พอร์ตโบรกเอาเปรียบรายย่อยจริง หรือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดๆ ??

ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านนี้มีการพูดถึงพอร์ตโบรกเกอร์กันค่อนข้างเผ็ดร้อน ประเด็นส่วนใหญ่ล้วนกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ลูกค้ารายย่อยจะได้รับความเสียหายจากการที่โบรกเกอร์ทำทั้งธุรกิจนายหน้าและมีพอร์ตลงทุนในเวลาเดียวกัน หลายคนสับสนเพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพอร์ตโบรกคืออะไร หลายคนไม่พอใจเพราะการได้รับการพูดปากต่อปากในด้านลบของพอร์ตโบรกเกอร์ดังกล่าว จริงหรือไม่จริงอย่างไรผมมีคำอธิบายให้ฟัง ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นก็ตามแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคลครับ

พอร์ตโบรกคืออะไร พอร์ตโบรกก็คือพอร์ตการลงทุนของโบรกเกอร์ซึ่งลงทุนได้ทั้ง หุ้น ตราสารหนี้ อนุพันธ์ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกนั้นๆ บางโบรกรับความเสี่ยงได้น้อยก็ไม่มีแผนกดังกล่าว บางโบรกมีพอร์ตการลงทุนในรูปตราสารหนี้เท่านั้น ในขณะที่บางโบรกมีการลงทุนในหุ้นแต่เป็นประเภทซื้อถือยาวๆเหมือนกองทุน และในขณะที่หลายๆโบรกมีการลงทุนในหุ้นและอนุพันธ์ในลักษณะทั้งลงทุนระยะสั้นยาว และระยะสั้น รวมถึงการเดย์เทรดหรือซื้อขายในวัน

ทำไมโบรกเกอร์ถึงอยากมีพอร์ตโบรก เหตุผลก็เพราะว่าโบรกเกอร์ก็เหมือนนักลงทุนทั่วๆไปที่ต้องการจะลงทุนให้เงินงอกเงย ส่วนผลการลงทุนที่ออกมาจริงๆนั้นก็มีทั้งกำไรและขาดทุนไม่ต่างจากนักลงทุนรายอื่นๆ แต่การที่โบรกเกอร์มีพอร์ตโบรกมีข้อดีหลายอย่าง เพราะว่านอกจากจะช่วยให้บริษัทกระจายการหารายได้หลายๆทางเช่น ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจ IPO หุ้น บริษัทยังไม่จำเป็นต้องลงทุนระบบต่างๆที่จำเป็นในการลงทุน เช่นเนื่องจากโบรกเกอร์มีแผนกวิจัยหุ้นอยุ่แล้ว ดังนั้นการจะหาข้อมูลการลงทุนในหุ้นสักตัวหนึ่งโบรกเกอร์จึงไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาเพิ่มแต่อย่างใดเพราะก็มีบุคคลากรอยู่พร้อม นี่ยังไม่พูดถึงแผนกจัดการต่างๆอย่าง Back office และ IT ทำให้เป็นการเกื้อหนุนกันและกัน และไม่ทำให้โบรกเกอร์มีต้นทุนเพิ่มขึ้นมากนัก

อย่างไรก็ตามมีนักลงทุนหลายรายเกิดข้อกังขากับการพอร์ตของโบรกเกอร์ดังกล่าว ประเด็นที่ได้ยินบ่อยๆก็คือ โบรกเกอร์มีความได้เปรียบในการเล่นหุ้น เพราะมีค่าคอมต่ำกว่า หรือพอร์ตโบรกเกอร์ไม่ต้องเสียค่าคอม นอกจากนั้นโบรกเกอร์ยังสามารถล่วงรู้ข้อมูลของนักลงทุนแต่ละรายทำให้พอร์ตโบรกได้เปรียบ สามารถซื้อขายตัดหน้าได้ เกิดความไม่เท่าเทียมกัน หลายคนบอกว่าพอร์ตโบรกซื้อหุ้นมาแล้วก็ตั้งขายช่องถัดไปก็คุ้มแล้วเพราะไม่เสียค่าคอม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมมีคำอธิบายให้ฟังครับ

