Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
หมายเหตุ : คุยกันก่อน
[ฟัง-คิด-ถาม-เขียน]
อ่านมา แล้ว ตัดแปะ
พูดถึงหนังสือที่อ่าน
ดูหนัง แล้ว เล่าใหม่
เล่าเรื่องตลกขำขำ
ทำนองดนตรี กับ จังหวะชีวิต
ภาพ-เล่า-เรื่อง
The Plin, :-p Theater
เรื่อย ๆ เปื่อย ๆ
-{ ส า ร บั ญ }-
กรกฏาคม 2549
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
15 กรกฏาคม 2549
ศรีลังกา (4) : อนุราธปุระ นครหลวงแห่งแรกของศรีลังกา
All Blogs
เสียงไก่ขันยามเช้า
เดินเล่น ชมเมือง ภูเก็ต
ซ้อนท้าย จักรยานยนต์
พระพุทธบารมีสยามบุรีพิทักษ์
ผานางคอย (ผาพระ) วัดเขาศาลา จังหวัดสุรินทร์
รอยพระพุทธบาท ที่ วัดเขาศาลาฯ อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์
แมววัด
เวียดนาม (20) : โฮจิมินห์ซิตี้วันสุดท้าย
เวียดนาม (19) : อุโมงค์กู๋จี (Địa đạo Củ Chi)
เวียดนาม (18) : War Remnants Museum - โฮจิมินห์ซิตี้
เวียดนาม (17) : พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมจาม เมืองดานัง
เวียดนาม (16) : ฮอยอัน (Hội An)
เวียดนาม (15) : สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ (Khải Định)
เวียดนาม (14) : พระราชวังต้องห้าม
พระเจดีย์มุตาว
เวียดนาม (13) : เจดีย์เทียนมู และ รถ Austin คันนั้น
เวียดนาม (12) : แม่น้ำหอม
เวียดนาม (11) : หุ่นกระบอกน้ำ
เวียดนาม (10) : สะพานเทฮุก วัดหง๊อกเซิน และ ทะเลสาบคืนดาบ
เวียดนาม (9) : พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ที่ฮานอย
เวียดนาม (8) : Chua Mot Cot - เจดีย์เสาเดี่ยว
เวียดนาม (7) : สุสานโฮจิมินห์ และ ทำเนียบประธานาธิบดี
เวียดนาม (6) : Văn Miếu - วัดในศาสนาขงจื้อ และ Quốc Tử Giám - มหาวิทยาลัยโบราณ
เวียดนาม (5) : The Kissing Cocks Island(s) ในอ่าวฮาลอง
เวียดนาม (4) : Thiên Cung Grotto - ถ้ำพระราชวังสวรรค์
พรุ่งนี้หวยออก วันนี้เลยมาใบ้หวย
เวียดนาม (3) : ล่องเรือที่อ่าวฮาลอง
เวียดนาม (2) : ระหว่างทางไปอ่าวฮาลอง
เวียดนาม (1) : รอ "เธอ" ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เททองหล่อพระ
รูปถ่ายเผยโฉม
เซ็งโว้ยยย.. ก็เลย.. หาอะไรทำแก้เซ็ง
[สุญญตา คือ ความว่าง] - [ตถตา คือ เช่นนั้นเอง]
หกผีอัปรีย์
"เจ้าผึ้งน้อย" กับ "ดอกตะขบ" (VDO พร้อมเรื่องประกอบ)
คำถามช่วยชีวิต
Diary ของ "น้องปั๋ม" I'm a Happy Pug. ค่ะ
อย่า แอบ มอง หนู -- อย่า ดู สิ คุณ
เสาอินทขีล : เสาแห่งปฏิญญาฟ้าเวียงพิงค์ : ความนัยของความร่มเย็น
ต้นยางใหญ่
กระจก ฉัน แมลง
Carica papaya
บริจาค
Artocarpus heterophyllus
อนาคตประเทศไทย
เทวดา นางฟ้า
ดอกไม้ริมทาง
ขอฃวดหน่อยคร๊าบ
ขอ "น้องปั๋ม" อ่านหนังสือบ้างสิคะ
เล่นซ่อนแอบ
แจกัน กับ วันเหงา ๆ
มองหน้าหาเรื่อง (เหรอไงวะ?)
