Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 

ศรีลังกา (4) : อนุราธปุระ นครหลวงแห่งแรกของศรีลังกา

(อ่านเที่ยวศรีลังกาตอนอื่น ๆ)

(ตอนที่แล้ว) | (ตอนต่อไป)




เราเปลี่ยนยางกันเสร็จประมาณบ่ายสามกว่า ๆ หลังจากนั้นเราก็มุ่งตรงสู่อนุราธปุระทันที จากโคลอมโบถึงอนุราธปุระนั้น ระยะทางประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร เราใช้เวลากันเกือบ 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว (ที่นี่เขาห้ามขับรถเร็วครับ)

ตอนที่ไปถึง อนุราธปุระนี่ก็ประมาณ 2 ทุ่มแล้ว มืดมาก มืดจนมองไม่ค่อยเห็นอะไร แม้จะเป็นเมืองหลวงเก่า แต่ทว่า ถ้าเทียบความเจริญ(ทางวัตถุ)แล้ว ก็คงสู้โคลอมโบไม่ได้

เสาไฟที่เปิดให้ความสว่างตามถนนก็ไม่ค่อยมีนัก คนที่ดีเหมือนจะเข้านอนกันเร็วด้วย เพราะไฟก็ปิดกันเป็นส่วนใหญ่ โดยทั่วไป (เท่าที่ฟังจาก guide) พอประมาณ 4 ทุ่มนี่ก็น่าจะหลับกันหมดแล้ว คนที่ยังไม่อยากนอนก็ไม่ควรที่จะทำอะไรเสียงดังรบกวนชาวบ้านเขา



สหายความคิดที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงคิดว่า เรามาถึง 2 ทุ่มแล้ว ก็คงจะเข้าที่พัก รับประทานอาหาร แล้วก็พักผ่อนใช่ไหมครับ

ยัง.. ยังครับ.. สองทุ่มก็สองทุ่มเถิด อะไรจะยับยั้งคณะ (แสวงบุญ) ของเราได้ อาหารเย็นเนี่ย เอาไว้ก่อน (เพราะเรารับประทานของว่างระหว่างทางมาเยอะแล้ว)

พวกเราเลี้ยวรถเข้าไปนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ทันที พอดีว่าที่นี่เขาปิดประมาณ 3 ทุ่มน่ะครับ ตอนที่พวกเราไปถึงก็ยังมีคนมานมัสการกันอยู่

กล่าวกันว่าประมาณ 2200 ปีก่อน พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้พระราชธิดา สัฆมิตตาเถรี นำกิ่งจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ (ต้นที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย) ไปปลูกไว้ที่อนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา

ก็เนื่องจากมาก็ดึกแล้ว ผมไม่มีรูปถ่ายที่นี่ตอนกลางวันนะครับ ถ้าใครอยากดูก็ลองดูได้ที่ //srimahabodhi.org/ ครับ



รูปนี้ถ่ายแถว ๆ ประตูทางเข้าไปนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ครับ

ก็เดี๋ยวตามผมมาเลยครับ จะพาขึ้นไปไหว้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พอดีผมใช้กล้องดิจิตอลธรรมดาถ่ายไว้นะครับ ไม่ได้ใช้พวกกล้อง digicam ภาพก็จะไม่ชัดนะครับ



Guide ชาวสิงหลของพวกเราพูดภาษาไทยคล่องนะครับ คืนนั้นผมเองมองด้วยตาเปล่าก็ไม่ค่อยเห็นอะไรนะครับ จะถ่ายรูปด้วย Flash ก็เกรงจะเป็นการไม่เคารพต่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ (ผมคิดเอาเองนะครับ) ผมก็เลยอัดเป็น VDO เอาไว้แทน



พระพุทธรูปนี้ อยู่ที่ฐานที่อยู่รอบต้นพระศรีมหาโพธิ์ครับ

หลังจากนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์กันเสร็จแล้ว เราก็รีบ (วิ่ง) ไปนมัสการ รุวันเวสาลิยะ ซึ่งเป็นพระเจดีย์ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ เพราะว่าใกล้เวลาสามทุ่มที่ทางอุทยานจะต้องปิดแล้ว

ระหว่างที่เดินจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไปยัง เจดีย์ รุวันเวสาลิยะ นั้น เราก็ได้พบกับโลหะปราสาทแห่งที่ 2 ของโลก ซึ่งตอนนี้เหลือแต่เพียงซาก และยิ่งตอนนี้ก็มืดมาก ผมถ่ายไปก็ยิ่งไม่เห็นอะไรเลย (ดีนะครับ ที่ถ่ายไม่ติดสิ่งทีมองไม่เห็นมาด้วย )