โบรกเกอร์มีความได้เปรียบในการเล่นหุ้น เพราะมีค่าคอมต่ำกว่า หรืออาจพูดได้ว่าพอร์ตโบรกเกอร์ไม่ต้องเสียค่าคอม เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่แทบไม่ต้องพิสูจน์ เหตุผลก็อย่างที่เรารู้กัน เพราะพอร์ตโบรกเกอร์เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของโบรกเกอร์ ดังนั้นค่าคอมที่พอร์ตโบรกจ่ายออกไป จึงไปเข้าที่โบรกเกอร์ เป็นลักษณะเงินออกจากกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา ซึ่งเป็นการเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย แต่ การพิจารณาแบบนี้เป็นการมองเพียงด้านเดียว ลองคิดดูว่ากว่าที่โบรกเกอร์จะได้เปรียบด้านค่าคอมนั้นต้องแลกไปด้วยอะไรบ้าง โบรกเกอร์ได้ทำการลงทุนไปค่อนข้างมากทั้งในด้าน IT , การจ้างพนักงานในแผนก Back office การจ่ายค่าตัวนักวิเคราะห์หุ้น ค่าเช่าอาคารสถานที่ต่างและรายจ่ายอีกมากมาย ในขณะที่ธุรกิจโบรกเกอร์ในทุกวันนี้มีผลกำไรค่อนข้างต่ำถึงต่ำมาก โบรกขนาดเล็กส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดทุน โบรกขนาดกลาง-ใหญ่ที่พอจะเอาตัวรอดได้ก็มีผลกำไรที่ไม่ค่อยดีนัก มีเพียงโบรกเกอร์ชั้นนำไม่กี่รายเท่านั้นที่มี ROE เฉลี่ยสูงกว่า 10% ในขณะที่หุ้นชั้นดีต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ล้วนให้ ROE เกิน 10% ทั้งนั้น ถ้าหากสมมติว่าผมเป็นนักลงทุนคนหนึ่งซึ่งมีเงินมากพอที่จะซื้อโบรกเกอร์เป็นของตนเองเพื่อให้การเทรดหุ้นของผมมีค่าคอมที่ต่ำลง การทำดังกล่าวก็คงเป็นการโง่เขลามาก เพราะจะกลายเป็นการขี่ช้างจับตั้กแตน สู้ผมลงทุนแบบนักลงทุนรายย่อยในปัจจุบันดีกว่า จ่ายค่าคอมแพงหน่อยแต่ระบบทุกอย่างพร้อม และไม่ต้องมีเงินไปจมกับธุรกิจนายหน้าที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะทำกำไร อันที่จริงโอกาสที่โบรกเกอร์จะทำกำไรได้เพิ่มนั้นก็ลำบากเต็มทีเพราะในอนาคตเมื่อเปิดเสรี ค่าคอมมิชชั่นจะลดลงเรื่อยๆซึ่งจะเป็นผลดีกับนักลงทุนรายย่อย ในขณะที่จะเป็นการกดดันผลกำไรของโบรกเกอร์อย่างมาก คุณอยากได้อย่างไหนครับ ค่าคอมถูกแต่เงินจมในธุรกิจที่มองไม่เห็นทางออก กับจ่ายแพงหน่อยแต่สามารถถอนตัวเมื่อไหร่ก็ได้

ประเด็นต่อมา พอร์ตโบรกเห็นพอร์ตและออเดอร์ซื้อขายของลูกค้า พอร์ตโบรกทำกำไรได้จากข้อมูลดังกล่าว ประเด็นนี้ฟังดูก็น่าจะใช่ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่เป็นเช่นนั้นด้วยเหตุผลมากมายทีเดียว

เหตุผลที่หนึ่ง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ได้ออกกฎระเบียบให้มีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละแผนก นั่นคือ แผนกโบรกเกอร์ที่ดูแลลูกค้ารายย่อยไม่สามารถดูหุ้นและออเดอร์ในพอร์ตโบรก และในทางกลับกันพอร์ตโบรกก็ไม่สามารถดูหุ้นและออเดอร์ของลูกค้ารายย่อยและลูกค้าสถาบันได้เช่นเดียวกัน จริงอยู่ในทางปฎิบัตินั้นไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร ก็ตามที่โบรกเกอร์จะสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายและหากถูกตรวจพบก็อาจถึงขั้นต้องปิดบริษัท อีกทั้งความน่าจะเชื่อถือของโบรกดังกล่าวคงหมดสิ้นและลูกค้าก็คงหนีหายหมด การที่โบรกเกอร์จะเสี่ยงทำเรื่องดังกล่าวจึงเป็นประเด็นที่น่าคิด

