Group Blog
 
 
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ตอนที่ 1 เมื่อผมเชิญ คุณต้องมา!




หญิงสาวสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ วาดมือเปะปะโดยไม่ยอมลืมตา รู้สึกว่าที่นอนโคลงเคลงเหมือนอยู่บนเรือ คว้ามือถือได้ก็กดรับแนบใบหู กรอกเสียงงัวเงียลงไป “ฮัลโหล”

“มอร์นิ่งครับน้องแพรว ตื่นได้แล้ว พี่รอที่ล็อบบี้นะ”

เสียงนุ่มทุ้มจากปลายสายทำให้เธอยอมเปิดเปลือกตาขึ้นแม้จะขี้เกียจแค่ไหนก็ตาม “พี่ริน...กี่โมงแล้วคะ”

สารินเป็นลูกชายเพื่อนสนิทของพ่อเธอ คุณสาริศ พ่อของเขาปัจจุบันเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันตกของไทย ชายหนุ่มจึงนับเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันดีมาแต่เด็ก เธอนับถือเขาเหมือนพี่ชาย พอได้รับโทรศัพท์จากสารินเมื่อวานนี้จึงตกลงรับนัดกินข้าวเที่ยงในวันนี้ทันที

“กำลังจะสิบเอ็ดโมงแล้ว พี่ให้เวลาครึ่งชั่วโมงพอไหม”

“สิบห้านาทีเป็นอย่างช้าค่ะ”

เธอตัดสายและดีดตัวขึ้นนั่งนิ่งๆ ให้หายมึนสักพักก็ใช้นิ้วสางผมที่ยาวเกือบถึงกลางหลังม้วนๆ หนีบด้วยตัวหนีบลายคิตตี้ที่ควานหาได้บนเตียงนั่นแหละ จากนั้นก็กระโดดไปคว้าผ้าเช็ดตัว วิ่งเข้าห้องน้ำทันที

การพับผ้าห่มให้เรียบร้อยก่อนลุกจากเตียงอย่างที่เคยร่ำเรียนมาในวัยเด็กไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ชื่อ ‘แพรววนิด ทยากร’ ลูกสาวคนเดียวของเจ้าพ่อสื่อและงานอีเว้นท์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมทุกอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งจะต้องการ

เธอใช้เวลาในห้องน้ำไปราวแปดนาที ที่เหลือจากนั้นคือการหยิบชุดมาสวมและถักผมยาวสีน้ำตาลเข้มเป็นเปียเดี่ยวไว้ด้านข้าง ใส่รองเท้าส้นสูงคู่เดิม คว้ากระเป๋าสะพายและออกจากห้องพัก

เมื่อเปิดประตูหญิงสาวก็พบเซอร์ไพรส์เป็นแจกันกระเบื้องเคลือบทรงสูงสีขาวปักกุหลาบแดงพันธุ์ก้านยาวตั้งอยู่หน้าประตูพร้อมการ์ดหนึ่งใบ เธอมองซ้ายมองขวาแต่ไม่เห็นใครจึงก้มลงหยิบการ์ดขึ้นมาคลี่อ่าน



‘ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณแพรววนิด

แทนคำขอโทษที่ผมหยาบคายกับสุภาพสตรีที่น่ารักอย่างคุณ ทุ่มตรงคืนนี้เจอกันที่ห้องอาหารชั้นแปด ผมจะรอจนกว่าคุณจะมา

อนล’



“ใครเนี่ย?” หญิงสาวนิ่วหน้า ก่อนจะมองหาเจ้าของดอกไม้อีกที เมื่อไม่เจอใครจึงนำแจกันเข้าไปเก็บในห้องพร้อมการ์ดเชิญใบนั้น

เธอนึกไม่ออกว่า ‘อนล’ เป็นใคร แต่ถ้าพูดถึงความหยาบคาย ผู้ชายที่อยู่ในลิฟต์เมื่อคืนแวบเข้ามาในหัว อาการเห่อร้อนแล่นจับผิวแก้ม หญิงสาวสลัดศีรษะไปมาและสั่งให้ตัวเอง ‘ลืม’



เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับหญิงสาวร่างเพรียวบางในชุดเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาลทองไร้แขน ทิ้งชายยาวคลุมสะโพกกับกางเกงยีนเข้ารูปสีเข้มและรองเท้าส้นสูง สารินก็รีบยืนขึ้นโบกมือให้พร้อมรอยยิ้มขี้เล่น

“ตรงเวลาเป๊ะ” หญิงสาวทักทายพร้อมรอยยิ้มสดใส เป็นรอยยิ้มที่สารินเห็นแล้วรู้สึกว่ามีดอกไม้ชนิดหนึ่งเบ่งบานในใจ

“นึกว่าสาวๆ ชอบแต่งตัวนานซะอีก” ชายหนุ่มว่าพลางเดินนำออกไปที่รถเช่าของเขา

“แต่งตัวไม่นานค่ะ เลือกชุดนานกว่า นานสุดคือแต่งหน้า แต่สำหรับแพรวไม่เป็นปัญหาเพราะไม่ชอบแต่งอยู่แล้ว ยกเว้นเวลาออกไปพบลูกค้า เพื่อความมั่นใจน่ะค่ะ พวกเขาไม่ค่อยเชื่อว่าแพรวอายุยี่สิบสี่ แต่วันนี้วันหยุดแพรวไม่ใช่เหรอคะ โยงมาเรื่องงานทำไมไม่รู้” ครีเอทีฟสาวคนเก่งหัวเราะเสียงใส

“นั่นสิ งดคุยเรื่องงาน ไปทานข้าวกันดีกว่า” ชายหนุ่มอมยิ้ม การได้ยินเสียงแพรววนิดเจื้อยแจ้วกับรอยยิ้มสดใสของเธอเป็นความเพลิดเพลินที่เขาไม่อยากแลกกับอะไร

ชายหนุ่มพาหญิงสาวไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง ชวนคุยด้วยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปจนถึงเรื่องงาน เธอยิ้ม หัวเราะ และคุยกับเขาได้อย่างถูกคอ พอผ่านไปครู่ใหญ่เหมือนเพิ่งนึกได้จึงเอ่ยถาม

“พี่รินมาทำอะไรที่ภูเก็ตคะ”

“พี่มาเที่ยวเลยแวะเยี่ยมเพื่อนด้วย พอรู้ว่าแพรวอยู่นี่เลยโทรหา ถ้ารู้ก่อนจะได้เข้าพักโรงแรมเดียวกัน”

นั่นคือเรื่องโกหกทั้งเพ สารินไม่มีเพื่อนที่ภูเก็ต เขาบินตามหญิงสาวมาทันทีที่รู้ว่าเธอลงมาเจรจาเรื่องงานแทนพ่อและถือโอกาสบวกวันพักผ่อนเข้าไปอีกจนครบหนึ่งสัปดาห์เพราะมีเพื่อนอยู่ที่นี่ ช่วงเวลาเช่นนี้เขาจะพลาดได้อย่างไร แต่เมื่อไม่อยากให้มันดูเป็นเรื่องจงใจเขาจึงเลือกพักคนละโรงแรมกับหญิงสาว

แม้ครอบครัวของเขาและเธอจะสนับสนุนให้พวกเขาลงเอยกัน แต่สารินดูออกว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ยอมรับเรื่องคลุมถุงชนและจะต่อต้านจนหัวชนฝา เขายังดูออกอีกด้วยว่าสายตาที่เธอมองเขามีแต่ความเปิดเผย จริงใจ ไม่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นเคลือบแฝง

