Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
รอยพระพุทธบาท ที่ วัดเขาศาลาฯ อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์

[ภาพ-เล่า-เรื่อง]




Entry นี้ ก็ขอต่อจากคราวก่อน ที่เล่าเรื่องแมววัดเอาไว้ น่ารักนะ click ไปดูสิ น้องเค้าไม่กัดหรอก



พวกเรามาถึงวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ กันตั้งแต่วันที่ 28 กรกฏาคม พ.ศ. 2550 แล้ว ส่วนงานบุญที่จะไปร่วมนั้น เป็นวันรุ่งขึ้น



หลังจากที่รับประทานอาหาร อาบน้ำอาบท่ากันแล้ว พวกเราก็พักผ่อนนอนหลับกันที่วัดเขาศาลาฯ นี่ล่ะคืนนึง พอดีว่าคืนนั้นฝนตก กอร์ปกับอากาศบนภูเขาค่อนข้างเย็น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันที่ 29 ก็เลยเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ไปเสีย

ยิ่งข้าพเจ้าเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังอยู่แล้วด้วย ก็เลยไปกันใหญ่เลย คือ เสียงมันขึ้นจมูก อู้อี้ คนอื่นฟังแล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง (ปกติก็พูดไม่ค่อยเข้าหูคนอยู่แล้วด้วยน่ะสิ)



เช้าวันนั้น ข้าพเจ้าเดินเล่นอยู่ภายในวัด แล้วไปเห็นป้ายชี้ทางว่า "รอยพระพุทธบาท 300 ม. =>" ก็อยากจะไปเยือนสักหน่อย ข้าพเจ้าเลยตรงเข้าไปชักชวนบุพการีทันที ปรากฏว่า บิดาของข้าพเจ้านั้น ท่านไม่อยากเดิน เพราะว่ามันไกล ตั้ง 300 เมตรแน่ะ



ส่วนมารดาของข้าพเจ้านั้น ท่านเคยมาวัดนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ก็เลยจะไปด้วย แต่พอมาเห็นทางที่จะไปแล้วก็รู้สึกกลัว ๆ อยู่เหมือนกัน เพราะเดี๋ยวจะหลงป่ากันเสียก่อนที่จะไปถึง

โชคดีว่า มีน้องสองคนที่เคยไปมาแล้ว ขันอาสาจะเป็นไกด์นำทางให้



เอาล่ะสหายทุกท่าน ติดตามมารดาของข้าพเจ้าไปได้เลย ตอนนี้ท่าน (ชุดสีขาว) กับไกด์จำเป็น (ชุดสีน้ำเงิน) เดินไปไกลลิบ ๆ แล้ว ส่วนไกด์จำเป็นของเราอีกคนหนึ่ง (ชุดสีเขียว) เดินจ้ำอ้าว ๆ ไปไหนแล้วก็ไม่รู้



ทางเดินค่อนข้างลำบากนิดเล็กน้อย เพราะพื้นแฉะ จากฝนที่ตกเมื่อคืน แถมมีต้นไม้ล้มขวางทางเป็นระยะอีกด้วย



แต่อุปสรรคแค่นี้ ขัดขวางพวกเราไม่ได้หรอก ดูมารดาของข้าพเจ้าเสียก่อน ความสูงแค่นี้เหรอ.. สบายมาก



ไม่รู้ว่าล้มมากี่วันแล้ว แต่คงไม่น่าจะเป็นเมื่อคืน เพราะฝนตกไม่หนัก แล้วลมก็ไม่ได้แรงเท่าไหร่นัก แต่เอ... หรือว่าแรง เพียงแต่ข้าพเจ้าอาจจะหลับไม่รู้เรื่อง



พวกเราก็ปีน ๆ ป่าย ๆ กันไปไม่นานก็มาถึงจนได้ ที่ปลายทางนั้นจะเห็นว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่วางซ้อนกันอยู่



ไม่น่าเชื่อว่า กลางป่าบนภูเขา จะมีก้อนหินมาวางซ้อนกันอยู่อย่างนี้ โดยหินก้อนล่างเป็นฐานให้หินก้อนบน (ตอนนี้คุณไกด์จำเป็นปีนขึ้นไปข้างบนแล้ว)



พอเดินมาดูใกล้ ๆ จะเห็นว่าหินก้อนข้างบน ลักษณะจะดูเป็นแผ่นหินมากกว่า และเหมือนว่ามีการนำไม้มาค้ำยันไว้โดยรอบด้วย



เดินไปรอบ ๆ ก็จะเห็นว่า มีคนนำบันไดเหล็กมาวางพาดเอาไว้ แต่ดูไม่ค่อยแข็งแรงเล้ย ดูไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่