นอกจากนี้เราก็ยังได้พบกับนักบวชหญิงด้วย ที่ศรีลังกามีการบวชผู้หญิงด้วยนะครับ แต่งกายคล้ายสงฆ์ คือจะห่มจีวรสีเดียวกัน ทว่าถือเพียงศีล 10 จึงเรียกว่าสามเณรี ไม่ใช่ภิกษุณีนะครับ



แม้ว่าจะมีนักวิชาการหญิงจากประเทศไทย มาบวชจากที่ศรีลังกานี้ แล้วมีผู้ศรัทธานับถือท่าน เรียกท่านเป็นภิกษุณี แต่ถามทาง Guide ชาวสิงหลของเราแล้ว พี่ท่านยืนยันว่าในศรีลังกาไม่มีภิกษุณี มีแต่สามเณรีครับ

(คือ Guide ของเราเป็นคนเข้าวัดเข้าวาน่ะครับ มีความรู้ทางศาสนามากพอควรครับ)



ในที่สุดก็มาถึงครับ ประมาณ 3 ทุ่มพอดี เจ้าหน้าที่เตรียมจะปิดประตูอยู่แล้ว พวกเราเลยต้องขอเข้าไปนมัสการอย่างรีบด่วน



เจดีย์ รุวันเวสาลิยะ หรือ Ruvanveli Mahaseya สร้างขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์ Dutugemunu (ไม่รู้จะอ่านเป็นภาษาบาลียังไงน่ะครับ) ประมาณ 161-137 ปีก่อนคริสตกาล เป็นเจดีย์ทรงกลมผ่าครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 300 ฟุต



เจดีย์แห่งนี้ได้บรรจุเครื่องอัฐบริขารของพระพุทธเจ้า เช่น บาตรที่พระองค์เคยใช้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมอัฐบริขารเหล่านี้จึงตกมาอยู่ที่ศรีลังกาได้ ผมสันนิษฐานเองว่า หลังจากเสด็จปรินิพพาน กษัตริย์แคว้นต่าง ๆ คงสนใจแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุมากกว่าที่จะสนใจเครื่องอัฐบริขารก็ได้

คณะของเราก็มาถึงอนุราธปุระค่อนข้างดึกไปหน่อย ยังดีที่ทันนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ กับ เจดีย์รุวันเวสาลิยะทัน แต่ก็คงจะดีกว่าถ้ามาถึงตอนกลางวัน แล้วก็ชมกับความงามของสถานที่



วันนั้น 7 กรกฏาคม ค.ศ. 2006 (ที่ไม่ใช้ พ.ศ. นี่อธิบายไว้ในตอนที่ 2 แล้วนะครับ) พวกเราเข้าที่พัก และ รับประทานอาหารเย็นกันประมาณ 4 ทุ่มครับ รูปข้างบนนี้ผมถ่ายจากภาพวาดที่อยู่บนหัวเตียงของผมที่โรงแรม Miridiya ครับ

(ตอนที่แล้ว) | (ตอนต่อไป)

(อ่านเที่ยวศรีลังกาตอนอื่น ๆ)




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2549
16 comments
Last Update : 18 มิถุนายน 2550 22:26:02 น.
Counter : 4117 Pageviews.

 

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ


ช่วงนี้รู้สึกตัวเองใกล้ชิดศรีลังกาขึ้นมานิดหน่อยเหมือนกัน
เพราะนั่งศรีลังกาแอร์ไลน์กลับบ้านมาสองรอบแระ

ราคาไม่กระอักเลือดเท่าไหร่

 

โดย: PADAPA--DOO 15 กรกฎาคม 2549 10:18:44 น.  

 

คิดว่าคงจะกลับไปเยือนศรีลังกาอีกครั้งให้ได้
แล้วจะกลับมาอ่านตอนต่อไปนะคะ

 

โดย: นางกอแบกเป้ 15 กรกฎาคม 2549 20:15:48 น.  

 



ของชื่นชม เขียนบรรยายได้น่าอ่านมาก ติดตามทุกวันคะ

 

โดย: น้าออ IP: 124.120.115.191 15 กรกฎาคม 2549 23:51:16 น.  

 

ติดตามมาเที่ยวต่อค่ะ......... สนุกจังเลยค่ะ อ่านเพลินเลยค่ะ.....

รูปสวยด้วยค่ะ

 

โดย: largeface 27 กรกฎาคม 2549 12:52:47 น.  

 

น่ารักดีอ่ะนะ

 

โดย: เเ IP: 203.156.86.137 2 สิงหาคม 2550 9:21:01 น.  