หน้าบ้าน
เมฆดำ
"ควาย" เพื่อนบ้าน
หมดไปอีกวัน
พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ (วันแรม 1 ค่ำ)
"มด" ที่ป้ายรถ
ศรีลังกา (14) : แล้วเราก็กลับมาโคลอมโบอีกครั้ง (เพื่อกลับประเทศไทย)
ศรีลังกา (13) : วัตดูวา
ศรีลังกา (12) : วันนี้วันพระ
ศรีลังกา (11) : The Bridge on the River Kwai !!
ศรีลังกา (10) : Nuwara Eliya และ Ceylon Tea
ศรีลังกา (9) : สวนพฤกษชาติ (Royal Botanical Garden, Peradeniya)
ศรีลังกา (8) : นมัสการพระเขี้ยวแก้ว
ศรีลังกา (7) : สีคิริยา เมืองปราการลอยฟ้า
ศรีลังกา (6) : ดัมบุลลา วัดถ้ำบนภูเขา
ศรีลังกา (5) : "ป่าต้นบุนนาค" "Pink Quartz Mountain" และ พระภิกษุนักอนุรักษ์
ศรีลังกา (4) : อนุราธปุระ นครหลวงแห่งแรกของศรีลังกา
ศรีลังกา (3) : ระหว่างทางไป อนุราธปุระ
ศรีลังกา (2) : เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราก็ไปถวายพระพุทธรูปกัน
ศรีลังกา (1) : แล้วเราก็ไปกรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา
ศรีลังกา (4) : อนุราธปุระ นครหลวงแห่งแรกของศรีลังกา
(อ่านเที่ยวศรีลังกาตอนอื่น ๆ)
(ตอนที่แล้ว)
|
(ตอนต่อไป)
เราเปลี่ยนยางกันเสร็จประมาณบ่ายสามกว่า ๆ หลังจากนั้นเราก็มุ่งตรงสู่อนุราธปุระทันที
จากโคลอมโบถึงอนุราธปุระนั้น ระยะทางประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร เราใช้เวลากันเกือบ 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
(ที่นี่เขาห้ามขับรถเร็วครับ)
ตอนที่ไปถึง อนุราธปุระนี่ก็ประมาณ 2 ทุ่มแล้ว มืดมาก มืดจนมองไม่ค่อยเห็นอะไร
แม้จะเป็นเมืองหลวงเก่า แต่ทว่า ถ้าเทียบความเจริญ
(ทางวัตถุ)
แล้ว ก็คงสู้โคลอมโบไม่ได้
เสาไฟที่เปิดให้ความสว่างตามถนนก็ไม่ค่อยมีนัก คนที่ดีเหมือนจะเข้านอนกันเร็วด้วย เพราะไฟก็ปิดกันเป็นส่วนใหญ่ โดยทั่วไป
(เท่าที่ฟังจาก guide)
พอประมาณ 4 ทุ่มนี่ก็น่าจะหลับกันหมดแล้ว คนที่ยังไม่อยากนอนก็ไม่ควรที่จะทำอะไรเสียงดังรบกวนชาวบ้านเขา
สหายความคิดที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงคิดว่า เรามาถึง 2 ทุ่มแล้ว ก็คงจะเข้าที่พัก รับประทานอาหาร แล้วก็พักผ่อนใช่ไหมครับ
ยัง.. ยังครับ.. สองทุ่มก็สองทุ่มเถิด อะไรจะยับยั้งคณะ
(แสวงบุญ)
ของเราได้ อาหารเย็นเนี่ย เอาไว้ก่อน
(เพราะเรารับประทานของว่างระหว่างทางมาเยอะแล้ว)
พวกเราเลี้ยวรถเข้าไปนมัสการ
ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ทันที พอดีว่าที่นี่เขาปิดประมาณ 3 ทุ่มน่ะครับ ตอนที่พวกเราไปถึงก็ยังมีคนมานมัสการกันอยู่
กล่าวกันว่าประมาณ 2200 ปีก่อน พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้พระราชธิดา สัฆมิตตาเถรี นำกิ่งจากต้นพระศรีมหาโพธิ์
(ต้นที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย)