ปรากฏว่า พอปีนขึ้นไป ก็เห็นว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่บนแผ่นหินนี่เอง ทางปลายด้านหนึ่งของรอยพระพุทธบาทมีน้ำขังอยู่ เพราะว่าฝนตกเมื่อคืน



อันที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าเสียค่อนข้างเสียดาย (ค่อนข้างมาก) เพราะน้ำที่ขังนี่เอง ทำให้มองไม่เห็นลวดลายที่ปลายด้านนี้



ส่วนที่ปลายอีกด้านหนึ่ง มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่



ที่เสียดายอีกเรื่องคือ แดดไม่ค่อยมี แล้วกล้องของข้าพเจ้าก็รุ่นเก่า ภาพเลยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

ข้าพเจ้าลองนึกดูว่า สมมติว่าข้าพเจ้าเดินเล่นมาเรื่อย ๆ แล้วมาเจอก้อนหินวางซ้อนกันอยู่แบบนี้เป็นคนแรก ข้าพเจ้าจะปีนขึ้นไปหรือเปล่า ถ้าหากไม่มีใครปีนขึ้นไป ก็คงไม่มีใครทราบว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่ข้างบน



ก่อนกลับ คุณไกด์จำเป็นแนะนำให้พวกเราหากิ่งไม้มาค้ำยันแผ่นหินบ้าง สงสัยว่า ไม้ที่เห็นอยู่มากมายเหล่านี้ คงถูกนำมาวางไว้โดยอีกหลายคนที่เคยมาถึงที่นี่ก่อนพวกเรา

น่าจะเป็นสัญลักษณ์ ที่แสดงถึงการค้ำจุนพระพุทธศาสนากระมัง



หมายเหตุ

  1. เพลงที่ข้าพเจ้าใช้ประกอบ VDO นี้ มีชื่อว่า Om Mani Padme Hung ของ Sina Vodjani ชื่อของเพลงนั้น เป็นคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ของพุทธวัชรยาน (ไม่ใช่เถรวาทนะ)

    เสียงขับร้องของหญิงสาวและเสียงสวดบริกรรมที่ได้ยินในเพลง ก็คือคาถา Om Mani Padme Hung บทนี้นั่นเอง ถ้าเขียนแบบไทยก็จะได้ว่า "โอม มณี ปัทเม หุม" (แปลเป็นไทยง่าย ๆ คือ โอ้ ดวงมณีในดอกบัว)

    ส่วนความหมายที่แท้จริงของคาถานั้น ลึกซึ้งมาก และมีคำอธิบายมากมายหลายแบบ จากหลายสำนัก ซึ่งก็จะสอนต่าง ๆ กันไป จึงขอไม่กล่าวถึง ณ ที่นี้

    เพราะข้าพเจ้าเอง ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน



  2. (ตัวอักษรทิเบตของคาถา "โอม มณี ปัทเม หุม" จาก wikipedia)


  3. แนะนำให้อ่านบทความเรื่อง สุดปลายฟ้าที่เขาศาลา “คุรุโยคาจารย์” อรัญวาสีแห่งวัชรยาน ที่ blog ของ อาจารย์วรณัย (Click)




[ภาพ-เล่า-เรื่อง]


Create Date : 19 พฤษภาคม 2551
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 1:44:19 น. 13 comments
Counter : 8147 Pageviews.

 
รูปกลมๆที่อยู่ข้างๆแอ่งที่มีน้ำขังอยู่ เป็นรูปแบบเดียวกับที่วัดเกลายาณี ที่โคลอมโบมั๊ยคะ พยายามเพ่งดู แต่เห็นไม่ชัด

เพราะที่วัดเกลายาณี ก็เป็นการสร้างเจดีย์ครอบรอยพระพุทธบาทและบัลลังก์ของนาคราช ที่เลื่อมใสในพระพุทธองค์แล้วยกบัลลังก์ให้...และมีรูปแบบนี้ที่ทางเข้าเจดีย์



โดย: มะยม IP: 222.123.162.160 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:32:15 น.  

 
เอ ไม่ทราบสิครับ


โดย: Plin, :-p วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:48:49 น.  

 
ขออนุญาต มิสเตอร์ฮอง ลบ post ตะกี้นะครับ พอดีรูปสาวที่ชายหาด ไม่เหมาะกับ ภายรอยพระพุทธบาท ครับ


โดย: Plin, :-p วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:43:25 น.  