หากเขายอมให้ผู้ใหญ่จัดการเรื่องนี้ จากที่เธอไม่ได้คิดอะไรกับเขา หญิงสาวคงจะเริ่มรำคาญ และถ้าเขายังไม่หยุด ต่อไปความรำคาญจะกลายเป็นความรังเกียจ ถ้าอยากได้หัวใจเธอ เขาต้องเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยตัวเอง มิใช่ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ และนี่ก็เป็นโอกาสดีทีเดียว

“จริงเหรอคะ บังเอิญจัง แพรวก็มีเพื่อนที่นี่เหมือนกัน”

“แล้วทำไมน้องแพรวไม่พักบ้านเพื่อนล่ะ” เขาสงสัย

“ไม่อยากรบกวนค่ะ บ้านดาคนเยอะ อีกอย่างแพรวชอบความเป็นส่วนตัวด้วย อยู่โรงแรมสบายกว่า อยากนอนเมื่อไหร่ก็นอน ตื่นเมื่อไหร่ก็ได้ หิวก็ค่อยหาอะไรกิน ไม่หิวก็แล้วไป ไม่ต้องคอยตื่นเช้ามานั่งกินข้าวกับคนอื่นทั้งที่ตัวเองไม่หิว แล้วพี่รินละคะ ทำไมไม่พักกับเพื่อนล่ะ”

“มันมีครอบครัวแล้ว พี่เกรงใจ และที่จริงตั้งใจมาเที่ยวพักผ่อนสมองมากกว่า”

“พี่รินนี่ก็รักอิสระเหมือนกันนะคะ ไม่เห็นเหมือนคุณลุงเลย” เธอว่าก่อนจะก้มดูดน้ำมะนาวในแก้ว พนักงานเริ่มเก็บจานอาหารแล้วทยอยนำของหวานมาเสิร์ฟ

“ก็พี่มันลูกไม้ไกลต้น ไม่เหมือนน้องแพรวนี่” เขาหัวเราะ แพรววนิดเป็นครีเอทีฟสาวที่เดินตามรอยบิดา ส่วนเขาเป็นเจ้าของบริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่ร่วมหุ้นทำกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เป็นทั้งเจ้าของบริษัทและลูกจ้างของตัวเองด้วย อาทิตย์นี้ลางาน กลับไปคงโดนพวกมันบ่นหูชา

เธอย่นคิ้ว ครู่หนึ่งก็นึกบางอย่างออก “คืนนี้พี่รินมีโปรแกรมที่ไหนรึยังคะ”

“กำลังคิดๆ อยู่ น้องแพรวล่ะ” ชายหนุ่มอมยิ้ม แทบเก็บความยินดีไว้ไม่มิด

“นัดกับดาไปแดนซ์กันค่ะ ที่จริงเมื่อคืนก็เพิ่งไปมาหลังงานเสร็จ ตื่นมายังมึนหัวอยู่เลย แต่แพรวอยากไปอีก มันเหมือนได้ปลดปล่อยอารมณ์ ได้ทำอะไรเปรี้ยวๆ เหมือนสมัยเรียนแล้วตื่นเต้นดี พี่รินสนใจไปด้วยกันมั้ยคะ” เธอถามอย่างมีความหวัง อันที่จริงคืนนี้ไม่ได้นัดกับกนกนัดดาไว้ แต่พอสารินโผล่มาก็นึกถึงคำบ่นของคุณกนกนวล แม่ของเพื่อนรัก

‘น้าบอกยายดาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าให้เลิกทำงานกับเวดดิ้งสตูดิโอ งานแบบนั้นเหมือนคำสาปของสาวโสด วันๆ เจอแต่ผู้ชายมีพันธะ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟน’