ไปปลูกไว้ที่อนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ก็เนื่องจากมาก็ดึกแล้ว ผมไม่มีรูปถ่ายที่นี่ตอนกลางวันนะครับ ถ้าใครอยากดูก็ลองดูได้ที่
//srimahabodhi.org/
ครับ
รูปนี้ถ่ายแถว ๆ ประตูทางเข้าไปนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ครับ
ก็เดี๋ยวตามผมมาเลยครับ จะพาขึ้นไปไหว้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พอดีผมใช้กล้องดิจิตอลธรรมดาถ่ายไว้นะครับ ไม่ได้ใช้พวกกล้อง digicam ภาพก็จะไม่ชัดนะครับ
Guide ชาวสิงหลของพวกเราพูดภาษาไทยคล่องนะครับ
คืนนั้นผมเองมองด้วยตาเปล่าก็ไม่ค่อยเห็นอะไรนะครับ จะถ่ายรูปด้วย Flash ก็เกรงจะเป็นการไม่เคารพต่อต้นพระศรีมหาโพธิ์
(ผมคิดเอาเองนะครับ)
ผมก็เลยอัดเป็น VDO เอาไว้แทน
พระพุทธรูปนี้ อยู่ที่ฐานที่อยู่รอบต้นพระศรีมหาโพธิ์ครับ
หลังจากนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์กันเสร็จแล้ว เราก็รีบ
(วิ่ง)
ไปนมัสการ
รุวันเวสาลิยะ
ซึ่งเป็นพระเจดีย์ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับต้นพระศรีมหาโพธิ์
เพราะว่าใกล้เวลาสามทุ่มที่ทางอุทยานจะต้องปิดแล้ว
ระหว่างที่เดินจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไปยัง เจดีย์ รุวันเวสาลิยะ นั้น เราก็ได้พบกับ
โลหะปราสาทแห่งที่ 2 ของโลก ซึ่งตอนนี้เหลือแต่เพียงซาก
และยิ่งตอนนี้ก็มืดมาก ผมถ่ายไปก็ยิ่งไม่เห็นอะไรเลย
(ดีนะครับ ที่ถ่ายไม่ติดสิ่งทีมองไม่เห็นมาด้วย
)
นอกจากนี้เราก็ยังได้พบกับนักบวชหญิงด้วย ที่ศรีลังกามีการบวชผู้หญิงด้วยนะครับ แต่งกายคล้ายสงฆ์ คือจะห่มจีวรสีเดียวกัน ทว่าถือเพียงศีล 10 จึงเรียกว่าสามเณรี ไม่ใช่ภิกษุณีนะครับ
แม้ว่าจะมีนักวิชาการหญิงจากประเทศไทย มาบวชจากที่ศรีลังกานี้ แล้วมีผู้ศรัทธานับถือท่าน เรียกท่านเป็นภิกษุณี แต่ถามทาง Guide ชาวสิงหลของเราแล้ว พี่ท่านยืนยันว่าในศรีลังกาไม่มีภิกษุณี มีแต่สามเณรีครับ
(คือ Guide ของเราเป็นคนเข้าวัดเข้าวาน่ะครับ มีความรู้ทางศาสนามากพอควรครับ)
ในที่สุดก็มาถึงครับ ประมาณ 3 ทุ่มพอดี เจ้าหน้าที่เตรียมจะปิดประตูอยู่แล้ว พวกเราเลยต้องขอเข้าไปนมัสการอย่างรีบด่วน
เจดีย์ รุวันเวสาลิยะ หรือ Ruvanveli Mahaseya สร้างขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์ Dutugemunu
(ไม่รู้จะอ่านเป็นภาษาบาลียังไงน่ะครับ)
ประมาณ 161-137 ปีก่อนคริสตกาล เป็นเจดีย์ทรงกลมผ่าครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 300 ฟุต
เจดีย์แห่งนี้ได้บรรจุเครื่องอัฐบริขารของพระพุทธเจ้า เช่น บาตรที่พระองค์เคยใช้
ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมอัฐบริขารเหล่านี้จึงตกมาอยู่ที่ศรีลังกาได้
ผมสันนิษฐานเองว่า หลังจากเสด็จปรินิพพาน กษัตริย์แคว้นต่าง ๆ คงสนใจแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุมากกว่าที่จะสนใจเครื่องอัฐบริขารก็ได้
