ธันวาคม 2551

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย



"ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะครับ...."

ข้อความข้างต้นตอนนี้เป็นประโยคยอดฮิตในตอนนี้เลย
เพราะ ช่วงเวลานี้ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ไม่สบายเป็นหวัดกันเยอะแยะ
นัยว่า มาจากโฆษณายาบรรเทาอาการหวัดยี่ห้อนึง
ชื่อว่าอะไรนะ...ทิ..ฟ..(จำไม่ได้จริงๆให้ตายเหอะ)

ผมฟังแล้วก็ขำๆปนเศร้าใจลึกๆ เพราะ มันเป็นอะไรที่เชื่อกันมานานแล้ว
อย่าว่าแต่คนไทยเลย แม้แต่ฝรั่งเองมันก็เชื่อแบบนั้น ถึงได้ตั้งชื่อโรคหวัดว่า "common cold" ไง

จริงๆแล้วโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ อะไรพวกนี้มันเกิดจากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ น่ารักน่าเอ็นดู ที่ชื่อ"เชื้อไวรัส"ต่างหากล่ะ

พวกนี้มันจะระบาดกันเป็นช่วงๆ แต่ก็เป็นได้ตลอดปี
เพราะ มันอึดมาก อยู่ได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อน เย็น ฝนตก แดดออก หิมะตก

แต่ที่มันมักระบาดช่วงหน้าฝน หรือ หน้าหนาวเนี่ย
มักเป็นเพราะ ช่วงเวลานั้นคนมักไม่ค่อยยอมออกข้างนอกกัน มักอยู่รวมกันเป็นฝูงๆ เป็นเวลานานๆ

เชื้อโรคตัวจิ๋วนี่เลยมีเวลาเพียงพอ ที่จะกระโดดดึ๋งจากคนเป็นหวัดคนนึง ไปหาคนที่สบายดีอีกคน และอีกคนเรื่อยๆไป จนแพร่พันธุ์ได้ในวงกว้างขึ้น จนเป็นโรคระบาดในที่สุด

ฟังดูก็ไม่เห็นน่ากลัวอะไร แต่จริงๆมันน่ากลัวมาก
เฉพาะไข้หวัดใหญ่นี่มีประวัติศาสตร์ว่ามีการระบาดทั่วโลก จนคนตายหลายล้านคนมาหลายครั้งแล้ว (แม้แต่หวัดธรรมดาๆ ก็ทำเอาเราสะบักสะบอมมาเยอะแล้ว)

แล้วเคยได้ยินความเชื่อแบบนี้ไหมครับ
"อย่าไปเดินตากฝนนะ เดี๋ยวมันจะเป็นหวัดเอา"
"อย่ากินน้ำเย็นนะ เดี๋ยวไม่สบาย"
"อย่าอาบน้ำเย็นนะ เดี๋ยวจะเป็นไข้"
"อย่าเปิดแอร์ อย่าเปิดพัดลมใส่หัวนะ เดี๋ยวจะน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ แค้กๆๆๆ"

เด็กๆนี่ผมโดนขู่แบบนี้มาเยอะ จนเป็นโรควิตกจริต กลัวอะไรที่มันเย็นๆไปซะหมด ต้องอยู่แบบร้อนๆ เหนียวเหนอะหนะ ไม่อาบน้ำ สระผมเป็นเวลานานๆเวลาที่"อากาศเปลี่ยนแปลง"อย่างที่ว่า

เอ๊ะ! นี่ผมกำลังบ่นอะไรอยู่เนี่ย

คือว่า ผมอยากให้เราลองเปลี่ยนความคิดความเชื่อกันหน่อยดีไหม
ว่าอะไรที่เรามองไม่เห็น...มันไม่ได้แปลว่ามันไม่มี
(ก็อย่างเจ้าไวรัสตัวจิ๋วนี่ไง)
ไม่ใช่เอะอะ อะไรๆก็โทษแต่... "เพราะว่าอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"

ทีนี้ ถ้าใครไม่อยากป่วยเป็นหวัด ก็ต้องป้องกันเจ้าไวรัสจิ๋วตัวนี้
มากกว่า จะมัวโทษแต่ดินฟ้าอากาศที่เราไปทำอะไรมันก็ไม่ได้

