ธันวาคม 2551

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ไปงานรับรางวัล English contest กับน้องพลอย
เช้านี้ เป็นวันสำคัญอีกวันนึงของครอบครัวเรา
เพราะน้องพลอยจะไปรับรางวัลในการประกวด English contestของภาคใต้

งานนี้คนที่หน้าบานที่สุดไม่ใช่ใครอื่น ก้อคุณแม่จอมของเรานี่แหล่ะ
เพราะ คอยขอร้อง กระตุ้น ขู่เข็ญ แกมบังคับ(เว่อร์ไปมั้ยเนี่ย)
ให้กระผมพยายามใช้ความรู้ที่เคยเรียนมาเมื่อนานมาแล้ววววว
จัดการติวเข้มให้น้องพลอย ก่อนสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ

เรื่องของเรื่อง คือ เนื่องจากปีที่แล้ว คุณเธอบังเอิญไปได้โล่ชนะเลิศระดับอนุบาลมา ปีนี้ คุณแม่จอมก็ไม่หวังสูงเลย แค่เสนอว่า ครั้งนี้ก็ไม่ควรได้ลำดับแย่กว่าปีที่แล้ว!!!

เอ่อ...คือแบบว่า คุณนายไม่ยอมดูความจริงเลยว่า
1 น้องพลอยอยู่ป.1เอง แต่ต้องไปแข่งกับเด็กป.2 ทั่วภาคใต้เนี่ยนะ
2 แถมน้องพลอยดันpassชั้นมาปีนึงอีกต่างหาก (อายุ 6 ขวบ จริงๆควรอยู่ชั้นอ.3)
3 มีเวลาเตรียมตัวแค่เดือนเดียว
4 แถมยังต้องแบ่งเวลาไปเตรียมตัวสอบเพชรยอดมงกุฎอีกด้วย

นี่มัน mission impossibleชัดๆเลย!!!

เลยบอกน้องพลอยไปว่า อย่าไปสนใจคุณแม่ท่านเลย เราทำเท่าที่เราทำได้ดีกว่า ไม่ต้องไปกดดันอะไรทั้งสิ้น ให้ไปสอบอย่างหนุกหนานนี่แหล่ะดีที่สุด
เราอยู่ป.1 ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ได้คะแนนไม่ดีก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ป่าป๊าจะคอยเอาใจช่วยนะ และ จะใช้พลังภายในสอนวิชามารให้ในกรณีที่คิดอะไรไม่ออก (แห่ะ แห่ะ นิสัยเสียจริงๆเลยเรา)

เรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ กับ Reading น้องพลอยค่อนข้างจะรู้เยอะพอสมควร เพราะ อ่านนิทานภาษาอังกฤษมาแยะ โดยเฉพาะ series "Dr.Seuss" แถมยังสมัครนิตยสาร 2 ภาษา "Hi5" ให้อ่านหนุกๆทุกเดือนด้วยอยู่แล้ว อันนี้เลยไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่

เรื่องบทสนทนาภาษาอังกฤษ เขาก็ได้จากในห้องเรียน English Program พอสมควรแล้ว คุยกับฝรั่งทุกวัน ก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว

มีแต่เรื่อง Grammarนี่แหล่ะ ที่ต้องลงมือสอนกันหน่อย เพราะที่ผ่านมามันไม่ค่อยเป็นระบบ เลยพยายามรวบรวมความคิดให้ และ ฝึกทำโจทย์บ่อยๆ

ทีนี้ trick มันมีอยู่ว่า Grammarของเด็กประถมนี่มันซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมาตั้งแต่ ป.1-6เลย จริงๆมันเป็นเรื่องเดียวกันหมด ไม่ได้ต่างอะไรกันเท่าไหร่เพียงแต่ความยากของคำศัพท์มันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยลองสอนของป.1 เสร็จลองมาสอนของป.3ดู เออ!มันก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นี่หว่า

ไปๆมาๆเลยเอาของป.6 มาสอนดู ปรากฎว่า ก็มึนๆกันไปเลยทั้งพ่อทั้งลูก!!!