 
มะยมเข้ามาดูอีกที คงจะไม่ใช่ค่ะแบบเดียวกันค่ะ เพราะภาพนี้มีเก้าชั้น ส่วนที่วัดเกลายาณีมี 4 ชั้น และเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งดวง เป็นปริศนาธรรมน่ะค่ะ

ชั้นนอกสุด เป็นภาพเปลวไฟแห่งกิเลสคือ โลภะ โทสะ โมหะ ถ้าหากยอมถูกกิเลสเผาไหม้อยู่ก็จะไม่สามารถก้าวข้ามสู่วงที่สองได้

ชั้นที่สองถัดเข้ามา เป็นรูปพาหนะทั้ง 4 คือช้าง ม้า วัวและสิงห์โต ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของความพากเพียร เพื่อให้หลุดพ้นเข้าสู่วงที่สาม...

ชั้นที่สามคือหงษ์ แสดงถึงความสำเร็จ ในเบื้องต้นคือศีลวิสุทธิ์ เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายสูงสุด

ชั้นในสุด คือเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติ คือนิพพานเป็นรูปสัญญลักษณ์คือดอกบัว

ส่วนรูปในพระพุทธบาท มะยมต้องเคยเห็นแน่ๆ เสียดายว่ามองจากภาพไม่ชัด และยังมีใบไม้บังด้วย....อืมม...เผื่อคนอื่นจะมาช่วยคิดด้วยนะ ต้องมีความหมายสิน่า...


โดย: มะยม IP: 117.47.50.230 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:22:27 น.  

 
มะยมขอ Coppy จากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ที่ทีมของอ.รศ.ศรีศักร และดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้เข้าไปสำรวจพระพุทธบาทแห่งนี้ เมื่อปลายปีที่แล้วว่า...

"...ภาพบนแผ่นหินปรากฎรอยพระพุทธบาทข้างขวา ตรงฝ่าพระบาทมีภาพแกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ แบบไม่ลำดับประเภท มีทั้งสัตว์บก สัตว์ปีก และสัตว์น้ำ เช่น นกต่างๆ งู ม้า เต่า กระต่าย แมว ตะขาบ แมงป่อง วัว นกเงือก ปู ปลา กุ้ง ฯลฯ และมีการแกะสลักรูปดอกบัวคว่ำบัวหงายตรงกลางฝ่าพระบาทด้วย

นักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นลักษณะมงคล 108 โดยมีสัตว์มงคลท้องถิ่นประกอบ ลวดลายดอกบัวคว่ำบัวหงายมีรูปแบบสมัยลพบุรีหรือแบบขอมเมืองพระนคร จึงน่าจะมีอายุในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ลงมา..."



โดย: มะยม IP: 203.147.36.34 วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:44:09 น.  

 
คุณ Plin ทำไมไม่ช่วยวิดน้ำออกจากรอยพระพุทธบาทล่ะ นอกจากจะได้เห็นลวดลายที่มานึกเสียดายว่าไม่ได้เห็น แล้วยังช่วยรักษาโบราณวัตถุด้วยอีกนา

คุณมะยม ข้อความที่คุณมะยมคัดมาจากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ บรรยายรายละเอียดของภาพบนแผ่นหินว่าเป็นภาพแกะสลักรูปสัตว์ต่างๆ ทำให้ดูรูปพระพุทธบาทได้เข้าใจและสวยขึ้นอีกมากโขเลยค่ะ ขอบคุณนะค้า

ปกติรอยพระพุทธบาทที่เคยเห็น ส่วนใหญ่จะเป็นรอยที่ถูกปิดทองจนแทบจะไม่เห็นลวดลายดั้งเดิม แต่รอยพระพุทธบาทนี้ทำให้เราเห็นถึงความงามที่พิสุทธิ์และเป็นจริงตามธรรมชาติ เอ...ถ้ามีการเข้าไปศึกษาโดยนักวิชาการแล้ว พื้นที่นี้อยู่ในการดูแลของสำนักโบราณคดีด้วยรึป่าว

อืม...มารดาของคุณ Plin ใส่เสื้อเพ้นท์ลายสวยดีจัง เราชอบ


โดย: Maple IP: 202.129.59.2 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:06:14 น.  

 
ฝนคงตกแถบนี้เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว แล้วก็ ตกหลังจากการสร้างรอยนี้เป็นร้อยปีเหมือนกัน น้ำที่ขังคงไม่ทำลายรอยพระพุทธบาทเท่าน้ำฝนที่ตกมากระทบน่ะครับ

อีกอย่าง พอดีผมไม่กล้าใช้มือเปล่าวักน้ำด้วย ครั้นจะเอาอะไรตัก ก็กลัวไปกระทบให้เสียหาย

รอให้แห้งเองดีกว่า


โดย: Plin, :-p ไม่ได้ login IP: 58.8.97.212 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:30:17 น.  