 

พอดีมะยมไปเปิดบันทึกที่เขียนไว้หลังเข้าไปร่วมพิธีสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ ระลึกถึงความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี อยากถ่ายทอดให้ท่านอื่นได้รับรู้ด้วยนะคะ......

ลุถึง...ห้ามีนาปีห้าหนึ่ง
เดินทางถึงอนุราธดังปรารถนา
เมืองหลวงเก่าสองพันสองร้อยปีที่แล้วมา
พุทธศาสนารุ่งเรืองเฟื่องฟูนาน

อนุราธปุระ ณ วันนี้
ยังคงมีเรื่องราวให้เล่าขาน
มีร่องรอยร้อยคำตามตำนาน
มุ่งถึงลานต้นโพธิ์ไซร้ให้เป็นบุญ

โพธิ์ต้นใหญ่สีขาวใบพราวพร่าง
กิ่งก้านกว้างผุดพ้นดินไม่สิ้นสูญ
ดุจตัวแทนพุทธศาสน์อันเกื้อกูล
โพธิ์เกื้อหนุนพุทธยืนยงคงสัญญลักษณ์

องค์พัลลีกามะ..พระสังฆราช
ผู้เปรื่องปราชญ์ภาพพจน์ทั้งยศศักดิ์
ท่านดูแลต้นโพธิ์พุทธด้วยใจรัก
แจ้งประจักษ์ในเมตตาทุกคราไป

ณ ลานโพธิ์ยามค่ำ...ดื่มด่ำนัก
ด้วยใจภักดิ์ในองค์พุทธใจสุดใส
พร้อมตั้งจิตอธิษฐานทุกชาติไป
ขออยู่ใต้ร่มโพ-ธิ...มิเปลี่ยนแปลง

 

โดย: มะยม IP: 222.123.164.152 28 มีนาคม 2551 21:47:20 น.  

 

 

โดย: Plin, :-p 28 มีนาคม 2551 22:16:10 น.  

 

ด้วยความชื่นชมนะคะ

คุณมะยมน่าจะเขียน pocket book นะคะ

เดี๋ยวนี้ไม่ยากนะคะ ในการจะนำผลงานของเราไปเสนอกับสำนักพิมพ์ ตอนแรกก็ต้อง walk in กันหลายที่หน่อย แต่มีโอกาศสูงมาก

ถ้าสนใจจริงๆ คุยกับจอยได้นะคะ คือที่จอยทราบดีเนื่องจาก แฟนของจอย เค้าเขียนหนังสือเหมือนกัน แต่ตอนแรกนำไปเสนอสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ เขาก็ไม่รับ เพราะเราไม่ดัง แต่แฟนจอยเค้าพยายามจนไปเจอสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่ให้โอกาส ซึ่งตอนนี้เค้าก็กำลังจะออกเล่มที่สองแล้วด้วย

เขียนกลอนได้ขนาดนี้ เก่งมากๆ เลยค่ะ จอยทำไม่ได้เลย จึงปวารณาตัว เป็นผู้เสพย์อย่างเดียวค่ะ

เก่ง จริงๆ ชื่นชม ค่ะ ชื่นชม

 

โดย: จอย IP: 58.181.143.189 1 เมษายน 2551 13:05:13 น.  

 

ขอบคุณคุณจอยที่ชมและเอื้อเฟื้อมาก....

มะยมเขียนกลอนเป็นงานอดิเรกค่ะ เขียนเมื่ออยากเขียนและต้องมีแรงบันดาลใจเท่านั้น หาความสม่ำเสมอไม่ได้เลยค่ะ (ศิลปินเดี่ยว)

แต่ยังไง ถ้าคิดจะเขียนจริงจัง ต้องรบกวนคุณจอยแน่นอนค่ะ...

ว่าแต่...หนังสือของแฟนคุณจอยชื่ออะไรล่ะค่ะ จะได้ซื้อมาอ่านด้วยความภาคภูมิใจว่า รู้จักนักเขียนด้วย เท่ออก

 

โดย: มะยม IP: 117.47.113.216 1 เมษายน 2551 21:50:47 น.  

 

เออ..... แล้วค่อยบอกนะคะ ว่าชื่อหนังสืออะไร

แต่ไม่เท่หรอก แค่เค้ามีความตั้งใจ เราก้ได้แต่ให้กำลังใจ

คือแฟนจอยเค้าก็มีการประจำอยู่ แต่มีความฝันที่จะถ่ายทอดเรื่องราวบางอย่าง เลยพยายามสุดฤทธิ์ ที่จะตีพิมพ์ผลงาน (บางครั้งเค้าก็หายไปจากชีวิตเรา เพื่อทำความฝันของเค้า.....เฮ้อ...ขอบอกหายไปนานมาก มาก...จน..... )

แต่จอยก็แอบภูมิใจ ในความตั้งใจจริงของเค้านะ

ตอนนี้เค้ากำลังเริ่มเขียนเล่มที่ 2 .....โอ้ แม่เจ้า.....นั่นหมายความว่า..... เค้ากำลังจะเริ่มหายไปจากชีวิตจอยอีกแล้ว
ไม่รู้จะหายไปนานแค่ไหน....