แต่พอทำๆไปซักพัก พอจับหลักได้ก็ไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ
ส่วนนึงคงเป็นเพราะ น้องพลอยมีความคิดที่ค่อนข้างเป็นระบบจากการชอบวิชาคณิตศาสตร์เป็นทุนเดิม ( Kumonคณิตศาสตร์ เดือนล่าสุดเธอได้ที่1ของประเทศในระดับป.1เลยนะ คุยโม้ซะหน่อย)
อะไรที่มันจัดหมวดหมู่ได้ เธอจะเรียบเรียงความคิดได้ดี และ จำแม่นอย่างเหลือเชื่อ เลยไปได้ค่อนข้างเร็ว

ถึงวันสอบ คุณเธอดูไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ยังยิ้มแย้มแจ่มใสวิ่งเล่นกับเพื่อนๆตามปกติ เที่ยวอำคนโน้น แซวคนนี้ตลอดเวลา

ตอนนั่งทำข้อสอบก็ดูมีสมาธิดี ไม่ว่อกแว่ก
พอสอบเสร็จออกมา เธอบอกว่าปีนี้ข้อสอบยากจังแฮะ

มีข้อนึงออกชื่อเมืองเป็นภาษาแปลกๆ แล้วให้บอกว่าอยู่ในประเทศอะไรด้วย (ชื่อเมือง Ludvighausen ไม่กระดิกเลยชื่อเมืองนี้ ลองทายกันดูนะ)

แถมมั่วนิ่มไปข้อนึง เพราะ ไม่รู้คำศัพท์ที่ให้มาเลยว่ามันแปลว่าอะไร (มารู้ทีหลังว่าศัพท์ข้อนั้นมันมีchoicesให้เลือกคือ Manager, Secretary,Superviser, Employee อืมม์ มันก็สมควรจะไม่รู้อยู่หรอกนะ )

ได้ฟังแบบนั้น คุณแม่ก็ทำใจเลยว่าปีนี้แห้วแหงๆ
ส่วนผมกลับกระดี๊กระด๊าสุดๆ เพราะ ไม่ได้คาดหวังแบบคุณแม่เขา
แค่ออกมาแล้วบอกว่าพอทำได้ ผมก็พอใจมากแล้ว
คือเด็กป.1 ไปสอบแข่งกับเด็กป.2 มันก็แบบนี้แหล่ะ

ผลสอบออกมา น้องพลอยได้ 48 คะแนน จาก 50 คะแนน!!!
ได้รางวัลชนะเลิศอย่างไม่คาดฝัน!!!

ถึงบอกแต่แรกไงว่า วันนี้คุณแม่หน้าบานสุดๆ
ส่วนน้องพลอยดูงงๆ และ ไม่รู้จะดีใจดีรึเปล่า
แรกๆก็ยิ้มสู้กล้องดีหรอก หลังๆเริ่มหน้ามุ่ย เธอเริ่มจะบ่นตลอดว่าโล่มันหนัก!!! เมื่อยมือชะมัดเวลาต้องยืนอุ้มโล่ถ่ายรูป
แถมยังบอกปีหน้าไม่เอาแล้วดีกว่า เออ! เด็กหนอเด็ก ช่างคิดไปได้















Create Date : 19 ธันวาคม 2551
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2552 9:55:01 น.
Counter : 2348 Pageviews.

17 comments
  
จิ๋ว..แต่แจ๋ว.. จริงๆค่ะ น้องพลอย
ตัวเล็กกว่าใครเพื่อน

นี่แหละหนอ พ่อแม่ช่างปั้น
อิอิ ว่างๆ จะขอคำแนะนำบ้างนะค่ะ
โดย: ปลายดินสอ วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:8:02:15 น.
  
