Group Blog
 
 
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
3 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ตอนที่ 2 ใจกลางพายุหมุน




“คะ...คุณมาทำอะไรที่นี่?” หญิงสาวกลั้นใจถาม ยังภาวนาให้คำตอบไม่ใช่แบบที่เธอคิดแม้โอกาสเป็นไปได้จะริบหรี่แค่ไหนก็ตาม

“แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ?” เขายิ้มในแบบที่แพรววนิดไม่ชอบ แต่สาวๆ คนอื่นกลับหลงใหลคลั่งไคล้จนจะบ้า

“ไม่จริง” เธอส่ายหน้า ใจเต้นระส่ำ ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าของโรงแรมมณีมัญชุ์อันโด่งดังจะเป็นคนเดียวกับไอ้ผู้ชายโรคจิตจอมหื่น มิน่าเล่า ตอนเขาเข้ามาในลิฟต์กับเธอถึงไม่มีพนักงานหน้าไหนกล้าตามเข้ามาด้วย แถมชุดบ้านั่นก็เข้าไปรออยู่บนเตียงของเธอหน้าตาเฉย ทั้งที่มันไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ในโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ

อนลหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอ เดินเข้าไปหาเหยื่ออย่างใจเย็น ในดวงตามีแววรื่นรมย์ฉายอยู่ ในขณะที่หญิงสาวก็ถอยร่นไปเรื่อยๆ

แพรววนิดตระหนักว่าอันตรายคืบคลานมาถึงตัวแล้วเมื่อแผ่นหลังชนประตูซึ่งเธอรู้ดีว่าไม่มีทางจะออกไปเองได้ เว้นแต่เขาจะยอมปล่อยเท่านั้น และนั่นไม่ได้อยู่ในบรรดาเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ในเวลานี้ เธอติดกับแล้ว เดินเข้ามาในกับดักเองเสียด้วย บ้าเอ๊ย!

“ผมบอกแล้วไงว่าคุณจะมา”

เขาโน้มใบหน้าลงต่ำจนได้กลิ่นน้ำหอมชั้นดีที่โชยมาจากซอกคอระหงของหญิงสาว พวงผมที่ถักเป็นเปียเดี่ยวเคลียอยู่กับซอกไหล่และต้นแขนขาวนวลกลมกลึง เห็นแล้วอยากดึงยางรัดผมของเธอออกแล้วใช้นิ้วสางเล่นเสียจริง แต่ทันทีที่นิ้วของเขาแตะปลายผมอ่อนนุ่ม หญิงสาวก็สะดุ้งและโวยวายเสียงลั่นบาดแก้วหู

“ถอยออกไปนะ อย่ามายุ่งกับฉัน โรงแรมบ้า เจ้าของบ้า พนักงานก็บ้า บ้ากันทุกคนเลย คอยดูนะ ฉันจะแจ้งความจับพวกคุณให้หมด!” เมื่อรู้ว่าไม่มีทางสู้ หญิงสาวก็ขู่ฟ่อ ตั้งใจว่าจะสู้ยิบตา ไม่ใครก็ใครได้ตายกันไปข้าง

“ข้อหา?” อนลย้อนกลั้วเสียงหัวเราะแผ่วๆ อย่างนึกขัน วางมือทั้งสองค้ำประตูกักขังหญิงสาวไว้

แพรววนิดเม้มปากแน่น ใบหน้าแดงก่ำเอียงหลบลมหายใจร้อนผ่าวของเขา ทั้งโกรธทั้งกลัว มือไม้เย็นเฉียบไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีสติพอจะรู้ว่าต้องสู้จนถึงที่สุดเพราะนั่นอาจเป็นทางรอดเดียวที่มี

หญิงสาวข่มความหวั่นวิตกเอาไว้ เชิดหน้าขึ้นสู้สายตากับเขา “แล้วคุณต้องการอะไรจากฉันล่ะ ซื้อชุดราคาหลายแสนให้แบบนี้คงไม่ได้แค่อยากชวนฉันมากินข้าวเฉยๆ หรอก จริงมั้ย?”

“จริง” เขายอมรับ ทำหน้าตายได้กวนประสาทที่สุด ชักสนุกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นหญิงสาวตีโพยตีพายเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ เพียงแค่ได้รับเชิญให้มาร่วมโต๊ะดินเนอร์กับเขาเท่านั้น

นี่เป็นเคสแรกที่เจอเลยก็ว่าได้ อาจไม่ใช่ผู้หญิงทั้งประเทศที่อยากได้ความสนใจจากเขา แต่อนลก็ไม่เคยตอแยกับใครก่อน โดยเฉพาะผู้หญิงที่แสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่อยู่ในสายตาของเธอเลย หรือจะพูดให้ตรงกว่านี้คือเธอมองเขาเหมือนตัวเชื้อโรค น่ารังเกียจเกินกว่าจะเสวนาด้วย

แพรววนิดปรี๊ดจนควันออกหู “นั่นแหละ อะไรก็ตามที่คุณต้องการจากฉัน ฉันไม่เต็มใจ และถ้าคุณทำ ฉันจะแจ้งความ!”