ฟังแล้วก็เห็นจริงตามนั้น เพื่อนเธอไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย ออกจะสวยคม ผิวสีน้ำผึ้งงามลออมีเสน่ห์จะตายไป คงเพราะเจอแต่ผู้ชายกำลังจะแต่งงานเลยไม่มีโอกาสคบหาเพื่อนชายสักคน พอมองมาที่สาริน ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว หน้าตาแม้ไม่ใช่คนหล่อเหลาโดดเด่นแต่ก็จัดอยู่ในข่ายผู้ชายดูดี น่าคบหา นิสัยใจคอก็ใช้ได้ และที่สำคัญเขายังไม่มีใคร บางทีการที่สารินมาอยู่ภูเก็ตในตอนนี้ คนบนฟ้าอาจกำหนดมาให้เขากับกนกนัดดาเจอกันก็ได้

แพรววนิดมั่นใจในความเชื่อของตนมากขึ้นเมื่อชายหนุ่มตอบตกลงในทันที



สารินชวนหญิงสาวไปดูหนังต่อหลังมื้อเที่ยง พอออกจากโรงหนังก็เกือบเย็นแล้วจึงขอกลับไปงีบที่โรงแรมก่อนจะออกไปวาดลวดลายกันคืนนี้

“สองทุ่มครึ่งพี่มารับนะ” เขาเข้ามาส่งหญิงสาวจนถึงหน้าลิฟต์

“แล้วเจอกันค่ะ” เธอโบกมือลาก่อนก้าวเข้าไปในห้องโดยสารที่ว่างเปล่า พอประตูลิฟต์เริ่มเคลื่อนปิดจึงหันไปกดหมายเลขชั้นที่จะลง

สารินจากไปแล้ว ประตูปิดสนิท แพรววนิดเอนหลังพิงผนังลิฟต์และหลับตาพัก แต่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้น ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง เธอลืมตาและตัวแข็งทื่อเหมือนเจอผีหลอกกลางวันแสกๆ

ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้แพรววนิดหายใจติดขัด นัยน์ตาคมกริบเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์กำลังจับจ้องมาที่เธอเหมือนมองเหยื่ออันโอชะ ภาพที่เห็นในลิฟต์เมื่อคืนผุดพรายขึ้นในหัว จมูกโด่งเป็นสันสวยงามกับริมฝีปากหยักลึกของเขาที่เคลื่อนไปบนผิวเนื้ออ่อนบางของสาวชุดแดงทำให้เธอร้อนวาบที่ใบหน้าราวกับว่าถูกเขาสัมผัสเสียเอง

พระเจ้า! นี่เธอกำลังคิดอะไร?

หญิงสาวกะพริบตา อยากสลัดศีรษะขับไล่ความคิดนั้นแต่กลับทำเฉย วางฟอร์มเหมือนไม่ใส่ใจและเลื่อนสายตามองข้ามไหล่เขาออกไปนอกลิฟต์ ตรงนั้นมีพนักงานในฟอร์มของโรงแรมอยู่สองสามคน เธอคิดว่าพวกเขาต้องการใช้ลิฟต์จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง แต่พอผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามายึดผนังลิฟต์ฝั่งขวามือของเธอ กลับไม่มีใครขยับตาม คนหนึ่งหันไปกดเรียกลิฟต์อีกตัว อีกคนมองเมินไปทางอื่น และคนสุดท้ายก้มหน้ามองรองเท้าตัวเอง ส่วนเขาคนนั้นก็กำลังกดปิดประตูลิฟต์

หญิงสาวใจหายวาบ มองเห็นหน้าตัวเองในกระจกที่กรุรอบผนังลิฟต์เพื่อช่วยให้มุมมองในห้องโดยสารดูกว้างขึ้น ใบหน้าของเธอซีดเผือดเหมือนคนไม่สบาย ใจอยากวิ่งออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่เธอหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดต้องทำอย่างนั้น สุดท้ายประตูก็ปิดสนิท ขังเธอไว้กับนายแบดบอยคนนี้

ลิฟต์เคลื่อนตัวสูง แพรววนิดเริ่มปลอบใจตัวเอง อีกไม่นานก็ถึงชั้นที่เธอจะลง ใจเย็นๆ ท่าทางเขาไม่ได้อดอยากปากแห้งถึงขนาดต้องบังคับขืนใจใครในลิฟต์หรอก ถึงแม้สิ่งที่เขาทำเมื่อคืนนี้จะบอกว่ามันอาจเป็นไปได้ก็เถอะ!