ภูมิใจกะสาวน้อยจังค่ะ

อ่านแล้ว รู้สึกน้องพลอยไปสอบแบบไม่กดดันอะไรเลย ดีจังนะคะ เด็กไม่มองการแข่งขันเป็นการแข่งขัน

เคยอ่านเจอคอมเม้นท์คุณหมอ ในกระทู้อนุบาลฯของพ่อธีร์ ค่ะ อยากจะปรึกษาอยู่พอดี ได้มาเจอบล๊อกคุณหมอโดยบังเอิญ ขอถือโอกาสเลยนะคะ

เพิ่งส่งลูกเรียนคุมองได้สามเดือนค่ะ ลูกอยู่ อ 2 แต่อายุ 5.4 ปีแน่ะค่ะ อายุเกือบเท่าน้องพลอยแล้ว พอไปอ่านเจอคอมเม้นท์คุณหมอ ก็เริ่มเข้าใจเรื่องการทำโจทย์เลขโดยใช้สมองซีกขวา

ลูกยังเข้าระบบของคุมองไม่ได้เลยค่ะ 2เดือนแรกเรียนแบบไม่เอาการบ้าน เดือนล่าสุดนี้ยอมทำแล้ว แต่ก็
กว่าจะเสร็จ 1 เล่ม ต้องซอยย่อย ๆเป็นหลายเวลาเลยค่ะ

อยากขอคำแนะนำเรื่องการเรียนคุมองให้สัมฤทธิ์ผลค่ะ
โดย: ป้าตุ๊ก IP: 117.47.66.153 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:18:20:15 น.
  
หวัดดีครับคุณแม่แป๋ว กับ คุณป้าตุ๊ก

ขอบคุณครับสำหรับคำชมน้องพลอย
ไม่รู้เป็นไง เวลาใครชมลูกเรา นี่เรามักดีใจมากกว่าลูกทุกที

สำหรับเรื่องคุมอง
ผมอยากให้มองว่ามันเป็นระบบการเรียนหนึ่งในหลายๆอันที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่พอสมควร

ข้อดีที่เห็น คือ เด็กที่เรียนจะมีวินัยและสมาธิดีมาก เพราะ ต้องทำโจทย์ที่เยอะพอสมควรในเวลาจำกัด และ ต้องไม่ผิดพลาดมากเกินไป เด็กพวกนี้จะคิดเลขเร็ว และ sureมาก

ข้อเสีย คือ การบ้านเยอะมาก!!!! และ เด็กบางคนไม่ชอบการจับเวลาเอาซะเลย
ลักษณะการเรียน ก็ไม่มีการสอนตรงๆ แต่ให้เรียนรู้เองจากการทำแบบฝึกหัด ที่ค่อนข้างเน้นoperation +-x/มากไปหน่อย โดยไม่ได้เน้นการฝึกโจทย์ปัญหาในช่วงแรกๆ (อาจเหมาะกับเด็กเล็กที่ภาษายังไม่ค่อยแข็งแรง)และ ตัวระบบไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก ทำไปซักพัก จะโดนทำซ้ำบ่อยมากจนเด็กเซ็งและเลิกเรียนไปเลยก็มี

คือไม่อยากให้ไปยึดติดว่า ทำไงลูกถึงจะเรียนKumonได้ดี แต่อยากให้ดูว่าระบบนี้มันเหมาะกับสไตล์ของลูกเราหรือเปล่า มากกว่า

คือเด็กบางคนก็ไม่ชอบสไตล์การทำแบบฝึกหัด การบ้าน+จับเวลาของKumonเอาซะเลย ให้เรียนแบบนี้ กลายเป็นว่าทั้งเด็ก ทั้งครู ทั้งพ่อแม่ ต่างก็เป็นทุกข์ ทรมานกันไปหมด

เคยเห็นเด็กบางคนบอกว่า มันบีบคั้นจิตใจกันเกินไป คือ เขาชอบสไตล์เรื่อยๆ สบายๆมากกว่า ซึ่งเขาไม่เรียนKumon แต่ก็เรียนคณิตศาสตร์ได้ที่1 ของห้องตลอดเหมือนกัน