“แจ้งจับผมข้อหาจีบคุณเนี่ยนะ ตำรวจเขาคงรับแจ้งหรอก” อนลหัวเราะ เสียงนั้นเหมือนจะขบขันมากกว่าอารมณ์อื่น

จริงอยู่ว่าการซื้อชุดราตรีราคาหลายแสนให้แพรววนิดก็เพื่อเป็นการกรุยทางสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งในขั้นต่อไป แต่เขาก็แค่ยื่นข้อเสนอให้เธอพิจารณาและมีแผนว่าจะโน้มน้าวทุกวิถีทางให้เธอยอมตกลง คนอย่างนายอนลถึงจะไม่มีดีอะไรแต่ก็ไม่เคยใช้กำลังข่มขืนผู้หญิง แล้วดูเธอทำท่าเข้าสิ เหมือนกำลังถูกเขาปลุกปล้ำอยู่งั้นแหละ ตลกชะมัด!

ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความโมโหปนอับอาย เกิดมาไม่เคยเจอใครหน้าด้านหน้าทนแบบเขามาก่อน “พูดออกมาได้ว่าจีบ ที่คุณทำอยู่นี่เขาไม่เรียกจีบหรอก เขาเรียกว่าลวนลาม พยายามคุกคามชีวิต ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และวางแผนล่อลวงมา...มา...”

“มา?” เขาท้าทายให้เธอพูดต่อ ก้มต่ำลงไปอีกจนปลายจมูกโด่งจวนจะชนแก้มเนียนอยู่รอมร่อ

แพรววนิดกัดริมฝีปาก ใจเต้นรัวเร็วด้วยความตระหนก เบนหน้าหนีพลางใช้มือดันใบหน้ากวนประสาทนั่นออกห่างด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ก่อนตัดสินใจงัดไม้ตายมาใช้ สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยใช้วิธีนี้ข่มขู่ใครเลย “ก็มาทำแบบที่คุณทำอยู่นี่ไง ถอยออกไปนะ รู้ไหมว่าฉันลูกใคร พ่อฉันเป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดัง ถ้าฉันแจ้งความ โรงแรมคุณดับอนาถแน่ พ่อฉันไม่เอาคุณไว้เด็ดขาด!”

คิ้วเข้มเลิกสูง แววตาประหลาดใจอย่างเสแสร้ง “ว้าว...นี่ผมกำลังจีบลูกสาวผู้มีอิทธิพลในวงการสื่ออยู่เหรอเนี่ย เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ตาถึงเหมือนกันแฮะ”

หญิงสาวแทบกรี๊ดลั่นเมื่อมันไม่ได้ผล เขาเหมือนไม่ยี่หระต่อสิ่งใดเลย คราวนี้เธอรู้สึกสิ้นหวังและจนปัญญาอย่างแท้จริงจึงเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงอ้อนวอน “คุณปล่อยฉันไปเถอะ คงมีผู้หญิงอีกเยอะที่เต็มใจ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ เราไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน อย่าทำร้ายฉันเลย”

“อ้าว...ไม่เก่งแล้วเหรอ แบบนี้ก็หมดสนุกน่ะสิ” เขาแสร้งถอนใจราวกับเสียดายนักหนา ก่อนจะเลื่อนมือแตะปลายคางมนบังคับให้เธอหันมาสบตากันตรงๆ

แพรววนิดเอียงหน้าหนีแต่เขาใช้ปลายจมูกโด่งดักทางไว้ ทำให้เธอไม่กล้าขยับไปไหนอีก กลัวเขาจะทำมากกว่าใช้ปลายจมูกไล่ตาม

ชายหนุ่มอมยิ้มร้ายกาจในแบบที่แม่สาวชุดแดงคนเมื่อคืนหลงใหลจนแทบจะดิ้นตายแต่แพรววนิดเห็นแล้วอยากเป็นลม ยิ้มนั่นทำให้แข้งขาของเธออ่อนแรง เขาเหมือนหมาป่าที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อด้วยกรงเล็บอันแหลมคม แต่เธอไม่อยากตกเป็นเหยื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมีชะตากรรมที่เลวร้ายถึงขนาดนี้

