ก็ว่าจะไม่รัก..(love me my dog story) ตอนที่ 8 ขอแค่มีเรา
ข้าวโอ๊ตเปิดประตูต้อนรับพี่สาวและมองชายหนุ่มที่เดินตามมาด้วยความงุนงง แต่พอเจ้าหกข้าวเห็นเขาเท่านั้นละเห่ากันขรมทีเดียว
“โอ้ย”
ชายหนุ่มสะดุดตัวใดตัวหนึ่งล้มลงครืนนได้ทีเจ้าหกตัวรุมสกรับเขาใหญ่ ฟางแก้วเดินไปชาร์ตแบตโทรศัพท์เหมือนจะไม่สนใจช่วยเหลือและก็ต้องช่วยซะหน่อย
“ข้าวตัง ข้าวเจ้า ข้าวหอม ข้าวซอย ข้าวผัด ข้าวเหนียว หยุดดด”
ได้ผลคำเดียวของหล่อนทำให้ทุกตัวถอยกลับมานั่งเข้าแถวเรียงหนึ่งจ้องหน้าเขากันสลอน
“โหฟาร์มพูเดิ้ลหรือไงนี่ถ้าเจ้าขนปุยมานะรับรองพวกเอ็งสู้ไม่ได้แน่ ๆ”
ข้าวโอ๊ตแอบอมยิ้ม นึกขันกริยาของเขา หล่อนเคยเห็นเขานะมาดเขาในโทรทัศน์ช่างแตกต่างจากตัวจริงตรงหน้าหล่อนเหลือเกินแต่แบบนี้ก็ดีไม่ใช่เหรอ น่ารักดี
“พี่ฟางพี่มากับคุณเมศเขาได้ไงกัน”
ข้าวโอ๊ตตามพี่สาวมาถึงห้องนอน ที่ฟางแก้วตั้งใจขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เมื่อคืนเขาไปที่วัด รับพวกเราออกมาและพาไปส่งถึงบ้าน ส่วนพี่หลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เขาเลยพากลับไปบ้านเขาด้วยก็เท่านั้น”
“ไม่กลัวเขาปล้ำหรือไง หรือว่ายอม”
“มันเหนื่อยนะเขาก็คงเหนื่อย ลุยน้ำเข้าไปรับพวกเราออกมา เขาก็ไม่ได้ทำอะไรพี่นี่ ไปดูเขาหน่อยไปเดี๋ยวเจ้าพวกนั้นกัดเขาเอา”
“ห่วงจังนะ ชักสงสัยอยากหาเหตุผลแล้วสิว่าทำไมเขาถึงลุยน้ำระดับนั้นเข้าไป เพราะมีพี่อยู่หรือเปล่าน้อ”
ข้าวโอ๊ตทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป ฟางแก้วมองค้อนตามน้องสาวแต่คำนั้นก็ทำให้หล่อนแก้มแดงขึ้นมาได้เหมือนกัน
..ชักอยากรู้เหตุผลแล้วสิ อะไรทำให้เขาอยากมาอยู่ในเอสโอเอสนัก..