ดังนั้น ผมว่าลองดูซัก 3 เดือนนี่น่าจะพอบอกได้แล้วว่า ลูกเราเขาพอจะไปกับสไตล์นี้ได้หรือเปล่า เพราะ ช่วงแรกเขาจะจัดlevel ที่ง่ายกว่าความสามารถจริงของลูกเราอยู่แล้ว ถ้าดูมันไม่ค่อยราบรื่นนัก ลองให้เขาหยุดดูก่อน เพราะ ถ้าฝืนต่อไปส่วนมากมักจะทำให้เด็กเข็ดขยาดไปเลยก็มี

จริงๆยังมีวิธีการสอนคณิตศาสตร์อีกหลายแบบที่อาจจะเหมาะกับลูกเรามากกว่า เช่น วิธีของพ่อธีร์ที่พยายามให้พ่อแม่มีส่วนร่วมในการสอน โดยใช้อุปกรณืง่ายๆ เช่น ตาราง100ช่อง นับลูกปัด ผมว่าก็น่าสนใจดีนะครับ

ถ้าชอบแบบแฟรนไชส์ก็มีอีกอัน คือ One to one + Sakamoto ที่จะเน้นการแก้โจทย์ปัญหา โดยที่ไม่มีการบ้าน และ ไม่จับเวลา ครูก็สอนเทคนิคให้เด็กพอสมควร แต่บางทีรูปแบบการแก้โจทย์โดยการวาดรูปก็ทำให้เด็กงงๆ และ ไม่ค่อยยืดหยุ่นเท่าไหร่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะเรียนคณิตศาสตร์ให้ได้ดีมันต้องมีทั้งวินัย คือฝึกเป็นประจำ สม่ำเสมอ และ มีจินตนาการ คือ สามารถคิด และ แก้ปัญหาเป็นด้วย ถึงจะดีครับ

ป.ล. ตอนนี้น้องพลอยก็เลิกเรียนKumonไปแล้ว แต่สาเหตุที่เลิก เพราะ เนื้อหาที่เขาเรียนมันเริ่มAdvancedไปหน่อย(level Hเท่ากับ ม.2!!!) เลยคิดว่าอาจไม่ค่อยมีประโยชน์กับเด็กป.1 ณ ขณะนี้เท่าไหร่
โดย: พ่อน้องพลอย IP: 125.24.110.245 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:19:32:52 น.
  
ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำค่ะ คุณหมอ

ส่วนตัวส่งเรียนเพราะอยากสร้างพื้นฐานในระดับอนุบาล เมื่อขึ้นชั้นประถมต้น อ่านออกเขียนได้คล่องก็จะสวิทช์ไปซากาโมโต้เหมือนกันค่ะ

ถ้าไม่ทะเลาะกันก่อนเรื่องการบ้านก็อาจจะลองอีกซักพักนึงค่ะ แต่ตอนนี้สงสัยระบบค่ะ ทางศูนย์บอกว่า จะสอบวัดระดับทุก 3เดือน ซึ่งไม่แน่ใจว่าหมายถึง แต่ละระดับต้องใช้เวลา 3 เดือนรึเปล่าคะ

คุมองให้เริ่มที่ 5 A ฝึกกล้ามเนื้อกันเลยค่ะ สอบ 4 A ไปเดือนที่แล้ว และเดือนนี้ให้ทำแบบฝึกหัด 3A พึ่งหมดไป ล่าสุดได้การบ้านแบบฝึกหัด 2 A มาทำ

สมมุตว่ากว่าจะสอบคราวหน้า ถ้าเราทำแบบฝึกหัด 2A หมดแล้ว เราจะสอบวัดระดับที่ระ ดับไหนคะ 3A หรือ ทั้ง 3A และ 2A คะคุณหมอ

ทราบล่าสุดที่กระทู้พ่อธีร์ว่า น้องพลอยเรียนระดับ F มาอีกทีไป H แล้ว amazing มากค่ะ
โดย: ป้าตุ๊ก IP: 117.47.37.203 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:20:12:27 น.
  