เสียงคีย์การ์ดแตะสัญญาณผ่านประตูดังขึ้น หญิงสาวหูผึ่ง ใจเต้นรัวด้วยความยินดี เอี้ยวหน้ากลับไปพร้อมอ้าปากจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่เขาไวกว่า รั้งร่างอรชรเข้ามาในอ้อมกอดและบดจูบร้อนแรงลงบนกลีบปากอิ่มนุ่ม ปิดกั้นเสียงร้องของเธออย่างแนบสนิท

แพรววนิดตัวแข็งทื่อ ดวงตาเรียวยาวเบิกกว้าง ตกตะลึง ก่อนที่หัวใจจะเต้นกระหน่ำหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อรับรู้ว่าเขาแทรกปลายลิ้นเข้ามารุกรานในปากเธออย่างอุกอาจ สัมผัสนั้นราวกับได้กระชากวิญญาณของเธอให้หลุดลอยออกจากร่าง หัวหมุนคว้างเหมือนยืนอยู่ใจกลางพายุทอร์นาโด สิ้นไร้เรี่ยวแรงและสูญเสียการควบคุมตัวเองโดยสิ้นเชิง เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ยินแม้เสียงเกรี้ยวกราดของคนที่เพิ่งโผล่พรวดเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าถมึงทึง

“แกทำบ้าอะไรอยู่วะไอ้นล!”

อนลค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาจากกลีบปากอิ่มนุ่มของคนในอ้อมแขน ยิ้มหยันสะใจเมื่อหันไปเผชิญหน้ากับบุรุษวัยกลางคนที่กำลังชี้หน้าด่าเขาอย่างโมโห ทักทายด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ “พ่อมาเร็วกว่าที่ผมคิดนะ”

“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ แกรู้มั้ยว่าเธอเป็นลูกใคร!” คุณอุทัคกัดฟันกรอด เขาเพิ่งเดินทางถึงภูเก็ตเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนก็ได้รับโทรศัพท์รายงานความประพฤติอันเลวร้ายของลูกชายทันที พอดิ่งมาถึงนี่ก็ได้เห็นกับตาว่าอนลทำตัวเสเพลมากแค่ไหน ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปเขาจะไม่โกรธเท่านี้เลย แต่นี่เป็นแพรววนิด ลูกสาวคนเดียวของนายพลทัต ทยากร เจ้าพ่อแห่งวงการสื่อโฆษณา

ชายหนุ่มแค่นหัวเราะอย่างไม่รู้สึกรู้สม ยักไหล่ ทำหน้ายียวน “ผมไม่สน”

ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็คลายอ้อมแขนและก้าวไปยืนข้างหน้าเธอเหมือนจะประกาศว่าใครก็ห้ามแตะต้องผู้หญิงคนนี้

หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว ใบหน้าแดงก่ำ ร้อนวูบวาบไปหมดเมื่อสำนึกได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ไอ้ผู้ชายบ้านี่จูบเธอต่อหน้าใครสักคนที่กำลังโมโหมากๆ เธออับอายจนไม่กล้าสู้หน้าผู้มาใหม่ อยากวิ่งหนีแต่ก้าวขาไม่ออก พออนลขยับมายืนบังให้พ้นจากสายตาของอีกฝ่ายจึงได้แต่หลับตาลงและกัดริมฝีปากอย่างหมดอาลัยตายอยากกับสถานการณ์บ้าบอคอแตกนี่

“ปล่อยเธอไปซะ”

เสียงเย็นเยียบของผู้ชายคนนั้นทำให้แพรววนิดลืมตาขึ้น เขามาเพื่อช่วยเธอใช่ไหม?

“ผู้หญิงคนนี้เป็นของผม พ่อไม่มีสิทธิ์ยุ่ง!”

หญิงสาวอยากตะโกนสวนไปว่าไม่ใช่ แต่เธอช้ากว่าผู้ชายที่อนลเรียกว่า ‘พ่อ’

“แก...ไอ้ลูกชั่ว วันๆ ดีแต่สร้างปัญหา ฉันชักจะหมดความอดทนกับแกแล้วนะ!” โทสะในอกเหมือนพุ่งพรวดเกินระงับ ฝ่ามือใหญ่สะบัดใส่ใบหน้าคมคายจนเต็มแรง

ชายหนุ่มหน้าหันตามแรงตบ เจ็บจนชาไปถึงใจ!