“สวัสดีคะ อะไรนะคะ ซูการ์ไรเดอร์”
เสียงนั้นทำให้ทั้งข้าวโอ๊ตและรเมศต้องหันมอง
“ที่นวนครด้วย น้ำกำลังเข้าที่นั่นนี่คะ ได้คะ เดี๋ยว จะติดต่อกลับไปอีกครั้งนะคะ ใจเย็น ๆ ด้วยคะ”
หล่อนวางโทรศัพท์หายใจยาวและตั้งสติ “โอ๊ตเช็คสิน้ำที่นวนครระดับไหน”
หญิงสาวสั่งน้องสาว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอผมไปด้วยนะ” หล่อนหันมามองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้า
“ถ้าไม่กลัวลำบากก็ไปสิ” เขายิ้มแป้นก่อนจะคว้าโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาบ้าง
“มันห้าร้อยกว่าตัวเชียวนะถ้าเรามีสิบล้อจะขนได้เที่ยวเดียวแต่ต้องใช้เรือเข้าไป ตอนออกมา ”
หญิงสาวครุ่นคิด “สิบล้อต้องขนเรือไปด้วยใช่ไหม”
“ใช่” หล่อนบอกเขา
“ไม่มีปัญหา ผมมีคนรู้จักน่าจะพอขอความช่วยเหลือได้ ว่าแต่เจ้าซูการ์ไรเดอร์นี่มันตัวอะไรเหรอ”
เขาเอ่ยถามหล่อน หญิงสาวมองหน้าเขาและอมยิ้ม “แมวชนิดหนึ่งมั้ง”
“อื้อชื่อน่ารักดี” ก่อนที่จะไปนิคมอุตสาหกรรมที่ขอความช่วยเหลือมา หญิงสาวแวะพาชายหนุ่มไปให้หมอดลชนกฉีดยากันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยักกันไว้เสียก่อน
“โอ้ยหมอยาอะไรเจ็บชะมัดเลย” “บาดทะยักไง คุณก็น่าจะรู้ดีว่ามันเป็นยังไงคนเรียนหมอ จะมาบ่นทำไมนี่”
“เออ รู้แล้ว”
เขาหน้าคว่ำตัดบทไม่อยากให้ดลชนกพูดอะไรมากกว่านี้หันไปมองหน้าฟางแก้วที่มองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ดูสนิทสนมกันจัง
“ผมไปละ” “อย่าโหมงานหนักละพรุ่งนี้ระวังจะป่วย”
ดลชนกร้องบอก “ไอ้หมอนี่เหมือนจะแช่งกันเลยแฮะ”
“คุณสองคนดูสนิทสนมกันจัง”
ฟางแก้วเอ่ยขึ้นเดินนำเขาขึ้นรถ วันนี้หล่อนขับโฟร์วิลคันขาว และจอดรถของเขาไว้ที่บ้านหล่อนเพราะเขาเต็มใจจะมาช่วย แวะรับ ต้นอ้อและกอหญ้าไปด้วย กว่าจะถึงจุดนัดพบที่รถบรรทุกเรือที่ จุดนัดพบ ก็พลบค่ำแล้ว
ทหารด้านหน้าไม่ยอมให้รถบรรทุกเรือเข้าไปด้านในเพราะเป็นเขตประกาศภัยพิบัติอาจจะเกิดอันตรายได้ แม้ฟางแก้วเจรจาเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
“คนข้างในก็เป็นอันตรายได้นะคะพี่น้ำขึ้นมาเยอะแล้วนะคะ ยิ่งดึกยิ่งอันตราย”
กอหญ้าลองพูดเสียงหวานดูบ้าง
“พี่ครับ ขอพวกผมผ่านไปเถอะนะครับ เราต้องไปช่วยสัตว์และคนจริง ๆ ครับ”
รเมศ ถอดวานกันแดดออกพอทหารเห็นเขาเท่านั้นก็จำได้ ต่างขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปคู่ ก่อนจะปล่อยให้ผ่านเข้าไปได้แบบง่าย ๆ