น้องพลอยเก่งจังเลย ปรบมือให้ค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ปลื้มน่าดู
โดย: little nuch วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:11:20:36 น.
  
ปัญหาอันนึงที่ผมเจอตอนให้ลูกเรียนคุมอง
คือ มาตรฐานของแต่ละศูนย์ต่างกันค่อนข้างมาก

ครูที่ศูนย์คุมองแรกที่น้องพลอยไปเรียน...ดุมากกกกก!!!
แกจะหน้าบึ้งตลอดเวลา ไม่ยิ้มแย้มเลย
ผู้ปกครองไปทักท้วงอะไร แกก็จะหงุดหงิด
หาว่าผู้ปกครองไม่มีEQ!!!!!
ผมเจอข้อหานี้ไปถึงกับอึ้งไปเลย!
และ แกจะstrictมาก เอะอะก็อ้างกฎของศูนย์ตลอด

แบบฝึกหัดไหนที่น้องพลอยผ่านแล้ว แกก็จะไม่ยอมให้ทำบทต่อไป แต่จะให้ทำซ้ำๆๆๆๆๆ จนกว่าแกจะพอใจ
โดยมีข้ออ้างที่ไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่

เช่น ระดับ 5A จะบอกว่า ลากเส้นไม่ตรงบ้างล่ะ เส้นไม่สม่ำเสมอบ้างล่ะ จำได้ว่าน้องพลอยโดนทำซ้ำๆแบบนี้อยู่ 2 เดือน
ทั้งๆที่ตอนนั้น น้องพลอยเขียนตัวเลข และ +-เลขได้คล่องแล้ว แต่ครูก็ยังให้ลากเส้นตามเส้นประอยู่นั่นแหล่ะ

คุณแม่แกก็จะเกรงใจครูเขามาก บอกให้อดทนๆอีกหน่อย
แต่ผมรู้สึกว่าน้องพลอยเขาเริ่มเบื่อเต็มที
ผมเลยบอกแม่เขาว่าขอย้ายศูนย์ดีกว่า ไม่งั้นก็จะให้เลิกเรียนแล้ว

พอย้ายมาอีกที่นึง ครูที่นั่นใจดีมากกกกก
จะมีจิตวิทยากับเด็ก และ เป็นกันเองกับเด็กดี
คอยให้กำลังใจเด็กตลอด ยืดหยุ่นมากๆ
อันไหนที่น้องพลอยทำได้แล้ว จะไม่ซ้ำบ่อย เลยไปได้เร็ว

ผมเลยคิดว่าแต่ละศูนย์อาจมีกลยุทธต่างๆกัน
ในการจูงใจเด็กให้มีกำลังใจเรียนต่อ

แต่โดยทั่วๆไป ส่วนมากเวลาทำแบบฝึกหัดในแต่ละ level ครบ 20 ชุด ก็จะให้สอบข้อสอบจบระดับก่อนขึ้นLevel ต่อไป
คะแนนในการสอบแต่ละ level ก็มีผลต่อเวลา+จำนวนชุดที่ให้ทำซ้ำ ในแต่ละ level

(ผมมารู้ทีหลังว่า ถ้าคะแนนสอบตอนจบ levelไม่ดี จะโดนทำซ้ำบ่อยๆในชุดต่อไป และ เวลาผ่านเกณฑ์จะน้อยกว่า เด็กที่ได้คะแนนดี ดังนั้น โอกาสที่เด็กจะผ่านในแต่ละชุดจะยากมากขึ้น!!!)