แพรววนิดอ้าปากค้าง มองเสี้ยวหน้าคมที่เอียงข้างมาทางตนเองอย่างตกตะลึงอึ้งงัน เธอมั่นใจว่ามองเห็นความเจ็บปวดและขมขื่นซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น

คุณอุทัคเหมือนจะรู้สึกตัว เขาเองก็อึ้งไป ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยลงไม้ลงมือกับอนลเลยสักครั้ง ต่อให้ทำผิดร้ายแรงแค่ไหนก็ให้อภัยมาตลอดเพราะถือว่าตนเลี้ยงลูกผิดวิธีมาตั้งแต่ต้น นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาตีลูกชาย ความรู้สึกในใจจึงสับสนอลหม่านไปหมด ทั้งโมโหทั้งเสียใจแยกแยะกันไม่ออก

อนลเลียริมฝีปากที่มีเลือดซึมน้อยๆ เขาจะจดจำกลิ่นคาวเลือดนี้ไว้จนวันตาย!

“นล...” ผู้เป็นพ่อพยายามจะพูดอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้

ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ นั่นเป็นเสียงหัวเราะขมขื่นที่สุดเท่าที่แพรววนิดเคยได้ยิน เธอบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอย่างไร จังหวะนั้นผู้หญิงอีกคนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“คุณคะ นล...เกิดอะไรขึ้น?” ผู้มาใหม่มองหน้าสองพ่อลูกสลับกันไปมา ก่อนจะเหลือบมองแพรววนิดเพียงแวบเดียว แล้วเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง

“นล...” เธอยื่นมือเข้าไปหาชายหนุ่มแต่เขาปัดทิ้งอย่างรังเกียจ

“อย่ามายุ่ง! ผู้หญิงอย่างคุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องผมอีก!” เขาตวาด จ้องมองอีกฝ่ายเหมือนอยากฉีกเนื้อเธอเป็นหมื่นๆ ชิ้น

“หยุดนะเจ้านล ห้ามแกหยาบคายกับคุณโย!” ผู้เป็นบิดาตวาดลั่น เอื้อมมือรั้งร่างบอบบางนั้นเข้ามาโอบกอดไว้อย่างปกป้อง

ชายหนุ่มขบกรามแน่น ดวงตาคมวาวแฝงแววอำมหิตจ้องมองผู้หญิงที่พ่อหวงแหนนักหนา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองพ่ออย่างโอหัง “ถ้าพ่อไม่เคยตีผม วันนี้พ่อก็ยิ่งไม่ควรทำ!”

ว่าแล้วก็หันไปคว้าข้อมือของแพรววนิดและดึงเธอออกไปด้วย

“หยุดนะไอ้นล ฉันบอกให้แกหยุด หยุดเดี๋ยวนี้!” คุณอุทัคสั่งเสียงดังลั่น แต่อนลก็มิได้ใส่ใจจะฟัง เขาโมโหจนหน้ามืด คนที่ยืนข้างกันจึงช่วยประคองไปนั่งที่ชุดรับแขกก่อน

“ใจเย็นๆ นะคะคุณ อย่าโมโหสิคะ คุณไม่สบายอยู่นะ” เธอปลอบพลางกุมมือเขาไว้ แววตาห่วงใยและเป็นกังวล ทั้งผู้ชายคนนี้และอีกคนที่เดินจากไปเหมือนพายุทอร์นาโด

“มันยั่วโมโหผม คุณก็เห็น ไอ้เจ้านี่มันหนักข้อขึ้นทุกที ถ้าวันนึงตำรวจโทรบอกผมว่ามันฆ่าคนตาย ผมจะไม่แปลกใจเลย”

“อย่าพูดแบบนั้นนะคะ ฉันต้องตรอมใจตายแน่ๆ แค่นี้ตานลก็เกลียดฉันมากพอแล้ว ถ้าแกต้องตกอยู่ในสภาพนั้นเพราะฉันอีก ฉันคงอยู่ไม่ไหว” คุณโยษิตาคร่ำครวญ น้ำตาเริ่มรินลงมาข้างแก้ม

ผู้เป็นสามีโอบร่างภรรยาเข้ามากอดปลอบ “ถ้ามันต้องมีจุดจบแบบนั้นก็เพราะมันทำตัวเอง คุณอย่าโทษตัวเองอีกเลยนะคุณโย”

“ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพราะฉัน ถ้าฉันไม่แต่งงานกับคุณ ตานลคงไม่เป็นแบบนี้ ตอนเด็กๆ แกน่ารักมาก เพราะฉันทรยศความไว้ใจของแก ฉันผิดเอง ได้โปรดเถอะนะคะคุณ โปรดอย่าบอกว่าฉันไม่ผิดอีกเลย เราสองคนก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร”