“ชอบดอกไม้ของผมไหม”

เสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางอาการระรัวของจังหวะหัวใจทำให้เธอสะดุ้ง แต่คำถามของเขาช่วยให้สติสตังที่กระจัดกระจายรวมตัวกันได้ในที่สุด

“ถ้ารู้ว่าเป็นของคุณ ฉันจะไม่เอาเข้าห้องเด็ดขาด” เธอยกมือกอดอก เชิดหน้าขึ้นนิด ท่าทางนั้นเหมือนพยายามสร้างกำแพงไม่ให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามา

อนลอมยิ้มมุมปาก ขยับจากท่าเอนหลังพิงผนังลิฟต์สบายๆ เป็นยืดตัวตรงและเคลื่อนเข้ามาใกล้หญิงสาวในระยะประชิด เมื่อเธอทำท่าจะขยับหนีก็ยกมือค้ำผนังกักกันไว้

“นี่คุณ” เธอกัดฟันกรอด ถลึงตาวาวจัดใส่ผู้ชายไร้มารยาท “ถอยออกไปนะ!”

“ไม่” เขาตอบสั้นแต่ชัดเจน นัยน์ตาคมพราวระยับหลุบต่ำ ผิวแก้มเนียนใสขึ้นสีแดงระเรื่อของเธอเห็นแล้วมันเขี้ยว อยากฝังจมูกกับริมฝีปากลงไปเกือกกลิ้งให้หนำใจ ไหนจะเรียวปากเย้ายวนของเธออีก อยากชิมจนแทบอดใจไม่ไหว

“คุณจะทำอะไร!” เธอยกมือขึ้นดันใบหน้าหล่อเหลานั้นไว้ ใจหล่นลงไปกองที่ตาตุ่ม เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอก แต่สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเลย

“ก็คิดอยู่หลายอย่าง” ชายหนุ่มตอบกลั้วเสียงหัวเราะแผ่วๆ มือนุ่มนิ่มที่แตะใบหน้าให้ความรู้สึกดีเป็นบ้า และเขาอยากให้เธอแตะต้อง!

แพรววนิดเหมือนจะรู้ตัว รีบหดมือลงทันใด เขาทำให้เธอทั้งทึ่งทั้งฉุน

ผู้ชายบ้าอะไร แม้แต่เสียงหัวเราะยังเซ็กซี่เลย แต่เฮ้ย...นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องไร้สาระนะยัยแพรว!

หญิงสาวก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ รวบรวมสติจนความเชื่อมั่นคืนกลับมา เธอแน่ใจว่าไม่เคยได้ยินข่าวผู้หญิงถูกข่มขืนในลิฟต์ เป็นไปได้ว่าลิฟต์ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมในการก่ออาชญากรรมด้านนี้สักเท่าไร แต่เรื่องที่ยังไม่เคยได้ยินก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่เคยเกิดและหรือมันจะไม่เกิดขึ้น

และแม้ที่นี่จะเป็นโรงแรมมณีมัญชุ์ ภูเก็ต หนึ่งในสาขาย่อยของ ‘มณีมัญชุ์’ โรงแรมใหญ่และมีชื่อเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศซึ่งมีสาขาย่อยเกือบยี่สิบแห่งในต่างจังหวัด แต่เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในลูกค้าของที่นี่อาจเป็นอาชญากรตัวร้าย ดังนั้นตอนนี้เธอจึงปลอดภัยแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทางที่ดีต้องรีบสลัดผู้ชายบ้านี่ให้หลุด

ติ๊ง!