โดยในระหว่างนั้น อาจมีการtest ระหว่างที่ทำแบบฝึกหัดใน levelนั้นๆ เช่น Test PK3 สำหรับ level 2A (เทียบได้กับอนุบาล3) Test P1 สำหรับ level A ( เทียบได้กับเด็ก ป.1) ดูว่าเด็กเข้าใจเนื้อหาในชั้นนั้นๆจริงหรือเปล่า

แต่บางศูนย์ก็อาจ test PK3 (อ.3) ตอนเด็กจบ level 2A(อ.3)ไปแล้ว เช่นกำลังเรียน level A (ป.1)อยู่ก็ได้ ซึ่งเด็กจะมีโอกาสทำข้อสอบได้มากกว่า อันนี้คงต้องลองคุยกับที่ศูนย์ดูครับว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่า
โดย: พ่อน้องพลอย IP: 125.24.144.142 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:9:00:48 น.
  
สวัสดีค่ะ พี่หมอป้อม , ป้าตุ๊ก
(ถือโอกาสเรียกพี่)

วันหยุดที่ผ่านมา เพิ่งไปอบรมเกี่ยวกับนักเขียน ที่จัดโดยสมาคมวิชาชีพที่หนึ่งทำงานอยู่ ร่วมกับสมาคมนักเขียน

ไม่ได้เช็คอีเมล์ในวันหยุดเลย .. เช้าวันนี้ ได้รับอีเมล์ก็รีบพุ่งตามมาในทันใด

น้องพลอยเก่งจริงๆ
ปรบมือให้ดังๆ ทั้งลูกสาวคนเก่ง และคุณพ่อหมอป้อมด้วยนะคะ

อยากให้พี่หมอป้อมช่วยเขียนเคล็ดติวภาษาอังกฤษด้วยได้ไหมเอ่ย ภุชงค์ยังอยู่อนุบาล ชมภูมิยังแค่ 9 เดือน .. แต่แม่อยากรู้ด้วย

เพราะเป้าอันดับแรก คือ พัฒนาภาษาอังกฤษของแม่ก่อน (อิอิ)
.
.

ที่พี่หมอป้อมบอกว่า

"ส่วนน้องพลอยดูงงๆ และ ไม่รู้จะดีใจดีรึเปล่า

แรกๆก็ยิ้มสู้กล้องดีหรอก หลังๆเริ่มหน้ามุ่ย เธอเริ่มจะบ่นตลอดว่าโล่มันหนัก!!! เมื่อยมือชะมัดเวลาต้องยืนอุ้มโล่ถ่ายรูป

แถมยังบอกปีหน้าไม่เอาแล้วดีกว่า เออ! เด็กหนอเด็ก ช่างคิดไปได้"

พักนี้หนึ่งแก่ธรรมะ
อ่านที่พี่หมอป้อม แอบขำลูกเนี่ย ...

หนึ่งว่า
ไม่ขำนะค้า ปริศนาธรรมแท้ๆ เชียวนะนั่น

นึกถึงเรื่องที่แม่สามีเคยคุยกับเรา
จำประโยคครบถ้วนไม่ได้ จำได้เลาๆ ว่า

บ้านเราค่อนข้างแก่มารยาท จะไหว้ จะเดินผ่านผู้ใหญ่ก็ต้องค้อมตัว ก้มหัว , ปีใหม่ สงกรานต์ก็ต้องเตรียมของไปไหว้ (ที่จริงเป็นความสุขใจด้วยนะคะ)

แม่สามีมักจะฝากของมาให้บ้านป้าเรา ซึ่งอยู่รั้วติดกันกับบ้านเราเสมอ

ป้าๆ เราซึ่งอยุ่รั้วติดกันก็ขี้เกรงใจ ต้องหาของฝากกลับไปประจำ แล้วบอกว่า อย่าฝากมาบ่อยป้าเกรงใจ (ต้องคอยหาของให้กลับไป)

ไปบอกแม่สามี .. แม่สามีบอกว่า

"ไม่ต้องถือนะลูก (แปลว่า ไม่ต้องฝากของกลับมาหรอก) แม่ไม่ถือ ถือไว้ก็หนัก"

ประโยคนี้ จำติดหูเลยค่ะ

จริงด้วยแฮะ

ต้องไปทำงานด่วนก่อน
เดี๋ยวมาใหม่นะคะ

ยังไม่ได้ชมน้องพลอยกับคุณพ่อให้สมใจเรามากว่านี้เรย
.......