คณะของเราก็มาถึงอนุราธปุระค่อนข้างดึกไปหน่อย ยังดีที่ทันนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ กับ เจดีย์รุวันเวสาลิยะทัน แต่ก็คงจะดีกว่าถ้ามาถึงตอนกลางวัน แล้วก็ชมกับความงามของสถานที่
วันนั้น 7 กรกฏาคม ค.ศ. 2006 (ที่ไม่ใช้ พ.ศ. นี่อธิบายไว้ใน
ตอนที่ 2
แล้วนะครับ) พวกเราเข้าที่พัก และ รับประทานอาหารเย็นกันประมาณ 4 ทุ่มครับ รูปข้างบนนี้ผมถ่ายจากภาพวาดที่อยู่บนหัวเตียงของผมที่โรงแรม Miridiya ครับ
(ตอนที่แล้ว)
|
(ตอนต่อไป)
(อ่านเที่ยวศรีลังกาตอนอื่น ๆ)
Create Date : 15 กรกฎาคม 2549
Last Update : 18 มิถุนายน 2550 22:26:02 น.
16 comments
Counter : 4118 Pageviews.
Share
Tweet
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ช่วงนี้รู้สึกตัวเองใกล้ชิดศรีลังกาขึ้นมานิดหน่อยเหมือนกัน
เพราะนั่งศรีลังกาแอร์ไลน์กลับบ้านมาสองรอบแระ
ราคาไม่กระอักเลือดเท่าไหร่
โดย:
PADAPA--DOO
วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:18:44 น.
คิดว่าคงจะกลับไปเยือนศรีลังกาอีกครั้งให้ได้
แล้วจะกลับมาอ่านตอนต่อไปนะคะ
โดย:
นางกอแบกเป้
วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:15:48 น.
ของชื่นชม เขียนบรรยายได้น่าอ่านมาก ติดตามทุกวันคะ
โดย: น้าออ IP: 124.120.115.191 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:51:16 น.
ติดตามมาเที่ยวต่อค่ะ......... สนุกจังเลยค่ะ อ่านเพลินเลยค่ะ.....
รูปสวยด้วยค่ะ
โดย:
largeface
วันที่: 27 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:52:47 น.
น่ารักดีอ่ะนะ
โดย: เเ IP: 203.156.86.137 วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:9:21:01 น.
พอดีมะยมไปเปิดบันทึกที่เขียนไว้หลังเข้าไปร่วมพิธีสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ ระลึกถึงความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี อยากถ่ายทอดให้ท่านอื่นได้รับรู้ด้วยนะคะ......
ลุถึง...ห้ามีนาปีห้าหนึ่ง
เดินทางถึงอนุราธดังปรารถนา
เมืองหลวงเก่าสองพันสองร้อยปีที่แล้วมา
พุทธศาสนารุ่งเรืองเฟื่องฟูนาน
อนุราธปุระ ณ วันนี้
ยังคงมีเรื่องราวให้เล่าขาน
มีร่องรอยร้อยคำตามตำนาน
มุ่งถึงลานต้นโพธิ์ไซร้ให้เป็นบุญ
โพธิ์ต้นใหญ่สีขาวใบพราวพร่าง
กิ่งก้านกว้างผุดพ้นดินไม่สิ้นสูญ
ดุจตัวแทนพุทธศาสน์อันเกื้อกูล
โพธิ์เกื้อหนุนพุทธยืนยงคงสัญญลักษณ์
องค์พัลลีกามะ..พระสังฆราช
ผู้เปรื่องปราชญ์ภาพพจน์ทั้งยศศักดิ์
ท่านดูแลต้นโพธิ์พุทธด้วยใจรัก
แจ้งประจักษ์ในเมตตาทุกคราไป
ณ ลานโพธิ์ยามค่ำ...ดื่มด่ำนัก
ด้วยใจภักดิ์ในองค์พุทธใจสุดใส
พร้อมตั้งจิตอธิษฐานทุกชาติไป
ขออยู่ใต้ร่มโพ-ธิ...มิเปลี่ยนแปลง
โดย: มะยม IP: 222.123.164.152 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:21:47:20 น.