หญิงสาวถอนใจเฮือก เหมือนได้ยินเสียงจากสวรรค์ โล่งอกที่สุดในชีวิต แต่ก็แค่แป๊บเดียวเพราะเขาไม่ยอมเปิดทางให้

“ขอโทษค่ะ กรุณาหลีกทางด้วย”

“ผมจะรอที่ห้องอาหารตอนหนึ่งทุ่ม”

หญิงสาวเมินหน้าหนี ตอบอย่างเย่อหยิ่ง “คืนนี้ฉันมีนัดแล้ว”

“เมื่อผมเชิญ คุณต้องมา แล้วเจอกันนะ”

อนลไม่สนใจคำปฏิเสธ แต่ก็ยอมถอยไปยืนพิงผนังลิฟต์ฝั่งขวาพร้อมกดปุ่มเปิดประตูค้างไว้ อมยิ้มและจ้องตาหญิงสาวแน่วนิ่ง

แพรววนิดไม่ชอบรอยยิ้มของเขาเลย มันทั้งยโส อวดดี มั่นใจในตัวเองสุดโต่งเหมือนตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพานพบความผิดหวัง เธอเชิดหน้า เดินคอแข็งออกไป ตั้งใจว่าจะโทรให้สารินมารับเร็วหน่อย อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วออกไปเลยดีกว่า

อนลยิ้มร้าย มองตามร่างเพรียวระหงที่ก้าวฉับๆ จากไปจนลับตา จากนั้นก็กดหมายเลขชั้นปลายทางของตัวเอง

บนชั้นสูงสุดของโรงแรมคือที่พักของผู้บริหาร หรือพูดง่ายๆ ก็เจ้าของโรงแรมนั่นเอง แต่อนลไม่ใช่ เขาเป็นแค่ลูกชายเจ้าของโรงแรม ลูกชายผู้ไม่เคยแตะต้องงานบริหาร ไม่เคยทำตัวเป็นประโยชน์ต่อใคร และไม่เคยอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินสองสัปดาห์ แต่ที่แย่สุดคือเขาดีแต่สร้างเรื่องไปวันๆ ยิ่งเรื่องรู้ถึงหูพ่อมากเท่าไร เขาก็ยิ่งชอบและสะใจมากเท่านั้น!



แพรววนิดต้องเซอร์ไพรส์เป็นรอบที่สองของวันเมื่อเปิดประตูเข้ามาพบกล่องสีขาวบนเตียงพร้อมการ์ดอีกหนึ่งใบ

ใช่...บนเตียงในห้องพักของเธอ!

หญิงสาวรีบอ่านการ์ดโดยไม่สนใจจะดูว่าอะไรอยู่ในกล่องแบนๆ ยาวๆ นั่น



‘ใส่ชุดนี้นะ ผมว่ามันเหมาะกับคุณที่สุด เจอกันคืนนี้

อนล’



“ไอ้ผู้ชายบ้านั่น!” เธอกัดฟันกรอด เหลือบตามองชุดราตรียาวสีครีมที่บรรจุอยู่ในกล่องซึ่งมีตราสัญลักษณ์แบรนด์หรูแปะหรา เพียงเท่านี้ก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดา เขากระเป๋าหนักมากพอจะซื้อชุดราคาหลายแสนให้เธอ อีกทั้งยังสามารถเสกมันมาวางในห้องพักส่วนตัวของเธอได้อย่างง่ายดายด้วย

แต่ขอโทษ คนอย่างแพรววนิดมีปัญญาซื้อชุดหรูๆ แพงๆ ใส่เองได้ เขาเห็นเธอเป็นอะไร ผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเงินทองและข้าวของ?

หญิงสาวโมโหจนตัวสั่น ปรี่ไปยกหูโทรศัพท์ในห้องพักขึ้น เมื่อปลายสายกดรับ เธอก็สั่งเสียงเฉียบ “บอกผู้จัดการของคุณขึ้นมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความว่าโรงแรมมณีมัญชุ์ละเมิดความเป็นส่วนตัวแขก!”