เอ....หรือ จะเป็นการดีกันแน่นะ (ฮา)

 

โดย: จอย IP: 58.181.143.189 2 เมษายน 2551 9:44:45 น.  

 

ตั้งแต่กลับจากศรีลังกา มะยมตั้งใจว่าจะไปที่วัดธรรมาราม อยุธยา (บ้านปัจจุบันของมะยมอยู่ที่อยุธยาค่ะ)

เพราะวัดธรรมารามนี้ เป็นวัดที่พระอุบาลี ท่านจำพรรษาอยู่ ก่อนที่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะส่งท่านและคณะจำนวน 10 รูป เป็นสมณฑูตไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ณ ลังกาทวีป

ซึ่งในการเดินทางมาครั้งนี้ ท่านได้บรรพชาอุปสมบทให้แก่กุลบุตรชาวศรีลังกา ถึง 3,000 คน ที่เมืองแคนดี้

ซึ่งสามเณรสรณังกร ที่ได้รับการอุปสมบทในครั้งนี้(และเป็นผู้ที่ได้ทูลขอให้พระเจ้ากิตติราชสิงหะ ให้ส่งทูตมาขอนิมนต์พระสงฆ์จากเมืองไทยด้วย) ได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช และได้เกิดนิกายสยามวงศ์ หรืออุบาลีวงศ์ ขึ้นในศรีลังกา

ต่อมาพระอุบาลีเถระ เกิดอาพาธและได้มรณภาพในศรีลังกา.....

ยังหวังลึกๆว่า การไปที่วัดนี้ อาจจะทำให้มะยมได้แนวที่จะเขียนถึงเรื่องการย้อนรอยธรรมจากอยุธยาถึงศรีลังกาบ้าง

แต่...จนถึงขณะนี้ มะยมยังไม่ได้ไปที่วัดนี้เลย โอ้...สงสัยมะยมต้องทบทวนการทำงานและการดำเนินชีวิตของตัวเองครั้งใหญ่เสียแล้ว

ว่า....มะยมต้องการอะไรในชีวิตกันแน่???.....

 

โดย: มะยม IP: 117.47.113.38 7 เมษายน 2551 16:27:11 น.  

 

ความสุขไงครับ

 

โดย: Plin, :-p 7 เมษายน 2551 16:51:58 น.  

 

+ จอยรออ่านหนังสือของคุณมะยมอยู่นะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
+ อืม... ขอให้คุณมะยมมีความสุขมากๆ จะได้มีพลัง เขียนผลงานให้จอยอ่านเร็วๆ

 

โดย: จอย IP: 58.181.143.189 7 เมษายน 2551 21:12:15 น.  

 

อืม

ความสุข....เป็นคำที่กว้างมากเลยนะคะ
เราเคยเหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามหาความสุข

ในขณะที่บางครั้งเราคิดว่า...นี่เป็นความสุขที่เราเลือก
แต่พอได้มาแล้ว กลับไม่ใช่

แล้วคุณ Plin พบความสุขของตัวเองแล้วยังคะ?

 

โดย: มะยม IP: 117.47.53.3 9 เมษายน 2551 21:28:44 น.  

 

เวลาพักผ่อนไง สุขสุด ๆ

มะยมบอกว่า "ต้องการอะไรในชีวิต" ไง ผมเลยบอกว่า "ความสุข"

มะยมไม่ได้บอกว่า "เป้าหมายในชีวิต" นี่ อันนั้น ผมคงคิดแทนให้ไม่ได้หรอก จริงไหมล่ะ

 

โดย: Plin, :-p (เจ้าของ blog) IP: 202.28.62.245 9 เมษายน 2551 21:32:01 น.  

 

เคยอ่านกลอนบทนี้จากที่ไหนก็จำไม่ได้(น่าจะเป็นที่วัด)

...วิ่งไล่ไขว่คว้าหาสุข
พบทุกข์แทนที่...นี่ไฉน
เลิกแสวงสุขหนอ"พอใจ"
สุขซาบซ่านในใจเรา

 

โดย: มะยม IP: 117.47.225.15 13 เมษายน 2551 14:46:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.