โดย:
Plin, :-p
วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:22:16:10 น.
ด้วยความชื่นชมนะคะ
คุณมะยมน่าจะเขียน pocket book นะคะ
เดี๋ยวนี้ไม่ยากนะคะ ในการจะนำผลงานของเราไปเสนอกับสำนักพิมพ์ ตอนแรกก็ต้อง walk in กันหลายที่หน่อย แต่มีโอกาศสูงมาก
ถ้าสนใจจริงๆ คุยกับจอยได้นะคะ คือที่จอยทราบดีเนื่องจาก แฟนของจอย เค้าเขียนหนังสือเหมือนกัน แต่ตอนแรกนำไปเสนอสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ เขาก็ไม่รับ เพราะเราไม่ดัง แต่แฟนจอยเค้าพยายามจนไปเจอสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่ให้โอกาส ซึ่งตอนนี้เค้าก็กำลังจะออกเล่มที่สองแล้วด้วย
เขียนกลอนได้ขนาดนี้ เก่งมากๆ เลยค่ะ จอยทำไม่ได้เลย จึงปวารณาตัว เป็นผู้เสพย์อย่างเดียวค่ะ
เก่ง จริงๆ ชื่นชม ค่ะ ชื่นชม
โดย: จอย IP: 58.181.143.189 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:13:05:13 น.
ขอบคุณคุณจอยที่ชมและเอื้อเฟื้อมาก....
มะยมเขียนกลอนเป็นงานอดิเรกค่ะ เขียนเมื่ออยากเขียนและต้องมีแรงบันดาลใจเท่านั้น หาความสม่ำเสมอไม่ได้เลยค่ะ (ศิลปินเดี่ยว)
แต่ยังไง ถ้าคิดจะเขียนจริงจัง ต้องรบกวนคุณจอยแน่นอนค่ะ...
ว่าแต่...หนังสือของแฟนคุณจอยชื่ออะไรล่ะค่ะ จะได้ซื้อมาอ่านด้วยความภาคภูมิใจว่า รู้จักนักเขียนด้วย เท่ออก
โดย: มะยม IP: 117.47.113.216 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:21:50:47 น.
เออ..... แล้วค่อยบอกนะคะ ว่าชื่อหนังสืออะไร
แต่ไม่เท่หรอก แค่เค้ามีความตั้งใจ เราก้ได้แต่ให้กำลังใจ
คือแฟนจอยเค้าก็มีการประจำอยู่ แต่มีความฝันที่จะถ่ายทอดเรื่องราวบางอย่าง เลยพยายามสุดฤทธิ์ ที่จะตีพิมพ์ผลงาน (บางครั้งเค้าก็หายไปจากชีวิตเรา เพื่อทำความฝันของเค้า.....เฮ้อ...ขอบอกหายไปนานมาก มาก...จน..... )
แต่จอยก็แอบภูมิใจ ในความตั้งใจจริงของเค้านะ
ตอนนี้เค้ากำลังเริ่มเขียนเล่มที่ 2 .....โอ้ แม่เจ้า.....นั่นหมายความว่า..... เค้ากำลังจะเริ่มหายไปจากชีวิตจอยอีกแล้ว
ไม่รู้จะหายไปนานแค่ไหน....
เอ....หรือ จะเป็นการดีกันแน่นะ (ฮา)
โดย: จอย IP: 58.181.143.189 วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:9:44:45 น.