“แต่มันโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมาตีโพยตีพายเรียกร้องความรักความสนใจ เรื่องนั้นมันผ่านมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว โตจนป่านนี้น่าจะคิดได้ว่าถึงผมจะแต่งงานใหม่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รักมัน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมันทำตัวเองทั้งนั้น”

ผู้เป็นภรรยาก้มหน้านิ่ง ไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีกเพราะรู้ว่าคุณอุทัคจะไม่ยอมรับว่าที่อนลเป็นแบบนี้ เขาก็มีส่วนผิดและผิดมากๆ ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่ผิดมากกว่าใครก็คือเธอ ถ้าเธอไม่รักเขาและเขาก็มีใจตอบสนอง อนลคงไม่มองเธอด้วยสายตาเกลียดชังเช่นนี้แน่

‘น้าโยจะอยู่กับผมใช่มั้ยฮะ อยู่กับผมแทนแม่ น้าโยอย่าทิ้งผมไปนะ ผมคิดถึงแม่’

คำพูดของเด็กชายอนลในวันนั้นเธอไม่เคยลืม แต่ความรักทำให้เธออ่อนแอ เธอยอมให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิดจนมีเด็กชายอีกคนลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้

เมื่ออนลโตพอจะสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ใช่หลานชายที่น่ารักของเธอ แต่เป็นเด็กชายที่เติบโตมาด้วยความเกลียดชังเธอยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลก!



แพรววนิดถูกลากเข้ามาในลิฟต์อย่างคนไม่มีปากมีเสียง เธอไม่รู้จะพูดอะไร ไม่กล้ามองหน้าเขาด้วย ประเมินจากสถานการณ์แล้วคิดว่าควรเก็บปากเก็บคำให้สงบดีกว่า แววตารวดร้าวขมขื่นของอนลบอกให้เธอรู้ว่าบาดแผลของเขาใครก็ห้ามแตะต้อง

เขากดชั้นที่หญิงสาวพัก เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็เอ่ยโดยไม่มองหน้า “ออกไป”

เธอควรจะรีบวิ่งแจ้นไปทันทีที่มีโอกาส หากแวบหนึ่งความลังเลกลับรั้งหญิงสาวไว้ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เธอเดินออกไปในที่สุดจนได้ยินเสียงประตูลิฟต์เคลื่อนปิดจึงค่อยๆ หันกลับไปมองเบื้องหลัง

เขาไปแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้...

‘ช่างปะไร ไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย!’

หญิงสาวบอกตัวเองพลางสลัดศีรษะไปมา พยายามขับไล่ภาพแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความเจ็บร้าวขมขื่นของอนลออกไปจากหัว กลับเข้าห้องได้ก็รีบโทรนัดกนกนัดดาออกไปเที่ยวในคืนนี้เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ที่จะแนะนำให้สารินรู้จักกับเพื่อนสาวคนสวยของเธอ

ต้องทำคืนนี้แหละ เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะเช็กเอ๊าท์ กลับกรุงเทพฯ เร็วกว่ากำหนดเดิมนิดหน่อยก็ดีกว่าอยู่ภูเก็ตต่อแต่ต้องย้ายโรงแรม เธอไม่อยากทำให้เรื่องมันยุ่งยากวุ่นวาย แค่กลับบ้านแล้วลืมทุกอย่างซะ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

แพรววนิดคิดจะทำทุกอย่างตามความตั้งใจของตัวเองแล้วค่อยกลับบ้าน แต่หญิงสาวไม่รู้ว่านั่นคือการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล!








Create Date : 03 ตุลาคม 2555
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2556 10:44:38 น. 4 comments
Counter : 1497 Pageviews.

 
รออ่านมุมหน้ารักของอนลอยู่ค่ะ


โดย: Green-ant IP: 171.6.227.218 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:12:55:51 น.  

 
ให้อภัยได้ค่ะ พระเอกเรามีแผล
อยู่ในใจ เดี๋ยวนางเอกของเรา
ก๊ช่วยรักษาได้ค่ะ


โดย: น้อง IP: 58.181.200.74 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:14:01:50 น.  

 
ไม่เชื่อได้ป่ะ อิอิ

จริงๆแล้วพระเอกมี EQ ต่ำไปหน่อยนะ แค่คิดว่าพ่อไม่รักเนี่ยนะ เลยทำตัวประชด ชิส์


โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.248.42 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:14:03:38 น.  

 
เปลี่ยนชีวิตแพรวอย่างไรรอติดตามจ้า เรื่องนี้สนุกดี ชอบอะ


โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.79.78 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:14:33:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.