โดย: แม่ภุชงค์ IP: 203.99.253.12 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:13:56:03 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหนึ่ง

สวัสดีอีกครั้งค่ะคุณหมอ

ทราบจากคุณหมอก็สบายใจขึ้นนิดนึง ไม่ได้ยึดติดว่าลูกจะต้องผ่านเร็ว แต่กลัวว่า กฏจะตายตัวมากไปว่าต้อง3 เดือนถึงจะสอบผ่านระดับได้ค่ะ

จะเร็วหรือช้ากว่านั้น ก็อยากให้ยืดหยุ่นไปตามผู้เรียนน่ะค่ะ

รออ่านเรื่องน้องพลอยต่อนะคะ หรือสลับเป็นเรื่องคุณจอมก็ดีค่ะ อิอิ

โดย: ป้าตุ๊ก IP: 222.123.89.145 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:19:53:43 น.
  
หวัดดีครับคุณหนึ่ง

เออเนอะ...พออ่านที่คุณหนึ่งบอก
ก็ปิ๊งเลย ว่าลูกเรากำลังบอกใบ้อะไรบางอย่าง
"ถือโล่แล้วมันหนักมือ ไม่อยากแบกแล้ว"
เป็นการบอกพ่อแม่กลายๆว่า
อย่าไปแบกความคาดหวัง
อย่าไปยึดติดกับความสำเร็จ

ความสำเร็จ หรือ ความพ่ายแพ้ ล้มเหลว
มันก็เป็นแค่สถานะ"ชั่วคราว"

แต่"การยอมแพ้"นั่นแหล่ะ ถึงเป็นการทำให้มัน"ถาวร"

โอ้ว...ม่ายยยยยย ช่างลึกซึ้งอะไรเช่นนี้
(ชักเวอร์เกินซะแล้วเรา )


หวัดดีครับป้าตุ๊ก

จริงๆคงไม่มีระยะเวลาตายตัว ว่ากี่เดือนถึงจะผ่านlevelอย่างที่บอกนั่นแหล่ะครับ

ขึ้นอยู่กับตัวเด็กเอง และ ศูนย์แต่ละศูนย์
ส่วนมาก แต่ละlevel น้องพลอยจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ช่วงหลังๆยากหน่อย ก็ประมาณ 3 เดือน

แต่เห็นเด็กบางคนก็นานกว่านั้น โดยเฉพาะ level D
ผมเห็นเด็กบางคนทำอยู่เป็นปี จนเบื่อ เซ็ง แล้วก็เลิกไปเลย (แต่ยอมรับว่า level Dนี้ยากจริงๆ น้องพลอยเกือบจะเลิกไปก็เพราะ levelนี้แหล่ะ)
โดย: พ่อน้องพลอย IP: 125.24.143.71 วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:8:41:02 น.
  
สวัสดีค่ะ พี่หมอป้อม

อ่านอีกรอบ ... ได้ใจมากๆ
เหมือนต่อประโยคที่เราคิดว่ามันยังไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์ครบร้อย

ชอบจังค่ะ

การยอมแพ้นั่นแหละ ถึงเป็นการทำให้มันถาวร

(พยายามพิมพ์หลายรอบ ยืดยาว แต่ท้ายสุดโพสต์ส่งไม่ได้ ฮือๆๆ พยายามมาสองวันแล้ว วันนี้เป็นวันที่สาม รอบที่ไม่น้อยกว่า 10 )

ลองพิมพ์สั้นๆ แล้วส่งก่อน
test ดูค่ะ
โดย: แม่ภุชงค์ และชมภูมิ IP: 203.99.253.12 วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:14:58:50 น.
  