ไม่ถึงสิบนาทีเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเศษในชุดสูทดูภูมิฐานยืนรอพร้อมพนักงานสาวในชุดฟอร์มของโรงแรมหนึ่งคน

“สวัสดีครับคุณแพววนิด ผม...สัญชัย ผู้จัดการโรงแรมมณีมัญชุ์ ภูเก็ต ได้ยินว่าคุณต้องการพบผม ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ”

หญิงสาวปรายหางตามองกล่องสีขาวที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นเบื้องหน้าเธอ ก่อนจะยื่นการ์ดที่แนบมาด้วยให้ผู้จัดการโรงแรม “ฉันอยากทราบว่ามันเข้ามาอยู่บนเตียงในห้องพักของฉันได้ยังไง?”

พนักงานสาวมองชุดราตรีในกล่องติดแบรนด์ดังด้วยอาการอ้าปากค้าง ส่วนผู้จัดการหนุ่มใหญ่รับการ์ดไปอ่านแล้วก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนเป็นที่สุด ท่าทางเขาไม่ได้ตกใจ เหมือนเคยมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว

“ว่ายังไงคะ มีชุดบ้านี่มาอยู่บนเตียงในห้องพักของฉันตอนที่ฉันไม่อยู่และไม่ได้แขวนป้ายทำความสะอาดไว้หน้าห้อง พวกคุณถือสิทธิ์อะไรมาบุกรุกความเป็นส่วนตัวของฉัน ฉันต้องการคำอธิบาย” หญิงสาวกอดอก เชิดหน้า วางท่าเป็นพระเจ้า เธอมีสิทธิ์ทำอย่างนี้ได้ตราบใดที่ยังอยู่ในฐานะ ‘แขก’

สัญชัยถอนใจยาวพลางขยับแว่นสายตาเล็กน้อย เป็นอาการที่มักจะเผลอทำยามมีเรื่องยุ่งยากมากวนใจ “ผมต้องขอโทษคุณแพรววนิดจริงๆ ครับสำหรับเหตุการณ์นี้ ผมจะโทรรายงานให้เจ้าของโรงแรมทราบเดี๋ยวนี้เลย ท่านอยู่ที่นี่พอดี คิดว่าคงมีคำอธิบายให้คุณแน่ รอสักครู่นะครับ”

หญิงสาวเม้มปาก หงุดหงิดจนไม่มีอารมณ์จะฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้างในระหว่างที่ต่อสายตรงขึ้นไปหาเจ้าของโรงแรม รู้แค่ว่าพนักงานสาวต่อสายให้ผู้จัดการได้พูดกับเจ้านายโดยตรง ครู่หนึ่งเขาก็วางสายแล้วหันมาบอกเธออย่างสุภาพ

“เดี๋ยวสุชาวดีจะพาคุณขึ้นไปพบเจ้าของโรงแรมด้วยตัวเองเพื่อเคลียร์เรื่องนี้นะครับ” ว่าแล้วก็หันไปทางพนักงานสาวที่มาด้วยกัน “เอาชุดขึ้นไปด้วยนะ”

“ได้ค่ะผู้จัดการ” สุชาวดีรับคำพร้อมย่อตัวลงคว้ากล่องชุดราตรีขึ้นมาถือไว้ ก่อนหันไปทางลูกค้าสาว “เชิญตามดิฉันมาทางนี้ค่ะ”

แพรววนิดไม่อยากเสียเวลาไปพบเจ้าของโรงแรมเลย แต่คิดดูอีกทีก็เข้าท่า เธอจะได้บอกเจ้าของโรงแรมให้รู้ว่าหนึ่งในลูกค้าของเขาเป็นพวกโรคจิต ลามก หื่น อันตราย และทุเรศมาก ถ้าอันเชิญออกไปได้จะดีที่สุด