1 เนื่องจากไวรัส มันอยู่ในคนที่ไม่สบาย
ดังนั้น เราก็จงหลีกห่างพวกคนเหล่านี้ซะให้ไกลๆ (ไม่ใช่ว่ารังเกียจนะ)

ผมเคยเจออาซิ้ม อาซ้อบางคนที่กำลังเป็นหวัดได้ที่ น้ำมูกไหลซื้ดๆ
เวลามาเจอหลานตัวน้อยๆทีไร ก็อดมาหอมแก้ม และ เอาหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำมูก น้ำลาย มาถูไถเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู...อึ๋ยยยยย

เจอแบบนี้ ส่วนมากผมมักจะเห็นพ่อแม่แทบจะร้อยทั้งร้อย มักจะเกรงใจ ไม่กล้าเตือน ลงท้าย...ลูกเราก็ติดหวัดงอมแงมทู้กที

วิธีแก้ คงต้องขอร้อง แบบไม่ต้องเกรงใจเลยว่า
ช่วยอยู่ห่างๆลูกหนูซักพักก่อนได้มั้ย รู้นะ...ว่ารัก
แต่ หนูก็รักลูกหนูเหมียนกันนะจ๊ะ
ไว้หายดีก่อน จะกอดรัดฟัดเหวี่ยงยังไง หนูก็ไม่ว่า โอเค้.....

2 อาจจะหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มันมีคนเยอะๆ ในช่วงโรคหวัดระบาด เช่น ห้าง ตลาด วัด งานบวช งานแต่ง งานศพ ฯลฯ (หลีกยากเหมือนกันแฮะ)

3 สำหรับเด็กในวัยเรียน
คุณเคยไปดูในห้องเรียนเด็กอนุบาลมั้ย
จะเห็นเลยว่าจะมีเด็ก น้ำมูกยืด ไอแค้กๆในห้องเรียนทุกวันเลย
เด็กที่ไปรร.คนอื่นๆก็จะติดหวัดกันไปกันมาทั้งห้อง
และจะเป็นหวัดอยู่นั่นแหล่ะทั้งปี เพราะ มันติดต่อกันง่ายมาก

ฉะนั้น...ใครไม่สบายเป็นหวัด
ต้องขอร้องพ่อแม่เลยว่า...หยุดเรียนเหอะ ซักอาทิตย์นึงเลยยิ่งดี
ไม่งั้นจะเอาเชื้อไปแพร่ให้เพื่อนๆ ไม่จบไม่สิ้น

คิดถึงใจเขาใจเราหน่อยว่า ถ้าลูกเราสบายดี ไปรร.
แล้วก็ไปติดหวัดจากลูกอื่นที่เป็นหวัดแต่พ่อแม่ยังทู่ซี้ให้มารร.
เราเองก็เซ็งเป็ดเหมือนกัน

4 ล้างมือบ่อยๆ เพราะ มือเราที่ไปจับโน่น จับนี่มาทั้งวัน
แล้วก็เอาเข้าปาก....นี่แหล่ะวิธีแพร่เชื้ออย่างยอดเยี่ยมเลย

ลองดูสิว่า พวกลูกบิดประตู ราวบันได เหรียญบาท ธนบัตร ของเล่นต่างๆ ที่เราต้องเอามือไปจับร่วมกับคนอื่นๆทั้งวัน มันจะเคยผ่านอะไรมาบ้าง
คราบน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ฯลฯ ของคนเป็นหวัดมันต้องติดมาบ้างแหล่ะน่า

5 ไอ จาม อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือ มือปิดปาก!!!
อันนี้ดูจะขัดกับความรู้ที่เราเรียนกันมาไม่ใช่น้อยเลยนะครับ

คืองี้ครับ การจามเนี่ยเป็นสาเหตุที่ทำให้คนอื่นๆ ติดหวัดมากที่สุด
1 ผ่านละอองเสหะที่ปลิวไปในอากาศ
2 ผ่านทางมือของเรานี่แหล่ะ

เวลาเราใช้มือปิดปากปิดจมูกเวลาจาม
เชื้อโรคจะมาติดที่มือเราแทน
แล้วก็จะแพร่ไปสู่ผู้อื่นผ่านทางการจับต้องสิ่งของต่างๆที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น