ตั้งแต่กลับจากศรีลังกา มะยมตั้งใจว่าจะไปที่วัดธรรมาราม อยุธยา (บ้านปัจจุบันของมะยมอยู่ที่อยุธยาค่ะ)
เพราะวัดธรรมารามนี้ เป็นวัดที่พระอุบาลี ท่านจำพรรษาอยู่ ก่อนที่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะส่งท่านและคณะจำนวน 10 รูป เป็นสมณฑูตไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ณ ลังกาทวีป
ซึ่งในการเดินทางมาครั้งนี้ ท่านได้บรรพชาอุปสมบทให้แก่กุลบุตรชาวศรีลังกา ถึง 3,000 คน ที่เมืองแคนดี้
ซึ่งสามเณรสรณังกร ที่ได้รับการอุปสมบทในครั้งนี้(และเป็นผู้ที่ได้ทูลขอให้พระเจ้ากิตติราชสิงหะ ให้ส่งทูตมาขอนิมนต์พระสงฆ์จากเมืองไทยด้วย) ได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช และได้เกิดนิกายสยามวงศ์ หรืออุบาลีวงศ์ ขึ้นในศรีลังกา
ต่อมาพระอุบาลีเถระ เกิดอาพาธและได้มรณภาพในศรีลังกา.....
ยังหวังลึกๆว่า การไปที่วัดนี้ อาจจะทำให้มะยมได้แนวที่จะเขียนถึงเรื่องการย้อนรอยธรรมจากอยุธยาถึงศรีลังกาบ้าง
แต่...จนถึงขณะนี้ มะยมยังไม่ได้ไปที่วัดนี้เลย โอ้...สงสัยมะยมต้องทบทวนการทำงานและการดำเนินชีวิตของตัวเองครั้งใหญ่เสียแล้ว
ว่า....มะยมต้องการอะไรในชีวิตกันแน่???.....
โดย: มะยม IP: 117.47.113.38 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:27:11 น.
ความสุขไงครับ
โดย:
Plin, :-p
วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:51:58 น.
+ จอยรออ่านหนังสือของคุณมะยมอยู่นะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
+ อืม... ขอให้คุณมะยมมีความสุขมากๆ จะได้มีพลัง เขียนผลงานให้จอยอ่านเร็วๆ
โดย: จอย IP: 58.181.143.189 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:21:12:15 น.
อืม
ความสุข....เป็นคำที่กว้างมากเลยนะคะ
เราเคยเหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามหาความสุข
ในขณะที่บางครั้งเราคิดว่า...นี่เป็นความสุขที่เราเลือก
แต่พอได้มาแล้ว กลับไม่ใช่
แล้วคุณ Plin พบความสุขของตัวเองแล้วยังคะ?
โดย: มะยม IP: 117.47.53.3 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:21:28:44 น.
เวลาพักผ่อนไง สุขสุด ๆ
มะยมบอกว่า "ต้องการอะไรในชีวิต" ไง ผมเลยบอกว่า "ความสุข"
มะยมไม่ได้บอกว่า "เป้าหมายในชีวิต" นี่ อันนั้น ผมคงคิดแทนให้ไม่ได้หรอก จริงไหมล่ะ
โดย: Plin, :-p (เจ้าของ blog) IP: 202.28.62.245 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:21:32:01 น.
เคยอ่านกลอนบทนี้จากที่ไหนก็จำไม่ได้(น่าจะเป็นที่วัด)
...วิ่งไล่ไขว่คว้าหาสุข
พบทุกข์แทนที่...นี่ไฉน
เลิกแสวงสุขหนอ"พอใจ"
สุขซาบซ่านในใจเรา
โดย: มะยม IP: 117.47.225.15 วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:14:46:45 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [
?
]
Tweets by @paul_lin
บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม
e-mail :
rethinker@hotmail.com
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
Project Gutenberg
New England Journal of Medicine
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ช่วงนี้รู้สึกตัวเองใกล้ชิดศรีลังกาขึ้นมานิดหน่อยเหมือนกัน
เพราะนั่งศรีลังกาแอร์ไลน์กลับบ้านมาสองรอบแระ
ราคาไม่กระอักเลือดเท่าไหร่