“เพิ่งรู้วันนี้เองมีคนดังมาด้วยก็ดีแบบนี้” ต้นอ้อเอ่ยขึ้น
“ไว้พี่ถ่ายรูปคู่หนูบ้างนะพี่นะ ขอลายเซ็นด้วย” กอหญ้าเอ่ยออดอ้อนเขายิ้มให้กับทุกคน
เจ้าของซูการ์ไรเดอร์ ตกใจนิดหนึ่งเมื่อเห็นรเมศร่วมทีมด้วย ไม่วายขอถ่ายรูปคู่อีกเหมือนกัน ซึ่งเขาก็ยิ้มรับด้วยความเต็มใจแต่เมื่อเห็นซูการ์ฯ จำนวนมากชายหนุ่มก็แทบเป็นลมเกาะ ฟางแก้วแน่น
“ทำไมคุณไม่บอกละว่า เป็นหนู”
“หนูที่ไหนกระรอก”
ตัวเขาเย็นเฉียบแต่ฟางแก้วไม่ใส่ใจสลัดเขาออกห่างและช่วยยกกรง ออกมาวางในเรือเพื่อนำไปต่อรถอีกรอบหนึ่ง เจ้าของหาที่แห้งที่บ้านญาติแห่งหนึ่งไว้แต่ก็เดือดร้อนเรื่องการขนย้ายจึงต้องขอความช่วยเหลือจากทีมเอสโอเอส ที่ฟางแก้วมาช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ และแปลกตากับซูการ์ไรเดอร์จำนวนมากที่เจ้าของบอกว่าเลี้ยงด้วยความรักและไม่ได้ทำเพื่อการค้า
“แต่หลังจากนี้หนูคงต้องพิจารณาไม่เลี้ยงมากขนาดนี้อะไรอีกแล้วละพี่เวลาขนย้ายลำบากจริง ๆ เดือดร้อนคนอื่นด้วย”
เจ้าของบอกแก่หล่อนและหันมองรเมศด้วยความเห็นใจ
“พี่เมศเลยต้องมาลำบากกับหนูด้วย”
“เขาเต็มใจทำคะ”
“ดาราแบบนี้ก็มีนะคะ พี่ ไม่มีนักข่าวมาทำข่าวแถมทำงานที่ค่อนข้างสกปรกแต่ก็เต็มใจทำแปลกที่ดูหน้าซีด ๆ เหมือนไม่ค่อยสบายเลย”
“เขากลัวหนู” ฟางแก้วบอกหน้าตายทำเอาคนฟังเหวอไปเลยทีเดียว แต่รเมศก็ช่วยด้วยความเต็มใจแม้เขาจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว มากขนาดไหนแต่งานวันนี้ก็สำเร็จเมื่อเวลาเลยเที่ยงคืน
“แปลกนะ เอสโอเอสออกทำงานตอนกลางคืนตลอด”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังเสร็จภาระกิจและฟางแก้วขับรถกลับ
“ก็ไม่ดีหรือไงไม่ร้อน”
“แต่หนาวฮัดเช้ยย” “ท่าทางจะเป็นหวัดซะแล้ว”
หล่อนว่ามองเขาที่พยายามทำตัวเข้มแข็งอยู่เสมอ แวะส่งต้นอ้อและกอหญ้าแล้วหล่อนก็ขับรถมาจอดที่บ้าน
“ฉันว่าคืนนี้คุณค้างที่นี่ดีกว่า ขับไหวไหมละ”
“ไม่ไหวแขนผมยกไม่ขึ้น”
เขาสารภาพตามตรง ฟางแก้วจึงตัดสินใจช่วยประคองเขาเข้าบ้านเพราะเห็นว่าอาการไม่ไหวจริง ๆ
“เป็นไงบ้างละพี่ฟางถึงกับต้องแบกเลยเหรอ” ข้าวโอ๊ตเอ่ยถามห่วงใย
“คงแพ้ยาฉีดนะ แล้วก็ทำเก่งไปยกกรงอีกตั้งเยอะ”
“อาบน้ำก่อนดีไหมคะเดี๋ยวโอ๊ตหายาแก้ปวดมาให้ทาน”
“ขอบคุณครับ”
เขารู้สึกเขินเหมือนกันที่บ้านนี้มีแต่ผู้หญิงและสุนัขอีกหกตัว แต่ก็ต้องจำยอมค้างที่นี่ และสวมเสื้อผ้าของฟางแก้วเสื้อผ้าตัวที่โตทีสุดของหล่อนแต่ก็เหมือนจะรัดที่สุดของเขาแต่ก็ยังดีที่มีสวมใส่