วิธีการจามเพื่อให้ปลอดภัยต่อคนใกล้เคียงและไม่ติดหวัด
ที่สหรัฐอเมริกา เขาเสนอวิธีการที่ทำให้คนอื่นที่อยู่รอบตัวติดหวัดน้อยที่สุด
ตั้งแต่ พ.ศ.2538 กระทรวงสาธารณสุขของเค้าก็เผยแพร่และฝึกฝนคนของเค้าตั้งแต่เป็นเด็กๆ

จนอเมริกันชนยุคปัจจุบันส่วนใหญ่กลายเป็นคนที่ "จามเป็น"

วิธีการคือ ก่อนจามให้ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งขึ้นมาจับไหล่ของตัวเองฝั่งตรงกันข้าม

ถ้าแขนขวาก็จับไหล่ซ้าย ถ้าแขนซ้ายก็จับไหล่ขวา
เมื่อจับไหล่ตัวเองแล้ว ให้ยกมุมข้อศอกปิดปากและจมูกตัวเองแล้วค่อยจาม

นี่แหละคือวิธีจามที่ดีที่สุด มือก็ไม่เปื้อนเชื้อโรค ไปจับอะไรก็ไม่ติดคนอื่น

เพราะ เขาศึกษากันมาแล้วว่า น้ำมูกน้ำลายที่มาติดที่มือเราเวลาเราไอ จาม แล้วเราก็เอามือเราไปป้ายที่โน่นที่นี่ เป็นการแพร่เชื้อที่ง่ายกว่า ละอองเสมหะที่มันปลิวไปในอากาศเยอะ

6 รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายเสมอๆ
ช่วยให้ภูมิต้านทานเราแข็งแรงขึ้น ไว้ป้องกันเชื้อโรค

ส่วนการกินวิตามินซีเป็นประจำ ไม่ได้ช่วยป้องกันหวัดเลย
แม้จะโด๊ปกินมันในขนาดสูงๆวันละหลายๆกรัมก็ตาม เขาศึกษามาเยอะแล้วว่ามัน บ่ มิไก๊นะจ๊ะ

7 ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง
ฉีดได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ 3 สายพันธุ์
เนื่องจากเชื้อโรคมันเปลี่ยนตัวเองทุกปี เลยต้องฉีดกันอยู่เรื่อยๆ

แต่ต้องบอกก่อนว่า วัคซีนป้องกันโรคหวัดธรรมดา หมอๆเรายังทำไม่ได้นะ
เพราะ ว่ามันมีเป็นพันๆสายพันธุ์เลย แถมมันยังเปลี่ยนแปลงตัวเองบ่อย เลยจับไม่ได้ไล่ไม่ทันมันซักที แต่เนื่องจากมันไม่รุนแรงมากนัก ก็เลยไม่จำเป็นเท่าไหร่




Create Date : 23 ธันวาคม 2551
Last Update : 23 ธันวาคม 2551 10:36:19 น.
Counter : 1170 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฉิกซิงแซ
Location :
นครศรีธรรมราช  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



เกิดและโตที่กรุงเทพ
เป็นศิษย์เก่าร.ร.ใกล้บ้าน คือ วัดสุทธิ
จับพลัดจับผลู สอบติดหมอจุฬา แบบงงๆ
แล้วมาต่อเฉพาะทางด้านเด็กที่ มอ. หาดใหญ่

บังเอิญมาเจอ"จอม" ที่ต่อมากลายมาเป็นคู่ชีวิต
เลยได้มาอยู่อยู่ภาคใต้ยาวเลย
ไม่ได้กลับมาอยู่กทม.อย่างที่ตั้งใจไว้
เพราะ"คุณนาย"ไม่ชอบรถติดอย่างแรง

เป็นอาจารย์ด้านโรคหัวใจเด็กที่ มอ.ได้ไม่เท่าไหร่
ก็มาได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว

ต้องมาตัดสินใจกันอีกว่าจะไปเรียนต่อที่ ILLINOIS, USA
ดีหรือเปล่า เพราะ "ผบทบ." กลัวหนาวมาก เลยลาออกมาซะเลยดีกว่า

ตอนนี้ สบายๆกับงานที่คลินิก 2 แห่ง
ว่างๆก็เล่นกับลูกสาว(น้องพลอย)และ ลูกชาย(น้องเพชร)จอมซนน้อยๆ และ หาเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัวบ้างตามสะดวก

New Comments