ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
 
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
9 มิถุนายน 2555

มิตซูบิชิเดินหน้าลุย"รถยนต์ไฟฟ้า" เล็ง"มิราจ"ปลั๊กอินทำตลาดปลื้มยอดอีโคคาร์ฉลุย

Prev
1 of 1
Next

updated: 09 มิ.ย. 2555 เวลา 17:03:27 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

"มิตซูบิชิ" เดินหน้าพร้อมดันไทยเป็นฮับผลิตรถไฟฟ้าในอาเซียน เล็งส่ง "มิราจ ปลั๊กอิน" ทำตลาด แนะรัฐต้องลดภาษีนำเข้าแบตเตอรี่ โวยอดขายรวมจ่อทะลุหลักหมื่นคันต่อเดือน "มิราจ" กระแสดี เตรียมผลิตเพิ่มเป็น 4 พันคันต่อเดือน คาดเคลียร์แบ็กออร์เดอร์ได้ก่อนสิ้นปีแน่ พร้อมส่ง "ปาเจโร่ สปอร์ต วี 6" ลุยตลาดเดือนหน้า



นายโนโบยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานว่า บริษัทเห็นว่านโยบายภาครัฐได้สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์หลายด้าน และหากรัฐบาลจะเลือกโปรดักต์แชมเปี้ยนส์ต่อจากรถปิกอัพและอีโคคาร์นั้น ก็น่าจะพิจารณาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของอาเซียน จึงควรพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับตลาดโลกทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปซึ่งสนับสนุนการใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งรถยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้า

โดยบริษัทมองว่ารัฐบาลน่าจะชักจูงให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจากต่างประเทศมาตั้งโรงงานผลิตในประเทศเพื่อซัพพลายสินค้าให้แก่ผู้ผลิตรถหลาย ๆ แบรนด์ แต่ในช่วงแรกที่ยังไม่มีการตั้งโรงงานก็อาจจะลดอัตราภาษีนำเข้าแบตเตอรี่ลิเธียมไออนให้ผู้ผลิตก่อน

สำหรับรถปลั๊กอิน มิตซูบิชิก็มีรุ่นเอาต์แลนเดอร์ที่เปิดตัวไปในต่างประเทศแล้ว ส่วนกลุ่มรถเล็กนั้นบริษัทก็มีแผนจะผลิตรถรุ่นมิราจให้เป็นรถแบบปลั๊กอินเช่นกัน แต่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจว่าจะผลิตในประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศไทย

"การสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าจะมีต้นทุนการลงทุนจากภาครัฐที่สูง แต่ก็เป็นทิศทางที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะมิตซูบิชิที่มีสินค้าในกลุ่มรถไฟฟ้าเท่านั้น ผู้ผลิตรายอื่นทั้งแบรนด์ในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาก็พร้อมจะทำตลาดนี้เช่นกัน" นายมูราฮาชิกล่าว

ขณะที่ความเห็นต่อเสถียรภาพของรัฐบาลนั้น นายมูราฮาชิกล่าวว่า ยังคงมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมา ประเทศไทยก็เคยประสบปัญหาดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อตลาดรถยนต์มากนัก ประกอบกับนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการรถยนต์คันแรกที่ทำให้ตลาดรถยนต์มีความคึกคัก คาดว่าจะมียอดขายรถยนต์รวมสูงถึง 1 ล้านคัน และหากรัฐจะยกเลิกโครงการดังกล่าวนั้น ก็ควรจะชี้แจงกำหนดการล่วงหน้าอย่างน้อยที่สุด 4 เดือน เพื่อให้ผู้ผลิตมีเวลาในการปรับแผนการผลิตและการขาย

เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น บริษัทจึงมีแผนเพิ่มการผลิตรถยนต์ จากที่ผ่านมามียอดขาย 8,000 คันต่อเดือน คาดว่าจนถึงสิ้นเดือนนี้น่าจะมียอดขายสูงถึง 10,000 คันต่อเดือน เป็นผลมาจากรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ มียอดจองแล้วกว่า 25,000 คัน จากเป้าที่จำนวน 30,000 คัน เริ่มส่งมอบในเดือนที่ผ่านมาแล้ว 1,500 คัน ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิต 3,000 คันต่อเดือน และจะเพิ่มให้เป็น 3,500-4,000 คันต่อเดือน ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตในวันอาทิตย์ คาดว่าจะสามารถเคลียร์แบ็กออร์เดอร์ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน

"เราก็อยากจะแบ่งสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกมาขายในประเทศก่อน แต่อีโคคาร์ก็เป็นที่ต้องการของตลาดในต่างประเทศมากเช่นเดียวกัน สำหรับลูกค้าในประเทศ มิราจมียอดจองราว 100 คันต่อวัน เราก็ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบว่า ถ้าจองช่วงนี้อาจจะได้รถในเดือนธันวาคมถึงมกราคมปีหน้า ตอนนี้ลูกค้าก็ยังไม่มีการถอนจอง" นายมูราฮาชิกล่าว

สำหรับการส่งออกนั้น บริษัทตั้งเป้ายอดการผลิตมิราจเพื่อส่งออกภายในปีนี้ที่จำนวน 7,000 คันต่อเดือน มีแผนการส่งออกคือจะเริ่มส่งออกไปในอาเซียนในเดือนกรกฎาคม จากนั้นจะเป็นประเทศญี่ปุ่น (ที่ผลิตในเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี) ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

ขณะที่รถยนต์รุ่นอื่น ๆ นั้นมีแบ็ก ออร์เดอร์เฉลี่ยราว 2-3 เดือน รถปิกอัพมีแบ็กออร์เดอร์ 2 เดือน แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.5-2 เดือน ปาเจโร่ สปอร์ต 2-3 เดือน นอกจากนี้ในเดือนหน้า บริษัทได้เตรียมจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต วี 6 เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตรด้วย ตั้งเป้ายอดขายที่ราว 600 คันต่อเดือน

ส่วนรุ่นไทรทัน ซีเอ็นจี ยังคงมียอดขายที่ 1,500 คันต่อเดือน จากภาพรวมของรถประเภทดังกล่าวนั้นก็มีแนวโน้มความต้องการน้อยลง เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และมีซัพพลายไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ทำให้เสียลูกค้ากลุ่มดังกล่าวให้กับกลุ่มรถยนต์ที่ติดตั้งชุดอุปกรณ์แอลพีจีบ้าง

และจากยอดขายรถยนต์รวมที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทต้องมีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการรองรับจากปัจจุบันที่มีโชว์รูม 165 แห่งทั่วประเทศ และภายในปีนี้จะเพิ่มอีก 35 แห่ง ส่วนโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้ว หรือมิตซูบิชิไดมอนด์ยูสคาร์นั้น ในปีนี้มีอยู่ 24 แห่ง จนถึงสิ้นปีจะมี 30 แห่ง เนื่องจากบริษัทเห็นว่าในปีนี้ตลาดรถยนต์ใหม่จะมีการเติบโตที่สูง แต่การขยายการจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้วก็เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไป เพื่อรองรับตลาดในอนาคต ก็จะมีการทยอยเพิ่มศูนย์ไดมอนด์ยูสคาร์อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มอย่างรวดเร็วนัก



Create Date : 09 มิถุนายน 2555
Last Update : 9 มิถุนายน 2555 20:51:06 น. 0 comments
Counter : 2256 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tukdee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]