หญิงสาวตามสุชาวดีเข้าไปในลิฟต์ สีหน้ายังตึงๆ ไม่คลาย ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะพาไปพบเจ้าของโรงแรมที่ไหนเพราะคิดว่าต้องเป็นห้องทำงานอยู่แล้ว จนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้นบนสุด หน้าลิฟต์เป็นโถงทรงครึ่งวงกลม มีประตูเชื่อมสู่ภายในแต่การเข้าไปต้องใช้คีย์การ์ดและกดรหัสผ่าน ดูเป็นส่วนตัวจนชวนให้อึดอัด

ห้องที่เธอตามพนักงานสาวเข้ามานั้นมีลักษณะคล้ายล็อบบี้ของโรงแรม คือมีชุดรับแขกน่านั่งกับการตกแต่งที่สวยเก๋เข้ากัน เว้นแต่ที่นี่ไม่มีพนักงานอื่นเลยแม้สักคน

“เชิญคุณแพรววนิดนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ” สุชาวดีว่าแล้ววางกล่องที่หอบหิ้วขึ้นมาไว้บนโต๊ะกลาง ก่อนจะเดินกลับออกไปทางเดิม

หญิงสาวเห็นเข้าก็ตกใจ “แล้วคุณจะไปไหนคะ”

“ดิฉันต้องไปทำงานค่ะ เดี๋ยวท่านคงออกมาพบคุณ เชิญตามสบายนะคะ” พนักงานสาวตอบเรียบๆ แล้วเดินจากไป

แพรววนิดขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกๆ กับสายตาที่สุชาวดีมองมาอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เธอพยายามคิดในแง่ดีไว้ว่าโรงแรมมีชื่อเสียงระดับประเทศแบบนี้ไม่น่าจะมีภัยคุกคามอื่นใดได้ ยกเว้นไอ้ลูกค้าโรคจิตคนนั้น และการที่เจ้าของโรงแรมยังไม่ออกมาพบเธอในทันทีก็อาจแปลว่าเขากำลังคุยธุระกับพนักงานของเขาหรือไม่ก็แขกรายอื่นอยู่ก็ได้ แต่เธอก็ต้องพบว่าการมองโลกในแง่ดีนั้นอาจนำภัยมาถึงตัวได้เหมือนกัน!

“คุณมาเร็วกว่าเวลานัดนะ”

หญิงสาวหันขวับ ตกตะลึงแทบช็อกเมื่อเห็นไอ้คนโรคจิตนั่นยืนอยู่ตรงช่องประตูเชื่อมไปยังห้องด้านใน

เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนตัวเดิม แต่แจ๊คเก็ตสูทดีไซน์เก๋ถูกถอดออกไปแล้ว ซึ่งนั่นก็อนุมานได้ว่าที่นี่อาจเป็นสถานที่ส่วนตัวของเขาเอง!








Create Date : 02 ตุลาคม 2555
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2556 10:43:15 น. 5 comments
Counter : 1613 Pageviews.

 
หนุกหนานจริงๆค่ะ


โดย: น้อง IP: 58.181.200.74 วันที่: 2 ตุลาคม 2555 เวลา:14:01:05 น.  

 
แย่แล้ว น้องแพรว งานนี้จะกลายเป็นลูกแกะหรือเปล่าหนอ


โดย: Green-ant IP: 27.130.47.65 วันที่: 2 ตุลาคม 2555 เวลา:16:42:39 น.  

 
ไม่ชอบพระเอกแบบแบดบอยอ่ะ นิสัยไม่ดี ไม่น่ารัก


โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 2 ตุลาคม 2555 เวลา:21:37:17 น.  

 
แย่แน่..แพรวจะถูกกินรึป่าว...
หนุกดีจ้ารออ่านตอนต่อไปนะ


โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.79.78 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:10:54:37 น.  

 
แย่แน่..แพรวจะถูกกินรึป่าว...
หนุกดีจ้ารออ่านตอนต่อไปนะ


โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.79.78 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:10:54:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.