกยอดมุมแหลมของหลังคา เจดีย์องค์นี้เป็น
เจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.922 แทนเจดีย์องค์เดิมที่ถูกทำลายไป
คณะลูกทัวร์พร้อมน้ำส้มคนละขวด ต้องมีอะไรมาล่อใจเด็กไว้ ป้องกันอาการ
เยอะระหว่างทริป ^◡^
เข้าไปด้านใน ก่อนเดินชมวัดต้องจุดธูปเพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์กันก่อน
ภายในบริเวณวัดหลงหัวจะมีศาลาอยู่ด้วยกันหลายศาลา เรียงลำดับจากทิศใต้สู่
ทิศเหนือ ด้านข้างมีหอกลองและหอระฆัง
โดยศาลาแรกมีชื่อว่า
Maitreya Hall (ศาลาเมตไตรย) เป็นที่ประดิษฐานของ
รูปปั้นพระศรีอริยเมตไตรย
ตามตำนานเล่าว่า พระศรียอริยเมตไตรยเป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งรอที่จะมาตรัสรู้เป็น
พระพุทธเจ้าองค์ถัดไปเมื่อสิ้นพุทธกาลของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามความ
เชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายาน (นิกายที่คนจีนนับถือ)
พระศรีอิรยเมตไตรยและพระสังกัจจายน์นั้นไม่ใช่พระองค์เดียวกันนะคะ(เราเองก็
เพิ่งมาทราบทีหลังเมื่อตอนมานั่งค้นประวัติของวัดหลงหัว) โดยที่พระศรีอริยเมต
ไตรย พระเศียรจะไม่มีพระเกศา ครองจีวรเปิดด้านหน้า (เห็นพุง) มือข้างหนึ่งถือ
ถุงย่าม ข้างหนึ่งถือลูกประคำ ส่วนพระสังกัจจายน์ (พระอรหันต์ตามพุทธศาสนา
นิกายเถรวาท) พระเศียรจะมีพระเกศาขมวดเป็นก้นหอย ห่มจีวรเฉียง มีสังฆาฏิ
พาดไหล่แบบเดียวกับพระในนิกายเถรวาท (ไม่เปิดเห็นพุง)
ด้านหลังของพระศรีอริยเมตไตรยจะมี
พระพุทธรูปหยกยืนประดิษฐานอยู่ (ภาย
ในศาลาเดียวกัน)
พระพุทธรูปหยกสีขาวจากพม่าองค์นี้ มีความสูง 1.7 เมตร พระอาจารย์ยง ชิง
ประธานโพธิสมาคมฮ่องกง ได้บริจาคให้วัดหลงหัว เมื่อ 15 ตุลาคม ค.ศ.1987
หอระฆังของวัดหลงหัว ด้านในแขวนระฆังสำริดขนาดใหญ่ สูง 2 เมตร หนัก
6500 กิโลกรัม การตีระฆังในแต่ละครั้ง เสียงจะดังกังวานไปไกลในรัศมีประมาณ
4-5 กิโลเมตรเลยทีเดียว และในวันส่งท้ายปีเก่าของทุกๆ ปีจะมีพิธี Evening Bell
Striking พิธีลั่นระฆังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งพิธีนี้เป็น 1 ใน 8 สิ่งดึงดูดใจ
นักท่องเที่ยวของเซี่ยงไฮ้เลยค่ะ (แอบลุ้น เราจะได้อยู่เซี่ยงไฮ้ถึงวันที่ 31 ธันวาฯ
ไหมน๊อ? เผื่อจะได้ยินเสียงระฆังใหญ่วัดหลงหัวในคืนส่งท้ายปีเก่าฯ กับเค้าบ้าง)
^_^
ในส่วนของศาลาที่สอง ชื่อว่า
Heavenly King Hall เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้น
จตุมหาราช (มหาราชทั้งสี่) ซึ่งเป็นจอมเทพ 4 องค์ผู้รักษาคุ้มครองโลกใน 4 ทิศ
โดยที่
ท้าวธตรัฐ รักษาโลกด้านทิศตะวันออก แต่งกายในชุดสีขาว ถือมีดในมือซ้าย
และถือหอกในมือขวา (แต่ในบางวัดของจีน ท้าวธตรัฐจะถือคันธนูและลูกศร)
ท้าววิรุฬหก รักษาโลกด้านทิศใต้ แต่งกายด้วยชุดสีฟ้า ถือดาบในมือขวา
ท้าววิรูปักษ์ รักษาโลกด้านทิศตะวันตก แต่งกายด้วยชุดสีแดง ถือหอกในมือซ้าย
และถือเชือกในมือขวา (ในบางวัด ท้าววิรูปักษ์จะถือดาบแทนเชือก)
ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ รักษาโลกด้านทิศเหนือ แต่งกายด้วยชุดสีทองและ
ถือเจดีย์ในมือซ้าย ถือตรีศูลในมือขวา
ออกจากศาลาสอง เราก็ไปต่อที่ศาลาสาม ชื่อว่า
Grand Hall หรือศาลาใหญ่ ซึ่ง
เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปิดทอง ประทับนั่ง
สมาธิภายใต้โดมเกลียว
ทั้งสองด้าน ซ้าย-ขวา ของศาลาใหญ่จะมีรูปปั้นของพระอรหันต์ 16 รูป พร้อม
ด้วยรูปปั้นเทพสวรรค์อีก 20 องค์
รูปปั้นพระโพธิสัตว์ประดิษฐานอยู่ทางด้านหลังของรูปปั้นพระศรีศากยมุนี
ปล.ถ่ายรูปมาได้ไม่ครบทุกมุมค่ะ เดินไป ถ่ายไป ดีลกับเด็กไป -_-''
คุณป้าชาวจีน (กระเป๋าสีเขียว) ใจดีให้ขนมไหว้พระจันทร์สามเด็กด้วยคนละอัน
ป้าน่ารักมากมายเลย ขอบคุณนะค๊า ปล.ไม่กล้าเดินไปถ่ายข้างหน้าค่ะ แค่นี้ป้าก็
หลบกล้องจะแย่อยู่แล้ว
โยนเหรียญขอพร
พระพุทธรูปทองคำ 500 องค์
โถงทางเดินของอาคารด้านข้าง Grand Hall
ศาลาที่สี่ ชื่อว่า
Hall of Three Saints เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระอมิตาภพุทธะ
(พระพุทธเจ้าในสุขาวดีพุทธภูมิ ตามความเชื่อในพุทธศาสนานิกายสุขาวดี) พร้อม
ด้วยรูปปั้นพระอัครสาวกสองพระองค์ คือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (ท่านเป็นพระ
โพธิสัตว์ภาคชาย หรือที่ชาวจีนรู้จักกันในพระนามของ กวนซีอิม) และพระมหา-
สถามปราปต์โพธิสัตว์ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ด้านกำลัง
ซ้าย-พระอมิตาภพุทธะ, ขวา-พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์
ส่วนอาคารที่ห้า (อาคารด้านหลังสุด) เป็นกุฏิของเจ้าอาวาส ซึ่งเราไม่ได้เข้าไป
เดินชมแค่ด้านนอกค่ะ
สำหรับการเดินทางมายังวัดหลงหัว สามารถใช้บริการรถแท็กซี่, รถประจำทาง,
รถไฟฟ้าใต้ดิน (Metro) หรือจะมารถยนต์ส่วนตัวก็สะดวกดีค่ะแต่จะหาที่จอดรถ
ยากนิดนึงนะคะ ดีที่สุดคือ ใช้บริการขนส่งสาธารณะ ถึงไว ราคาสบายกระเป๋า
ไม่ต้องหงุดหงิดเรื่องหาที่จอดรถ ^_^
โดยรถประจำทาง : ขึ้นรถสาย 41, 44, 733 , 734 , 864 , 809 , 933 ลงที่สถานี
Longhua
โดย Metro : นั่ง Metro line 3 ไปลงที่ สถานี Longcao ออก exit ที่ 1 แล้วเดิน
ไปทางทิศตะวันออกอีกประมาณ 15 นาที ก็จะถึงวัดหลงหัวค่ะ
จบไปอีกหนึ่งวันกับทริปดีๆ ณ วัดหลงหัว เด็กมีความสุข(ได้วิ่งเล่นในลานวัด) ผู้-
ใหญ่ก็มีความสุข(ได้เดินชมวัด) เป็นทริปที่คุ้มค่าแก่การไปเยือนจริงๆ ค่ะ ^_^
หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากกูเกิลทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดย
เฉพาะข้อมูลภาคภาษาอังกฤษ เราอ่านแล้วนำมาแปลเป็นไทยในภาษาที่ตัวเอง
เข้าใจ หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ขอเป็นลูกทัวร์เพิ่มมาอีกคนนะคะ
ใช่ค่ะแปลกจริง ๆ ด้วย ให้กลับไปทำงานวันอาทิตย์ เป็นพี่คงขอหยุดต่อเนื่องล่ะค่ะ ด้วยเหตุผลว่าไม่คุ้นเคย อิอิ..
ลูกสาวน่ารักมากค่ะน้องไผ่ พี่แอบลำเอียงชอบเด็กผู้หญิงมากกว่านิดนึง
โหวตให้ด้วยค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Phai_Bart Travel Blog ดู Blog