“คุณไปนอนบนเตียงฉันก็แล้วกันแต่ระวังหน่อยนะคะ”
“อะไรครับ”
“บนที่นอนฉันมีเจ้าของอยู่หกตัว”
“ห๋า..แล้วผมจะนอนตรงไหน”
“ทีฉันยังนอนได้เลย”
“ครับครับ”
อย่างจำยอมพาตัวเองไปนอนบนเตียงที่มีสุนัขทั้งหก นอน เป็นเจ้าของครองอยู่
“พี่ฟางมันแปลก ๆ นะ”
ข้าวโอ๊ตตั้งข้อสงสัย
“อะไรอีกละ”
“พี่กับเขาสนิทกับรู้จักกันมานานเลยนะทั้ง ๆ ทีเพิ่งเจอกันเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอ แต่ก็ดีแล้วละอาจจะเป็นความพูกพันธ์หรือบุพเพอาละวาดก็ได้”
“เธอนี่” ฟางแก้วค้อนน้องสาวแก้มแดง หาที่นอนดีกว่า
การออกช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงน้ำท่วมในช่วงกลางคืนของรเมศถูกโพสต์ ลงอินเตอร์เน็ตแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว มีคนชื่นชมเขาและคะแนนความ นิยมพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น
แม้กระทั่งชัยภัคหัวหน้าโดยตรงของรเมศยังคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำได้ขนาดนี้ แต่แน่นอนว่ากระแสนี้มีผลดีกับบริษัทอย่างแน่นอน “ตัวร้อนจี๋เชียวโอ๊ต เราต้องพาเค้าไปหาหมอละมั้ง”
ฟางแก้วเอามือแตะศีรษะรเมศเบา ๆ รู้สึกได้ว่าตัวของเขาร้อนจัดทีเดียว
“ไปไม่ได้นะครับ”
เขาคว้ามือหล่อนไปกุมและบีบมือหล่อนเอาไว้แน่น “ทำไมละ ไม่ไปหาหมอแล้วจะอยู่แบบนี้ได้ยังไงกัน”
“ผมหมอไม่ได้จริง ๆ เดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่โตเข้าและพวกคุณก็จะ เดือดร้อน ผมว่าโทรให้พี่เดชามารับผมไปดีกว่า เชื่อผมนะครับ”
“เอางั้นเหรอ”
ฟางแก้วมองห้าน้องสาวอย่างขอคามคิดเห็น ข้าวโอ๊ตพยักหน้าเห็นด้วย
“เดี๋ยวโอ๊ตไปหาผ้ามาให้พี่ฟางเช็ดตัวให้เขา แล้วไปต้มข้าวต้มให้จะได้กินยา เขาว่าคนตัวร้อนเช็ดตัวเข้าหัวใจเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วละพี่ฟาง”
“ทำไมจะต้องทำขนาดนี้ด้วยนะเมื่อคืนถ้าบอกว่าไม่ไหวก็ไม่ไหวสิ” “คุณได้ว่าผมปอดนะสิ”
“จนขนาดนี้แล้วนะ”
ได้ผ้ามาอยากจะเช็ดตัวแรง ๆ แต่ว่าดวงคาซึ้ง ๆ ที่จ้องมองหล่อนอยู่อย่างหวานเชื่อมนี่สิทำให้ฟางแก้วแตะผ้าลงบนใบหน้าของเขาเพียงเบา ๆ เท่านั้น รู้สึกหวั่นไหวกับดวงตาคู่นั้นจนไม่อยากจะมองหน้าเลย
“ไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าทำไมผมถึงได้ทำขนาดนี้เพราะอะไรทำไม” “ไม่อยากรู้แล้ว”
“แต่ผมก็อยากบอกนะ” “ว่า..”