 
บริเวณที่น้ำขังนั้นเป็นส่วนนิ้วพระบาท และลวดลายส่วนนี้จะเป็นลายก้นหอยทั้งหมดค่ะ...

เข้าใจว่ารอยพระพุทธบาทนี้เพิ่งค้นพบ จึงยังไม่มีใครเข้ามาจัดการอะไรมากนัก อีกไม่นานก็คงจะเป็นแบบที่คุณ Maple ว่าไว้ ก็คือปิดทองจนไม่เห็นลวดลายก็ได้ค่ะ

ลักษณะมงคล 108 ประการ เท่าที่มะยมพอรู้เล็กน้อยนั้น มีความแตกต่างกันในรายละเอียด เช่นภาพที่เห็นนี้ จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็กๆแล้วมีภาพสัตว์ต่างๆอยู่ภายใน แต่พระพุทธบาทที่พบในอู่ทองนั้น เป็นลวดลายวงกลมเล็กแล้วมีรูปสัตว์ต่างๆ และมีรูปธรรมจักรด้วย

ลักษณะมงคล 108 ประการที่งดงามและเห็นได้ชัดเจนนั้น ปรากฎที่ฝ่าพระบาทของพระพุทธไสยาสน์ ที่วัดเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) ซึ่งก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียดของภาพลวดลายอีกแบบค่ะ...สงสัยต้องถามจากผู้รู้ด้านนี้จริงๆแหละค่ะ

สงสัยคุณ Plin ไปหน้าฝนมังคะ เลยให้มีน้ำฝนขังอยู่ในรอยให้เห็นเป็นหลักฐานตามธรรมชาติไง...


โดย: มะยม IP: 117.47.113.27 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:36:33 น.  

 
ตอนแรกผมถามคนในพื้นที่ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ถ้าผมถ่ายรูป ผมเอาไปเผยแพร่ แต่ไม่บอกว่า ถ่ายจากที่นี่ดีไหม

คือ ตอนแรกกะว่าจะตั้งกระทู้ว่า รอยพระพุทธบาท ที่ถูกซ่อน แล้วก็ไม่บอกว่าถ่ายมาจากไหน คือ ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่ง เดี๋ยวจะปิดทอง ไม่ก็มาขูดหาเลข จนเสียไปหมด

แต่เค้าบอกว่า อันนี้ไปเผยแพร่ได้ เพราะที่เผยไม่ได้ ก็มีเหมือนกัน แต่เค้าก็ยังไม่ให้ผมไปดู

(ฮา.. คือมันไปลำบากกว่านั้นอีก)


โดย: Plin, :-p วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:23:38 น.  

 
แนะนำให้อ่านบทความนี้ต่อครับ
เรื่อง "สุดปลายฟ้าที่เขาศาลา “คุรุโยคาจารย์” อรัญวาสีแห่งวัชรยาน" ที่ blog ของ อาจารย์วรณัย (Click)


โดย: Plin, :-p วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:24:39 น.  

 
อ่านแล้ว....ทำให้คิดฝันไปว่า สุดท้ายแล้วความแตกต่างหลากหลายที่เป็นอยู่บนโลกใบนี้

ย่อมมีปลายทางที่เดียวกัน คือความจริงแท้หนึ่งเดียวของพระพุทธองค์เท่านั้น...


โดย: มะยม IP: 203.147.36.34 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:52:06 น.  

 
โหยยยยยย...อ่านบทความของ อาจารย์วรณัย แล้ว ยิ่งทำให้ ภาพ-เล่า-เรื่อง ตอนนี้ของคุณ Plin สนุกเข้าไปใหญ่อาจารย์เขียนได้สนุกและน่าติดตามอ่านมากเลย แถมยังได้เห็นลวดลายตรงที่น้ำขังด้วยล่ะ ทำให้อยากหาโอกาสไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่วัดเขาศาลาฯ ซักครั้ง แล้วก็เผื่อฟลุกได้เห็นอันที่เผยแพร่ไม่ได้ด้วย

คุณมะยม คุณมะยม เห็นด้วยเลยล่ะว่า ลวดลายที่ฝ่าพระบาทของพระพุทธไสยาสน์ ที่วัดโพธิ์ นั้น วิจิตรงานสร้าง งดงามเป็นที่ยิ่งเลยที่เดียวเชียว ไปดูกี่ครั้งก็


โดย: Maple IP: 202.129.59.2 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:39:31 น.  

 
น่าเสียดาย เคยอยู่สุรินทร์ออกนาน แต่ไม่เคยได้ไปดูเลย..


โดย: icechick วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:03:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.