วันนี้ลองคิดเล่นๆว่า
จะเขียนseriesสั้นๆลงเป็นตอนๆในบล็อก

จะให้ชื่อว่า "สอนลูกเองก็ได้...ง่ายจัง"
เป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์การสอนน้องพลอย
ทั้งวิชาคณิต กับ English ด้วยมือพ่อแม่เอง


คิดว่าจะไม่เน้นสาระมากเกิน เพราะเดี๋ยวจะหนักเกิน
คงเอาเฮฮาเข้าว่า และ แทรกเนื้อหาการสอนเด็กบ้างเล็กน้อย

โดยมีตัวอย่างจากการสอนน้องพลอย และ เพื่อนๆเป็นหลัก
ฉะนั้น อย่าคาดหวังสาระอะไรมากนักนะครับ
โดย: ฉิกซิงแซ วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:17:37:07 น.
  
เย้ ... ดีใจค่ะ ที่พี่หมอป้อมจะเขียนซีรีส์นี้

ติดตามอ่าน
add บล็อกนี้ไว้ในบล็อกเราที่ blogspot เรียบร้อยแล้วค่า
โดย: แม่ภุชงค์ และชมภูมิ IP: 203.99.253.12 วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:15:39:46 น.
  
เย้ ... ดีใจค่ะ

ติดตามอ่านซีรีส์นี้นะคะ
add ไว้เรียบร้อยแล้วค่า
โดย: แม่ภุชงค์ และชมภูมิ IP: 203.99.253.12 วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:15:40:26 น.
  
ตามอ่านค่า... เย้

สอนลูกเองไม่ยากเลย

ที่ยากกว่าเนี่ย คือ การทำให้ได้อย่างต่อเนื่อง
พูดง่ายๆ ก็วินัยของแม่ที่ค่อนข้างไม่มีวินัยแบบเราอ่ะ


รออ่านซีรีส์นี้อยู่ค่า
คุณหมอป้อมเขียนตลกมากๆ ขำดี
โดย: แม่ภุชงค์ IP: 58.10.213.67 วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:6:05:05 น.
  
Congratulation กับน้องพลอยด้วยนะคะ
เก่งมากเลย
โดย: จ๋า IP: 61.7.155.218 วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:13:45:34 น.
  
โดย: ปูเป็น วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:27:52 น.
  

ฝ่ามาตั้งนาง


โดย: ตั้ม IP: 118.173.44.115 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:10:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฉิกซิงแซ
Location :
นครศรีธรรมราช  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



เกิดและโตที่กรุงเทพ
เป็นศิษย์เก่าร.ร.ใกล้บ้าน คือ วัดสุทธิ
จับพลัดจับผลู สอบติดหมอจุฬา แบบงงๆ
แล้วมาต่อเฉพาะทางด้านเด็กที่ มอ. หาดใหญ่

บังเอิญมาเจอ"จอม" ที่ต่อมากลายมาเป็นคู่ชีวิต
เลยได้มาอยู่อยู่ภาคใต้ยาวเลย
ไม่ได้กลับมาอยู่กทม.อย่างที่ตั้งใจไว้
เพราะ"คุณนาย"ไม่ชอบรถติดอย่างแรง

เป็นอาจารย์ด้านโรคหัวใจเด็กที่ มอ.ได้ไม่เท่าไหร่
ก็มาได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว

ต้องมาตัดสินใจกันอีกว่าจะไปเรียนต่อที่ ILLINOIS, USA
ดีหรือเปล่า เพราะ "ผบทบ." กลัวหนาวมาก เลยลาออกมาซะเลยดีกว่า

ตอนนี้ สบายๆกับงานที่คลินิก 2 แห่ง
ว่างๆก็เล่นกับลูกสาว(น้องพลอย)และ ลูกชาย(น้องเพชร)จอมซนน้อยๆ และ หาเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัวบ้างตามสะดวก

New Comments