หล่อนกล้าที่จะหันมามองตาเขาอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าการมองตาคือการจับผิดและใครจะโกหกหล่อนไม่ได้แต่แววตาของเขาตอนนี้สะกดหล่อนซะแล้วสิ
“ผมชอบคุณ” “เฮ้ยย”
“ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันที่รพ. ไม่อย่างนั้นผมจะตามคุณจนขนาดนี้เหรอ คุณมีอะไรหลายอย่างที่ผมชอบและหัวใจที่สู้ของคุณทำให้ผมรู้สึกอยากอยู่ใกล้ อยากเป็นผู้ช่วยและไม่อยากให้คุณพบกับเรื่องผิดหวัง”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาสารภาพเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงกระจอกคนหนึ่งนะ”
“คุณยิ่งใหญ่ในสายตาผมและสัตว์ทุกตัวในตอนนี้รู้หรือเปล่า อย่าให้ความเป็นคนดังของผมทำให้คุณปฏิเสธผมได้ไหม ผมจริงจังนะฟางแก้ว”
“ฉัน”
หญิงสาวมือออกจากเขาและถอยออกมาห่างอีกสองสามก้าว ยืนมองเขาที่นอนส่งสายตาผิดหวังอยู่บนเตียง
“ก่อนที่คุณจะปฏิเสธผม เราน่าจะศึกษาดูใจกันให้มากกว่านี้นะว่าผมพอจะเป็นคนที่คุณควรจะรักได้ไหม อย่าปิดกั้นผม อย่าสร้างกำแพงขึ้นมาขวางผมเลยนะครับ”
“จนขนาดนี้แล้วนี่นะ” ฟางแก้วโยนผ้าลงในกาละมังใบเล็กก่อนจะซับน้ำหมาด ๆ โปะหน้าเขาผ่าน ๆ ไม่อยากมองตาสักเท่าไหร่ หัวใจหล่อนกำลังหยั่งอะไรอยู่บางอย่าระหว่างความจริงและความฝัน
คำตอบที่ได้ทำให้หัวใจแสนหวั่นไหว คำตอบที่ว่าหัวใจของหล่อนไม่ปฏิเสธเขาเลยกลับเต้นตูมตามไปกับคำสารภาพของเขา
“ฉัน..” เงยหน้าขึ้นอีกครั้งเขาก็หลับตาไปซะแล้ว
“นี่..หลับไปแล้วหรือ” หล่อนชะโงกหน้าเข้าใกล้เขาอีกครั้ง
“ผมรอฟังอยู่ยังไม่หลับ” “ก็ได้..แต่ห้ามให้ใครรู้นะ แล้วผู้หญิงอย่างฉันไม่ได้ง่ายแบบที่คุณคิดด้วย”
“ผมไม่เคยคิด..แค่หัวใจผมก็พอใจแล้ว แค่มีเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาเอ่ยดวงตาหลับพริ้มเหมือนจะมีความสุขจริง ๆ และก็หลับไปด้วย พิษไข้โดยมีฟางแก้วคอยดูแลเช็ดตัวให้
หัวใจหล่อนนะเออ มันแปลกๆ ตั้งแต่เขาเข้ามาในชีวิตแล้ว หัวใจคนรักสัตว์เหมือนกัน เห็นเขาทุ่มเทช่วยเหลือมากมายขนาดนั้น ทำให้เขาเข้ามาในหัวใจไม่รู้ตัว
ไม่ปฏิเสธว่ารักเขาแต่ยังมีเวลายาวนานในการพิสูจน์ความรัก รักแท้มันจะต้องมีอะไรมากมายกว่านี้ใช่ไหมเล่า
ฟางแก้ว..บอกตนเองและเตรียมพร้อมรับมัน หากสองคนพร้อมจะสู้ไปด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้น
..แค่มีเรา..อย่างที่เขาบอกใช่ไหม จบ..
รักนี้ยังมีอะไรอีกเยอะแยะ ที่ต้องรอการพิสูจน์มีเรื่องราวที่จะเขียนอีก ขอต่อเป็นเล่มที่สองนะคะ เมื่อใจบอกว่าจะรัก คะ
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
7 comments |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 23:39:33 น. |
Counter : 1471 Pageviews. |
|
|
|