เหตุผลที่สอง เราอยู่ในโลกของการแข่งขัน การแข่งขันทุกวันนี้รุนแรงมาก ทั้งในการทำงานแผนกเดียวกันและข้ามแผนก ถ้าหากว่าพอร์ตโบรกสามารถรู้ถึงหุ้นและออเดอร์ซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยและสามารถทำการซื้อขายดักล่วงหน้าได้แล้ว คิดว่าบรรดามาร์เก็ตติ้งของนักลงทุนรายย่อยจะยอมหรือครับ ถ้าหากนักลงทุนรายย่อยเทรดขาดทุนจากเรื่องดังกล่าว นักลงทุนคงหนีหายไป รายได้ต่างๆของมาร์เก็ตติ้งเหล่านี้ก็ย่อมหดหายตามไปด้วย ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริง ผมว่านักลงทุนไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ มาร์เก็ตติ้งของท่านจะออกมาโวยวายแทนท่านเอง(และแทนตัวมาร์เก็ตติ้งเองด้วย) ในขณะเดียวกัน พอร์ตโบรกก็คงไม่ต้องการให้ใครมาล่วงรู้ถึงการซื้อขายเช่นเดียวกัน เพราะต่างคนต่างก็ไม่อยากเสียเปรียบ เราอยู่บนโลกที่มีการแข่งขันกันสูง ทุกคนต่างต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น

เหตุผลที่สาม ผลกำไรหลักๆของพอร์ตโบรกมาจากการรู้เห็นพอร์ตและออเดอร์ของนักลงทุนรายย่อย นี่เป็นเรื่องที่เหลวไหลมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะอะไรหรือครับ ลองคิดดูว่าทุกวันนี้เวลาเราลงทุนเรามักสนใจอะไร การซื้อขายของกองทุน การซื้อขายของต่างชาติ มีใครสนใจการปริมาณการซื้อขายของรายย่อยรึเปล่า น้อยมากครับ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลก็รู้กันดีอยู่ว่าผลการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยนั้นกระทบต่อตลาดน้อยมาก นี่ยังไม่พูดถึงว่าข้อมูลการซื้อขายของรายย่อยนั้นจะถูกจำกัดในโบรกนั้นๆ ซึ่งแต่ละโบรกมีมาร์เก็ตแชร์น้อยมาก ดังนั้นการที่ใครสักคนถ้าจะรู้ข้อมูลการซื้อขายของรายย่อยในโบรกใดโบรกหนึ่งจึงแทบไม่ส่งผลต่อผลการเทรดใดๆ ถ้าจะมีการโวยวายกันเกิดขึ้นแล้วผมว่าควรจะเป็นกองทุนหรือนักลงทุนต่างชาติมากกว่า แล้วนักลงทุนรายย่อยซึ่งเป็นขาใหญ่ล่ะ ถ้าคุณคิดว่าพอร์ตโบรกล่วงรู้ออเดอร์ขนาดใหญ่ของเขาเหล่านั้นและทำการซื้อขายดักได้ นักลงทุนกลุ่มนี้จะยังอยู่กับโบรกนั้นหรือครับ และถ้าเกิดขึ้นเค้าจะรู้ครับเพราะพวกนี้ก็เป็นนักเก็งกำไรมืออาชีพกลุ่มหนึ่ง

นอกจากนั้นรูปแบบการลงทุนจริงๆของพอร์ตโบรกก็มีหลายรูปแบบมาก บางประเภทเป็นการทำกำไรแบบไม่มีความเสี่ยง(Arbitrage) หรือการเทรดตามโมเดล จะมีก็แต่การเทรดแบบเก็งกำไรระยะสั้นประเภทจบในวันเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์จากการล่วงรู้ออเดอร์ซื้อขายขนาดใหญ่(ขนาดใหญ่เท่านั้น) อันที่จริงแล้ว Hedge Fund ทั่วโลกเมื่อเริ่มก่อตั้งใหม่ๆส่วนมากมักเป็นเทรดเดอร์ของพอร์ตโบรกมาก่อน รวมถึง โซรอส ที่เรารู้จักกันด้วย ลองคิดดูว่าถ้าคนเหล่านี้ทำกำไรให้พอร์ตโบรกเพราะเค้าใช้ข้อมูลการซื้อขายของรายย่อย เมื่อเค้าแยกตัวไปตั้ง Hedge Fund ของตัวเอง เค้าก็จะทำกำไรไม่ได้อีกต่อไป เพราะ Hedge Fund ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโบรกเกอร์จึงเป็นไปไม่ได้ที่ได้ข้อมูลดังกล่าว แต่ในความเป็นจริงก็คือ Hedge Fund ชั้นนำล้วนทำกำไรได้มหาศาล เหตุผลมีอยู่อย่างเดียว นั่นก็คือ เค้ามีรูปแบบการลงทุนที่ดี ซึ่งเค้าได้นำไปใช้กับ Hedge Fund ของเขาเอง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ข้อมูลการซื้อขายอย่างที่หลายคนสงสัยกัน

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2552		2 comments
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2552 22:22:38 น.
Counter : 1590 Pageviews.
Share Tweet